ภาค 2 ตอนที่ 21 หัวใจที่เด็ดเดี่ยว
ตอนที่ 21 หัวใจที่เด็ดเดี่ยว
ประตูห้องแผนกนิติเวชถูกผลักออกดังเอี๊ยด ถึงแม้กู่จี๋จะใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ แต่ก็สามารถย่ำด้วยจังหวะที่ไร้เสียงเข้าไปในห้องปฏิบัติการที่เย็นและน่ากลัว เล่ากันว่า ห้องปฏิบัติการของแผนกนิติเวชมีภาพพจน์ของความสยดสยองติดอยู่ แต่ตอนนี้เธอกลับรับรู้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างจากคาดเดาไว้แต่แรก โต๊ะที่สะอาดส่วนใหญ่ปูด้วยผ้าขาวบริสุทธิ์ อุปกรณ์ต่างๆ ก็ถูกเช็ดถูแวววาว หน้าต่างบานเล็กบนผนังแง้มออก ผ้าม่านพลิ้วไหวตามลมเบาๆ บนโต๊ะด้านซ้ายที่วางคอมพิวเตอร์มีแก้วกาแฟหลากสีวางอยู่ หนึ่งในนั้นที่เป็นแก้วกาแฟสีรุ้งมีไอร้อนลอยขึ้นอย่างช้าๆ กลิ่นหอมของชานมโกโก้กำลังโชยออกมาตามสายลมเอื่อยๆ
กู่จี๋หรี่ตา เธอได้ยินมานานแล้วว่า หมอนิติเวชหญิงที่ชื่อสวินเข่อหรันคนนี้มีความคิดต่างจากคนอื่นเสมอ คนที่สามารถทำให้สถานที่ที่วิเคราะห์ความตายเช่นนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายความอบอุ่น ช่างเป็นคนที่ประหลาดจริงๆ กู่จี๋ยังคงยืนดื่มด่ำกับความรู้สึกท่ามกลางลมพัดเอื่อยๆ ที่มีกลิ่นหอมของโกโก้ จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลัง
มีดผ่าตัดแหลมคมเล่มหนึ่งกดที่สันหลังของเธอ ทำให้เธอขนลุกขึ้นมาอัตโนมัติ
"โก...โกโก้เหรอ...ฉันเอง กู่จี๋"
ใบมีดหนาวเย็นด้านหลังกดทับที่เส้นประสาทไว้ สมองของกู่จี๋รีบส่งสัญญาณให้สุขุม ขณะที่เธอคิดจะหันขวับไปนั้น ด้านหลังก็มีเสียงของโกโก้ที่แหบพร่าส่งมา "คุณกู่ มาโดยไม่ได้รับเชิญอย่างนี้ไม่ใช่อุปนิสัยที่ดีนะ"
"เรียกชื่อฉันก็พอ" กู่จี๋ค่อยๆ หันไป เห็นโกโก้มีสีหน้าอิดโรยยืนอยู่หน้าเธอ ในมือกำลังจับมีดผ่าตัดกะทัดรัดเล่มหนึ่งเล่นอยู่
"คุณยังไม่ได้พักผ่อนอีกเหรอ ทำไมตาแดงขนาดนั้น" กู่จี๋ขมวดคิ้วถาม
โกโก้ไม่ตอบ กลับไปนั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่รู้กระดูกชิ้นไหนในตัวส่งเสียงแกร๊กเบาๆ
"อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ให้ฉันไปสอนแทนสองชั่วโมง เมื่อคืนเพิ่งเตรียมเนื้อหาเสร็จ" โกโก้พูดพลางหยิบถ้วยกาแฟบนโต๊ะขึ้นมา กู่จี๋เพิ่งสังเกตว่า มีกลิ่นกาแฟออกจากชานมรสโกโก้ที่คิดไว้แต่แรก
ขณะที่เธอกำลังจะห้ามโกโก้ดื่มกาแฟต่อ ประตูห้องนิติเวชก็ได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง เสียงร้อนรนของซูเสี่ยวเจ๋อมาถึงก่อนจะปรากฏขึ้น "พี่สวิน!"
พอเปิดประตูออก ซูเสี่ยวเจ๋อก็เห็นกู่จี๋ เขายืนตะลึงอยู่ที่ประตู หยุดพูดไปทันที
"ซูเสี่ยวเจ๋อ ฉันคือกู่จี๋ พวกเราได้เจอกันแล้วเมื่อประชุมครั้งก่อน จำได้มั้ย"
"โอ้...เอ่อ...อืม จำได้" ซูเสี่ยวเจ๋ออ้ำอึ้ง เงยหน้าลอบมองโกโก้ หลังจากอดนอนไปทั้งคืน ตอนนี้เธอกำลังสะลึมสะลือ มองผ้าม่านที่สะพัดอยู่บนผนังอย่างใจลอย เหมือนตรงนั้นมีดอกไม้งอกออกมาอย่างนั้น
กู่จี๋ไม่ใช่คนที่ทำมาหากินโดยใช้แรงงาน พูดง่ายๆ ก็คือเทคนิคการอยู่รอดของเธอคือการสังเกตปฏิกิริยาของใจคน สายตาของซูเสี่ยวเจ๋อล่อกแล่ก ปากเผยอเหมือนจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ กิริยานั้นกระตุ้นเธอเริ่มปฏิบัติตัวเป็นที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาของโรงเรียนตำรวจตามความเคยชิน
"เป็นไง เลิกงานได้หรือยัง ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณสองคน"
ในที่สุด สายตาของซูเสี่ยวเจ๋อก็จับจ้องไปที่กู่จี๋ "หา"
โกโก้ยังคงมองดูผ้าม่านด้วยสายตาเหม่อลอย หาววอด
——————————————
“ไม่เอาเผ็ด ไม่เอาผักชี ไม่เอากระเทียม ไม่เอากุยช่าย อย่างอื่น...อย่างอื่นยังคิดไม่ออกตอนนี้” โกโก้พูด
กู่จี๋ถือเมนูด้วยสีหน้าประหลาด "โกโก้ คุณเลือกกินอย่างนี้ไม่ได้นะ ผู้หญิงต้อง..."
โกโก้เลิกคิ้วมองเธอ "ชีวิตคนเรามันสั้นนัก ทำไมถึงเลือกกินสิ่งตัวเองชอบไม่ได้"
กู่จี๋ทำหน้าไม่ถูก บอกบริกรยกเลิกอาหารบางรายการ
โกโก้หันไปมองเสี่ยวเจ๋อที่เงียบขรึม "นี่! ว่านายแหละ ชีวิตสั้นนัก มีอะไรไม่พูดตอนนี้ เลยเวลาจะไม่รอแล้วนะ"
ซูเสี่ยวเจ๋อมองเธอด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แล้วมองไปที่กู่จี๋ "พี่สวิน...พ่อผมพบแล้ว"
อะไร
"พบว่าผม...กำลังเรียนนิติเวช"
...โกโก้พูด "ฉันไม่ค่อยได้ยิน กรุณาช่วยพูดอีกครั้ง"
ซูเสี่ยวเจ๋อดูเหมือนเกือบจะร้องไห้อยู่แล้ว "พี่สวิน ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ได้บอกที่บ้าน ก่อนที่มาฝึกงานที่พี่ ผมปลอมลายเซ็นผู้ปกครองเอง"
โกโก้หันไปโบกมือเรียกบริกร "น้อง ขอกรดฉันแก้วหนึ่ง"
บริกรยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น กู่จี๋โบกมือส่งสัญญาณว่าพูดเล่น
"ซูเสี่ยวเจ๋อ นายแน่มาก ใจกล้ามาก ฉันขอนับถือ...ฉันอยากจะพูดอย่างนี้จริงๆ เฮ้อ..." โกโก้ถอนหายใจ ฟุบไปกับโต๊ะ
"พี่สวิน พี่สวินอย่าถือสาสิ ขนาดพี่ยังทอดถอนใจแล้วผมจะไปหวังพึ่งพิงพี่ได้ยังไง..."
โกโก้ยืดตัวขึ้นพรวด "หวังอะไรกับฉัน นายหวังให้ฉันไปบอกพ่อแม่นายเหรอ โอ้ว ขอโทษจริงๆ ฉันรับลูกศิษย์คนนี้แล้ว ดังนั้นถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็จะเป็นคนของแผนกนิติเวช ถ้าเขาตายก็จะเป็นวิญญาณของแผนกนิติเวช!"
"ไม่...ไม่ใช่ คือว่า ผม..." เสี่ยวเจ๋อดิ้นรนอย่างอึดอัด แล้วก็ก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก
โกโก้เงียบไปตามกัน
กู่จี๋วางแก้วลงเริ่มแก้สถานการณ์ "เสี่ยวเจ๋อ คุณมาเรียนนิติเวชด้วยเหตุผลอะไร"
เสี่ยวเจ๋อแอบมองโกโก้อย่างน่าสงสาร "คือ...สนใจ..."
โกโก้ทำเสียงในลำคอ
กู่จี๋ใช้รอยยิ้มประจำตัวแก้สถานการณ์ต่อ "ซูเสี่ยวเจ๋อ ถ้าเสียงคัดค้านจากคนในครอบครัวมากเกินไป ก็ควรจะพิจารณาความฝันของตัวเองอีกครั้ง ชีวิตคนเรามีทางเลือกมากมาย แต่ละทางล้วนสามารถบรรลุผลที่ยอดเยี่ยมได้"
เสี่ยวเจ๋อพึมพำ
โกโก้ไม่ค่อยได้ยินแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร กู่จี๋ได้ยินแต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน "คุณพูดว่าอะไร ความกล้าที่จะพูดออกมาดังๆ ก็ไม่มีเหรอ"
"ผมบอกว่า ผมคิดจะเรียนนิติเวชเท่านั้น!" ซูเสี่ยวเจ๋อตะโกนออกไป ในที่สุดก็สามารถทำให้โกโก้หันมามองเขาเต็มตา
เธอจ้องมองหนุ่มน้อยคนนี้ ท่าทางองอาจผ่าเผย สายตาบ่งบอกถึงความแน่วแน่ จึงยิ้มออกมา "ในเมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่ต้องกลัวสิ"
เหมือนนึกอะไรออก เสี่ยวเจ๋อที่ตะโกนออกอย่างดังเมื่อสักครู่ห่อเหี่ยวลงไปทันที "แต่แม่บอกว่าถ้าผมยังกล้าเรียนนิติเวชต่อก็จะผูกคอตายให้ผมดู..."
"ถ้างั้นนายก็คอยดูแล้วกัน” โกโก้พูดพลางเคี้ยวช็อคโก้จุ๊บ
กู่จี๋ที่ดื่มเบียร์ไปครึ่งหนึ่งเกือบจะพ่นออกมา
"เดี๋ยว แขะๆ...โกโก้ ตอนที่คุณเรียนนิติเวช พ่อแม่คุณเห็นด้วยตั้งแต่แรกเลยเหรอ" ในที่สุดกู่จี๋ก็หลุดจากเบียร์คำนั้น จึงได้ถาม
โกโก้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "คุณกู่ ฉันคิดว่าคุณได้สืบประวัติฉันทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนแล้วซะอีก"
กู่จี๋ยิ้มและอารมณ์เย็นโดยอาชีพ มิบังอาจ...
เสี่ยวเจ๋อก็ยื่นหัวเข้ามาอย่างสนใจ "จริงเหรอ พี่สวิน ผู้ปกครองพี่เห็นด้วยเหรอ"
โกโก้ถือกระดาษห่อช็อคโก้จุ๊บเล่นไปเรื่อยๆ ถามกู่จี๋อย่างคลุมเครือว่า "คุณรู้จักพ่อฉันมั้ย"
กู่จี๋หัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้า จากนั้นก็หันไปอธิบายให้เสี่ยวเจ๋อที่อยากรู้อยากเห็น "พ่อของโกโก้เป็นนายพลในกองทัพ"
โอ้...
"พ่อฉันนะ ปกครองแบบเผด็จการทหาร...เหอะๆ ฉันชอบพูดเล่นอย่างนี้กับพ่อ เวลาส่วนใหญ่ พ่อก็ใจดีเหมือนกับพ่อทั่วไป และเวลาส่วนใหญ่ ฉันก็เชื่อฟังเหมือนกับลูกสาวส่วนใหญ่ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ต้องตัดสินใจเด็ดขาด พ่อจะไม่มีเหตุผลยิ่งกว่าใคร เรื่องที่เขากำหนดไว้ต้องทำให้ได้ ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ถึงจะเป็นลูกสาวสุดที่รักก็ไม่มีทาง" โกโก้ถือช็อคโก้จุ๊บที่กินจนเหลือแต่ไม้เล่นในมือ "ฉันมีพี่สาวคนหนึ่ง...ความฝันของเธอคือเป็นหมอ แต่ว่า ตั้งแต่ยังเล็กอยู่มาก พ่อก็หวังให้ลูกสาวทั้งสองคนไปเป็นทหารต่อจากท่าน พี่สาวไม่ได้เชื่อฟังท่าน ตอนอายุสิบแปด ฉวยโอกาสที่ท่านไปทำงานต่างจังหวัด ตัดสินใจออกจากบ้านไปเรียนที่ภาคเหนือ ตอนนั้นเอง..."
ตาของกู่จี๋จับจ้องที่หน้าของโกโก้เขม็ง
โกโก้สูดลมหายใจลึกๆ "ตอนนั้นเองที่เกิดอุบัติเหตุรถชน เธอได้จากไป...กว่าพ่อได้ข่าวกลับมาถึงบ้าน ทุกอย่างก็สายเสียแล้ว"
เสี่ยวเจ๋อถือตะเกียบค้างอยู่กลางอากาศ อ้าปากค้างฟังต่อ
"หลายปีต่อจากนั้น ฉันตัดสินใจเรียนนิติเวช สายตาของพ่อเหมือนกับ...มีคนจะแย่งลูกเหยี่ยวไปจากพ่อเหยี่ยวอย่างนั้น ตาที่แดงก่ำและคมกริบจ้องที่ฉัน พ่อไม่สนใจคำทัดทานจากแม่ ขังฉันไว้ในห้อง นอกจากวันละสามมื้อ ไม่อนุญาตให้ติดต่อกับเพื่อนคนไหน ทุกๆ วันจะสั่งให้ญาติเปลี่ยนหน้ากันมาเกลี้ยกล่อมฉันให้เปลี่ยนคณะ ภายหลังฉันถึงรู้ว่า ระหว่างนี้ท่านยังส่งคนไปข่มขู่อาจารย์ฉางเฟิง ปล่อยข่าวออกไปว่าถ้าใครกล้ารับฉันเป็นลูกศิษย์ ท่านจะให้คนนั้นเลือดสาดทันที" โกโก้พูดถึงตัวเองแล้วยิ้มขึ้นมา
สีหน้าของกู่จี๋ขรึมลงเรื่อยๆ เธอมองความซับร้อนในรอยยิ้มของโกโก้ออก
"แล้วพี่สวิน...ทำไม..." ในที่สุดเสี่ยวเจ๋อก็นึกได้ แล้ววางตะเกียบลง
โกโก้เงยหน้ามองซูเสี่ยวเจ๋อ "เพราะฉันถามท่านว่า ...ยังอยากจะลิ้มลองรสชาติของการสูญเสียลูกสาวอีกครั้งมั้ย...ท่านหัวใจสลายไปทันที โหดร้ายมากใช่ไหม ภาพที่ท่านเข่นเขี้ยวด้วยความแค้นแต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดในเวลานั้น ฉันคงไม่มีวันลืมชั่วชีวิต เหอะๆ...ซูเสี่ยวเจ๋อ นายเคยเห็นนรกมั้ย ขณะที่เลือดสีแดงสดของพี่สาวไหลผ่านขาของฉัน ฉันได้เห็น...ถ้าวันนี้นายไม่สามารถตัดใจที่จะกำจัดอุปสรรคทั้งหมดเพื่อเดินทางเส้นนี้ พรุ่งนี้นายก็จะยังคงลังเลและตัดสินใจไม่ถูกอยู่ดี"
ปากของเสี่ยวเจ๋ออ้าออกแล้วสั่นเครือ แต่พูดอะไรไม่ออก
"ถ้าไม่มีหัวใจที่เด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าความตาย อย่าเดินทางสายนี้ ฉันไม่อยากเห็นลูกศิษย์ที่สอนมากับมือ หลงอยู่ในทางแยกของอาชีพหมอนิติเวชนี้" พอโกโก้พูดจบ ก็หยิบแก้วเหล้าหน้าซูเสี่ยวเจ๋อขึ้นมาดื่มจนหมด