บทที่ 164 - ฉันเป็นศูนย์กลางของโลก (6) [08-06-2019]
บทที่ 164 - ฉันเป็นศูนย์กลางของโลก (6)
ยูอิลฮานได้ใช้เวลาประมาณสองวันสำหรับการยึดอุปกรณ์ผลิตจำนวนมากคืนมา จบการต่อสู้ระหว่างเทสเนอร์กับเนเธอร์แลนด์ และอย่างสุดท้ายตรวจสอบว่าประตูมิติได้ถูกปิดไปโดยสมบูรณ์แล้ว ทั้งหมดนี้มันใช้เวลามากกว่าที่เขาคิดซะอีก
เมื่อเขาจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วเขาก็กลับมาที่เกาหลี ร่องรอยทั้งหมดที่เกี่ยวกับการประมูลในศูนย์กลางก็ได้หายไปหมดแล้ว แน่นอนว่านี่ก็รวมไปถึงผู้บุกรุกที่ตายด้วยเช่นกัน
มันยังผ่านไปไม่ถึงสามวันเลยแต่ว่าผู้คนที่นี่ก็เดินค้าขายแลกเปลื่ยนกันอย่างมีชีวิตชีวาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
[มนุษยชาตินี่น่าทึ่งมาก] (สเปียร่า)
[แต่ว่าพวกเขาก็คงยังไม่ลืมหรอก มันน่าจะกลายเป็นคำเตือนที่มากมายให้กับคนอื่นๆได้อย่างดี] (เอิลต้า)
ในฝูงชนที่มหาศาลนี่เองยูอิลฮานก็ได้สังเกตเห็นคังมิเรย์กับเออร์ม่า แอน อิลต้า
"อ่า พวกเธอยังอยู่อีก"
[ทำไมผู้หญิงพวกนี้ไม่กลับไปซะทีล่ะ? อย่าบอกฉันนะว่าพวกเธอมีแรงจูงใจอื่นซ่อนอยู่อีก...] (เลียร่า)
[มันไม่มีทางที่ผู้หญิงทุกคนบนโลกจะไปชอบยูอิลฮานหรอกนะ ช่วยใจเย็นลงที ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะดูเท่ในสายตาของเธอแต่ว่าในสายตาคนอื่นมันก็ไม่ได้เหมือนกันหรอกนะ] (สเปียร่า)
ไม่ใช่แค่คังมิเรย์กับเออร์ม่า แอน อิลต้าเท่านั้น แต่ยังมีนายูนา เอลฟ์ แม้แต่ยูมิลก็ยังอยู่ด้วย และทุกๆคนก็ได้ดึงความดึงดูดใจไปทั่วดังนั้นมันคงจะแปลกมากหากว่าเขาไม่เจอพวกเธอ
"พ่อ!"
"จ้า พ่อกลับมาแล้ว"
ในเวลาเดียวกันที่ยูอิลฮานลงมาถึงพื้นเบาๆถัดจากทุกๆคนและหุบปีกลง ยูมิลที่รู้ถึงตัวตนของเขาก็ได้กระโดดเข้าอ้อมกอดของเขาทันที เพียงเมื่อยูอิลฮานกำลังกอดยูมิลนี้เอง คังมิเรย์ที่มองดูอยู่ก็ถามออกมาด้วยสายตาที่หรี่ลง
"ฉันคิดว่านายพูดว่า 'ฉันจะรีบกลับมา' แต่ล้วนายกลับไปทำลายประเทศทั้งประเทศเนี้ยนะ?"
"ฉันก็อยากจะทำแบบสันติที่สุดแล้วนะ"
เพราะแบบนั้นแทนที่จะต้องไปไล่ฆ่าคน เขาก็เลยพังประเทศทิ้งซะเลย
"นายพูดว่าสันติสุข... ฮ่าฮ่า"
คังมิเรย์ได้แต่หัวเราะออกมาแห้งๆกลับมา แต่อีกด้านหนึ่งเออร์ม่า แอน อิลต้ากับนายูนาได้ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสดใส
"พวกเรากำลังรออยู่เลย คุณยูอิลฮาน"
"หวัดดี!"
ยูอิลฮานก็ได้ตอบกลับไปเบาๆ
"สวัสดี แล้วก็ลาก่อน"
"โอ้ว"
จากนั้นเขาก็ได้หันกลับไปพาลูกน้องของเขากลับไปบ้าน นายูนาได้รีบคว้าแขนเสื้อเขาไว้ทันที
"ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องนาย! ไปที่เบรย่ากับฉันสิ้!"
เบรย่าที่ว่าคือโลกที่นายูนาไดไป มันเป็นโลกที่ทรงอิทธิพลทางศาสนาที่มีอยู่มากมาย และเพราะแบบนี้ทำให้นายูนายิ่งได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มใจดี
"เชิญไปหาเอาที่อื่นเถอะ"
"รางวัลคือหินศักดิ์สิทธิ์คุณภาพสูงเลยนา"
ในตอนนี้เลยร่างกายของยูอิลฮานได้นิ่งงันไปทันที
หินศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าคือแร่ที่มีพลังแห่งเทพอยู่ภายใน ยูอิลฮานก็ยังได้มีประสบการณ์การจัดการใช้หินศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งความงามทำอาวุธให้นายูนากับคังฮาจินเช่นกัน
ครั้งหนึ่งเขาก็เคยครุ่นคิดอย่างมากว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพได้ถูกเก็บรวบรวมเป็นบันทึกกับนำมาทำเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไงกันด้วย ในตอนนี้เขาก็ได้ข้อสรุปที่ไม่ชัดเจนว่าพลังศักดิ์สิทธิ์คือบันทึกของผู้คนที่นำมารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน
และหินศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีความเข้มข้นของมานาที่มหาศาล ซึ่งมันหมายความว่าไม่ว่าเขาจะเอามันไปสร้างอะไรก็จะมีการรับประกันคุณภาพของสิ่งที่ทำขึ้น หากเขาทำอาวุธด้วยหินศักดิ์สิทธิ์กับโลหะที่เขาได้มาจากการประมูล...
เขาได้หันกลับไปถามขึ้นทันที
"... ฉันจะเอาหินศักดิ์สิทธิ์มาใช้ไดใช่ไหม? ฉันที่เป็นคนที่ห่างใจกับคำว่างดงามที่สุดนะ"
"ถ้าฉันมอบพรศักดิ์สิทธิ์ให้ นายก็จะใช้มันไได้! ถึงจะเห็นฉันแบบนี้แต่ฉันก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ"
นายูนาได้พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ เธอดูเหมือนจะคิดไปแล้วว่ายูอิลฮานยอมรับคำขอของเธอ! ยูอิลฮานไม่พอใจนิดๆที่จะต้องไปกับเธอ แต่ว่ารางวัลมันก็เย้ายวนใจมากเกินกว่าที่จะปฏิเสธด้วยแค่อารมณ์ของเขา
"ถ้างั้นก็เล่ามา"
"เย้!"
"เดี๋ยวนะ ฉันอยากจะให้นายฟังที่ฉันพูดก่อนที่จะให้เธอเล่า"
คราวนี้เป็นเออร์ม่า แอน อิลต้าที่พูดออกมา เธอได้ดันนายูนาหลบไปจากยูอิลฮานอย่างราบรื่นเพราะนายูนาเกราะเขาอยู่ และเธอก็หยิบเอาหนังสือเล่มหนาสองสามล่มออกมาจากกระเป๋าก่อนจะมอบให้ยูอิลฮาน
"แต่ก่อนอื่นเลยนี่คือหนังสือเกี่ยวกับวิศวกรรมเวทย์ นี่เป็นหนังสือต้นฉบับที่มีคุณค่าอย่างมหาศาลทั้งในด้านประวัติศาสตร์และวรรณกรรม มันเต็มไปด้วยผลการวิจัยที่มาจากวันเวลาที่ผ่านไปในจักรวรรดิเวทมนตร์เรา ดังนั้นนายจะต้องคืนมันกลับมาให้เราในบางครั้ง"
"อ่อ"
เมื่อเขาได้หันไปมองทางคังมิเรย์พร้อมทั้งเก็บหนังสือไปในช่องเก็บของ เธอได้หยักหน้าลำบากใจเล็กๆ นี่มันน่าสงสัยแหะ เขาได้แต่คิดขึ้นมา ตอนนี้เององค์หญิงก็ได้พูดต่อ
"แต่จริงๆแล้วนี่ก็ไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์หรอก"
"ไม่ใช่งั้นหรอ? มันมีข้อห้ามอย่างการที่เธอห้ามนำฉบับสมบูรณ์ออกมางั้หรอ?"
"ถ้านายพูดแบบนั้น ฉันก็เพิ่งทำข้อห้ามที่ห้ามนำมาให้คนนอกไปแล้วด้วยซ้ำ นี่ฉันใช้สิทธิ์ขององค์หญิงน่ะ"
เธอได้ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อ
"หลังจากจักรวรรดิเวทย์อิลต้าล่มสลายแม้ว่าสถานการณ์จะมีขึ้นๆลงๆแต่ว่าเราก็ได้ยืนหยัดมาตลอดด้วยชื่อ 'เพลลาเดีย' พวกเราได้กู้คืนหนังสือเวทมนตร์ส่วนใหญ่ได้สำเร็จ แต่ว่าก็น่าเสียดายที่หนังสือบางเล่มก็ไม่ได้ถูก 'กู้คืน' เช่นกัน..."
"งั้นก็หมายความว่าเรื่องวิศวกรรมเวทย์ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยสินะ"
"ใช่แล้ว! วิศวกรรมเวทย์น่ะเพราะเอกลักษณ์ของมันที่จะเรียนรู้ได้ง่ายหากเรียนรู้ไปพร้อมๆการตีเหล็ก แต่ยังไงก็ตามหลังจากที่จักรวรรดิเวทมนตร์ได้ล่มสลายไปก็ไม่มีคนที่มีความสามารถในด้านนีอีกทำให้ไม่มีการค้นคว้าหรือเทคโนโลยีใดๆในด้านนี้เลย"
"ยังไงก็ตาม"
คังมิเรย์ได้ขัดขึ้นมา
"แต่มันก็ดูเหมือนว่าจากการล่มสลายจะเหลือร่องรอยวิศวกรรมเวทย์อยู่นี่ องค์หญิงได้เจอเข้าโดยบังเอิญในระหว่างที่ทำการค้นคว้าข้อมูลมาให้นายไงคุณอิลฮาน และเธอก็ค้นลึกลงไป ดังนั้นบางทีหนังสือนี่ก็อาจจะช่วยให้นายได้ความรู้เรื่องวิศวกรรมเวทย์ได้ลึกซึ้งขึ้นก็ได้นะ"
"โอ้!"
เธอได้ค้นพบซากปรักหักพังและขุดค้นลงไปเมื่อไม่กี่วันก่อน! เมื่อยูอิลฮานอุทานออกมา องค์หญิงก็ได้รับไม้พูดต่ออีกครั้ง แต่ยังไงก็ตามสีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก
"ปัญหามันก็อยู่ตรงนี้แหละ ในหมู่พวกเราไม่มีใครที่มีความสามารถมากพอจะเข้าไปในซากปรักหักพังได้ ที่นั่นมันมีกำแพงอะไรก็ไม่รู้อยู่ พวกเราจะทำลายมันก็ไม่ได้ ถึงแม้เราจะรู้สึกได้ถึงการไหล่ของพลังเวทย์แต่เราก็ไม่มีวิธีที่จะทำยังไงกับมัน..."
"เป็นแบบนี้สินะ"
นี้มันเป็นเหตุผลที่เธอบอกว่ามันไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ แต่ว่าจะพูดว่าเธอทำหน้าที่ของเธอสำเร็จแล้วที่เอาหนังสือมามอบให้เขาก็ว่าได้ แต่นี่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งเลย
ยังไงก็ตามคำพูดขององค์หญิงยังไม่ได้หมดลง
"ยังไงก็ตามที่ฉันมาก็เพราะฉันคิดว่าถ้าเป็นนาย คุณยูอิลฮานที่สร้างอาร์ติแฟคที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาอาจจะทำอะไรซักอย่างได้ก็ได้
"หืมม อ่า ก็น่าจะได้มั้ง"
แน่นอนว่ายูอิลฮานก็ยังคิดว่าเขาน่าจะทำอะไรซักอย่างกับมันได้ มันไม่ใช่แค่ว่าเขาจะมีสกิลภาษาที่ทำให้เขาเข้าใจภาษาได้ทุกๆภาษา เขาก็ยังคิดว่าตัวเขามีความสามารถมากกว่าคนอื่นๆในด้านการจัดการกับอาร์ติแฟคด้วย
"ถ้างั้นคุณยูอิลฮาน มาที่ลานปาสกับเราสิ"
"หือ"
เขาก็พอจะคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์การถูกคนอื่นชวยแบบนี้เลยทำให้เขาเขินไปเล็กน้อย ในตอนนี้เองนายูนาได้ตะโกนออกมาแทนยูอิลฮาน
"คุณอิลฮานจะต้องไปเบรย่าก่อน!"
"จักรวรรดิเราก็กำลังรอเขาอยู่เหมืนกัน เขาเป็นผู้กอบกู้ที่แลกเปลื่ยนอาร์ติแฟคกับเรา"
แม้ว่ายูอิลฮานจะเป็นคนที่ถูกพูดถึงอยู่แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นายูนากับเออร์ม่า แอน อิลต้าได้จ้องหน้ากันอย่างไม่ยอมแพ้ นี่มันดูเหมือนว่าพวกเธอกำลังจะแข่งขันกันเพื่อชิงตัวเขาไปด้วยก่อน คังมิเรย์ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเมื่อยืนอยู่ระหว่างทั้งสองคน
[ตอนนี้อิลฮานเป็นที่นิยมแล้ว] (เลียร่า)
[นี่มันไม่ดีหรอ? เขากำลังจะไปโลกอื่นนะ มันไม่ใช่การบุกรุกซะด้วย เราจะคิดว่านี่คือของขวัญจากมหาภัยพิบัติครั้งที่ 2 ได้เลยนะ] (สเปียร่า)
"ฟังดูเหมือนของขวัญนี่จะมีหลายอย่างติดมาด้วยเลยนะ..."
มหาภัยพิบัติได้นำพาการเปลื่ยนแปลงครั้งใหญ่มาด้วย มันทำให้ยูอิลฮานได้ไปเยือนโลกอื่นอย่างสันติทั้งๆที่ก่อนมหาภัยพิบัติครั้งที่สองทั้งหมดที่เขาทำมาตลอดก็คือการทำลายโลก
เขาจะได้ไปสังเกตดูว่าคนอื่นๆในต่างโลกใช้ชีวิตกันยังไงและมันก็จะเป็นประสบการณ์ที่ดีกับเขาด้วย... แต่ว่าสถานการณ์มันจะเป็นไปได้ด้วยนี้แบบนี้ไปตลอดงั้นหรอ? ยูอิลฮานคิดว่านี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
"ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีเรื่องดีเกิดขึ้นมันก็มักจะมีเรื่องแย่กว่าเกิดขึ้นมาภายหลังเสมอ มันก็เหมือนกับในตอนที่โรงเรียนเพิ่งโลกแล้วกลับบ้านมาอย่างยินดีแค่เพื่อที่จะต้องโดนใช้ไปช่วยงานทั่วๆไป หรือว่าในตอนที่เกรดสูงขึ้นไปเพราะทำแบบฝึกหัดได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ว่าสุดท้ายก็ต้องทำเกรดให้ดีแบบเดิมต่อไปจนกว่าจะจบเรื่อยๆอยู่ดี"
[นายทำให้ฉันกังวลแล้วนะ] (เอิลต้า)
แน่นอนว่านี่มันก็มาจากประสบการณ์โดยตรงของเขา ยูอิลฮานได้มองดูองค์หญิงกับนายูนาพร้อมถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะเขกหน้าผากของนายูนาเพราะเขาทำแบบนี้กับองค์หญิงไม่ได้ การแข่งจ้องตาได้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของนายูนา
"โอ้ย"
"แล้วเธอเปิดประตูมิติไปเบรย่าแล้วงั้นหรอ?"
"ไม่ ยังไม่ได้เปิดเลย"
เธอได้ตะโกนออกมาราววกับว่าไม่เคยเกิดการแข่งจ้องตากันขึ้นเลย ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะเขกหน้าผากของเธออีกทีก่อนที่จะหันหน้าไป
"เอาล่ะถ้างั้นฉันจะไปที่ลานปาสก่อน"
นายูนาได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้ของเธอ ยูอิลฮานรู้จักตัวเธอค่อนข้างจะดีเลย! คังมิเรย์ได้ขำออกมาก่อนจะพูดขึ้นมาเมื่อได้เห็นนายูนาถูกปฏิเสธ
"นายูนา เธออยู่ที่นี่แล้วก็ไปสร้างประตูมิติไปเบรย่าเถอะ"
"ถึงเธอจะไม่พูดแบบนั้นก็มีคำสั่งจัดการกำจัดดันเจี้ยนแล้วดังนั้นจึงมีอยู่สองสามกลุ่มที่รออยู่แล้ว ประตูมิติไปเบรย่าจะถูกพี่ฮาจินจัดการเอง!"
"โอ้ เป็นเขางั้นสินะ"
แม้ว่าจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นมาในทันทีหลังจากมหาภัยพิบัติครั้งใหญ่ได้จบลง แต่ว่าจำนวนของมอนสเตอร์ในแต่ล่ะดันเจี้ยนก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องดังนั้นกลุ่มต่างๆจึงมารวมพลังกันจัดการพวกมอนสเตอร์
และสถานที่ที่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเกิดประตูมิติที่จะเชื่อมต่อไปโลกอื่นได้ก็คงจะเป็นที่ที่มีมอนสเตอร์จำนวนมากและพวกมอนสเตอร์ถูกฆ่าไปจำนวนมาก มันจึงเป็นธรรมดาที่ดันเจี้ยนจะเป็นตัวเลือกแรกเลยที่จะเกิดประตูมิติขึ้น
ระหว่างที่ลายดันเจี้ยนได้เกิดวังวนขึ้นมามากมายหลายครั้งและหากใครอยากที่จะเปิดประตูมิติพวกเขาก็จะตั้งคำสั่งและเปิดประตูมิติหลังจากจัดการหลายๆอย่างเหมาะสมแล้ว
และในตอนนี้รองหัวหน้ากลุ่มเทพสายฟ้าคังฮาจินก็กำลังจะเปิดประตูมิติสู่เบรย่า! แน่นอนว่าหัวหน้ากิลด์กับสมาชิกหลักอย่างนักบวชไม่ได้อยู่ด้วยแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร!
นี่จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่นายูนาจะไม่อยู่ด้วย คังมิเรย์ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าการที่นายูนาอยู่ข้างเธอกับยูอิลฮานจะเป็นการปลอดภัยยิ่งกว่าอยู่กับพี่ชายของเธอ
"โอเค ถ้างั้นเราก็ปล่อยเขาไว้แล้วไปกันเถอะ"
"เย้"
"...ท่านคังฮาจินที่น่าสงสาร"
เพราะแบบนี้องค์หญิงที่หนึ่งแห่งจักรวรรดิเพลลาเดียเออร์ม่า แอน อิลต้า คังมิเรย์ และนายูนาก็ได้ไปที่โลกอื่น นอกจากพวกเธอแล้วก็ยังมียูมิลที่ไม่ยอมแยกจากยูอิลฮานอีกด้วย
"จนกว่าฉันจะกลับมาก็ฆ่ามอนสเตอร์ไปก่อนล่ะกัน"
"ครับ พวกเราจะทำให้ดีที่สุด"
นี่มันยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของโลกที่ยูอิลฮานจะต้องไปรีบฆ่ามอนสเตอร์แย่งลูกน้องเขา แถมที่ที่เขาไปก็ไม่ได้ไปทำลายแบบที่ผ่านๆมาแต่แค่แวะไปเที่ยวซากปรักหักพังเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องพาลูกน้องเขาไปด้วย
นอกไปจากนี้ช่องว่างระหว่างยูอิลฮานกับลูกน้องของเขาก็ยิ่งกว้างยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อยูอิลฮานได้สร้างพื้นที่แห่งความอบอุ่นแล้วความเศร้าขึ้นมาทำลายวังวน นี่เป็นโอกาสสำหรับลูกน้องเขาแล้วที่จะได้เพิ่มเลเวลสักนิดจากการล่า
"โลกดูน่าจะไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ดังนั้นพวกนายจะกลับไปช่วยเอลฟ์ที่ดาเรย์ก่อนหรือไปไคโรช่วยพวกเผ่าหมาป่า หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่เลย"
"เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ"
ทันทีที่ยูอิลฮานพูดจบลงเอริเซียกับไมเรย์ก็ได้เป่ายิ้งฉุบกัน และผู้ชนะคือไมเรย์ ยูอิลฮานได้มองส่งพวกเธอไปดาเรย์ก่อนที่จะเตรียมตัวไปตามทางของเขา
"แล้วประตูมิติอยู่ไหนล่ะ"
"ในกังนัมนี่แหละ ใกล้ๆ"
ยูอิลฮานได้คิดว่านี่เธอมีอำนาจมากเลยคนหนึ่ง ตราบใดที่ประตูมิติยังเชื่อมต่ออยู่ ไม่ใช่ว่าองค์หญิงคนนี้สามารถจะหาทางมาศูนย์กลางการค้าได้ตลอดในเวลาทีเธอเดินเล่นเลยหรอ?
แม้ว่าเขาจะทำประตูมิติเชื่อมต่อไปดาเรย์ในบ้านตัวเองเหมือนกันก็เถอะนะ!
[พวกเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้ที่เอลฟ์จะสร้างประตูมิติเหมือนกัน พวกเอลฟ์ไม่เหมือนกับมนุษย์บนโลกที่เชื่อมต่อกับโลกอื่น พวกเขาแค่ติดสอยห้อยตามอิลฮานมา] (เลียร่า)
[บางทีมันก็ไม่น่าจะต่างอะไรมากนักหรอกที่จะเปิดประตูมิติในโลกที่พวกเขาอยู่ทั้งๆที่อยู่บนโลก ดูอย่างยูอิลฮานสิ เขายังเปิดประตูมิติไปในโลกที่มีปีศาจสั่นสะเทือนโผล่ออกมาได้เลย] (เอิลต้า)
"เงียบน่า"
เพียงแค่ 10 นาทีรถลีมูซีนของคังมิเรย์ก็ได้มาถึง คนที่ดูแลประตูมิติอยู่ไม่ใช่คนจากกลุ่มเทพสายฟ้าแต่เป็นคนในตระกูลคัง ทันทีที่พวกเขาถึงบริษัทคนอื่นๆต่างก็ก้มหัวลงให้พวกเขา
"ป้องกันให้ดีนะ"
"ครับ! ฝากด้วยนะครับนายหญิง"
"ฝากด้วยนะครับท่านยูอิลฮาน!"
ยูอิลฮานรู้สึกแปลกเล็กๆที่คนพวกนี้ให้ความเคารพเขามากเกินไป แต่ว่าเขาก็ไม่สนใจมากนักก็เพราะเขาเป็นเพื่อนของเธอนี่ เขาได้เดินไปที่ประตูมิติทันที
พระราชวังแห่งเพลลาเดียกำลังรอคอยเขาอยู่แล้ว