ตอนที่ 227 เพียงผู้เดียว
ตอนที่ 227 เพียงผู้เดียว
เฟิงเฉินหยูคงไม่คิดว่าองค์ชายใหญ่ซวนเทียนฉีจะให้คนมาส่งของให้นาง หลังจากที่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ยี่หลินก็เอ่ยเตือนนางขึ้นมาว่า “คุณหนูใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรเชิญเชิญพวกเขาเข้ามาก่อน”
จากนั้นนางจึงได้สติขึ้นมาและถามบ่าวรับใช้ข้างนอก “เขาเป็นใคร ?”
บ่าวรับใช้ตอบว่า “ขันทีเจ้าค่ะ”
เฟิงเฉินหยูพยักหน้า “อนุญาตให้เขาเข้ามา”
หลังจากนั้นไม่นานขันทีเข้าไปในห้องพร้อมถือกล่องไว้ในมือด้วย เมื่อมาถึงตรงหน้าเฟิงเฉินหยู เขาก็สุภาพมากพร้อมกับกล่าวทักทายเขาว่า “บ่าวรับใช้คนนี้ได้มาตามคำสั่งขององค์ชาย เพื่อมอบเครื่องประดับแก้วผลึกให้แก่คุณหนูใหญ่ขอรับ เราหวังว่าคุณหนูใหญ่จะยอมรับมัน”
เฟิงเฉินหยูประหลาดใจเป็นอย่างมาก “เครื่องประดับแก้วผลึก”
ขันทีดูเหมือนจะพอใจมากกับปฏิกิริยาของเฟิงเฉินหยู ในขณะที่เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “แก้วผลึกนี้เป็นสมบัติขององค์ชายจิงที่ได้มาจากช่างฝีมือซงซุย พระองค์กล่าวว่ามีเพียงคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฟิงเท่านั้นที่สมควรสวมใส่มัน”
คำชมเหล่านี้เกือบจะทำให้เฟิงเฉินหยูตัวลอยขึ้นฟ้า ตอนแรกนางเกิดมาพร้อมกับความงดงามมาก รอยยิ้มนี้ทำให้แม้แต่ขันทีที่มาส่งของกำนัลให้รู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฟิงมีงดงามสมกับกับคำร่ำลือจริง ๆ
ดังนั้นกล่องที่อยู่ในมือของเขาจึงถูกส่งต่อไปข้างหน้า “คุณหนูใหญ่กรุณายอมรับด้วยขอรับ”
เฟิงเฉินหยูตื่นเต้นที่ได้รับกล่อง และสั่งยี่หลินผู้ซึ่งอยู่ข้าง ๆ นางว่า “ข้างนอกหนาวมาก รีบเตรียมชาร้อน ๆ และเงินให้ท่านด้วย”
ยี่หลินมีความสุขมาก นางหยิบเงินถุงใหญ่ให้ขันที ขันทีไม่ได้ปฏิเสธและเก็บใส่แขนเสื้อทันทีหลังจากได้รับ จากนั้นเขาก็พูดกับเฟิงเฉินหยู “พระองค์ยังกล่าวอีกว่าพระองค์หวังว่าคุณหนูใหญ่จะยอมรับคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของพระนัดดาฮ่องเต้”
เฟิงเฉินหยูยิ้มและตอบว่า “ข้าฝากขันทีบอกพระองค์ด้วยว่าเฉินหยูชอบของกำนัลนี้มาก และขอบคุณที่มอบของกำนัลชิ้นนี้แก่เฉินหยู”
“ขอรับ ถ้าคุณหนูใหญ่ไม่มีคำสั่งใด ๆ บ่าวรับใช้คนนี้ก็จะขอตัวกลับก่อนขอรับ”
“เชิญ” เฟิงเฉินหยูโค้งคำนับแล้วให้ยี่หลินไปส่งเขา
เมื่อยี่หลินกลับมา นางได้เปิดกล่องและตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ข้างใน
เครื่องประดับแก้วผลึกสีขาวครบชุดที่ใสและสว่าง มันไม่เหมือนสมบัติบนโลกนี้ มันสวยมากจนทำให้ผู้คนพูดไม่ออก
ทั้งสองมองที่เครื่องประดับ ในที่สุดเฟิงเฉินหยูก็ได้สติขึ้นเล็กน้อย แต่นางถอนหายใจและพูดว่า “ก่อนหน้านี้เมื่อองค์ชายเก้าให้ของหมั้นแก่เฟิงหยูเฮง นางได้รับเครื่องประดับแก้วผลึกมากมาย ข้าอิจฉามากจนตาของข้าเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีวันที่องค์ชายมอบเครื่องประดับทั้งชุดให้ข้า ยี่หลินบอกข้าว่านับเป็นการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ?”
ยี่หลินมองไปที่ชุดเครื่องประดับแก้วผลึกและรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แม้กระนั้นนางก็ไม่สับสนเหมือนที่ได้รับ นางฟื้นสติของนางเร็วกว่าเฟิงเฉินหยูเล็กน้อย “คุณหนูนี่เป็นสิ่งที่องค์ชายใหญ่ส่งมา !”
อย่างไรก็ตามเฟิงเฉินหยูดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร นางยังคงจ้องมองที่เครื่องประดับแก้วผลึกตรงหน้านางและพูดว่า “ถึงแม้ว่าแก้วผลึกสีขาวจะไม่หายากเหมือนแก้วผลึกสีชมพูที่เฟิงหยูเฮงได้รับ แต่นี่เป็นเครื่องประดับที่ครบชุด ! ถ้าข้าสวมชุดแบบนี้ บางทีข้าอาจจะเป็นคนเดียวในโลกที่มีเครื่องประดับครบชุด”
ยี่หลินรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ “คุณหนู แม้ว่าคุณหนูจะเป็นคนเดียวในโลกที่มี คุณหนูก็ใส่มันไม่ได้นะเจ้าคะ !”
“ทำไม ?” เฟิงเฉินหยูโกรธ “นี่เป็นของที่ข้าได้รับ ทำไมข้าถึงใส่มันไม่ได้ ?”
“คุณหนู ท่านคิดสักนิด องค์ชายใหญ่มีปฏิสัมพันธ์น้อยมากกับคฤหาสน์ของเรา บ่าวรับใช้นี้อยู่กับคฤหาสน์มาหลายปีแล้ว แต่ข้าก็ไม่รู้จักองค์ชายจิง แล้วทำไมพระองค์ถึงส่งของขวัญแบบนี้มาให้คุณหนูล่ะเจ้าคะ ?”
“เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ขันทีพูดหรือ เป็นเพราะองค์ชายใหญ่รู้ว่ามีแต่ข้าเท่านั้นที่คู่ควรกับเครื่องประดับชุดนี้”
“นั่นเป็นเพียงคำชมเจ้าค่ะ !” ยี่หลินตื่นตระหนก นางกระทืบเท้า คุณหนูของนางดูเหมือนจะหน้ามืดตามัวกับเครื่องประดับไปเสียแล้ว นางไม่สนใจคำแนะนำเอาเสียเลย
เฟิงเฉินหยูหน้ามืดตามัวอย่างแท้จริง ภาพที่ตำหนักหยูมอบของขวัญหมั้นให้กับเฟิงหยูเฮงเป็นสิ่งที่ยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของนาง ในเวลานั้นนางยังคงเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่และเฟิงหยูเฮงเพิ่งกลับมาที่คฤหาสน์ บุตรสาวที่ไม่มีใครรักของอนุได้แสดงพลังที่น่าเกรงขาม นางคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นความอัปยศในชีวิตของนาง ตอนนี้นางได้รับเครื่องประดับชุดนี้ ถึงแม้จะไม่เพียงพอสำหรับการฟื้นสภาพอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็ทำให้นางสามารถฟื้นตัวได้เล็กน้อย
แต่…
“ถ้าสิ่งนี้ถูกส่งโดยองค์ชายเจ็ด มันจะดีสักเพียงใด” นางพูดอย่างนี้เบา ๆ เมื่อใบหน้าของนางดูหดหู่มาก
ยี่หลินตกใจมากยิ่งขึ้น “คุณหนูต้องจำคำพูดของนายท่านสามนะเจ้าคะ !”
“ข้ารู้” เฟิงเฉินหยูสงบลงและปิดฝาลงบนกล่องไม้ “ไปถามเรือนอื่น ๆ ว่าองค์ชายใหญ่ได้ส่งของขวัญให้คนอื่นหรือไม่”
เมื่อยี่หลินเห็นว่าในที่สุดคุณหนูใหญ่ของนางได้สติ ก็สงบลงเล็กน้อย “เจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ออกจากห้อง เฟิงเฉินหยูดึงกล่องไม้มาไว้ในอ้อมแขนของนาง ดูเหมือนกับว่าหัวใจของนางจะถูกประดับด้วยเครื่องประดับแก้วผลึก ใจของนางเต็มไปด้วยความคิดว่านางจะสวมเครื่องประดับชุดนี้ต่อหน้นคนอื่น ๆ ได้อย่างไร มันช่างน่าอัศจรรย์ขนาดนี้ !
อีกครึ่งชั่วยามหลังจากนั้นยี่หลินก็กลับมาพร้อมข่าวที่เฟิงเฉินหยูสั่ง “องค์ชายใหญ่ส่งของขวัญมาที่เรือนของเราเท่านั้นเจ้าค่ะ คุณหนูสามและคุณหนูสี่ไม่ได้รับอะไรเลย สำหรับเรือนตงเซิง… บ่าวรับใช้คนนี้ไม่สามารถหาคำตอบได้”
“ไม่เป็นไร” เฟิงเฉินหยูไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องที่เรือนตงเซิงเลย “เฟิงหยูเฮงมีของมีค่ามากมาย ดังนั้นข้าจะไม่ไปแข่งขันกับนาง ไปเตรียมอาหารกลางวัน หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็ไปหาท่านย่า”
วันรุ่งขึ้นหลังจากเที่ยง เด็ก ๆ ของตระกูลเฟิงทุกคนไปที่เรือนซูหยารวมถึงเฟิงหยูเฮง
ฮูหยินผู้เฒ่าดูใจดีในขณะที่นางบอกพวกเขา “แม้วจะเป็นเพียงงานเลี้ยงวันเกิดของพระนัดดาฮ่องเต้ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานพระนัดดาผู้นั้นมาก เมื่อถึงเวลาข้าราชสำนักทุกคนในเมืองหลวงจะมาร่วมประชุมด้วย ข้าคิดว่าจะมีองค์ชายที่จะไปแสดงความยินดีกับพระองค์ เจ้าต้องไม่ทำให้ตระกูลเฟิงเสียหน้าในงานนี้”
ทั้งสี่ตอบพร้อมกัน “หลานจะทำตามคำเตือนของท่านย่าเจ้าค่ะ”
“อืม” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าอย่างพอใจ “ของขวัญสำหรับพระนัดดาฮ่องเต้ คฤหาสน์จะจัดเตรียมให้พวกเจ้า มีของกำนัล 4 อย่าง และบ่าวรับใช้จะส่งไปที่เรือนของพวกเจ้า ตามคำเชิญพรุ่งนี้ตอนเย็น พวกเจ้าต้องตรงเวลา”
เฟิงเฟินไดยิ้มแล้วรีบพูดว่า "ท่านย่าไม่ต้องกังวล ! เราจะไม่สายเจ้าค่ะ“นางพูดอย่างนี้เมื่อมองเฟิงหยูเฮง”พี่รองถูกกักขังมาหลายวัน และในที่สุดก็สามารถออกจากคฤหาสน์เสียที แต่ท่านต้องใช้โอกาสนี้เพื่อเพลิดเพลินกับอากาศบริสุทธิ์ ใครจะรู้ว่าพี่รองจะถูกกักขังอีกเมื่อไหร่”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจเบาๆ เพื่อเตือนเฟิงเฟินได แต่มันไม่ใช่การประจานอย่างเด่นชัด
เฟิงหยูเฮงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของฮูหยินผู้เฒ่าและเย้ยหยันภายใน จากนั้นนางก็พูดว่า “น้องสี่ไม่ต้องกังวล ครั้งต่อไปทีข้าจะระวังมากขึ้น และการถูกลงโทษโดยเสด็จพ่อก็ไม่ใช่ข้าคนเดียวที่สนุกกับมันคนเดียว ข้าจะจำไว้อย่างแน่นอนว่าต้องลากน้องสาวของข้าไปด้วย ถ้าข้าจะถูกคุมขัง เราทุกคนจะถูกคุมขังไปด้วยกัน แบบนี้เราจะสัมผัสได้ถึงความสามัคคีระหว่างพี่น้องได้มากขึ้น”
“ใครอยากสัมผัสกับเจ้า !” นัยน์ตาของเฟินไดเปล่งประกาย “ถ้าเจ้าถูกลงโทษ ทำไมเจ้าต้องลากพวกข้าไปด้วย”
“ข้าจะลากเจ้าไปไม่ได้อย่างไร” เฟิงหยูเฮงยิ้มและมองที่เฟินได “ก่อนหน้านี้ท่านย่าพูดว่าเราทุกคนเป็นสมาชิกของตระกูลเฟิง มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ ยังจำสมบัติทั้งห้าที่ข้าได้รับได้หรือไม่ ข้าไม่ได้มอบผ้าเช็ดหน้าให้น้องสี่หรือ ทำไมเมื่อมีบางสิ่งที่ดีน้องสาวรับมัน แต่เมื่อมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นทำไมเจ้าถึงจะไม่ร่วมรับกับข้า”
“เจ้า…” เฟินไดพูดไม่ออก นางอยากจะบอกว่า ถ้าเช่นนั้นนางจะนำผ้าเช็ดหน้าคืนให้เฟิงหยูเฮง แต่นางไม่ยอม ด้วยผ้าเช็ดหน้าที่ใช้สมบัติหนึ่งในห้าอย่างนี้ เมื่อนางแต่งงานกับครอบครัวของสามีจะต้องปฏิบัติต่อนางให้ดีขึ้น
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฟินไดจึงหันหน้าหนีและไม่ส่งเสียงอีกต่อไป
ฮูหยินผู้เฒ่ามองดูการทะเลาะของเด็กสาว และถอนหายใจกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนึ่งก็เพราะนางสงสัยว่าตระกูลเฟิงทำบาปอะไรถึงได้ขาดความสามัคคีกันเช่นนี้ ข้อสองเป็นเพราะเฟินไดหรือเฟิงเฉินหยูไม่สามารถเอาชนะเฟิงหยูเฮงได้ไม่ว่าพวกเขาจะแข่งขันกันมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขายังแพ้เมื่อพูดถึงการต่อสู้ด้วยปัญญา พวกเขาไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง
“พอแล้ว !” นางโบกมืออย่างโกรธเคือง “เถียงกันพอหรือยัง พี่สาวไม่ทำหน้าที่ของพี่สาว และน้องสาวไม่ทำหน้าที่ของน้องสาว เจ้าไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ !”
เฟิงเฟินไดรู้สึกว่าทัศนคติของฮูหยินผู้เฒ่าที่มีต่อนางเมื่อไม่นานมานี้ค่อนข้างดี นางจึงพูดด้วยความเศร้าโศก “เป็นเพราะพี่รองไร้เหตุผลเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองใบหน้าของเฟิงเฟินได เมื่อมองไปที่เฟิงหยูเฮง นางพูดว่า “น้องสี่ของเจ้ายังเด็ก ทำไมเจ้าถึงโกรธนาง ?”
เฟิงหยูเฮงกระพริบตาและยิ้มพลางเอ่ยว่า “อาเฮงเพิ่งย่างเข้า 13 เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าที่ได้รับความอัปยศและไม่ต้องการที่จะพูดอะไรอีก ขณะที่นางไล่พวกเขากลับมา
หลังจากพวกเขาออกจากเรือนซูหยาไป พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปยังเรือนของตนเอง อย่างไรก็ตามเฟิงเฉินหยูรออยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทุกคนไปไกลแล้วนางก็เดินตามเฟิงหยูเฮง
ในที่สุดเมื่อถึงนาง นางก็รีบถามว่า “น้องรอง วันที่เราตกลงกันได้มาถึงแล้ว”
“ข้าจำได้” เฟิงหยูเฮงยิ้มให้ความมั่นใจแก่นาง “เมื่อรอบเดือนของพี่ใหญ่หมดแล้วมาหาข้า อย่าลืมนำเงินมาด้วย”
เฟิงเฉินหยูเม้มปากของนาง และคิดกับตัวเอง เจ้าสนใจแต่เงิน แต่นางก็พยักหน้า “อย่ากังวล ข้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”
ระหว่างทางกลับไปที่เรือนตงเซิง หวงซวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยและถามนางว่า “คุณหนูจะรักษาเฟิงเฉินหยูได้หรือเจ้าค่ะ? หากต้องคอยดูแล มันจะไม่เสียเวลาของพวกเราหรือ ?”
เฟิงหยูเฮงใช้คำตอบที่นางตอบวังซวนมาตอบหวงซวนเช่นกัน “ข้าจะยอมให้นางทำกำไรได้ง่าย ๆ ! นางทำชั่วดังนั้นนางจะต้องรับผลที่ตามมา สิ่งที่เจ้าขาดไม่ได้คือหัวใจของพระโพธิสัตว์ ข้าจำความไม่พอใจทั้งหมดของข้าได้”
วันรุ่งขึ้นตอนเย็น เมื่อคิดถึงเด็กสาวของตระกูลเฟิงกำลังเตรียมที่จะออกจากคฤหาสน์ ก็มีหิมะเริ่มตกเบา ๆ อีกครั้ง หวงซวนเดินมาพร้อมกับเฟิงหยูเฮงจากคฤหาสน์และพูดกับนางว่า "มีข่าวจากด้านองค์ชายใหญ่ เมื่อวานนี้พระองค์ส่งเครื่องประดับชุดหนึ่งให้เฟิงเฉินหยู จากการสอบถามขันทีที่ส่งมอบของขวัญ เฟิงเฉินหยูก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
เฟิงหยูเฮงยิ้ม “นางจะไม่มีความสุขได้อย่างไร องค์ชายใหญ่ตระเวณไปทั่วมา 20 ปีและได้สิ่งของมีค่าจำนวนมาก ทุกชิ้นที่พระองค์นำเสนอจะราคาต่ำได้อย่างไร สิ่งที่เฟิงเฉินหยูได้เห็นในช่วงชีวิตของนางเป็นเพียงสิ่งที่ตระกูลเฉินส่งมา แม้ว่าตระกูลเฉินจะทำการค้ากับราชวงศ์ พวกเขาจะเปรียบเทียบกับองค์ชายใหญ่ที่ทำการค่าในหลายแคว้นได้อย่างไร”
“คุณหนูคิดว่าองค์ชายสามจะถูกหลอกหรือไม่เจ้าคะ ?” หวงซวนเป็นกังวลเล็กน้อย “คนๆ นั้นมักจะสงสัยอย่างรวดเร็ว บ่าวรับใช้คนนี้เป็นกังวลเล็กน้อย”
เฟิงหยูเฮงขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์ “ข้าก็เป็นห่วงเช่นกัน ถ้าซวนเทียนเย่หลงกลง่าย ๆ ข้ากลัวว่าพระองค์และซวนเทียนหมิงคงไม่ต้องคอยจับตาดูเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
ทั้งสองพูดในขณะที่เดินออกไป เมื่อออกจากทางเข้าหลักของคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล นางได้ขึ้นรถม้าโดยตรง รถม้านั้นเรียบง่ายมากและมันก็ไม่ใช่รถม้าราคาแพงที่ฮ่องเต้ให้ เมื่อเปรียบเทียบกับรถม้าของคุณหนูจากคฤหาสน์เฟิงก็ดูดีกว่าเล็กน้อย
คุณหนูตระกูลเฟิงทุกคนนั่งในรถม้าของตัวเอง ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังตำหนักหยวน หวงซวนกล่าวกับเฟิงหยูเฮง “วันนี้เฟิงเฉินหยูสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาและนางมีหมวกไม้ไผ่คลุมศีรษะ ข้าไม่รู้ว่าเพื่อจะปิดกั้นหิมะหรือด้วยเหตุผลอื่นอีกหรือไม่”
“จำเป็นต้องป้องกันหิมะที่มีแสงน้อย สิ่งที่นางซ่อนอยู่น่าจะเป็นสิ่งที่องค์ชายใหญ่ส่งมาให้ เนื่องจากนางสวมหมวกไม้ไผ่ ของขวัญน่าจะเป็นเครื่องประดับมากที่สุด” เฟิงหยูเฮงยกผ้าม่านเบา ๆ แล้วมองออกไป ข้างหลังนางรถม้าอีก 3 คันของตระกูลเฟิงติดตามอย่างใกล้ชิด ด้วยม้าที่เดินทางผ่านหิมะทำให้มีภาพที่สวยงาม
ลดม่าน นางกำลังจะงีบในรถม้า อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะหลับสนิท นางก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
หวงซวนตกใจ “คุณหนู มีอะไรหรือเจ้าคะ ?”
เฟิงหยูเฮงเอานิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปากของนาง ชี้ให้หวงซวนเงียบ นางพูดเบา ๆ ว่า “ฟัง”