GE93 เจตจำนงค์เทพ สังหารศัตรูพันลี้ [ฟรี]
ภายนอกตำหนักโอสถ… หนานเว่ยเฝ้ารอหนิงฝานอยู่ก่อนแล้ว
หลังจากกินโอสถวิญญาณที่หนิงฝานมอบให้ หนานเหว่ยก็ทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณในวันที่ 9 เรื่องนี้ทำให้ศิษย์ในนิกายตกตะลึง
หนานเหว่ยในชุดคลุมสีครามนั่งรอหนิงฝานอยู่บนเก้าอี้หวาย สีหน้าสงบ บุคลิกแตกต่างจากเมื่อก่อน
ตั้งแต่บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ จิตใจของหนานเหว่ยก็แข็งแกร่งมากขึ้น ยามนี้ หนานเหว่ยถูกยกย่องให้เป็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ของนิกาย มันอยากรู้ว่าตนเองและนายน้อยของมัน ห่างชั้นกันมากขนาดไหน
ในขณะที่รออยู่นั้น หนิงฝานและชูชิงก็เดินออกมานอกตำหนักโอสถ
เมื่อหนิงฝานปรากฏตัว หนานเหว่ยก็แผ่แรงกดดันเล็กน้อยเพื่อทดสอบหนิงฝาน แต่ทันใดนั้นเอง แรงกดดันที่มองไม่เห็นของหนิงฝาน กลับทำให้แรงกดดันของหนานเหว่ยสลายไปทันที
จากท่าทางที่มั่นใจของหนานเหว่ย กลับกลายเป็นฝืนยิ้มทันที
“ข้าด้อยกว่านายน้อย… ห่างชั้นยิ่งนัก!”
มันเก็บความรู้สึกไป ลุกยืนและป้องมือคารวะให้หนิงฝาน “คารวะนายน้อย ขอบคุณที่นายน้อยให้โอสถข้า!”
หนิงฝานรู้ว่าหนานเหว่ยอยากทดสอบพลังตนจึงไม่คิดอะไรมาก การที่หนานเหว่ยเพิ่งบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ ได้ครอบครองแรงกดดันระดับนี้ ทำให้เขาพอใจมาก
“เจ้าบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณแล้ว? ดี… แรงกดดันเช่นนี้ เจ้าไม่ได้ใช้โอสถอย่างสูญเปล่า เจ้าขยันหมั่นฝึกฝนและบ่มเพาะพลัง ดีมาก… ข้าจะได้มอบหมายงานให้เจ้าอย่าวางใจ นี่คือโอสถและสมบัติวิญญาณ นำพวกมันกลับไปเมืองหนิง และส่งให้ถึงมือบิดาของเจ้า”
หนิงฝานนำกระเป๋าสีขาวออกมาแล้วโยนให้หนานเหว่ย
ภายในนั้นมีขวดโอสถและสมบัติมากมาย ตัวกระเป๋ายังมีสัมผัสเทพคุ้มกันอยู่
สิ่งที่ทำให้หนานเหว่ยประหลาดใจคือ สัมผัสเทพที่มันสัมผัสได้นั้น มีปราณกระบี่ที่ทรงพลังแฝงอยู่ มันเพิ่งเคยเห็นปราณกระบี่เช่นนี้เป็นครั้งแรก
ภายในกระเป๋ายังมีกระดาษที่เขียนข้อความถึงหนานกง เป็นวิธีจัดการกับโอสถ เพื่อแบ่งให้กับกองทัพปีศาจทมิฬและผู้นำทัพ
หากไม่เพราะจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ลอบจู่โจม หนิงฝานตั้งใจจะกลับเมืองหนิงด้วยตนเอง
แต่เมื่อถูกจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่จับตานั้น หากหนิงฝานออกจากนิกายและกลับไปเมืองหนิง เมืองอาจถูกดึงมาเกี่ยวพัน ดังนั้น เขาจึงให้หนานเว่ยนำโอสถไปส่งแทน
เมื่อเป็นคำสั่งของนายน้อย หนานเหว่ยไม่กล้าขัดคำสั่ง มันทำตามทันทีโดยเร่งไปแจ้งกับนิกายและมุ่งกลับไปยังเมืองหนิง
หลังหนานเหว่ยจากไป ชูชิงที่อยู่ในตำหนักโอสถก็เผยแววตาเป็นกังวล
จากกลิ่นที่ชายชราสัมผัสได้ ในกระเป๋าที่หนานเหว่ยนำไป มีโอสถอยู่เป็นจำนวนมาก โดยที่โอสถเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นโอสถที่ปรุงอยู่ที่ตำหนักโอสถ
การที่หนิงฝานยอมมอบโอสถเป็นจำนวนมากให้นั้น ชายชรายังไม่เข้าใจเหตุผล
แม้หนิงฝานจะเป็นคนใจกว้าง แต่เหตุใดจึงยอมให้หนานเหว่ย ที่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ นำโอสถจำนวนมากกลับเมืองหนิง
นิกายกุ่ยเชว่อยู่ไกลจากเมืองหนิง ระหว่างทางต้องผ่านหมู่โจรที่แข็งแกร่งมากมากมาย หากโจรเหล่านั้นรู้ว่าหนานเหว่ยครอบครองโอสถเป็นจำนวนมากไว้ พวกมันคงลงมือสังหารและช่วงชิง
เมืองหนิงและนิกายกุ่ยเชว่ห่างกันราวพันลี้ เหตุใดหนิงฝานจึงไม่ไปด้วยตนเอง? แบบนั้นจะประหยัดเวลาและปลอดภัยมากกว่า
“อาจารย์... ให้หนานเหว่ยไปส่งโอสถที่เมืองหนิงเช่นนั้นไม่เสี่ยงเกินไปหรือ? ระหว่างทางต้องผ่านหมู่โจรมากมาย ระดับพลังของพวกมันก็ไม่ธรรมดา แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำยังยากจะรับมือ”
หมู่โจรที่ชายชรากล่าวถึง คือผู้เชี่ยวชาญที่ปล้นชิงและสังหารผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมู่โจรเหล่านั้น ผู้เชี่ยวชาญที่อ่อนด้อยอย่างหนานเหว่ยคงไม่อาจรับมือ...
แม้ชายชราจะกังวล แต่หนิงฝานไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก
“หากโจรเหล่านั้นคิดช่วงชิงโอสถของข้า พวกมันจะตายทันที...”
หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว แต่ยามนั้นเอง ชูชิงกลับสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัว
กระเป๋าโอสถของหนิงฝาน มีสัมผัสเทพกระบี่คุ้มกันอยู่…
หนิงฝานกลับออกจากตำหนักโอสถ มุ่งไปยังโถงขัดเกลาผสาน หลังจากปรุงโอสถอย่างหนักหน่วงถึงครึ่งเดือน เขาจึงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย
หากกินโอสถย่อมทำให้ปราณเพิ่มพูน แต่การปรุงโอสถจะทำให้ปราณทรงพลังมากขึ้น
เต๋าแห่งโอสถนั้นลึกลับจนยากจะกล่าว และลึกล้ำอย่างไร้ขอบเขต การจะทะลวงระดับการปรุงโอสถจึงถือเป็นเรื่องยาก
หนิงฝานอาศัยความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ บรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ด้วยเวลาไม่นาน แต่การจะบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 นั้น ยังมีกำแพงขวางกั้นอยู่...
หนิงฝานล้มตัวนอน สัมผัสกระเป๋านำเอาตำราโอสถโบราณที่ชูชิงให้มา เปิดอ่านประสบการณ์ที่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้บันทึกเอาไว้ ในนั้นมีกล่าวไว้ว่า หากจะบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 นั้น ต้องบรรลุ ‘เจตจำนงค์เทพแห่งความว่าเปล่า’ ก่อน
“เจตจำนงค์เทพแห่งความว่างเปล่า… ดูท่า… หากข้าไม่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ คงไม่อาจเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้...”
หนิงฝานฝืนยิ้ม
เจตจำนงค์เทพแห่งความว่างเปล่า เรียกสั้นๆว่า ‘เจตจำนงค์เทพ’ เป็นหนึ่งในพลังวิญญาณที่ลึกลับ และมีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่จะบรรลุได้
ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนจะมีลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างผู้อาวุโสเมิ่งฉู่ หากมันบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ มันจะได้ครอบครอง ‘เจตจำนงค์เทพชา’ เพราะมันเป็นผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชามาก
ชูชิงเองก็เช่นกัน หากมันบรรลุขอบตัดวิญญาณ มันจะได้ครอบครอง ‘เจตจำนงค์เทพโอสถ’ เพราะชายชราเป็นผู้ชื่นชอบการปรุงโอสถ
ที่กล่าวมานั้น มีเพียงผู้เชี่ยวชาญส่วนน้อยที่คิดอยากบรรลุเจตจำนงค์เทพ เพราะการจะทำเช่นนั้นได้ต้องบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณเสียก่อน
ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์มีส่วนที่กล่าวถึง ‘ศิลาแห่งเจตจำนงค์เทพ’ มันเป็นศิลาที่จะทำให้ทราบถึงเจตจำนงค์เทพของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน แต่มันได้หายสาปสูญไปนานหลายปีแล้ว
เส้นทางการปรุงโอสถของหนิงฝานเต็มไปด้วยความยากลำบาก หากจะบรรลุเขตจำนงค์เทพ เขาต้องมุ่งไปยังขอบเขตตัดวิญญาณ
การยกระดับการปรุงโอสถคงต้องทำหลังจากนั้น… ตำราโบราณที่ได้มาจึงไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
เขาเก็บตำราและควบคุมลมหายใจ โคจรปราณฟื้นฟูอาการเหน็ดเหนื่อย เพื่อเฝ้ารอให้ถึงยามราตรี
อีกไม่นานหนิงฝานต้องเก็บตัวฝึกฝน แต่เขาต้องรักษาอาการป่วยให้หลานเหม่ยเสียก่อน ยามนี้ โอสถก็เตรียมเอาไว้แล้ว
การจะรักษานั้นต้องทำในสถานที่ลับตา เพราะกระบวนการรักษาล่อแหลม ไม่เหมาะให้ผู้อื่นรู้ ดังนั้นหนิงฝานจึงต้องรอให้ถึงยามค่ำคืน จึงจะออกไปพบนาง
แต่ช่างน่าเสียดาย ในขณะที่เขาเพิ่งฟื้นฟูพลังได้ไม่นาน ไป๋ลู่ที่ทราบข่าวว่าหนิงฝานกลับมา ก็เร่งมาหาทันที
เมื่อสตรีเจ้าปัญหาอย่างนางมา หนิงฝานคงไปไหนไม่ได้
“ฮึ่ม! หนิงฝาน เจ้ากล้าหายไปตั้งครึ่งเดือน เจ้าไม่รู้หรือว่านายท่านอย่างข้าต้องการดูดซับพลังเจ้า!”
ดวงตานางเป็นประกาย ราวอยากขัดเกลาผสานเต็มแก่
ทันทีที่นางได้เห็นหนิงฝาน นางเกือบจะหักห้ามใจไม่อยู่และโผกายเข้าหา
“นอนลงเดี๋ยวนี้! ให้ข้าได้ดูดซับพลังเจ้า!”
“น่าปวดหัวเสียจริง… แต่ก็ช่างเถอะ ขัดเกลาผสานก็ช่วยฟื้นฟูพลังได้เช่นกัน ทั้งยังรวดเร็วกว่าการโคจรปราณฟื้นฟู”
หนิงฝานไม่กล่าวคำ เขาเป็นฝ่ายเข้าหานาง พลิกตัวนางลงที่นอนแล้วขึ้นคร่อม
นางคาดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ แต่ที่ทำให้นางประหลาดใจยิ่งกว่าคือ หนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุดแล้ว!
นางเสียใจ เพราะนางรู้ว่าถูกหนิงฝานหลอก และเป็นไปตามแผนการที่เขาวางไว้
แต่หนิงฝานไม่ได้ดูดซับพลังของนาง กลับกัน เขาเป็นฝ่ายให้ ทำให้นางร่วมรักกับเขาอย่างมีความสุข… ช่างน่าอายยิ่งนัก
“เป็นไปไม่ได้ ข้าดูดซับพลังเจ้า ระดับพลังของเจ้าสมควรลดลง… เหตุใด...เหตุใดเจ้าบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด! อืม!... อื้ม~~”
นางอยากจะด่าทอ แต่หนิงฝานกลับประกบริมฝีปากนาง แม้นางพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่จู่ๆนางกลับรู้สึกเจ็บและร่างกายก็ค่อยๆอ่อนแรงลงอย่างช้าๆ กระทั่งไม่อาจต้านทาน
“ไม่! อย่าทำตรงนั้น!...”
ในขณะที่นอน หนิงฝานจับขาคู่งามของนางทั้งสองข้าง ยกสูงกระทั่งเกือบพาดบ่าของนาง จากนั้นก็เริ่มจู่โจมจุดสำคัญ...
เมื่อยามค่ำมาถึง ไป๋ลู่ผู้มากฤทธิ์ก็หลับไปด้วยสีหน้าที่มีความสุข หนิงฝานเองก็ฟื้นฟูปราณที่ใช้ไปกับการปรุงโอสถตลอดครึ่งเดือน ยามนี้เขาผัดเปลี่ยนอาภรณ์ และมุ่งหน้าไปยังตำหนักของศิษย์สตรีฝ่ายใน เพื่อรักษาอาการป่วยให้หลานเหม่ย
ในค่ำคืนที่หนิงฝานมีความสุขอยู่นั้น อีกฟากฝั่งก็คุ้งไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต ในโลกแห่งผู้เชี่ยวชาญ ทะเลโลหิตนับเป็นสรวงสวรรค์
หวางเหยาผู้ถูกจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่เข้าสิง ได้มุ่งหน้าไปยังตระกูลต่างๆ และลงมือสังหารล้างตระกูล...
ห่างไปจากนิกายกุ่ยเชว่ร้อยลี้ หนานเหว่ยปรากฏตัวอยู่บริเวณนั้น
หลังจากมันเดินทางออกจากนิกายกุ่ยเชว่ได้เพียง 100 ลี้ มันกลับสัมผัสได้ว่ามีผู้แอบสะกดรอยตาม
“ผู้ที่ติดตามสมควรเป็นพวกโจร!”
สีหน้าหนานเหว่ยแปรเปลี่ยน พวกโจรนั้นโหดเหี้ยมและป่าเถื่อน มันคาดไม่ถึงว่าเดินทางออกจากนิกายได้เพียง 1 วัน จะกลายเป็นที่หมายตาของโจรเสียแล้ว
แต่นั่น ก็ทำให้แววตาของหนานเหว่ยแปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมเช่นกัน
“คาดไม่ถึงว่าจะถูกพวกโจรหมายตา หากพวกมันเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น ข้าสังหารมันได้ แต่หากเป็นขั้นกลาง… ข้าคงทำได้เพียงป้องกันตัว แต่หากเป็นขั้นสูง… ฮึ่ม! ยังไงซะ ข้าหนานเหว่ยจะต้องทำสิ่งที่นายน้อยมอบหมายให้สำเร็จ ต่อให้ตาย...ข้าก็ต้องเอาโอสถกลับเมืองหนิงให้ได้!”
เมื่อหนานเหว่ยตัดสินใจได้ดังนั้น มันก็เหยียบย่างนภาทะยานอย่างไร้ความหวาดกลัว ระหว่างทาง มันสับเปลี่ยนเส้นทางอยู่หลายครั้ง แต่ยังคงถูกสะกดรอย
เมื่อไปถึงภูเขาที่เปลี่ยวร้างแห่งหนึ่ง เงาร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขวางทางหนานเหว่ยไว้
หนานเหว่ยชงักฝีเท้า เตรียมอาวุธสู้ มันรู้ว่าหนีอีกฝ่ายไม่พ้น
แสงจันทราสาดส่องกระทบชายชราในชุดคลุมสีเงิน เหยียบย่างอยู่บนผืนฟ้า แม้รูปลักษณ์จะดูชรา แต่ร่างกายกลับเปี่ยมไปด้วยพลัง นอกจากนี้ ใบหน้าของมันยังเต็มไปด้วยบาดแผล ราวกับผ่านความเป็นความตายมาไม่น้อย
“ฮึ่ม! เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น แต่กลับกล้านำโอสถมากมายขนาดนั้นออกมา รนหาที่ตายชัดๆ… แต่ช่างเถอะ ให้ข้า ‘กระบี่คลั่ง’ ได้สั่งสอนเจ้าว่าทำเช่นนี้ย่อมทำให้ผู้อื่นอิจฉา”
ชายชราแค่นเสียงเย็นชา มันแผ่แรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญประสานขั้นสูงสุดเข้าใส่หนานเหว่ย จนทำให้เลือดลมปั่นป่วนเกือบกระอักโลหิตและร่วงลงจากฟ้า
หนานเหว่ยร่วงลงหลายสิบจ้าง ฝืนพยุงร่างของตนเองให้ลอย แต่สภาพของมันดูไม่ดีนัก
มันบ่นกล่าวกับความด้อยพลังของตน
ผู้ที่มาขวางมันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น ขั้นกลาง หรือขั้นสูง แต่เป็นขั้นสูงสุด!
หนานเหว่ยคาดไม่ถึงว่าจะตกเป็นเป้าของผู้เชี่ยวชาญเช่นกระบี่คลั่ง
โจรผู้โหดเหี้ยมและเป็นตำนาน เต๋าแห่งกระบี่สูงส่ง ระดับพลังสูงส่ง นิสัยโหดเหี้ยมเลือดเย็น... ครั้งหนึ่งมันเคยสังหารผู้เยาว์ของตระกูลหนึ่งที่เข้าร่วมนิกาย ทำให้ถูกนิกายหลายแห่งหมายหัว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างมัน ต่อให้กล่าวชื่อเมืองหนิงย่อมช่วยให้หนานเหว่ยให้พ้นภัยไม่ได้... หนานเหว่ยยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกระบี่คลั่ง
มีข่าวลือว่า ครั้งหนึ่งกระบี่คลั่งเคยถูกผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงสุด 3 คนตามล่า มันหลบหนีมาได้พร้อมอาการบาดเจ็บ แต่ผู้ที่ตามล่ามันก็ไม่ต่างกัน... 2 ใน 3 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส
รอยบาดแผลบนใบหน้าของมัน ได้มาจากการต่อสู้ในครั้งนั้น
การที่โจรยอมประกศชื่อเช่นนี้ถือเป็นเรื่องโง่เขลา แต่มันมั่นใจว่า ผู้ที่มันจู่โจมจะถูกสังหาร และเรื่องตัวตนของมันจะไม่แพร่งพราย
หากไม่มั่นใจกับเหยื่อ กระบี่คลั่งจะไม่ลงมือ! ยกตัวอย่างเช่น หนิงฝานในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางก่อนหน้านี้ หนิงฝานให้ความรู้สึกที่ลึกล้ำเกินหยั่งถึง มันจึงไม่กล้าลงมือ.. แต่กับหนานเหว่ยที่อ่อนแอ และเพิ่งทะลวงขอบเขตได้ไม่นาน มันย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย
“ข้ามี 9 เพลงกระบี่ แต่สำหรับเจ้า แค่เพลงกระบี่เดียวก็สังหารได้แล้ว!”
กระบี่คลั่งมองหนานเหว่ยด้วยแววตาเย้ยหยัน
มันโคจรปราณภายในร่าง กระบี่ที่ผ่านการขัดเกลามาหลายปีสั่นไหวจนเกิดเสียงดังหึ่งๆ
ปราณกระบี่ที่ลุกโหมด้วยเพลิงสีฟ้าขนาดใหญ่กว่าหลายร้อยจ้าง ฟาดฟันเข้าใส่หนานเหว่ย!
หนานเหว่ยไม่มีทางรอด!
แม้หนานเหว่ยจะเสียใจ แต่มันขบฟัน โคจรปราณกระตุ้นจิตวิญญาณจนลุกไหม้
‘เผาวิญญาณ’ วิชาที่หนานกงถ่ายทอดให้ หากมันได้ใช้วิชานี้ มีเพียงเซียนเท่านั้นที่ช่วยมันให้พ้นจากความตายได้ วิชาเผาวิญญาณเป็นวิชาที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นวิชาที่ช่วยให้ก้าวข้ามระดับในเวลาอันสั้น!
ดังนั้น หนานเหว่ยจึงจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางในช่วงเวลาสั้นๆ แม้จะไม่สามารถเอาชนะกระบี่คลั่งได้ แต่มันก็มั่นใจว่าจะนำโอสถไปส่งยังเมืองหนิงได้
แต่หลังจากนั้นมันจะต้องตาย ตัวตนของมันจะหายไปตลอดกาล
แต่ก่อนที่หนานเหว่ยจะเผาวิญญาณตนเองอย่างสมบูรณ์ สัมผัสเทพที่มองไม่เห็นกลับแผ่ออกมาจากกระเป๋าโอสถ
เมื่อสัมผัสเทพจากกระเป๋าโอสถปรากฏ ปราณกระบี่ขนาดใหญ่ของกระบี่คลั่งกลับสั่นสะท้านราวกับหวาดกลัว ไม่นานหลังจากนั้น ปราณกระบี่ก็แตกสลาย
“เป็นไปไม่ได้! ปราณกระบี่เพลิงฟ้าของข้าแตกเป็นเสี่ยงๆ! บัดซบ! เจ้าทำอะไรไป!”
ปราณกระบี่แห่งชีวิตของกระบี่คลั่งถูกทำลาย ทำให้มันกระอักโลหิตและโกรธแค้น แต่เมื่อมันจะเปล่งเสียงคำราม สัมผัสเทพสายหนึ่งกลับกวาดผ่านร่างของมัน จนทำให้มันกล่าวไม่ออก
ในชั่วพริบตานั้น กระบี่คลั่งผู้โหดเหี้ยมตกตะลึง มันเป็นผู้บรรลุเต๋าแห่งกระบี่ที่สูงส่ง และบังเอิญได้วิชากระบี่จากแดนสวรรค์ มันนับเป็นผู้ที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้! นี่มันสัมผัสกระบี่!”
สัมผัสกระบี่! มีเพียงผู้ที่เจตจำนงค์แห่งกระบี่ผสานรวมเป็นหนึ่งกับทะเลสติเท่านั้นที่ได้ครอบครอง
กระบี่คลั่งเสียใจ มันสัมผัสได้ว่าสัมผัสเทพที่กวาดผ่านมาร่างของมันเมื่อครู่คือสัมผัสกระบี่ ที่สำคัญ ยังเป็นสัมผัสกระบี่ที่ทรงพลังกระทั่งสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นได้อย่างง่ายดาย
“ปะ...ปล่อยข้าไป… อ้า~~”
กระบี่คลั่งกรีดร้องอย่างน่าอนาถ ร่างของถูกกระบี่ฟาดฟันจนโลหิตพุ่งกระฉูด
หนานเหว่ยตกตะลึงกับฉากที่เกิดขึ้น!
ผู้ที่ฟาดฟันกระบี่คลั่งไม่ใช่หนานเหว่ย แต่เป็นกระเป๋าเก็บโอสถ
โดยทั่วไปแล้วสัมผัสเทพไม่สามารถทำร้ายคนได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงสุดอย่างกระบี่คลั่งกลับถูกทำร้าย สัมผัสเทพนั่นทรงพลังพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง ยังไม่พ้นบาดเจ็บสาหัส
“ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตใดที่ทำเช่นนี้ได้ ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม… หรือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ...”
ชายชราก้มมองกระเป๋าของหนานเหว่ย สัมผัสเทพแผ่ออกมาจากกระเป๋าใบนั้น แม้หนานเหว่ยยังไม่ได้ทำอะไร แต่สัมผัสเทพก็จู่โจมแล้ว
โจรแต่ละคนมีความคิดที่ซับซ้อน แม้จะมีกระเป๋าโอสถจำนวนมากจะวางอยู่ตรงหน้า แต่พวกมันยังไม่กล้าหยิบฉวยทันที พวกมันไม่ได้โง่ ไม่งั้นจะมีชะตากรรมเหมือนอย่างกระบี่คลั่งตอนนี้
หลังจากนี้คงไม่มีผู้ใดกล้าคิดช่วงชิงของจากหนานเหว่ยอีก
“ผู้ที่สลักสัมผัสเทพลงไปย่อมเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง ต่อให้ช่วงชิงกระเป๋าโอสถได้ย่อมต้องเผชิญหน้ากับการตามล่าอันไร้จุดสิ้นสุด… พวกปีศาจเฒ่าดวงจิตแรกเริ่มมีพลังและวิชาที่แข็งแกร่ง เพียงพริบตามันก็เคลื่อนไหวได้พันลี้… หากถูกพวกนั้นหมายตา ต่อให้ข้ามีกี่ชีวิตก็ไม่พอ”
กระบี่คลั่งสงสัยว่าในแคว้นเยว่อาจมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มซ่อนอยู่ บางที… ไกลออกไปจากที่นี่คงจะมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มกำลังเก็บตัวฝึกฝน
หลังผ่านวิกฤตของกระบี่คลั่งได้ หนานเหว่ยก็คืนสติและเร่งมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองหนิงทันที
ตอนนี้มันรู้ว่านายน้อยของมันแข็งแกร่งกว่าที่มันคิดไว้มาก!
สัมผัสเทพที่เพียงพอให้สังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น! หนานเหว่ยสั่นสะท้าน หนิงฝานเก่งกาจขนาดนั้นจริงหรือ?
“นายน้อยแข็งแกร่งมาก… การที่ข้าหนานเหว่ยได้ติดตามท่าน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!”
สัมผัสกระบี่นั้นน่าสะพรึงกลัว
สังหารศัตรูในรัศมีพันลี้ได้ในพริบตา...