ตอนที่แล้วบทที่ 38 ทุ่มทุนสุดๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 ปล่อยเธอนะ

บทที่ 39 วิกฤตบนรถไฟ


บทที่ 39 วิกฤตบนรถไฟ

 

เฉียวเฉียวขับรถ เปิดเพลงฟัง แต่กลับคอยมองดูซูซูที่นั่งอยู่ด้านข้างเป็นระยะ

 

ซูซูนั่งอยู่บนเบาะนั่ง สวมหูฟังหูกระต่ายไว้บนศีรษะ แต่ดวงตากลับเหม่อลอยมองนอกหน้าต่าง พอรวมเข้ากับใบหน้าเล็กๆ ที่ขาวนุ่มสว่างสดใส ดูไปแล้วชวนให้คนรู้สึกเวทนาเป็นพิเศษ

 

ราชินีเฉียวถอนหายใจ ใช้ภาษาเกาหลีถามเสียงเบา “เธอเป็นอะไรไปน่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนนั่งเครื่องกลับมา คราวนี้พวกเราจะไปซีเป่ยกัน ที่นั่นไกลมาก เป็นตายร้ายดีเธอก็ไม่ยอมนั่งเครื่องบินอีก... รู้หรือเปล่าว่านั่งรถไฟต้องใช้เวลาเท่าไหร่? ซูซู คราวนี้เธอไปเจอเรื่องอะไรข้างนอกมาเหรอ? อืม หรือว่าไอ้โรคจิตบนเครื่องบินรังแกเธอ? เธอก็เลยไม่กล้านั่งเครื่องบินแล้ว? จริงๆ เธอไม่ต้องกังวลหรอก คราวนี้พี่ไปกับเธอด้วย ไม่มีใครกล้ามารังแกเธอหรอก ต่อให้เจอคนไม่ดี พี่ก็จะตอนขาที่สามมันเอง!”

 

เฉียวเฉียวพูดเป็นชุด แต่กลับเห็นสาวน้อยนั่งนิ่งไม่ขยับ ยังคงเหม่อลอยไปนอกหน้าต่างเหมือนเดิม…

 

เฉียวเฉียวยื่นมือข้างหนึ่งออกไปโบกตรงหน้าซูซู “นี่? พี่พูดกับเธออยู่นะ?”

 

ซูซูได้สติขึ้นมาทันที หันมามองเฉียวเฉียวด้วยความประหม่า บนหน้าปรากฎรอยยิ้มแหยๆ “ออนนี่ พี่พูดอะไร ฉันฟังเพลงอยู่ ไม่ได้ฟังที่พี่พูดค่ะ”

 

“ฟังเพลงอะไรอยู่? ขอฟังหน่อยสิ” เฉียวเฉียวรีบปลดหูฟังของซูซูลงมา ทันใดหูฟังก็ส่งเสียงเพลงที่คุ้นหูกันทั่วบ้านทั่วเมือง…

 

“ฤดูใบไม้ผลิเดินเล่นท่ามกลางดงดอกไม้บานไปกับเธอ กลางคืนฤดูร้อนดูดาวระยิบระยับด้วยกันกับเธอ เย็นย่ำฤดูใบไม้ร่วงเดินลอยชายในทุ่งข้าวสาลีสีทองไปกับเธอ ฤดูหนาวหิมะตกโปรยปรายมีเธออยู่...ก็! ยิ่ง! อบ! อุ่น! เธอคือแอปเปิ้ลน้อยๆ ของฉัน...”

 

เฉียวเฉียวหน้าแข็งเป็นหิน จ้องมองซูซูอย่างไม่เชื่อสายตา “เธอฟังเพลงนี้? ทำไมเธอถึงฟังเพลงนี้ล่ะ?!”

 

แววตาซูซูดูงุนงนเล็กน้อย คิดแล้วคิดอีกก็ส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้ เหมือนว่าเคยได้ยินในฝัน รู้สึกคุ้นๆ ก็เลยหามาลองฟังดูค่ะ”

 

“นะ...ในฝัน?”

 

ซูซูเม้มปาก ในหัวคล้ายมีภาพหนึ่งแวบเข้ามา

 

หนุ่มน้อยหน้าสวยคนหนึ่ง ใช้ช่วงไหล่ที่ไม่ได้กว้างนักยืนขวางอยู่ด้านหน้า ถือมือถือไว้ในมือข้างหนึ่ง กำลังยืนคุมเชิงกับสัตว์ประหลาดที่เห็นโครงร่างไม่ชัดเจน

 

เสียงเพลงที่ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ก็คือ เธอคือแอปเปิ้ลน้อยๆ ของฉัน…

 

ภาพนี้ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

 

ในใจซูซูรู้สึกสับสน เมื่อคืนวานเธอฝันเห็นภาพฉากนี้ แต่ว่าแวบเดียวก็ผ่านไป

 

ทว่าในฝันกลับได้ยินเพลงท่อนนี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

 

รถแลนด์โรเวอร์ถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินของสถานีรถไฟอย่างรวดเร็ว เฉียวเฉียวจอดรถ พาซูซูลงจากรถ แล้วก็คว้าเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมาจากในรถใบหนึ่ง เขี่ยจมูกซูซูเบาๆ “จะได้ไปเที่ยวกับออนนี่แล้วนะ ดีใจไหม?”

 

ซูซูเงยใบหน้าน้อยๆ ขึ้น ยิ้มอย่างสดใส “ต้องดีใจอยู่แล้ว! ออนนี่ ฉันอยากกินซุปขนมปังเนื้อแพะค่ะ!”

 

“แต่ว่าต้องนั่งรถไฟหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยนะ” เฉียวเฉียวหน้าเหยเกเล็กน้อย “หรือไม่ก็...พวกเรานั่งเครื่องบินดีกว่าเนอะ”

 

“ออนนี่...ฉันกลัวเครื่องบินจริงๆ...ไม่กล้านั่ง...” ใบหน้าของซูซูปรากฏสีหน้าชวนให้คนเวทนาอีกครา

 

“...ก็ได้” เฉียวเฉียวถอนหายใจ พาซูซูขึ้นลิฟท์ไป

 

……

 

“นี่พี่! ไหนบอกว่าเป็นขาซิ่งหัวแถวของบริษัทพวกพี่ไง?!”

 

เห็นรถแท็กซี่จอดยึกๆ ยักๆ ตรงที่ส่งผู้โดยสารประตูกทางเข้าสถานีรถไฟ เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็อดบ่นไม่ได้

 

“น้องชาย เขาขับแลนด์โรเวอร์เชียวนา รถนั่นราคาเท่าไร รถฉันราคาเท่าไร? อย่าพูดมากอยู่เลย รีบลงรถเถอะ ไม่แน่ว่าอาจตามทันข้างในก็ได้”

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนกระโดดลงจากรถ พุ่งเข้าไปในห้องโถงสถานีรถไฟ

 

มองเห็นช่องขายตั๋วแถวยาวเหยียดเป็นขบวน เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็เลือกชายอัปลักษณ์ที่บนหน้าเขียนตัวอักษรไว้สี่คำว่า ‘กูขายตั๋วผี’ ตรงหน้าประตูใหญ่ออกมาคนหนึ่งเอาดื้อๆ “พี่ชาย...เอาตั๋วชานชาลามาใบนึง!”

 

ได้ตั๋วเข้าชานชาลาที่ซื้อมาราคาแพงเป็นร้อยหยวนแล้ว เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็พุ่งเข้าไปในห้องโถงรอรถของสถานี

 

เดินวนไปรอบหนึ่งก็เห็นซูซูที่ช่องตรวจตั๋วช่องหนึ่ง ข้างๆ คือราชินีเฉียวผมดำยาวตรงคนนั้น ราชินีเฉียวยังคงใส่ผ้าปิดปากเหมือนเดิม แต่ว่าบนใบหน้ายังสวมแว่นกันแดดเอาไว้ด้วย

 

เขามองดูป้ายบอร์ดดิ้งเหนือช่องตรวจตั๋วแวบหนึ่ง ไปซีเป่ยเมืองซานซี…

 

……

 

ไหลตามคนอื่นขึ้นรถไฟไป เฉียวเฉียวพาซูซูมาด้วย แน่นอนว่าต้องตรงไปยังที่นั่งเตียงนอนแบบนุ่มอยู่แล้ว ส่วนเฉินเสี่ยวเลี่ยน...ถือตั๋วชานชาลาพุ่งขึ้นรถไฟ ก็ถูกพนักงานต้อนรับคนหนึ่งรั้งตัวไว้

 

“ซื้อตั๋วเพิ่ม!”

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนลูบกระเป๋าเงินแบนๆ ของตัวเอง “เอ่อ คือ....ถ้าผมบอกว่าผมคือผู้กอบกู้โลก จะลดราคาให้หน่อยได้ไหมครับ?”

 

“พ่อหนุ่ม ไม่มีอะไรทำก็อ่านนิยายออนไลน์ให้มันน้อยๆ หน่อย ซื้อตั๋วเพิ่ม!”

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนมองดูตำรวจรถไฟที่อยู่ไม่ไกลทีหนึ่งก็ถอนหายใจ

 

ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งคว้าเข้าที่ไหล่เขา จากนั้นก็เห็นธนบัตรสีแดงๆ ปึกหนึ่งยื่นส่งมา

 

เขาหันกลับไปมอง… เป็นร็อดดี้!

 

“นายมาได้ยังไง?” เฉินเสี่ยวเลี่ยนเบิกตาโต

 

“ยังจะถามอีก” ร็อดดี้ทำหน้าโศก “วางหูแล้วฉันก็รีบบึ่งไปบ้านเฉียวเฉียว กลัวนายทำเรื่องโง่ๆ เข้า สุดท้ายเห็นนายนั่งรถแท็กซี่ไล่ตามจนถึงสถานีรถไฟ นายไล่ตามรถเฉียวเฉียว ฉันอยู่ข้างหลังขับรถไล่ตามนาย ฉันว่านะเพื่อน นายคงไม่ใช่ว่าเกิดรักแรกพบกับเธอเข้าจริงๆ หรอกนะ? จะตามไปสุดขอบฟ้าขอบทะเลเลยหรือยังไง?”

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนถอนหายใจ หัวเราะขื่นไม่พูดอะไร

 

“นายตอบคำถามฉันมาก่อน นายเป็นโรคใคร่เด็กหรือเปล่า” จู่ๆ ร็อดดี้ก็ทำท่าจริงจัง “พวกเราเป็นเพื่อนกันมาหลายปี แต่ถ้านายจะทำเรื่องแบบนั้น ยังไงฉันก็ไม่ยอมดูนายเสียคนเด็ดขาด! ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องหยุดยั้งนายให้ได้!”

 

“ฉันสาบาน ฉันไม่ใช่ไอ้โรคจิตใคร่เด็กอะไรนั่น!” เฉินเสี่ยวเลี่ยนกัดฟัน

 

ร็อดดี้ระบายลมหายใจ แต่จากนั้นก็ยิ้มพูดว่า “งั้น...นายก็รักเฉียวเฉียวเข้าแล้ว? ถูกเธอตบเข้าจนไฟปะทุในหัวใจเลยหรือไง?”

 

“ไฟปะทุน้องสาวแกสิ!” เฉินเสี่ยวเลี่ยนคิ้วขมวด “ไหนๆ ก็มาแล้ว ช่วยฉันสักเรื่องสิ ช่วยฉันหาทีว่าเฉียวเฉียวอยู่ตู้ขบวนไหน”

 

“ไม่ต้องหา ฉันรู้” ร็อดดี้ฉีกยิ้ม “ตู้ที่เจ็ด 05”

 

“นายรู้ได้ยังไง” เฉินเสี่ยวเลี่ยนเบิกตาโต

 

“ชิ เมื่อวานฉันเป็นคนจองตั๋วให้เธอเอง”

 

คราวนี้เฉินเสี่ยวเลี่ยนถึงกับงง “ทำไมนายรู้เรื่องเธอดีขนาดนี้? นายกับเธอคงไม่ใช่ว่า...”

 

ร็อดดี้โบกมืก “พ่อฉันคิดแต่อยากจะจับฉันมัดมืออุดปากแล้วโยนขึ้นเตียงราชินีเฉียว… ถ้าเธอไม่ขัดข้อง คงส่งฉันแต่งเข้าสกุลเฉียวไปแล้ว!”

 

“ไม่หรอกมั้ง? นายเป็นลูกคนรวยที่สุดในโรงเรียนของพวกเราเลยนะ”

 

“ขนเส้นเดียวของปู่เฉียวใหญ่กว่าเอวพ่อฉันซะอีก!” ร็อดดี้พูดเสียงอ่อน

 

“แล้วนายคิดยังไงล่ะ?”

 

“ฉัน?” ร็อดดี้สีหน้าแน่วแน่ “ตั้งแต่ฉันเห็นราชินีเฉียวถีบไข่โค้ชเทคควันโดคนนั้นแตกในทีเดียว...ฉันก็บอกพ่อฉันแล้วว่า ถ้าเขากล้าบีบบังคับฉัน ฉันจะตัดไข่ทิ้ง!”

 

ร็อดดี้พูดถึงตรงนี้ก็มองเฉินเสี่ยวเลี่ยนแวบหนึ่ง “ยังไงฉันก็ไม่กล้าแตะผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด แต่ถ้านายยังจะโดดลงหลุมนี้ให้ได้ละก็… เราเป็นเพื่อนกันมานาย ยังไงฉันจะช่วยผลักนายอีกแรง”

 

“...นายนี่มีน้ำใจจริงๆ!” เฉินเสี่ยวเลี่ยนพูดอย่างไม่มีกะจิตกะใจ “วางใจเถอะ ฉันไม่ได้สนใจเธอ เฮ้อ อธิบายสั้นๆ ก็ไม่รู้เรื่อง”

 

“ยังต้องพูดอีกเหรอเรื่องมีน้ำใจหรือไม่มีน่ะ! คราวหน้าอย่าเอาหอกมาแทงตูดฉันก็แล้วกัน”

 

ร็อดดี้ยิ้ม สองคนเดินผ่านตู้รถไปสามตู้แล้ว

 

ตอนที่เดินผ่านตู้ที่นั่งเตียงนอนแบบแข็ง เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็นิ่งค้างไปทั้งตัว จ้องตาไม่กะพริบไปยังคนที่อยู่บนเบาะใต้เตียงนอนแบบแข็งด้านข้าง!

 

ตอนนั้นร็อดดี้ก็พบว่าดวงตาของเฉินเสี่ยวเลี่ยนเปล่งประกายแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นออกมา!

 

หรือว่าเป็นสาวสวย?

 

ร็อดดี้มองตาม…

 

ก็เห็นว่าบนเบาะใต้เตียงนอนนั้น มีเด็กชายม.ปลาย...สวมชุดนักเรียนนั่งอยู่

 

ในมือกำลังกุมมือถือพิมพ์บางอย่างอย่างรวดเร็วลงไป สีหน้าเคียดแค้น คิ้วเข้มสองข้างอย่างกับแปรงบีบชิดกัน

 

“เชี่ย! นายมองผู้ชายด้วยสายตาแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?!” ร็อดดี้ผลักเฉินเสี่ยวเลี่ยนทีหนึ่ง

 

เฉินเสี่ยวเลี่ยนคล้ายไม่รู้สึกตัว จ้องเด็กหนุ่มคิ้วเข้มคนนั้นไม่วางตา

 

“หาน...หานปี้”

 

……

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

 

อีกฟากหนึ่งของรถไฟ ในห้องเตียงนุ่มห้องหนึ่งของตู้ที่สาม

 

ชายผมยาวรูปหล่อคนหนึ่งเก็บมีดสั้นลงกระเป๋าอย่างเบามือ จากนั้นบิดขี้เกียจหนึ่งที สีหน้าไร้อารมณ์ “เฮ้อ ต้องออกมาทำเรื่องน่าเบื่อแบบนี้อีกแล้ว ก็แค่ผู้ตื่นคนหนึ่งต้องให้พวกเราสองคนมาเองเลยหรือไง”

 

คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามชายผมยาวเป็นชายรูปร่างผอม ดูไปแล้วอายุคงราวๆ สี่สิบกว่า บนตัวยังสวมเสื้อคลุมสกปรกไว้ตัวหนึ่ง

 

ในสายตาของคนคนนี้มีประกายเย็นเยียบอยู่ “เบื้องบนบอกว่าน่าจะมีผู้ตื่นมาใหม่หนึ่งคน ซ้ำยัง...ได้ยินว่าตื่นขึ้นในดันเจี้ยนพิเศษแห่งหนึ่ง ดังนั้นหัวหน้าเลยต้องการให้พวกเราพาคนคนนี้กลับไปให้ได้ ผู้ตื่นหน้าใหม่คนหนึ่งมันไม่เป็นอะไรหรอก แต่...ที่สำคัญคือดันเจี้ยนที่เขาเจอมาต่างหากล่ะ! ไอเทมรางวัลของดันเจี้ยนนั้น เป็นของที่หัวหน้าลำบากลำบนค้นหามาตลอด ดังนั้นต้องเอาคนกลับไปให้ได้!”

 

ชายผมยาวลุกขึ้นยืน วางถุงมันฝรั่งในมือลง “งั้นก็ลงมือเถอะ รีบทำงานให้เสร็จจะได้รีบกลับ ฉันยังอยู่ระหว่างลาหยุดนะ พ่องเรียกฉันกลับมาจากทะเลอีเจียน วันหยุดหายไปทั้งอาทิตย์เลย”

 

ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมพูดเสียงเย็น “เดี๋ยวตอนลงมือก็ระวังหน่อย! อย่าลืมว่าถ้าไม่ใช่เวลาดันเจี้ยน ห้ามใช้พลังสูงกว่าระดับ B! ถ้าทีมพัฒนาสังเกตเห็นข้อมูลผิดปกติ ใครก็ช่วยนายไม่ได้นะ”

 

…………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด