ตอนที่ 98 เส้นทางลับ
ปืนกลและปืนระเบิดทั้งหมดในฐานถูกปรับให้หันไปหาขวากหนาม
เมื่อเห็นปฏิกิริยา โควต้อนก็รู้ว่าขวากหนามเป็นพันธมิตร จากนั้นก็ตะโกน“รถทุกคันที่อยู่ด้านหน้า เปิดเส้นทางให้กับสหายเราเร็ว!”
กลุ่มรถโควโต้เปลี่ยนรูปแบบมัน ล้างเส้นทางด้านหน้าให้นำไปสู่ประตูหลักฐาน ซึ่งช่วยให้ขวากหนามพุ่งทะยานได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง
หานเซี่ยวอยู่คนเดียวบนขวากหนาม หลังฆ่ากลุ่มจิ้งจอกวิญญาณ พวกเขาก็กลับและซ่อมขวากหนามในฐานฟาเรี่ยน ครั้งนี้ เขามาเพียงลำพัง ขุมกำลังอื่นในทะเลทรายโซมาร์ย่อมไม่ปล่อยผ่านโอกาสนี้ กำลังต่อสู้หลักของกุหลาบสงครามถูกกำจัด หานเซี่ยวส่งข้อมูลเหล่านี้ให้พวกเขา มันทำให้เขาสามารถตกปลาในน้ำปั่นป่วนได้
ปืนยิงระเบิด ปืนกลหนักและปืนยิงจรวดขนาดเล็กถูกควบคุมด้วยมืพร้อมมีมาตรวัดความเร็ว พวกมันไม่ได้ติดตั้งระบบควบคุมการยิงอัตโนมัติ
มีกระสุนเข้ามาหลายครั้ง หานเซี่ยวสามารถหลบได้บ้างและเกราะนอกก็ดูดซับผลกระทบส่วนที่เหลือ จากนั้นเขาก็เล็งใส่ปืนใหญ่บนกำแพงของฐานและยิง ขณะที่รถสั่นสะเทือนอย่างแรง จรวดขนาดเล็กและปืนยิงระเบิดก็พุ่งออกจากรถ ระเบิดใส่ปืนใหญ่บนกำแพง
ปืนใหญ่ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
ภายในฐาน ลู่ฉิงหน้าซีด เธอมีลางสังหรณ์ว่าพวกเธอจะไม่อาจป้องกันฐานได้ เธอเรียกซูลี่และมอบคำสั่งให้เธอ“เราจะยอมทิ้งฐานและอพยพด้วยทางเดินลับ นำคน5คนไปกับเรา”
ซูลี่พยักหน้า เห็นด้วยกับแผน
ทหารรับจ้างที่ถูกทิ้งไว้ฐานคือลูกแกะพลีชีวิต ส่วนพวกเธอจะลอบหนีโดยใช้ทางเดินลับ ตราบเท่าที่พวกเธอรอด พวกเธอก็จะสามารถรับทหารรับจ้างมาได้มากเท่าต้องการจากผู้สนับสนุนลับ
ทหารรับจ้างกุหลาบสงครามที่ป้องกันการโจมตีไม่รู้ว่าพวกเธอถูกทอดทิ้ง พวกเธอยังคงคุมปืนใหญ่ป้องกันพวกโควโต้และขวากหนามอย่างต่อเนื่อง เสียงระเบิดของปืนใหญ่ดังสนั่น ควันและไฟคือภาพเดียวที่เห็น พวกเธอไม่อาจได้ยินเสียงของใคร ทุกคนกำลังสู้ราวกับเป็นแนวปะการังเดียวที่กำลังต้านคลื่นสมุทร
บูมมม....
หลังยิงจรวดกว่าสิบนัดใส่ประตูเหล็ก ในที่สุดมันก็ระเบิด ประตูเปิดออกแล้ว!
“บุก!”โควต้อนยินดี
กองรถถีบตัวกันทันที พวกโควโต้กราดยิงปืนไปทั่วฐาน ทหารรับจ้างจากกุหลาบสงครามไม่อาจตั้งรับได้เมื่อศัตรูเข้ามาในฐาน พวกเธอถูกยิงจนพรุน
หานเซี่ยวขับขวากหนามเข้าไป เขาหยิบอินทรีคลั่งออกมาสองกระบอกและลงมืออย่างอิสระ พวกโควโต้เหลือบมองเขาแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้รั้งไว้
การลงมือของหานเซี่ยวรวดเร็วถึงขีดสุด เสื้อกันลมสีดำเขากระพือคล้ายผ้าคลุม เขาราวกับภูติผีในสนามรบ ในไม่ช้า เขาก็ค้นหาจนทั่วฐาน ในระหว่างนี้ เขาพบทหารรับจ้างสองคนจากกุหลาบสงครามที่ถูกเขายิงแสกกลางหน้าผาก หนึ่งในนั้นค่อนข้างสวย-เธอคงทำให้ชายหลายคนต้องหันมากหากสวมบิกินี่แล้วเดินบนชายหาด หานเซี่ยวแอบเสียใจกับการตัดสินใจยิงหัวเธอ
หลังค้นหาอยู่รอบหนึ่ง หานเซี่ยวก็ไม่พบหัวหน้ากุหลาบสงคราม คิ้วเขาถักกันเป็นปมเพราะรู้ว่าสถานการณ์ไม่ง่ายอย่างที่คิด
มันต้องมีทางลับ
สงครามเป็นกิจวัตรประจำวันในทะเลทรายโซมาร์ มันคงไม่น่าแปลกใจหากกุหลาบสงครามลอบสร้างทางลับไว้สำหรับการหนีฉุกเฉิน
ในไม่ช้าหานเซี่ยวก็พบร่องรอย ลู่ฉิงและพวกเธอรีบร้อนจนทิ้งรอยเท้าไว้ เขาตามรอยเท้าไปและเปิดประตูห้องใต้ดินบนพื้น มันมืดและเต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้น
แม่น้ำใต้ดิน?
หานเซี่ยวจุดแท่งไฟก่อนโยนมันลงไป มันลึกประมาณ5เมตร เขามั่นใจว่ามันปลอดภัยก่อนกระโดดลง
ด้านใต้ฐานคือภูเขาหิน และห้องใต้ดินก็คือเส้นทางที่ถูกขุดภายในภูเขาหิน ราวกับทางลับเป็นเหมืองทั่วไป กำแพงของเส้นทางถูกยึดด้วยกรอบไม้ มันมืดสนิท ไร้ซึ่งต้นกำเนิดแสง พื้นเป็นดินทำให้เห็นรอยเท้าได้อย่างชัดเจน
หานเซี่ยวยกมือขึ้น ลูบคลำกำแพงหิน และรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้น เขาสงสัยว่าอาจมีแม่น้ำใต้ดินลับใกล้ๆ
สถานการณ์ของเส้นทางข้างหน้าไม่แน่นอน หานเซี่ยวครุ่นคิดสักพัก จากนั้นเขาก็หยิบเครื่องตรวจจับแมงมุมออกมาและวางมันลงกับพื้น แมงมุมจักรกลยืนนิ่งราวกับทหารรอรับคำสั่งขณะหานเซี่ยวเริ่มควบคุมมันด้วยแท็บเล็ต
ฉันจะเรียกแกว่าแมงมุมหมายเลข1
หลังตั้งชื่อสุดอัศจรรย์ให้ หานเซี่ยวก็ควบคุมแมงมุมหมายเลข1ให้ขยับไปข้างหน้า วิสัยทัศน์ของกล้องถูกแสดงบนแท็บเล็ต-แมงมุมหมายเลข1ถูกติดตั้งกล้องมองกลางคืน
หลังเคลื่อนไหวได้สักพัก แมงมุมหมายเลข1วิ่งไปในกำแพงหิน มันมาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทาง
หลังเห็นว่าปราศจากอันตราย หานเซี่ยวก็หยิบคบไฟออกมาและเดินไปบนเส้นทาง ไม่น่าแปลกใจ เขาเห็นประตูลับบนเพดาน กองทรายตกลงมาเมื่อเขาเปิดประตู
หานเซี่ยวโผล่หัวออกไปดูและมองออกห้องใต้ดิน-มันเป็นถ้ำลาดเอียง แสงแดดส่องผ่านช่องเปิดของถ้ำ และพื้นก็เต็มด้วยยางรถยนต์
หานเซี่ยวขยับตัวออกจากถ้ำ และมุมมองเขาก็สว่างขึ้น สถานที่แห่งนี้มีความซับซ้อนของหินผุกร่อน ภาพเงาของฐานสามารถเห็นได้จากระยะไกล รอยรถถูกทิ้งไว้ในทะเลทราย กำลังมุ่งหน้าห่างจากฐาน
สมาชิกที่เหลือของกุหลาบสงครามหลบหนีโดยใช้รถ ฉันต้องรีบตามไป
หานเซี่ยวเก็บแมงมุมหมายเลข1กลับและรีบวิ่งกลับไปยังฐาน เขาเตรียมไล่ล่าโดยใช้ขวากหนาม
พวกโควโต้ได้กำจัดกุหลาบสงครามจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังขนย้ายของทั้งหมดเพื่อนำออกไป พวกเขาชะลอการกระทำและหันไปสนใจหานเซี่ยวเมื่อเขาเดินออกมา พวกเขามองเขาอย่างระมัดระวัง ทำให้หัวใจหานเซี่ยวเต้นกระหน่ำ
โควต้อนนำกลุ่มทหารรับจ้างมาล้อมรอบขวากหนาม หานเซี่ยวลอบจับปืนก่อนเดินไปหาและกล่าว“ออกไป”
“นายเป็นใคร?”โควต้อนมองหานเซี่ยวขึ้นลง คิดถึงบางสิ่ง
“ไม่สำคัญ ออกไปจากรถฉัน”
“รถนาย?”
โควต้อนเหลือบมองขวากหนามก่อนยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาให้สัญญาณกับคนของเขา และพวกเขาก็เดินเข้าโอบล้อมหานเซี่ยวทันที พร้อมชักปืนได้ทุกเมื่อ
“แน่ใจว่านี่เป็นรถนาย?”โควต้อนมองหานเซี่ยวและหัวเราะเบาๆ
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังข่มขู่
หากคำตอบของหานเซี่ยวไม่ตรงกับความชอบเขา เขาก็จะให้คนของเขาสั่งสอน
ฟุบ
หานเซี่ยวโจมตีโดยไม่พูดอะไร เขาถีบตัวไปข้างหน้าและชักอินทรีคลั่งเล็งหน้าผากของโควต้อน ราวกับดาบไร้ฝัก การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วราวกับสุนัขจิ้งจอก
“เร็วมาก!”ทหารรับจ้างรอบๆตกใจ จากนั้นก็รีบชักปืนและเล็งหานเซี่ยว การเคลื่อนไหวของหานเซี่ยวทำให้พวกเขาตื่นตัว นอกจากนี้ หัวของนายพวกเขายังติดกับปืนของหานเซี่ยว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไรวู่วาม
แม้จะถูกปืนจ่อหน้าผาก โควต้อนก็ยังสงบและไม่กลัว-ชีวิตเขามักแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ
“ถ้าอยากขู่ให้ฉันสั่งลูกน้องวางปืนลง นายควรเก็บคำพูดนั้นไป”เขายิ้มเย็น
“แกรู้ว่าฉันเป็นใคร นายของแกคงไม่อยากให้คนของเขามาสู้กันเอง”หานเซี่ยวตอบกลับอย่างสงบ เขาไม่สนใจปืนทุกกระบอกที่เล็งมาทางเขา
สีหน้าของโควต้อนเปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่เกือบนาที ความตึงเครียดปกคลุมไปทั่วฐาน ก่อนเขาจะโบกมือให้คนของเขาลดอาวุธลง เขามอบรอยยิ้มให้ก่อนพูดว่า“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นรถของนายจริงๆ”
หานเซี่ยวถืออินทรีคลั่งนิ่งและยังไม่ขยับ
โควต้อนขยับตัวไปข้างๆเพื่อเปิดเส้นทางให้หานเซี่ยว
จากนั้นหานเซี่ยวจึงเริ่มขยับตัว เขาลดปืนลงก่อนเดินขึ้นขวากหนามและพูดด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร“พยายามได้ดี”
จากนั้นเขาก็เหยียบคันเร่งและขับออกไป
รอยยิ้มบนใบหน้าโควต้อนหายไป เขามองรถหายลับไปจากสายตา เขาหันกลับมาและตระหนักว่าคนของเขากำลังจ้องมองเขาอยู่
“มองหาอะไรกัน!?รีบขนของเร็วเข้า!”เขาตะโกน
แม้เขาจะอยากได้ขวากหนาม เขาก็ไม่อยากแบกรับความโกรธของเจ้านายเขา โควต้อนคิดว่าหานเซี่ยวเป็นนักฆ่าที่ถูกจ้างโดยนายเขา ดังนั้นหลังหานเซี่ยวเห็นข้อเท็จจริงนี้ เขาจึงไม่อาจยั่วยุหานเซี่ยวได้อีก หากเขาทำแผนของเจ้านายเขายุ่งเหยิง เขาคงถูกเจ้านายเขาลงโทษอย่างหนัก
นอกจากนี้ หานเซี่ยววยังเป็นนักฆ่าที่เขาไม่รู้ถึงเบื้องหลัง ดังนั้น หลังพิจารณาสักพัก เขาก็ตัดสินใจสะกดข่มความโลภและยอมหานเซี่ยว