บทที่ 40 ความสามารถเป็นสิ่งดี แต่ก็อย่าทำความลับแตกเสียละ
บทที่ 40 ความสามารถเป็นสิ่งดี แต่ก็อย่าทำความลับแตกเสียละ
ตั้งแต่ล่าซอมบี้กลายพันธุ์ได้ก้อนเหนียวหนืดมาจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเวลาหนึ่งวันกว่าแล้ว ระหว่างนั้นหลิงม่อได้ให้ก้อนไวรัสที่มีระดับความบริสุทธิ์ต่ำกับซย่าน่าไปสองก้อน ส่วนที่เหลือนั้นเขาเก็บไว้กับตัวอย่างระมัดระวัง
แต่เพื่อไม่ให้ติดเชื้อไวรัส เขาจึงใส่ก้อนเหนียวหนืดพวกนี้ไว้ในถุงพลาสติกเป็นอย่างดี
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยใช้มือสัมผัสโดยตรง แต่ก็เป็นเพียงเวลาสั้นๆ เท่านั้น การเก็บไว้กับตัวแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะติดเชื้อหรือไม่ แค่ความรู้สึกขยะแขยงก็เหลือจะทนแล้ว
เมื่อวานตอนที่ป้อนให้ซย่าน่ากิน ลักษณะภายนอกของก้อนเหนียวหนืดยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน ตอนนี้พอหยิบออกมาอีกครั้ง ก้อนเหนียวหนืดกลับกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว...
เดิมทีมีก้อนเหนียวหนืดหลายก้อน แต่แล้วจู่ๆ กลับรวมเป็นก้อนเดียวกันโดยที่เขาไม่รู้ตัว สุดท้ายเขาก็พยายามแยกออกมาได้แค่สองก้อน ทว่าปริมาตรนั้นลดลงจากเดิมมากกว่าครึ่ง!
ระหว่างก้อนไวรัสก็มีการกินกันเองด้วยอย่างเหรอ หลิงม่อชูถุงพลาสติกขึ้นมาตรงหน้า แล้วก็พบว่าก้อนไวรัสในมือดูไม่เหมือนกับเมื่อก่อนจริงๆ ด้วย
ดูโปร่งแสงกว่า แล้วก็สีแดงสดกว่า...เดิมทีส่วนที่เป็นสีแดงจะกระจายตัวอยู่ในก้อนเหนียวหนืดคล้ายกับเส้นเลือด แต่ตอนนี้สีแดงปกคลุมก้อนเหนียวหนืดเกือบจะทั้งก้อนแล้ว
“นี่มันไวรัสอะไรกันแน่เนี่ย...” หลิงม่อรู้สึกสับสนงุนงงไปหมด แต่เขาไม่มีความรู้ทางด้านนี้ ความรู้ความเข้าใจทั้งหมดเกี่ยวกับก้อนไวรัสล้วนมาจากการสังเกตดูเย่เลี่ยน อย่างไรก็ตามก้อนไวรัสยิ่งมีความบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อเย่เลี่ยนมากเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ผิดแน่นอน
แต่สิ่งที่หลิงม่อคิดไม่ถึงคือเขาเพิ่งจะหยิบก้อนเหนียวหนืดนี้ออกมาจากถุงพลาสติก อารมณ์ของซย่าน่าก็เกิดแปรปรวนขึ้นมาทันที
ดวงตาคู่นั้นของเธอปกคลุมด้วยสีแดงหนึ่งชั้นอย่างรวดเร็ว และจับจ้องที่ก้อนเหนียวหนืดในมือของหลิงม่อเขม็ง
แม้ว่าจะติดเชื้อและกลายร่างเป็นซอมบี้ไปแล้ว แต่สภาพของซย่าน่ากลับแตกต่างจากซอมบี้ทั่วไปเป็นอย่างมาก แตกต่างกันแม้กระทั่งสันดาน!
จุดเด่นที่สุดของซอมบี้ธรรมดาก็คือไม่มีสติสัมปชัญญะและเปี่ยมด้วยพลังการโจมตี เวลาที่ไม่เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ซย่าน่ามักจะมีสีหน้าสับสนอยู่บ่อยๆ แล้วเมื่อเจอคนที่รู้จักคุ้นเคยอย่างเช่นหวังหลิ่น เธอก็จะมีปฏิกิริยาเล็กน้อย ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อใดก็ตามที่ได้ยินคนเรียกชื่อเธอ เธอก็จะเบนความสนใจไปยังอีกฝ่าย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ซอมบี้ธรรมดาจะทำได้อย่างแน่นอน
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ซย่าน่าก็รักษาลักษณะพิเศษเฉพาะของซอมบี้อย่างพลังการโจมตีไว้ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน นอกจากนี้อาจจะเป็นเพราะระหว่างการกลายร่างซย่าน่าได้กลืนกินก้อนไวรัสไปสองก้อน แม้กำลังความสามารถของเธอจะเทียบไม่ได้กับซอมบี้กลายพันธุ์ แต่นิสัยใจคอนั้นเหมือนกับซอมบี้กลายพันธุ์ไม่มีผิดเพี้ยน โจมตีพวกเดียวกันเองโดยไร้ซึ่งความปราณี และความปรารถนาในก้อนเหนียวหนืด...
ตอนนี้หลิงม่อหยิบก้อนไวรัสที่ผ่านการระเหิดอย่างเห็นได้ชัดสองก้อนนี้ออกมา ไม่เพียงแต่เย่เลี่ยนเท่านั้นที่ส่งต่อความปรารถนามายังหลิงม่อในทันทีทันใด แม้แต่ซย่าน่าเองก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาเช่นกัน
ทว่าดูท่าซย่าน่าจะกินก้อนไวรัสเร็วเกินไปหน่อยละมั้ง! เธอเพิ่งจะกลืนกินก้อนไวรัสไปสองก้อนหยกๆ จนถึงตอนนี้ยังไม่ครบสี่สิบแปดชั่วโมงเลย!
หลิงม่อมองดูซย่าน่าด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่แล้วความรู้สึกปวดจี๊ดก็ส่งต่อมาทางสมองของเขาทันที ส่วนประกายสีแดงในดวงตาของซย่าน่าก็สว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ...ดูท่าว่าหากไม่ให้ก้อนเหนียวหนืดกับเธอ เธอก็คงจะดิ้นรนขัดขืนการควบคุม แล้วกระโจนเข้ามาแย่งไปละมั้ง
หลิงม่อไม่มีทางเลือกจึงจำต้องยื่นก้อนเหนียวหนืดให้ซย่าน่าหนึ่งก้อน หลังจากรับก้อนเหนียวหนืดมาแล้ว ซย่าน่าก็ถือประคองสองมือราวกับเป็นอาหารเลิศรสอะไรสักอย่าง แล้วรีบยัดเข้าไปในปากทันที
ทว่าหลังจากกลืนกินก้อนไวรัสที่มีระดับความบริสุทธิ์สูงก้อนนี้เข้าไป ซย่าน่าก็แข็งทื่อไปทั้งตัวทันที จากนั้นบริเวณหนังกำพร้าก็ปรากฏรอยสีแดงจางๆ ที่แปลกประหลาดอย่างรวดเร็ว
หลิงม่อตกใจอย่างมาก แต่พอเขายื่นมือไปประคองซย่าน่า เขาก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลทันที เมื่อดูจากภายนอก อุณหภูมิร่างกายของซย่าน่าควรที่จะสูงปรี๊ด แต่เมื่อเขาสัมผัสโดนผิวหนังของเธอ กลับรู้สึกว่าเนื้อตัวเธอค่อนข้างเย็น!
จากนั้นในดวงตาของซย่าน่าก็ปรากฏแววต่อสู้ขัดขืนเล็กน้อย แม้กระทั่งทำปากขมุบขมิบเหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ไม่เพียงแค่นั้น จิตใจของซย่าน่ายังเกิดการแปรปรวนอย่างรุนแรงอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะหลิงม่อกัดฟันพยายามยืนหยัดอย่างสุดชีวิตล่ะก็ ซย่าน่าก็คงจะหลุดจากการควบคุมไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้กินเวลาเพียงสิบกว่าวินาทีเท่านั้น จากนั้นศีรษะของซย่าน่าก็เอียงลู่ลงและเป็นลมสลบไปทันที
ส่วนหลิงม่อก็อ่อนยวบไปทั้งตัวและทรุดลงนั่งกับพื้น เมื่อกี้ที่ใช้กำลังเข้าควบคุมซย่าน่า ทำให้หลิงม่อต้องสิ้นเปลืองแรงไปมาก จนเขาไม่อาจที่จะยืนหยัดต่อไปได้แม้แต่นาทีเดียว
ยังดีที่ในที่สุดซย่าน่าก็ไม่อาจทนต่อการโจมตีจากเชื้อไวรัสได้และเป็นลมสลบเหมือดไป ส่วนความแปรปรวนทางจิตใจของเธอก็เปลี่ยนจากเดือดพล่านกลายเป็นสงบนิ่งเงียบงันไปในทันที
ซึ่งความเงียบงันนี้ออกจะแปลกประหลาดไปหน่อย...แม้แต่ตอนที่เย่เลี่ยนเพิ่งจะถูกหลิงม่อเข้าควบคุม เธอก็ไม่ได้นิ่งเงียบสนิทไปแบบนี้ ตอนนั้นความปรารถนาทางสัญชาตญาณของเธอนั้นรุนแรงกว่าซอมบี้ทั่วไปเสียอีก
แต่ซอมบี้ทั่วไปก็ไม่อาจใช้คำว่าเงียบงันมาบรรยายได้เช่นกัน เพราะพวกมันอยู่ในสภาพกลวงเปล่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีความคิดความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น สภาพจิตใจของซย่าน่าในตอนนี้เหมือนกับว่าความแปรปรวนทั้งหมดได้หยุดนิ่งลง แต่ภายใต้ความสงบนิ่งนั้น บางทีคลื่นยักษ์อาจกำลังโหมสัดซาดอย่างบ้าคลั่งก็เป็นได้
น่าเสียดายที่พลังจิตของหลิงม่อยังไม่แข็งแกร่งถึงขั้นที่จะเข้าไปแอบดูข้างในจิตใจของคนอื่นได้ เวลานี้รู้สึกได้แค่ว่าความปรารถนาและการต่อต้านทุกอย่างที่มาจากซย่าน่าล้วนมลายหายไปหมด แต่ก็ไม่ได้กลวงเปล่าเหมือนกับพวกซอมบี้ธรรมดา
หลังจากที่ซย่าน่ากลืนกินก้อนเหนียวหนืด หลิงม่อเองก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อน แล้วก็คงจะเป็นเพราะว่าสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับซย่าน่ายังไม่แข็งแกร่งพอ อีกทั้งจิตใจของเธอในตอนนี้ก็อยู่ในสภาพเงียบงัน ดังนั้นขณะที่ก้อนไวรัสกำลังทำการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอ ผลกระทบที่ส่งมายังหลิงม่อผ่านสายสัมพันธ์ทางจิตจึงไม่รุนแรงนัก
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม หลิงม่อก็รู้สึกได้ว่าขณะที่ความบ้าระห่ำปรากฏขึ้นในสมองส่วนลึกของเขา หัวใจเขาก็พลันเต้นโครมครามอย่างรุนแรงขึ้นมาทันทีเช่นกัน
ตอนแรกหลิงม่อเองก็สนใจความรู้สึกนี้อยู่พอสมควรเหมือนกัน แต่หลังจากรออยู่สักพักใหญ่ เมื่อไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเพิ่มเติม หลิงม่อจึงเดาว่าความเปลี่ยนแปลงที่ซย่าน่านำมาสู่ตัวเขานั้นคงจะหยุดอยู่แค่ระดับนี้เท่านั้นละมั้ง...
“ตกลงซย่าน่าจะกลายเป็นแบบไหนกันแน่นะ...” เมื่อเห็นซย่าน่าที่สลบไสลยังคงกำมีดยาวเล่มนั้นของตัวเองไม่ยอมปล่อย อีกทั้งใบหน้าซีดเผือดและเม้มริมฝีปากแน่น หลิงม่อก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้
ในช่วงวันสิ้นโลกเธออาศัยความสามารถของตัวเองในการเอาตัวรอด อีกทั้งยังดูแลเพื่อนพ้องมากมาย แต่สุดท้ายกลับถูกเพื่อนกันเองทำร้าย ผลก็คือกลายเป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้
ส่วนเย่เลี่ยนน่ะเหรอ...หากไม่ใช่เพราะเธอมาทำอาหารเย็นให้กับเขาล่ะก็ เธอก็คงไม่ถูกขังอยู่ในรถประจำทาง ไม่แน่ว่าเธออาจจะยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ได้ แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ไปเสียแล้ว...
หลิงม่อแอบถอนหายใจ แล้วอุ้มซย่าน่าวางลงบนโซฟา จากนั้นก็ถือก้อนไวรัสก้อนสุดท้ายพลางเดินไปหาเย่เลี่ยน
ก้อนไวรัสก้อนนี้มีปริมาตรมากกว่า ส่วนสีสันก็แดงสดกว่าด้วย!
สิ่งที่ไม่เหมือนกับซย่าน่าคือเย่เลี่ยนหิวโซมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ที่ได้เจอกับพวกซย่าน่า เย่เลี่ยนก็ไม่ได้กินก้อนไวรัสอีกเลย จนถึงวันนี้ ความปรารถนาของเธอได้มาถึงจุดวิกฤตแล้ว
นี่เป็นเหตุผลที่หลิงม่อรีบร้อนอยากจะแยกกับพวกหลิวอวี่หาว แม้เขาจะรู้สึกว่าหลิวอวี่หาวคนนี้เป็นคนดีใช้ได้ทีเดียว แต่ก็ยังไม่ถึงกับเชื่อใจได้มากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเปิดอกเปิดใจให้กันอย่างเต็มที่เลย
ไม่ว่าจะเป็นความสามารถที่เขามีหรือว่าวิธีการเร่งวิวัฒนาการของซอมบี้ ตอนนี้ยังให้คนอื่นรู้ไม่ได้ทั้งนั้น อย่างไรเสียวิธีการเช่นนี้ ไม่เพียงจะแปลกในสายตาคนนอก แต่ยังบ้าบิ่นและน่ากลัวอีกด้วย!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบรรดาซอมบี้ที่เขาควบคุม แล้วก็ซย่าน่าด้วย...
จนกระทั่งตอนที่แยกกัน หลิวอวี่หาวก็คิดว่าเป็นเพราะซย่าน่ายังคงหลงเหลือสติสัมปชัญญะอยู่เล็กน้อย บวกกับมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับหลิงม่อ ซย่าน่าถึงได้ไม่มีจุดประสงค์ที่จะโจมตีหลิงม่อ ไม่ว่ายังไงหลิวอวี่หาวก็คงคิดไม่ถึงว่าคนธรรมดาๆ อย่างหลิงม่อจะมีความสามารถในการควบคุมซอมบี้!
แต่ถ้าเกิดเขารู้ เหตุการณ์ก็คงจะแตกต่างกันมาก ว่าแต่เรื่องที่หลิวอวี่หาวรับไม่ได้ แล้วหวังหลิ่นจะรับได้อย่างนั้นน่ะเหรอ
อย่าว่าแต่พวกเขาที่มีความเกี่ยวข้องกับซย่าน่าเลย ผู้รอดชีวิตธรรมดาทั่วไปก็คงรับไม่ได้กับความสามารถที่น่ากลัวนี้ของเขาอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นแม้ว่าความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้จะเป็นสิ่งดี แต่ในขณะที่ตัวเองยังไม่แข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง ก็จะต้องปิดเป็นความลับห้ามให้ทุกคนรู้...
...................................................................................................................................................