ตอนที่ 100 ต่อสู้
หานเซี่ยวเริ่มถอยหลัง เขายิงกระสุนเฮมใส่ลู่ฉิงซ้ำๆ พยายามล่อเธอให้เข้ามาใกล้ขึ้น
ลู่ฉิงยกมือเธอและปลดปล่อยโล่พลังงาน กระสุนล้วนถูกปิดกั้น และเมื่อพวกมันชนกับโล่ ลำแสงสีขาวก็เกิดขึ้น
ยอดมนุษย์’ประเภทป้อมปราการ’จะครอบครองความสามารถต่อต้านพวกมือปืนอยู่แล้ว แต่ทว่า ก๊าซพิษของกระสุนเฮมก็ได้ลดพลังชีวิตของลู่ฉิงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลจากการปะทะโล่พลังงานยังส่งผลถึงร่างของลู่ฉิงและลดพลังชีวิตเธอ แต่ทว่า ผลก็ค่อนข้างต่ำหลังถูกหักไป95%
ความโกรธอัดแน่นในร่างเธอ จิตสังหารของเธอไหลทะลักราวกับน้ำพุ
หลังหานเซี่ยวยิงไป13นัด ลู่ฉิงก็เข้าประชิดเขาได้ การยิงตลอดทางสามารถลดพลังชีวิตของลู่ฉิงได้แค่ร้อยหน่วย
หากเหล่ายอดมนุษย์ไม่มีพลังป้องกันพิเศษ พวกเขาคงบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว พลังที่ลู่ฉิงมีช่วยให้เธอเด่นทั้งโจมตีและป้องกัน แต่ทว่า เมื่อท้าทายกับเกราะแม่เหล็ก ร่างของลู่ฉิงไม่นับว่าเป็นอะไร
เมื่อเริ่มสู้กัน ลู่ฉิงก็ตระหนักถึงจุดอ่อนของร่างกายเธอ
หานเซี่ยวดึงมีดพับออกมา เขาถือมีดในมือขวาและสวมแขนกลในมือซ้าย เขาไม่กลัวการต่อสู้กับลู่ฉิง ลู่ฉิงทุ่มพลังทั้งหมดของเธอเพื่อบดขยี้หัวของหานเซี่ยว แต่ทว่า เธอก็ตระหนักว่าหานเซี่ยวมีเกราะโลหะสุดแกร่ง
ในชั่วพริบตา เกราะของหานเซี่ยวก็ยืดขยายไปบนหัว ป้องกันใบหน้าและกะโหลกเขา หานเซี่ยวขับหัวถอยเล็กน้อยและด้วยความช่วยเหลือของเกราะ เขาจึงสามารถต้านทานการโจมตีได้ หานเซี่ยวใช้มีดและแขนกลเขาเพื่อเจาะโล่พลังงานอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ดุเดือดและประกายไฟสีขาวก็วูบวาบไปทั่ว
ป่านกวงผู้เป็นระดับ40ยังไม่อาจล้มหานเซี่ยวได้ในระยะประชิด ดังนั้น การต่อสู้ระยะประชิดกับเธอจึงไม่นับเป็นอะไร
แต่ความสามารถที่เธอมีก็คือ’ประเภทป้อมปราการ’ ยอดมนุษย์ที่คุกคามหานเซี่ยวได้มากสุด ลู่ฉิงสามารถโจมตีเป้าหมายได้จากเกือบทุกมุม และด้วยเหตุนั้น การโจมตีเธอจึงมักหยุดการโจมตีต่อเนื่องของหานเซี่ยว
“พลังผลัก!”
หานเซี่ยวรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่มองไม่เห็น
ลู่ฉิงใช้โอกาสเพื่อผลักเขาออกและสร้างระยะห่างเพิ่ม เธอรู้สึกแน่นหน้าอก ราวกับปอดเธอกำลังบีบรัด การต่อสู้ได้ผลาญพลังกายเธอไปมาก ความสามารถยอดมนุษย์มักต้องแลกด้วยพลังงานจำนวนมาก เพื่อใช้พลังงานเธอ ค่าความแข็งแกร่ง(stamina)ของเธอจึงแห้งเหือด เธอเหนื่อยอย่างมากและมองหานเซี่ยวอย่างเหลือเชื่อและตกใจ
มีนักซุ่มยิงที่เก่งขนาดนี้บนโลกได้ยังไงกัน?!เขาสู้ได้ดียิ่งกว่าพวกนักสู้ซะอีก!
ปัง ปัง ปัง!
ในที่สุดกุหลาบสงครามคนอื่นก็มาถึง พวกเธอกราดยิงใส่เขา เพื่อโต้กลับ หานเซี่ยวจึงยิงอินทรีคลั่งเขา และเหล่ากุหลาบสงครามก็ล้มทีละคน
ซูลี่คือคนเดียวที่สามารถหลบการโจมตีของหานเซี่ยวได้ เธอตัวเล็กและว่องไว และยังเป็นนักสู้อีกด้วย เธอกำลังสวมถุงมือพิเศษ มีวงจรไฟฟ้าบนถุงมือ และถุงมือก็เปล่งแสงสีฟ้า หานเซี่ยวสัมผัสได้ถึงอันตรายจากมัน
นักสู้เครื่องกล!
ซูลี่ถีบตัวด้วยความเร็วสูง มือเธอผลักไปทางหานเซี่ยว มันเป็นท่าผลักที่ดูไร้เรี่ยวแรง แจ่หานเซี่ยวก็ทุ่มสมาธิทั้งหมดและจำถุงมือที่เธอกำลังสวมได้ ระดับภัยคุกคามของซูลี่เพิ่มขึ้น และหานเซี่ยวก็หมุนร่างเขาเพื่อหลบการโจมตีของซูลี่ การสู้กับซูลี่ซึ่งๆหน้าไม่ฉลาดนัก หานเซี่ยวตัดสินใจใช้ปืนพกเพื่อยับยั้งซูลี่ แต่ทว่า ลู่ฉิงก็เข้ามาใกล้และสามารถสะท้อนกระสุนได้ด้วยโล่พลังงานเธอ
ทั้งสามพัวพันกันอยู่นาน ถุงมือคู่ที่ซูลี่กำลังสวมสามารถสะกดข่มพลังของหานเซี่ยวได้ หานเซี่ยวสูญเสียการโต้กลับ หญิงสาวทั้งสองตระหนักดีและใช้โอกาสเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ สถานการณ์ค่อยๆเลวร้ายลง
หากฉันไม่ยอมเสียสละ ฉันก็ไม่อาจฆ่าทั้งคู่ได้
ด้วยสีหน้าแน่วแน่ หานเซี่ยวประชิดตัวซูลี่ทันทีและกดร่างเขากับถุงมือเธอ การลงมืออย่างฉับพลันทำให้ซูลี่ตกใจ ถุงมือสัมผัสกับเกราะของหานเซี่ยว กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปทั่วเกราะเขา ทำให้เกราะร้อนจัด!
ความทนทานของเกราะลดฮวบ มันลดไปเกือบร้อยหน่วย ในความเป็นจริง มันคือครั้งแรกที่ความทนทานของเกราะเขาลดมากขนาดนี้!
หานเซี่ยวรู้สึกเจ็บปวด อุณหภูมิร้อนอัดแน่นบนเกราะ และความร้อนก็แทรกซึมไปในร่างเขา หานเซี่ยวไม่มีเวลาดูข้อความใหม่ที่กระพริบบนหน้าต่างสถานะ เขาใช้ทักษะตัดลมและแทงมีดใส่หน้าอกของซูลี่ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!
ดวงตาของซูลี่เบิกโพล่ง หานเซี่ยวกดอินทรีคลั่งกับหน้าผากเธอและเริ่มยิงอย่างโหดเหี้ยม ช่างกลที่ปราศจากเกราะย่อมไม่อาจทนทานได้
ปัง ปัง ปัง!
“ฆ่าศัตรูซะ!”ลู่ ฉิงตะโกนเหมือนคนบ้าและโจมตีหานเซี่ยวจากด้านหลังขณะเขากำลังจัดการกับซูลี่
กระดูกสันหลังของหานเซี่ยวเจ็บแปร่บ เขารู้สึกได้ถึงกระดูกหลังที่ส่งเสียง เขาสะกดกลั้นความเจ็บปวดและสไลด์ไปข้างหน้า หันกลับมาและยิงกระสุนชุดสุดท้ายโดยเล็งไปยังขาของลู่ฉิง
ลู่ฉิงใช้ค่าความแข็งแกร่งไปมากเพื่อซุ่มโจมตีหานเซี่ยว เธอฝืนใช้พลังงานเฮือกสุดท้าย แต่ก็ไม่หลงเหลือพลังงานสร้างโล่เพื่อปกป้องเธออีก กระสุนเจาะลึกไปในเข่าเธอ
สีหน้าของลู่ฉิงเปลี่ยนไป เธอเข้าใจดีว่ากำลังเผชิญกับมือปืน และความคล่องตัวที่ลดลงย่อมไม่ใช่เรื่องดี ในสภาพตื่นตระหนก เธออยากใช้พลังงานทั้งหมดและทุ่มการโจมตีสุดท้าย
เธอพยายามทำลายการเคลื่อนไหวของหานเซี่ยวโดยการระเบิดขาเขา!
แต่เมื่อหานเซี่ยวโจมตีสำเร็จ เขาก็ทิ้งระยะห่างออกมาทันที ขณะที่โล่พลังงานแตก มันก็สร้างเป็นแรงระเบิดจนเกิดหลุมลึกบนตำแหน่งเดิมเขา!
หัวใจของลู่ฉิงจมลง ขาเธอหัก และตอนนี้เธอก็เหมือนหมูบนเขียง หานเซี่ยวยิงจากระยะไกลและทั้งหมดที่เธอทำได้คือฝืนป้องกันกระสุน พลังงานเธอกำลังหมดลง และความท้อแท้ก็อัดแน่นในหัวใจเธอ
บ้าจริง!ฉันเสร็จมันจนได้!
ปัง!ปัง!
หานเซี่ยวผู้ทิ้งระยะค่อนข้างไกลยิงปืนไรเฟิลเขาอย่างมั่นคงและผลาญพลังงานของลู่ฉิงจนหมด ในที่สุด กระสุนก็เจาะผ่านหัวเธอ เธอล้มลงด้วยดวงตาเบิกโพล่ง
ท่านได้ฆ่าลู่ฉิง(ระดับ30)
ท่านได้รับค่าประสบการณ์12000หน่วย
หานเซี่ยวถอนหายใจยาว ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายลงได้ เขาไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดจากแผลเผาไหม้ เขารีบเดินไปยังร่างของซูลี่และถอดถุงมือคู่จากมือเธอ
ท่านได้รับ[ถุงมือกระแสไฟฟ้าความร้อนสูง]
คุณสมบัติของถุงมือเป็นไปตามทฤษฏีของ[พื้นฐานความร้อนกับพลังกล] ซึ่งหานเซี่ยวยังไม่เชี่ยวชาญมัน มี’ตัวแปลงกระแสไฟฟ้าเป็นความร้อน’ติดอยู่ภายในถุงมือ แหล่งพลังของถุงมือคือแบตความจุสูงเพราะถุงมือต้องใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก ถุงมือมีพลังสูงและสามารถทำความเสียหายต่อโลหะได้อย่างมาก
หานเซี่ยวเก็บถุงมือไว้ใช้ในอนาคต แต่ซูลี่เองก็นับเป็นศัตรูคนแรกจากสายอาชีพช่างกล และมันยังเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผยอุปกรณ์เขาเพื่อโต้ตอบ
นักสู้เครื่องกลนับเป็นหนึ่งในสายต่อสู้ระยะประชิดของช่างกล พวกเขาสามารถเพิ่มผลพิเศษและความสามารถได้ด้วยเครื่องกลพวกเขา จากสไตล์การต่อสู้ของซูลี่ หานเซี่ยวบอกได้ว่าเธอไม่ค่อยถนัดการต่อสู้จริงๆและเอาแต่พึ่งพาอุปกรณ์เธอ
นักสู้เครื่องกลบางคนยังครอบครองอาวุธที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว เมื่อพวกเขาเจอข้อกำหนดเบื้องต้น พวกเขาก็สามาถเปิดใช้งานอาวุธดังกล่าวได้
จากพิมพ์เขียวทั้ง4ของเฒ่าหมานลู่ หนึ่งในนั้นคือการสร้างเครื่องจักรที่มีความสามารถติดตัว(สร้างปุ้บมีความสามารถเลย)
เมื่อภารกิจลุล่วง มันก็ถึงเวลาต้องกลับและขอรับรางวัลเขา
ภาพของเฟโลเนียฉายขึ้นในหัวของหานเซี่ยว และเขาก็ตัดสินใจไปดูเฟโลเนียก่อนกลับ หานเซี่ยวปิดEMPเขา เขาทำการตรวจสอบรถคร่าวๆและประเมินว่าการซ่อมจะใช้เวลา15นาที จากนั้นเขาก็เริ่มลงมือซ่อม
มีกลุ่มคนเร่ร่อนใกล้เฟโลเนีย ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะทำยังไง
..
ครึ่งชั่วโมงก่อน..
ทางเข้าเฟโลเนียคือรอยแตกบนหน้าผา เหล่าผู้แสวงบุญไต่หน้าผาและมาถึงรอยแตก ในรอยแตกมืดสนิท แต่ดูเหมือนจะมีทางเดินที่นำไปที่ไหนสักแห่ง
ผู้แสวงบุญหนุ่มจุดคบไฟเขาและเดินนำเข้าไป ภาพตรงหน้าพวกเขาสร้างความตกใจทั่ว ปากของพวกเขาเปิดกว้างอย่างเหลือเชื่อ
“นี่...นี่คือ...”