The Dark King – Chapter 109 เสร็จสิ้น [อ่านฟรี 22-05-2019]
The Dark King – Chapter 109 เสร็จสิ้น
เลือดไหลออกมาจากลำคอของมัจจุราชทมิฬอย่างต่อเนื่อง มันรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงและพยายามที่จะคลานหนีกลับไปใต้ดินในตอนนี้
เกล็นและอัศวินคนนั้นต่างก็มีประสบการณ์ในการล่าสัตว์ร้ายอยู่แล้ว พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้มัจจุราชทมิฬหนีไปได้อย่างแน่นอน เมื่อมัจจุราชทมิฬพยายามที่จะหนีไปพวกเขาก็จะบีบบังคับให้มันกลับมาสู้ต่อ
หลังจากที่ผลัดกันลอบโจมตีเข้าไปย้ำๆซ้ำๆร่างกายของมันก็เริ่มอ่อนแอลง การโจมตีของมันก็ช้าลงไปมาก จนอัศวินก็สามารถหลบได้อย่างง่ายดาย
เกล็นก็ใช้โอกาสนี้โจมตีมันซ้ำๆในขณะที่คนอื่นๆกำลังก่อกวนมันจากอีกด้านหนึ่ง
เกล็นแทงมีดสั้นของเธอไปที่ท้องของมัจจุราชทมิฬ
แต่มัจจุราชทมิฬที่ดูเชื่องช้าก่อนหน้านี้ก็หันกลับมาพ่นใยสีขาวใส่เกล็นอย่างรวดเร็ว
มันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและเกล็นก็ไม่คิดว่ามันจะสามารถโจมตีได้อีก ในตอนนี้มือและเท้าของเธอถูกเส้นใยสีขาวนี้ห่อหุ้มเอาไว้ ในขณะเดียวกันเส้นใยสีขาวนี้ก็ดูเหมือนจะมีพิษกัดกร่อนที่รุนแรง ชุดเกราะของเธอเริ่มหลอมละลาย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกๆคนต่างก็ต้องประหลาดใจ เกล็นรีบกลิ้งตัวหลบมัจจุราชทมิฬที่พ่นใยสีขาวออกมาอีกครั้ง
แต่มัจจุราชทมิฬดูเหมือนจะบ้าคลั่งไปแล้ว และมันเริ่มไล่โจมตีไปที่เธออย่างต่อเนื่อง
เกล็นต้องรีบหาที่หลบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันอัศวินและนักธนูคนก่อนหน้าก็พยายามดึงดูดความสนใจของมัจจุราชทมิฬเพื่อให้มันหยุดโจมตีเกล็นและหันมาหาพวกเขา
มัจจุราชทมิฬไม่สนคนอื่นๆในตอนนี้มันจดจ้องไปที่เกล็นเพียงคนเดียวเท่านั้น ในตอนนี้ร่างกายส่วนบนของเกล็นนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยเส้นใยสีขาว ชุดเกราะที่เธอสวมใส่อยู่นั้นเริ่มหลอมละลายไปอย่างช้าๆ
เกล็นไม่มีเวลาที่จะกำจัดเส้นใยสีขาวที่อยู่บนตัวของเธอออกไปเพราะมัจจุราชทมิฬนั้นกำลังไล่ตามเธออยู่ตลอดเวลา เธอทำได้เพียงหลบหลีกด้วยความตื่นตระหนก ฟู่เทียนหันไปหาแกสท์และกล่าวว่า “พวกเราต้องไปช่วยเธอ!”
แกสท์นั้นกำลังตกตะลึงอยู่และไม่ได้สนใจสิ่งที่ฟู่เทียนกล่าว ฟู่เทียนดึงธนูออกมาจากหลังและพุ่งออกไปทันที นักธนูคนอื่นๆต่างก็รักษาระยะห่างอยู่ที่ประมาณ 200 เมตร แต่ในตอนนี้ระยะการยิงของเขาอยู่ที่ประมาณ 100 เมตรและเขาฝึกยิงกับเป้านิ่งมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
โชคดีที่มัจจุราชทมิฬนั้นสนใจแต่เกล็นเพียงคนเดียวเท่านั้นและมันไม่สนใจคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวของมันเลย ฟู่เทียนรีบยิงธนูออกไปที่หัวของมัจจุราชทมิฬทันทีเมื่อเขาเข้ามาในระยะ 100 เมตร
ในตอนนี้เขาก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่างระหว่างเป้าที่เคลื่อนที่กับเป้านิ่ง หัวของมัจจุราชทมิฬนั้นเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะยิงโดน เขารู้สึกหงุดหงิดในใจ เขาหายใจเข้าลึกๆขณะที่มองไปยังมัจจุราชทมิฬ หัวของมันนั้นเคลื่อนที่ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาแต่โชคดีที่ฟู่เทียนนั้นยังสามารถจับจังหวะของมันได้ ร่างกายของมัจจุราชทมิฬนั้นใหญ่โตทำให้มันไม่สามารถขยับหัวได้มากมายนัก
ฝุบ!
ฟู่เทียนดึงสายธนูอีกครั้งและยิงออกไปทันที!
ปัง! ลูกธนูยิงตรงไปที่บริเวณใกล้กับปากของมัจจุราชทมิฬและกระเด็นลงไปที่พื้น
ฟู่เทียนยังไม่ยอมแพ้ เขายิงธนูออกไปอย่างต่อเนื่อง!
ปัง! ธนูดอกนี้ยิงตรงเข้าไปหัวของที่มัจจุราชทมิฬ มันไม่ได้ทำให้มัจจุราชทมิฬบาดเจ็บแม้แต่น้อยแต่ก็สามารถดึงดูดความสนใจของมัจจุราชทมิฬได้
เกล็นนั้นกำลังจะถูกมัจจุราชทมิฬไล่ล่าจนจนมุม แต่ด้วยเพราะร่างกายขนาดใหญ่ของมัจจุราชทมิฬทำให้ผนังอาคารโดยรอบหล่นลงมาทับมันเมื่อมันเคลื่อนที่ไปชน แต่ในตอนนี้เกล็นก็เกิดสะดุดล้มลงไป สีหน้าของเธอนั้นดูย่ำแย่อย่างมากเมื่อเธอพยายามหนีมัจจุราชทมิฬในตอนนี้
มัจจุราชทมิฬร้องออกมาทันทีและพุ่งฝ่าเศษหินทั้งหมดเพื่อที่จะมากัดเธอ
เกล็นถือมีดสั้นของเธอเอาไว้ด้วยความร้อนรน เธอจ้องมองไปที่ข้อต่อที่ด้านล่างของหัวของมัจจุราชทมิฬ มันคือการเสี่ยงโชคแต่มันก็เป็นโอกาสเดียวที่เธอจะรอดชีวิต เธอต้องรอดให้ได้!
ในช่วงระหว่างความเป็นและความตายนี้ฟู่เทียนก็หรี่ตาลง หัวใจของเขารู้สึกกังวลแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ตำแหน่งการเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณของมัจจุราชทมิฬนั้นได้ฝังอยู่ในสมองของฟู่เทียนแล้วในตอนนี้ นิ้วของเขาคลายออกและลูกธนูก็พุ่งออกไป
ฝุบ!
ฝุบ!
การโจมตีทั้ง 2 ครั้งนี้ทำให้เลือดกระเด็นออกมา
ฟู่เทียนรีบตรวจสอบดูทันที ลูกธนูทั้ง 2 ดอกนี้ต่างๆเข้าไปที่หัวของมัจจุราชทมิฬ ต่อจากนั้นเขาก็นึกถึงเกล็นขึ้นมาทันที ใจของเขาเต้นอย่างรวดเร็ว เขากำลังรอคอยนักล่าอีก 2 คนเพื่อที่จะเข้าไปตรวจสอบสัตว์ร้ายตัวนี้ ถ้าหากว่ามัจจุราชทมิฬยังสามารถต่อสู้ได้อีกก็เป็นพวกเขาแล้วที่ต้องยอมแพ้!
อัศวินและชายหนุ่มอีกคนเดินเข้าไปหามันอย่างระมัดระวัง พวกเขาเห็นเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาจากศีรษะของมัจจุราชทมิฬ เป็นแบบนั้นร่างกายของมัจจุราชทมิฬก็เด้งขึ้นมาและพวกเขาทั้งสองคนต่างก็รู้สึกหวาดกลัวทันที แต่นั่นเป็นเกล็น ร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยเลือดของมัจจุราชทมิฬในขณะที่เธอพยายามคลานออกมาจากใต้ท้องของมัน ชุดเกราะของเธอเต็มไปด้วยเลือดและส่งกลิ่นเหม็นออกมา
เมื่อได้เห็นแบบนี้ทุกๆคนต่างก็รู้สึกโล่งใจ
เกล็นใช้มีดตัดเส้นใยสีขาวบนตัวของเธอออก ร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยเลือดแต่ใบหน้าของเธอนั้นมีเพียงรอยยิ้มในขณะนี้ เมื่อเธอชโลมไปด้วยเลือดของมันสัญลักษณ์เวทมนตร์ของเธอก็จะพัฒนาขึ้น
ฟู่เทียนมองไปยังร่างกายที่เปื้อนเลือดของเธอ ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเกล็นนั้นจะต้องได้รับหนอนวิญญาณกาฝากที่อยู่ภายในเลือดของมัจจุราชทมิฬอย่างแน่นอน หนอนวิญญาณกาฝากตัวใหม่นั้นจะเข้าไปอาศัยอยู่ภายในสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้และจะเข้าไปแทนที่ความสามารถของสัญลักษณ์เวทมนตร์อันก่อนหน้านี้!
ในระหว่างการฝึกฝนเพื่อที่จะเป็นนักล่านั้นฟู่เทียนก็ได้เรียนรู้ว่าทุกๆคนนั้นสามารถมีความสามารถของสัญลักษณ์เวทมนตร์ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
ในกรณีที่มีหนอนวิญญาณกาฝากมากกว่า 1 ตัวเข้าไปในร่างกายนั้นพวกมันจะฆ่ากันเอง เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ มีเพียงหนอนวิญญาณกาฝากตัวเดียวเท่านั้นที่จะรอดไปได้และอีกตัวจะต้องตาย แต่ก็ยังมีโอกาสเล็กน้อยที่หนอนวิญญาณกาฝากทั้ง 2 ตัวนั้นจะตายไปพร้อมๆกัน!
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหนอนวิญญาณกาฝากเข้าไปในร่างกายนั้นมันจะตายลงไปอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนไปเป็นสัญลักษณ์เวทมนตร์ ถ้าหากว่ามีหนอนวิญญาณกาฝากตัวใหม่เข้าไปในร่างกายนั้นมันจะกินซากที่เหลืออยู่ของตัวก่อนหน้านี้เข้าไป จากนั้นมันก็จะตายไปและมอบสัญลักษณ์เวทมนตร์อันใหม่มาแทน
นี่ทำให้ฟู่เทียนรู้สึกสงสัยมาก ทำไมหนอนวิญญาณกาฝากถึงสามารถอาศัยอยู่ภายในร่างกายของสัตว์ร้ายได้แต่มันจะตายไปเมื่อเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์? แต่เขาก็ยังไม่ได้ถามคำถามนี้กับใคร เป็นไปได้มากว่านี่จะเป็นหนึ่งในปริศนาที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์และเหล่าสมาคมใหญ่นั้นต่างก็รู้คำตอบ
“จบแล้ว” อัศวินกล่าวขึ้นมา เขาใช้หอกแทงเข้าไปที่ร่างกายของมัจจุราชทมิฬเพื่อให้แน่ใจว่ามันตายไปจริงๆ จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับเกล็น “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เกล็นยิ้ม “ฉันไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน!” เธอคิดถึงบางสิ่งและเดินเข้ามาหานักธนูผู้ซึ่งอยู่ไกลออกไป “ฉันต้องขอบคุณธนูของนาย มันยิงเข้าไปในดวงตาของเจ้านี่และหลังจากนั้นร่างกายก็ชะงักไปทำให้ฉันมีโอกาสได้ฆ่ามัน”
นักธนูคนนั้นรู้สึกอายเล็กน้อย “ผมไม่ได้ยิงธนูดอกนั้นไปหรอกแต่เป็นเทียน” ก่อนหน้านี้เขามักจะเรียกฟู่เทียนว่า ‘เด็กน้อย’ แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เขาก็รู้ดีว่าไม่ควรสบประมาทใครอีก
“เทียน?” เกล็นรู้สึกประหลาดใจจากนั้นเธอก็หันไปมองฟู่เทียนและแกสท์ เธอเห็นฟู่เทียนที่มีธนูอยู่ในมือของเขา ในตอนนี้เธอจำได้ว่าฟู่เทียนนั้นก็เป็นนักธนูคนหนึ่งด้วยเช่นกันจึงยิ้มและพูดออกไปว่า “เธอเพิ่งจะได้เลื่อนขั้นจากหน่วยค้นหามาเป็นนักล่า แต่ฝีมือการยิงธนูของเธอนั้นเทียบได้กับนักล่ามืออาชีพเลย!”
ฟู่เทียนรู้ดีว่าธนูทั้ง 2 ดอกนี้เป็นเพราะเขาโชคดีเท่านั้น ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างตัวเขากับนักล่ามืออาชีพ “ผมแค่โชคดีเท่านั้นครับ ยังดีที่มันสามารถช่วยเหลือคุณได้”
เกล็นหัวเราะออกมา “เธอช่วยฉันได้มากเลยล่ะ ครั้งนี้ฉันเป็นหนี้บุญคุณเธอจริงๆแล้ว”
ฟู่เทียนยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป