บทที่ 40 ทำไมนายไม่เล่นไพ่ตามกฎ!?
บทที่ 40 ทำไมนายไม่เล่นไพ่ตามกฎ!?
หลังจากอีเฉวียนมุทะลุออกมาจากห้อง บินอยู่ในไอรอนทาวน์ไม่นาน ก็พบว่าข้างหน้ามีคนดักรออยู่
“ซีซือ?”
อีเฉวียนได้หยุดที่ข้างหน้าคนๆนั้น ก็งุนงงเมื่อพบว่าที่แท้ก็คือซีซือที่ออกมาก่อนเขาหลายนาที ตอนแรกเขาอยากจะเอ่ยปากถามถึงเหตุผล ทันใดนั้นก็นึกอะไรได้ขึ้นมา สีหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หันกายจะวิ่งกลับไปจากทางที่วิ่งมา
“ไม่ทันแล้ว” ซีซือเอ่ยเสียงเบา
อีเฉวียนได้ยินดังนั้น ร่างกายพลันหยุดนิ่ง ถอนหายใจหนักหน่วงครั้งหนึ่งถามขึ้น “นายทำไปเพื่ออะไร?”
รอยยิ้มชั่วร้ายของซีซือแปลกไป กล่าวว่า “สิ่งที่ฉันอยากจะทำ ใครก็หยุดไม่ได้ทั้นนั้น ฉันรู้ความสามารถพิเศษที่สองของนายคือ ‘เทพปกปัก’ สามารถเทเลพอร์ตตัวเองไปยัง ‘ผู้ที่ต้องการปกป้อง’ ได้แม้ไกลพันลี้ ถึงแม้ฉันจะไม่รู้เงื่อนไขการใช้และอะไรที่นายต้องจ่ายเพื่อแลกมา แต่ข้อจำกัดและจุดอ่อนกลับชัดเจนมากๆ ‘เทพปกปัก’ ของนายมีข้อจำกัดของเวลา!
“เมื่อครู่นี้นายใช้ ‘เทพปกปัก’ ไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้น่าจะไม่สามารถใช้อีกครั้งได้ ส่วนไพ่โป๊กเกอร์ของฉันขณะนี้ได้ตกลงแล้ว ต่อให้การเคลื่อนไหวร่างกายของนายจะเร็วสักแค่ไหน ก็ไม่ทันเช่นกัน”
อีเฉวียนนิ่งเงียบไม่พูดจา การคาดเดาของซีซือใกล้เคียงความจริงถึงแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เขาตอนนี้ไม่มีทางหยุดยั้งไม้เด็ดสุดท้ายที่ซีซือทิ้งไว้ได้
“วางใจเถอะ แค่ไพ่โป๊กเกอร์คำสาปสามดอกจิกใบเดียวเอง ก็แค่ให้ของเล่นดื้อรั้นนั่นทรมานนิดหน่อย ความจำจะได้ดีๆ ไม่ได้เอาถึงตายหรอก ปกป้องเกินไปไม่ดีนะ ความลำบากทรมานเนี่ยแหละเป็นแนวทางของการเติบโต”
ซีซือกล่าวอย่างอารมณ์ดี หันกายเดินไปข้างหน้า “‘ฝนดาวตก’ นั่นน่ะมหันตภัยระดับ A เชียวนะ รีบไปเร็วหน่อย บางทีอาจจะพอช่วยของเล่นน่ารักได้มากขึ้นสองสามคนนะ”
“นายก็แค่อยากจะรวบรวมวิญญาณให้มากหน่อยแค่นั้นแหละ”
อีเฉวียนถอนหายใจ อารมณ์สับสนเล็กน้อย สุดท้ายถึงได้ตามไป
......
ไพ่โป๊กเกอร์ที่หล่นลงมาจากฟ้าค่อยๆ ตกลงมาที่บ่าของสือเสี่ยวไป๋ และหายวับเข้าไปในร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว เงาแสงรูปไพ่โป๊กเกอร์สามดอกจิกก็แผ่ขยายออกมาจากทางด้านหลังของสือเสี่ยวไป๋ทันที พลันเกิดเงาวิญญาณสีดำนับสิบปรากฏขึ้นกลางอากาศ โผล่มาจากทุกทิศทุกทางแล้วพรูเข้าไปในตัวของสือเสี่ยวไป๋
“อ๊า~”
ทันใดนั้นสือเสี่ยวไป๋ก็ร้องโหยหวน เพราะความเจ็บปวดแผ่ขยายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดทรมานได้เข้าครอบครองสติสัมปัญชัญญะ เงาสีดำที่เข้าไปในร่างกายเหล่านั้นกำลังทำร้ายเขาอยู่ ราวกับว่ากระดูกทุกส่วนกำลังถูกบีบรัด พื้นที่ทุกตารางของผิวกำลังถูกเข็มเจาะ เส้นประสาททุกเส้นกำลังถูกดึงทึ้ง
“ต้าเฮย!”
ณ ที่นั่ง หลิงฉุนร้องดังด้วยความตกใจ พุ่งทยานไปทางเวทีท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน ร่างกายบึกบึนของเย่เจียเฉวียนก็ตามไปไม่ห่าง
“หยุดนะ เจ้าพวกมนุษย์”
ทันใดนั้นเสียงแหบแห้งเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางประตู หลิงฉุนและเย่เจียเฉวียนที่กำลังทยานตัวไปข้างหน้าพลันหยุดชะงัก หันหน้าไปทางประตูอย่างตะลึงพรึงเพริด พบว่าตรงหน้าประตูมี ‘คน’ ที่มีผ้าพันแผลสีขาวพันซ้อนทับหลายชั้นยืนอยู่ ‘คน’ คนนั้นถึงแม้จะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ไม่ผิดเพี้ยน แต่ผิวหนังที่โผล่ออกมาจากผ้าพันแผลกลับเป็นสีแดงม่วงและด้านหลังก็มีปีกค้างคาวขนาดใหญ่
เพียงแค่ ‘คน’ คนนั้นยืนขึ้น ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้แล้ว
“ปีศาจ!?”
“ไม่ใช่ นั่นคือหนึ่งในเจ็ดผู้รับใช้ของอาจารย์ซีซือ ‘ค้างคาวผี’”
ไพ่โป๊กเกอร์ข้าวหลามตัดของอาจารย์ซีซือสามารถเรียกปีศาจได้ ว่ากันว่าค้างคาวผีนี้อยู่ในระดับเก้า ‘ข้าวหลามตัด’
อาจารย์ซีซือใช้คำสาปสามดอกจิกกับถู่ต้าเฮยแล้ว ยังเรียกปีศาจผู้รับใช้เก้าข้าวหลามตัดมาด้วย คิดจะทำอะไรกันแน่?”
......
ซีซือจัดเป็นฮีโร่ระดับ S ที่มีอยู่ไม่มากในเซี่ยกั๋ว มีข้อมูลมากมายอยู่ในอินเตอร์เน็ต หลังจากที่เด็กใหม่ทั้งหลายรู้ว่าอาจารย์ของตัวเองคือซีซือ ก็รีบค้นข้อมูลพวกนี้แล้วจำให้ขึ้นใจ ขณะนี้ได้เห็นปีศาจมีปีกค้างคาวและยังพันผ้าพันแผลก็วิเคราะห์ว่าเป็นค้างคาวผีปีศาจผู้รับใช้ของซีซือทันที
หลิงฉุนและเย่เจียเฉวียนก็รู้ถึงฐานะของค้างคาวผี ขณะนี้พวกเขาถูกจิตสังหารล็อคไว้ ความหวาดกลัวแผ่ไปทั่วทุกทิศ ร่างกายได้เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ ทั่วแผ่นหลังชื้นแฉะด้วยหยาดเหงื่อ ไม่กล้าขยับแม้เพียงนิดเดียว
“กลับไป” ค้างคาวผีพูดกับทั้งสองอย่างเย็นชา ก่อนจะสะบัดปีกบินไปทางเวที ภายในไม่กี่จังหวะลมหายใจก็ไปถึงข้างกายสือเสี่ยวไป๋ที่ขดตัวงอด้วยความเจ็บปวด สายตาเย็นชาจับจ้องไปยังร่างผอมที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่ด้านล่าง
แววตาของหลิงฉุนและเย่เจียเฉวียนสับสน ลึกๆ แล้วรู้ว่าตัวเองนั้นไร้ความสามารถ และรู้ด้วยว่าปีศาจค้างคาวตัวนี้ฆ่าไม่เลือก มองไปทางสือเสี่ยวไป๋อีกครั้ง ถึงได้เดินกลับไปยังที่นั่งอย่างไม่สบายใจนัก
“ต้าเฮยมีความสำคัญกับอาจารย์ซีซือ คงไม่เป็นอะไรหรอก” หลิงฉุนพูดปลอบใจเย่เจียเฉวียนเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ทว่าก็คงทรมานไม่น้อย”
เงาด้านหลังของค้างคาวผีได้แผ่บรรยากาศเยียบเย็น ใครได้พบก็ยากที่จะยับยั้งความหวาดกลัวในใจได้ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เหลือเพียงเสียงร้องอย่างทรมานของสือเสี่ยวไป๋ที่ดังก้องสะท้อนไปมา เสียงนั้นทำให้ผู้ได้ยินรู้สึกรับรู้ถึงความเจ็บปวดทรมานราวกับว่าได้เกิดขึ้นกับตนเอง
สายตาเย็นชาของค้างคาวผีไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย ในใจก็คงจะไม่มีความเวทนาสงสารอยู่แล้ว เขาเพียงแต่มองมนุษย์ที่กำลังคืบคลานอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ มองเขาที่สั่นเทาด้วยความเจ็บปวด
แม้ในใจทุกคนจะรู้สึกเหลือรับ ถึงจะใทนไม่ได้อย่างไร ทว่าพวกเขาไร้กำลังและไม่ความสามารถที่จะต่อกรกับค้างคาวผีได้ แต่ต่อให้ทำได้ ถู่ต้าเฮยที่กำลังรับความทรมานอยู่นั้นก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพวกเขา แล้วใครจะไปยอมออกหน้าแทนคนแปลกหน้าที่ไม่แม้แต่จะรู้จักเช่นนั้นกัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดก็มีเงาดำเงาหนึ่งออกมาจากร่างของสือเสี่ยวไป๋ สลายหายไปในอากาศ และเงาสีดำมากมายก็ค่อยๆ พรั่งพรูออกมาจากร่างของสือเสี่ยวไป๋ เสียงร้องของสือเสี่ยวไป๋ก็ค่อยๆ หยุดลง ร่างที่ทุรนทุรายก็ค่อยๆ สงบลง ดวงตาปิดแน่น ราวกับว่าได้สลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้เอง ค้างคาวผีได้ดึงไพ่โป๊กเกอร์ใบหนึ่งออกมาจากหว่างแขน โยนไปยังร่างของสือเสี่ยวไป๋ เงาแสงลางเรือนของไพ่โป๊กเกอร์สามโพแดงก็กางออกที่ด้านหลังของสือเสี่ยวไป๋ ละอองแสงสีชมพูอาบลงบนร่างอ่อนระโหย ปากของสือเสี่ยวไป๋ก็หลุดเสียงคร่ำครวญออกมา
ไพ่โป๊กเกอร์นรกอีกใบแล้ว อาจาร์ยซีซือคิดจะทำอะไรกันแน่?
ในใจทุกคนต่างเต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมทุกครั้งที่อาจารย์ซีซือทรมานเขา ก็จะใช้ไพ่โป๊กเกอร์โพแดงมารักษาเขาอย่างฟุ่มเฟือย มันเพื่ออะไรกันแน่?
“นายท่านกล่าวว่า เกมดำเนินต่อไป” เสียงแหบแห้งพลันดังออกจากปากของค้างค้าวผี
ทุกคนตะลึงไป ไม่มีการตอบสนองในทันที กลับเห็นค้างคาวผีดึงสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งออกมาจากหว่างแขน รูปร่างเหมือนสมุดที่ซีซือใช้เช็คชื่อก่อนหน้านี้
“คนต่อไป ซ่งเซียว”
ค้างคาวผีพลิกหน้าสมุดเล็บนั้นนิ่งๆจนถึงหน้าที่สี่ และอ่านชื่อ “ซ่งเซียว”
ที่แท้หมายถึงเกมที่เพ่งเล็งถู่ต้าเฮยก่อนหน้านี้!
เด็กใหม่นึกขึ้นได้ในทันที หันหน้ามองไปยังชายหนุ่มผมยาวที่อยู่ใจกลางการห้อมล้อมในห้องเรียน ชายที่มีนามว่า ซ่งเซียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทีมสีแดง ปฐมจิตขั้นสามปลาย ในเด็กใหม่ [ผู้ทำลาย] รุ่นนี้เป็นรองแค่หวางหลินปฐมจิตขั้นสี่เท่านั้น
โล่พิทักษ์วิญญาณของถู่ต้าเฮยทนไม่ได้แม้แต่เซี่ยงอู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่แข็งแกร่งกว่าเซี่ยงอู่อย่างซ่งเซียว อาจารย์ซีซือต้องการให้ถู่ต้าเฮยได้ลิ้มลองรสชาติของความล้มเหลวอีกครั้งงั้นหรือ?
“ซีซือน่าจะเข้าใจว่าสือเสี่ยวไป๋ไม่เพียงไม่หวาดกลัวต่อความล้มเหลว แต่กลับเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งล้มเหลวก็จะยิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว เขาทำแบบนี้มีแต่จะช่วยให้สือเสี่ยวไป๋เติบโตขึ้น แต่สือเสี่ยวไป๋เพิ่งจะละเมิดสิ่งต้องห้ามของเขา ทำไมเขาถึงยังทำสิ่งที่จะเป็นผลดีกับสือเสี่ยวไป๋อยู่อีก?”
ตอนแรกหลิงฉุนรู้สึกได้ถึงความขัดแย้งกันเองของเรื่องราว ไม่รู้ทำไมในใจถึงได้ผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
......
หลังจากได้รับการทรมานจากสามดอกจิก สือเสี่ยวไป๋ก็ทรมานจนสลบไป หลังจากนั้นก็ได้รับการรักษาจากสามโพแดง ความอ่อนระโหยและความเจ็บปวดทรมานก็หายไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็ฟื้นคืนสติ พอดีกับที่ได้ยินคำของค้างคาวผี
“เกมดำเนินต่อ?”
สือเสี่ยวไป๋ตะลึง ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น ในใจนอกจากจะไม่ท้อใจแล้วยังรู้สึกปิติยินดีอีกด้วย เหมือนกับที่หลิงฉุนได้คาดเดาไว้ เขาไม่เคยเป็นคนที่กลัวความล้มเหลว
“คิดถึงตอนนั้นที่ข้าเล่นเกม League of Legends เล่นตั้งร้อยกว่าครั้งถึงจะจะเลื่อนขั้นจากทองแดงเป็นเงินขาวได้ ถึงแม้ว่าลำดับจะอยู่แค่เงินขาวห้า แต่ก็เป็นผู้เล่นฝีมือดีที่สุด! จะให้ล้มอีกสักกี่ครั้ง ข้าก็ไม่หวั่น!
สือเสี่ยวไป๋ได้สลัดความเจ็บปวดจากเงาดำเหล่านั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว สายตามุ่งหวังเฝ้าคอย เขากระหายอยากที่จะแพ้ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่ง ครอบครองพลังที่แท้จริง
“เลือกซะ หนุ่มน้อย!”
ฉับพลันทันใดนั้นเสียงโอหังในหัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าและร่างกายของเขาต่างถูกหยุดนิ่ง เวลาได้ถูกหยุดไว้ ณ เวลานี้
“อีกแล้วหรอเนี่ย!?” สือเสี่ยวไป๋ตะลึงจนเอ๋อไป
ข้อความตัวอักษรสีดำคุ้นตา ได้ปรากฏขึ้นช้าๆ
[ ตัวเลือกที่ 1 : สะสมเงินเซี่ยกั๋วให้ครบหนึ่งแสน ภายในหนึ่งชั่วโมง จะต้อง “หา” มาและเป็นเงินสดเท่านั้น (ของรางวัล : ระดับ D) ]
[ ตัวเลือกที่ 2 : สะสมลายเซ็นให้ครบหนึ่งร้อยคน (ของรางวัล : ระดับ F)]
(คำเตือน : การเลือกในครั้งนี้จัดเป็น “ภารกิจประจำวัน” มีโอกาสเลือกเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น หากทำภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัล หากล้มเหลวจะถูกลงโทษในระดับเดียวกันกับรางวัล)
“เลือกซะ หนุ่มน้อย!”
สามารถติดตามอ่านตอนต่อไปได้ที่ Figtionlog