ตอนที่ 102 เซรุ่ม
เกราะแม่เหล็กพร้อมทำงาน หานเซี่ยวกำลังคิดว่าควรสู้หรือหลบหนี
อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดกลับจ้องมองประตู ราวกับมันไม่เห็นหานเซี่ยว มันยืนนิ่งโดยไม่ขยับ
มันมองไม่เห็นในความมืด?
หานเซี่ยวรู้สึกอิ่มเอมในใจ โชคดีที่เขาไม่เปิดไฟฉาย ไม่อย่างนั้นเขาคงประสบชรตากรรมเหมือนกลุ่มก่อนหน้า
สัตว์ประหลาดมีรูปร่างเหมือนมนุษย์สูงสามเมตร และมีกล้ามเนื้อหลายชั้นบนร่าง กล้ามเนื้อซ้อนกันเหมือนภูเขาลูกเล็ก แต่ทว่า มันกลับไม่น่ามอง กล้ามเนื้อมันเน่าเปื่อย และยังมีรูในบางจุด อาจมีหนอนตัวอวบอ้วนคลานอยู่รอบๆ
เทียบกับขนาดอันใหญ่โต หัวและคอมันเล็กเป็นพิเศษ ผิวของมันแน่นตึงโดยกล้ามเนื้อ ใบหน้าของมันดูไม่สมส่วนเช่นกัน
หานเซี่ยวทำการสแกนห้อง มีอุปกรณ์ทางแพทย์จำนวนหนึ่งและเครื่องทดลอง4อัน สองในนั้นถูกบดขยี้ หนึ่งในนั้นปิดอยู่ และมีอันเดียวที่เปิดให้ใช้งาน
มีหลอดขอวเหลวบนนั้น พวกมันติดอยู่กับภาชนะโปร่งใส มีคราบของเหลวคล้ายนีออนหลงเหลืออยู่
หานเซี่ยวถอยไปข้างหลัง เมื่อเขาตระหนักว่าสัตว์ประหลาดไม่ขยับ เขาก็ถอนหายใจอย่างหนัก เขาเดินไปตามทางเดินและไปถึงประตูโลหะอันที่สองและสาม ประตูสนิทถูกล็อคอย่างแน่นหนา ตัวอ่านบัตรขึ้นสนิมจนไม่อาจใช้งานได้
หานเซี่ยวไม่ยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นั้น เขาแยกส่วนเครื่องอ่านบัตรเพื่อตรวจสอบรุ่นมัน
หืมม...ฉันไม่อาจบอกได้
นั่นไม่สำคัญ!
สถานที่นี้คือสถานที่ลับทางทหารเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ทว่า มันก็ถูกทอดทิ้งไม่กี่ปีก่อนและอาจเป็นสถานที่สำหรับการทดลองทางชีวเคมี การทดลองอาจล้มเหลว...หรือพวกเขาจะทำสำเร็จ?สิ่งมีชีวิตกล้ามเนื้อนั่นไม่ได้ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตทางชีวภาพทั่วไป เดี๋ยวก่อน ทางเดินต้องไม่ยาวนัก ฐานนี้จะใหญ่แค่ไหนกันเชียว?
ความเงียบเข้าปกคลุมตลอดทางเดินมืด ยิ่งเดินลึก มันก็ยิ่งมืด แม้กระทั่งแว่นมองกลางคืนก็มีรัศมีมองเห็นแค่ห้าเมตรเท่านั้น สภาพแวดล้อมโดยรอบนับว่าลึกลับอย่างมาก โชคดี เขาไม่ได้เป็นโรคกลัวความมืด
หานเซี่ยวรู้สึกเหมือนกำลังเดินบนขอบมีด อันตรายดูเหมือนประชิดตัวตลอดเวลา แม้หานเซี่ยวจะไม่ใช่พวกไก่อ่อน เขาก็ยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่าง นั่นคือปฏิกิริยาโดยธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่พบเรื่องลี้ลับและอันตราย หานเซี่ยวรู้ว่าการกระวนกระวายเกินไปจะส่งผลต่อความสามารถการตัดสินใจเขา เขาเริ่มท่องคำพูดภายใต้ลมหายใจเพื่อสงบสติ
“สงบนิ่งแม้ท้องฟ้าจะถล่ม สายลมจงผ่อนคลาย คลื่นไม่โหมซัด ความสูงของภูเขาไม่สำคัญ ม้าอาจแก่ แต่มันก็ยังทะเยอทะยาน...”
ในความจริง หานเซี่ยวก็ยังไม่แน่ใจในสิ่งที่เขากำลังพูด อย่างไรก็ตาม หลังท่องบท เขาก็ไม่รู้สึกประหม่าอีก
ตลอดทาง เขาเห็นประตูนับสิบ แต่มีเพียงอันเดียวที่นำสู่ห้องของสัตว์ร้าย ประตูอื่นปิดสนิท ท้ายที่สุด เขาก็มาถึงปลายทางเดินและประตูใหญ่กว่าก็ตั้งตรงหน้าเขา นั่นอาจเป็นห้องหลัก ประตูโลหะลดลงมาไม่ถึงครึ่ง และเขาก็สามารถเข้าไปในห้องได้
นั่นคือห้องสองที่สามารถเขาได้ ตามตรรกะเบื้องหลังดันเจี้ยน มันอาจมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง
ห้องดูเหมือนจะเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ มีเครื่องจักรขึ้นสนิมอยู่ทั่วและมีหลอดทดลองตั้งอยู่กลางห้อง
มันดูเหมือนจะไม่มีอันตราย
ฝุ่นในห้องทำให้เขาสำลัก และกลิ่นฉุนก็เต็มจมูก มีศพอยู่บนโต๊ะและมันก็เหี่ยวเฉา มีเศษผ้าฉีกขาดอยู่บนร่างและหานเซี่ยวก็บอกได้ว่าเศษผ้านั่นเป็นของนักวิจัย
หานเซี่ยวพบหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะใกล้ศพ เขาปัดฝุ่นบนหน้าปกหนังสือ พยายามหาข้อมูล หลังดูใกล้ๆ เขาก็ตระหนักว่ามันคือไดอารี่
“13กรกฏาคม ศาสตราจารย์ได้ทำการดัดแปลงเซรุ่มเฟโลเนียเป็นครั้งที่67และฉีดมันใส่หนูทดลอง ผลน่าทึ่งอย่างมากและเกินกว่าที่เราคิด มันไม่มีปฏิกิริยาในเชิงลบ เราสามารถทำการทดลองกับมนุษย์ต่อได้”
“17กรกฏาคม หนูทดลองตาย มันล้มเหลว สาเหตุคืออวัยวะล้มเหลว ศาสตราจารย์ผิดหวังจนขังตัวเองอยู่ในห้อง ฉันสามารถได้ยินเขาทุบสิ่งต่างๆในห้องทำงานเขา รายงานทดลองหายไป”
“20กรกฏาคม ศาสตราจารย์ยืนยันดำเนินการทดลองกับมนุษย์ เบื้องบนอนุมัติคำขอของศาสตราจารย์ นี่มันบ้ามาก!พวกเขาทุกคลืมเกี่ยวกับการทดลอง000ไปแล้วรึไง?รายงานทดลองฉีกขาดและหายไป”
“26กรกฏาคม ฐานออกกฏชุดใหม่ออกมา นักวิจัยทุกคนต้องส่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เราไม่มีสิทธิ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอกใดๆ”
“5สิงหาคม นี่คือวันที่7ของการทดลอง008 มนุษย์ทดลองอยู่ในสภาพมั่นคง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในวัตถุทดลอง ศาสตราจารย์เศร้าเสียใจ”
“11สิงหาคม เบื้องบนได้สั่งเราให้ถอย การต่อสู้ไม่ดีต่อฝ่ายเรา และเราก็ต้องรักษาทรัพยากรที่เหลืออยู่ ทุกคนรู้สึกกลัว ตามเคย ศาสตราจารย์ไม่ยอมรับความจริง ฉันได้เตรียมใจพร้อมต่อผลลัพธ์นี้แล้ว ฉันสังเกตว่าทหารยามที่ปกป้องฐานกลายเป็นตื่นตัว นั่นอาจเป็นเพราะส่วนใหญ่กำลังถูกนำไปประจำการในแนวหน้า บัดซบ หากฉันไม่ออกจากตำแหน่งแพทย์ทหาร ฉันคงไม่มาติดอยู่ในสถานที่น่าหดหู่เช่นนี้ ทุกคนดูมืดมนไร้ชีวิต!ฉันเกลียดที่นี่!”
“14สิงหาคม เราจะกำลังล่าถอยในวันพรุ่งนี้ เรากำลังมุ่งหน้าไปฐาน03เพื่อหลบซ่อน เหลือเวลาไม่มาก เราได้สำรองข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเซรุ่มเฟโลเนีย ทหารยามค่อนข้างหยาบคาย พวกเขาต้องการระเบิดห้องวิจัยทั้งหมด ศาสตราจารย์นำเซรุ่มติดตัวมาด้วยบ้าง และที่เหลือก็ถูกทำลายจนหมด”
บันทึกจบลงแค่นั้น หานเซี่ยวพลิกกลับไปด้านหน้า แต่เขาก็ไม่อาจหาข้อมูลใดได้อีก หลายหน้าถูกดึงออกไป
เห็นได้ชัดว่าศพภายในห้องทดลองคือพวกที่ไม่อาจหลบหนีได้ อุบัติเหตุจะต้องเกิดขึ้นในช่วงวันที่14-15สิงหาคม ซึ่งส่งผลให้นักวิจัยและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังตายในฐาน นั่นอธิบายว่าหนอนตาแดงจำนวนนับถ้วนที่หานเซี่ยวเห็นต้องเป็นหนึ่งในตัวการ!
เซรุ่มเฟโลเนียคืออะไร?หานเซี่ยวอยากรู้ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงของเหลวแห่งในห้องทดลองก่อนหน้า นั่นต้องเป็นสิ่งที่เหลืออยู่ของเซรุ่ม บันทึกยังบอกว่า’ศาสตราจารย์มีเซรุ่ม’ ร่างของศาสตราจารย์อาจยังอยู่ในฐาน หานเซี่ยวไม่สนใจเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับเซรุ่ม
ดูเหมือนจะไม่มีการค้นพบอะไรมากนัก หานเซี่ยวส่ายหัวอย่างผิดหวัง จากนั้นก็เงยหน้าและสูดหายใจลึก
เขาเห็นกล่องดำตรงกลางโต๊ะ เขาเดินไปหามาและเปิดฝากล่อง มีหลอดบรรจุเซรุ่มเรืองแสงอยู่สามอันในกล่อง
ทันใดนั้น คำพูดโบราณก็ผุดขึ้นในหัวเขา-ช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง มักมีแสงสว่าง สิ่งที่คุณค้นหาอย่างยากลำบากอาจหาได้ง่าย ในความเป็นจริง มันอยู่ตรงหน้าคุณตลอด แค่คุณต้องเพ่งมองมัน
หานเซี่ยวดูศพบนโต๊ะ เขากัดริมฝีปากและสงสัยว่าศพอาจเป็นศาสตราจารย์
หานเซี่ยวคว้าเซรุ่มมาและตรวจสอบมัน
เซรุ่มอะไรถึงมีสีเช่นนี้?
ท่านได้รับเฟโลเนีย(ไม่สมบูรณ์)x3
เซรุ่มเฟโลเนีย(ไม่สมบูรณ์) : มันคือเซรุ่มที่ใช้เพื่อพัฒนาความสามารถทางกายภาพ สูตรยังไม่สมบูรณ์ดี หลังใช้เซรุ่ม การกลายพันธ์จะไม่อาจคาดเดาได้
หมายเหตุ นี่เป็นเซรุ่มเฟโลเนียสามหลอดสุดท้าย
เซรุ่มทางชีวเคมี เซรุ่มไม่มีสูตรที่สมบูรณ์แบบและมันก็อันตรายสูง มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการกลายพันธ์หากฉีดเข้าไปในร่าง ฉันอาจกลายเป็นสัตว์ร้ายกล้ามโตก่อนหน้า...
หานเซี่ยวรู้สึกหนาวสั่น
คงไม่มีอะไรในสถานที่แห่งนี้แล้ว ฉันจะรีบออกไป สถานที่นี้น่าขนลุกมาก
หานเซี่ยวกวาดตามองรอบๆและพบกับสัตว์ประหลาดที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้า