ตอนที่แล้วบทที่ 37 ตัวเลือกสัมบูรณ์ที่บังคับให้เปลี่ยนตอนจบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 โป๊กเกอร์ใบนั้น

บทที่ 38 รีบส่งกางเกงในมา


บทที่ 38 รีบส่งกางเกงในมา

 

เด็กใหม่ส่วนใหญ่ดีใจจนกระโดดโลดเต้นจนเกิดเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่จริงแล้วปฐมจิตของเด็กใหม่จำนวนมากอยู่ในขั้นที่หนึ่งและขั้นที่สาม แต่เมื่อเผชิญกับโล่พิทักษ์ระลอกคลื่น ของสือเสี่ยวไป๋ มีเพียงเด็กใหม่ที่มีปฐมจิตขั้นสามขึ้นไปเท่านั้น ที่สามารถแน่ใจได้ว่าจะทำลายได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว เพราะฉะนั้นตอนนี้สือเสี่ยวไป๋จึงเป็นผู้ชนะในเกมของซีซือ ทำให้คนส่วนใหญ่โล่งใจไปเปราะหนึ่ง

 

เฉินหลิงฉุนเองก็โล่งใจเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกแปลกแยกอย่างประหลาดกลับตีขึ้นมา จากที่เขามองดูแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้มีจุดน่าสงสัยหลายจุดมาโดยตลอด ตอนนี้การที่เกมจบลงอย่างฉุกละหุกกลับยิ่งทำให้จุดที่น่าสงสัยนั้นยิ่งน่าสงสัยขึ้นไปอีก

 

“ถ้าหากเป้าหมายที่แท้จริงของซีซือคือการบีบให้สือเสี่ยวไป๋เติบโตขึ้น เช่นนั้นสำหรับเขาแล้วสือเสี่ยวไป๋ก็มีความสำคัญไม่น้อย ไม่ใช่ของเล่นที่จะทิ้งขว้างไม่สนใจแน่ๆ การที่หลอกให้สือเสี่ยวไป๋ใช้ ‘เพลิงโลกันต์ต้องห้าม’ นั่นเป็นการรีบร้อนเกินไปหรือเปล่า? ความมั่นใจที่จะทำแบบนี้ของซีซือมาจากที่ไหนกัน?”

 

“สือเสี่ยวไป๋ใช้โอกาสเพียงสี่ครั้งก็ ‘สำเร็จหลังพังทลาย’ ได้แล้ว ระดับความหยั่งรู้เป็นประวัติการณ์นี้มันมีอยู่จริงๆ หรอ? หรือยังมีความจริงอะไรซ่อนอยู่? เหมือนซีซือจะมั่นใจว่าสือเสี่ยวไป๋จะต้อง‘สำเร็จหลังพังทลาย’ ได้ภายในเจ็ดสิบสองครั้ง แต่ทำได้ในโอกาสเพียงแค่สี่ครั้งก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเขาเหมือนกัน เช่นนั้นทำไมเขาถึงไม่ลองเชิงต่อไป กลับตัดสินใจวางมือจบเกมในเวลานี้?”

 

“ปะติดปะต่อการกระทำทุกอย่างของซีซือแล้ว ไม่น่าที่จะทำเพื่อช่วยให้สือเสี่ยวไป๋เติบโตเพียงอย่างเดียว ราวกับว่ายังมีเป้าหมายอื่นซ่อนเร้นอยู่ คล้ายว่าซีซือได้มองเห็นบางสิ่งบางอย่างบนตัวสือเสี่ยวไป๋ ทำให้เขาเกิดสนใจขึ้นมา แล้วเขาก็อยากจะค้นหาสิ่งนั้นถึงได้พยายามบีบเค้นให้มันโผล่ออกมา”

 

“ถ้าหากซีซือยังมีเป้าหมายลึกๆ ซ่อนอยู่จริง เช่นนั้นทำไมถึงได้วางมือแล้วล่ะ? หรือเพราะว่ากินของหวานอิ่มแล้ว เลยจะพักอาหารหลักไว้ก่อน? หรือเขาคิดว่าไม่เหมาะที่จะบีบเค้นต่อไป?”

 

หลิงฉุนกำลังกัดเล็บนิ้วโป้งอีกครั้ง สมองแวบความสงสัยต่างๆ มากมาย บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไป แต่เขารู้สึกว่าเรื่องไม่น่าจะง่ายดายเช่นนี้ ซีซือไม่ใช่คนที่ชอบตอนจบที่สมบูรณ์แบบ เกมที่เขาเตรียมไว้สำหรับสือเสี่ยวไป๋ต้องไม่ใช่แค่นี้แน่

 

แต่ว่า ในที่สุดแล้วสือเสี่ยวไป๋ก็รอดพ้นความยากลำบากในครั้งนี้มาได้ ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงนี้ ไม่เพียงทะลวงพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ การควบคุมพลังวิญญาณยังขึ้นสู่ระดับ ‘ฝึกจนเชี่ยวชาญ’ ทักษะความชำนาญการป้องกันอย่างโล่พิทักษ์ระลอกคลื่น ยังถึงขั้น ‘การควบคุมเบื้องต้น’ นี่มันเป็นการพัฒนาที่คนอื่นๆ ใช้เวลาหลายปีก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะทำได้เลยนะ!

 

เฉินหลิงฉุนดีใจกับสือเสี่ยวไป๋อย่างจริงใจ เขาที่ทำตัวสงบเสงี่ยมมาตลอดก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจขึ้นมา รอยยิ้มดีใจราวกับเด็กๆ บนใบหน้านั้น เขาอยากจะซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไม่มิด

 

ทันใดนั้น เขาก็เห็นสือเสี่ยวไป๋หันกายเดินไปทางซีซือ ราวกับว่ามีเรื่องจะพูดด้วย เฉินหลิงฉุนพลันหุบยิ้มอย่างไม่รู้ตัว

 

คนอื่นๆ ก็พบความผิดปกตินี้เช่นกัน ต่างก็พากันปิดปากแล้วเงี่ยหูฟัง

 

หรือว่าเจ้าก้อนดินอยากจะพูดความรู้สึกที่ผ่านด่านมาได้?

 

“เฮ้ ราชันย์แห่งขุมนรกซีซือ ข้าได้กลิ่นสาปอสูรร้ายบนตัวอาจารย์ อาจารย์รู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย?” สือเสี่ยวไป๋พูดเช่นนั้นแล้วทำจมูกฟุดฟิดที่ตัวของซีซือ

 

เมื่อทุกคนได้ฟังก็ตะลึงงัน ซีซือตกอยู่ในอันตราย? นี่มันมุกตลกประเทศไหนกัน?

 

ซีซือเองก็ตะลึงไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้รู้สึกรำคาญใจกับการกระทำอัน ‘น่าสนใจ’ ของสือเสี่ยวไป๋ จึงหัวเราะน้อยๆ ถามว่า “โอ้ว? อันตรายอะไรหรือ?”

 

สือเสี่ยวไป๋สูดหายใจเข้าลึก   เป็นการเตรียมตัวเล็กน้อย

 

“อสูรอานูบิสได้ข้ามมิติมาและร่ายคำสาปไว้บนสิ่งของบางอย่างบนตัวอาจารย์ หวังให้คำสาปซึมผ่านผิวหนังเข้าไปยังภายในร่างกาย หากไม่รีบนำสิ่งนั้นออกไป อาจารย์จะตกสู่ดินแดนแห่งความทุกข์ทรมานจากคำสาปร้ายอย่างไม่มีทางหลุดพ้น!”

 

สือเสี่ยวไป๋ตั้งใจพูดเสียงเบา เพื่อสร้างบรรยากาศลึกลับน่ากลัว ใบหน้าจริงจังราวกับกำลังเน้นย้ำว่าถ้อยคำของตนเป็นเรื่องจริง รีบพูดขึ้นว่า “แต่อาจารย์วางใจ ข้ามีสายเลือดของราชาแห่งจิตวิญญาณทั้งปวง ครอบครองพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดบนโลกใบนี้ สามารถขจัดสิ่งสกปรกชั่วร้ายได้ เพราะฉะนั้น อาจารย์ต้องรีบส่งสิ่งสกปรกนั้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะช่วยอาจารย์อย่างสุดความสามารถ!”

 

“สิ่งนั้นคืออะไร?” ใบหน้าซีซือยิ้มแย้ม มองอารมณ์ไม่ออก

 

ทุกคนก็กางหูเงี่ยฟังอย่างใจจดใจจ่อ เจ้าก้อนดินพูดจาเว่อวังขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าอยากได้อะไรหรอกนะ? เขาอยากได้อะไรบนตัวซีซือ?

 

“กางเกงใน!”

 

สือเสี่ยวไป๋เฉลยคำตอบด้วยใบหน้าจริงจัง พลางยื่นมือออกมาผายไปยังกางเกงของซีซือ!

 

ทุกคนตะลึงจนอ้าปากค้างไปแล้ว

 

สือเสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว ผายมือไปยังกางเกงของซีซือ กล่าวเสียงดังว่า “รีบส่งกางเกงในมาให้ข้า! ไอระเหยของอสูรร้ายกำลังได้แผ่ออกมาแล้ว อสูรร้ายจะข้ามมิติเวลามาถึงตัวอาจารย์ หากคำสาปนั่นได้ซึมเข้าไปถึงเลือดแล้วล่ะก็ ข้าก็หมดหนทางช่วยแล้ว!”

 

“เร็วสิ เร็วเข้า รีบส่งกางเกงในมา!”

 

ใบหน้าสือเสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยความรีบร้อน ผุดแววความหวาดกลัว ราวกับว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

 

ทั้งห้องเงียบกริบ บรรยากาศความเงียบอย่างแปลกๆ ได้แทรกซึมไปทั่วห้อง รอยยิ้มบนใบหน้าของซีซือแข็งทื่อไปเล็กน้อย แล้วค่อยๆ หุบลง ความเยียบเย็นค่อยๆ แพร่กระจายออกมาจากตัวเขา มองจากไกลๆ ก็สัมผัสความแข็งทื่อนั้นได้

 

บรรดาเด็กใหม่ในห้องเรียนได้ถูกสือเสี่ยวไป๋ทำให้ตกใจจนเอ๋อไปแล้ว!

 

หัวข้อที่ห้ามพูดถึงกับอาจารย์ซีซือก็คือกางเกงในไม่ใช่หรอ?

 

พระเจ้า เจ้าก้อนดินนี่ตั้งใจใช่ไหม?

 

......

 

 

 

“ปฎิบัติภารกิจเสร็จสิ้น จบการเลือก”

 

น้ำเสียงโอหังดังขึ้นในสมอง สือเสี่ยวไป๋โล่งอก หลังจากที่เขาได้รับภารกิจ ก็ขัดขืนถึงสามครั้ง และทั้งสามครั้งก็ถูกบังคับให้ย้อนเวลากลับไป สือเสี่ยวไป๋จึงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม

 

คิดเปรียบเทียบกับขอจูบแรกจากอาจารย์ซีซือแล้ว สือเสี่ยวไป๋คิดว่าขอกางเกงในน่าจะดีกว่า

 

โชคยังดีการเลือกในครั้งนี้จัดอยู่ในประเภทปฎิบัติ เพียงแค่ขอกางเกงในจากซีซือก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอให้ได้ เมื่อสือเสี่ยวไป๋ตะโกนว่า “ส่งกางเกงในมา!” การเลือกก็ได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว

 

สือเสี่ยวไป๋เกลียด “ตัวเลือกยากๆ” แบบนี้ที่สุด ตัวเลือกจะเว่อวังขนาดไหนไม่เป็นไร แต่ไม่มีรางวัลนี่สิ!

 

“ชีวิตที่ไม่มีรางวัล ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แม้แต่วันเดียว!”

 

สือเสี่ยวไป๋แอบรำพึงรำพันในใจ ทันใดนั้นเองก็ได้รู้สึกถึงความเงียบแปลกๆ ที่เกิดขึ้นภายในห้อง มีไอเย็นระเหยมาจากข้างกาย สือเสี่ยวไป๋ก็เงยหน้าขึ้นมอง

 

เห็นเพียงรอยยิ้มเย็นของซีซือ ดวงตาเหมือนปลาตายคู่นั้นเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ราวกับกำลังมองปลาเต็มไวที่ใกล้จะต้องตายตัวหนึ่ง

 

“ข้า...ฉันแค่ล้อเล่น...”

 

ในใจสือเสี่ยวไป๋มีความกลัวตีขึ้นมา อยากจะถอยหลังกลับพบว่าทั้งร่างแข็งทื่อไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

 

“ล้อเล่น? หึหึ งั้นฉันจะล้อเล่นกับนายเหมือนกัน”

 

น้ำเสียงเย็นชาได้เล็ดรอดออกมาจากปากของซีซือ เขาพูดพลางยกมือขึ้นโบกครั้งหนึ่ง ก็มีโล่สีดำกางออกมาครอบขังทั้งเวทีโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง และมีเพียงเขาและสือเสี่ยวไป๋สองคนเท่านั้นที่อยู่ในโล่ครอบสีดำนี้

 

แสงไฟได้ทะลุจากภายนอกโล่ครอบสีดำเข้ามา ทำให้ด้านในมืดสลัว

 

“ในเขตแดนนี้ พวกเราเห็นข้างนอก แต่ข้างนอกไม่เห็นเรา เพราะฉะนั้น นายไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารบกวนเรา อ่อ ใช่แล้ว เสียงโหยหวนของนายก็ไม่สามารถเล็ดรอดออกไปจากเขตแดนนี้ได้เหมือนกัน หึหึ~”

 

ซีซือยิ้มเย็น พลิกมือขวารอบหนึ่ง ไพ่โป๊กเกอร์สี่ใบก็ปรากฏออกมากลางอากาศระหว่างนิ้วเรียวยาวของเขา

 

“ไพ่โป๊กเกอร์ ‘ดอกจิก’ ของฉัน มีพลังคำสาปอยู่พอดีเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ถึงตาฉันล้อนายเล่นบ้างแล้วล่ะ”

 

สือเสี่ยวไป๋อยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา ในใจก่นด่าเจ้าโรคจิตนี่ไม่มีอารมณ์ขันแม้แต่น้อย

 

ซีซือพิจารณาไพ่โป๊กเกอร์สี่ใบนั้นเล็กน้อย แล้วเลือกออกมาหนึ่งใบ เอ่ยว่า “ใบนี้คำสาปเจ็ดดอกจิก จะทำให้ผู้ได้รับรู้สึกเหมือนโดนงูหมื่นตัวกัด สบายใจได้ ถึงแม้ว่าจะทรมานสักหน่อย แต่ไม่ถึงตาย นายก็ค่อยๆ ลิ้มรสความเจ็บปวดไปละกัน เจ้าของเล่นดื้อซน!”

 

ซีซือยิ้มชั่วร้าย ไพ่โป๊กเกอร์นรกถูกสะบัดออกจากมือ บินพุ่งตรงมายังสือเสี่ยวไป๋ทันที

 

ไพ่โป๊กเกอร์ใบนั้นพุ่งตรงมาไม่เร็วเท่าไหร่นัก ถึงขั้นเนิบนาบเล็กน้อย แต่สือเสี่ยวไป๋ตอนนี้ถูกพลังลึกลับรัดตรึงไว้ ไม่สามารถขยับได้ ทำได้เพียงเบิกตากว้างมองไพ่โป๊กเกอร์ใบนั้นที่ลอยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...

 

“เห้อ”

 

ทันใดนั้น เสียงถอนหายใจเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะเดียวกันนี้เอง เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าของสือเสี่ยวไป๋ ร่างนั้นยื่นสองนิ้วออกมาคีบไพ่โป๊กเกอร์ของซีซือเบาๆ

 

“ในที่สุดก็ยอมออกมาแล้ว?”

 

ซีซือมองมายังร่างข้างหน้าสือเสี่ยวไป๋ กระแอมในคอเล็กน้อย ยิ้มเย็นกล่าวว่า “แต่ฉันคิดไม่ถึงว่า เป็นนายนี่เอง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด