ภาค 2 ตอนที่ 19 การเย้ยหยันในเวลาเช้าตรู่
ตอนที่ 19 การเย้ยหยันในเวลาเช้าตรู่
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปบนทางเดินกรวดหิน คุณยายหยางเดินอยู่บนทางที่เต็มไปด้วยต้นสนเหมือนปกติ พ้นโค้งของทางนี้ก็จะถึงสวนสาธารณะ ทุกๆ เช้า ยายจะไปซื้ออาหารเช้าตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสาง หลังจากกลับถึงบ้านจัดแจงอาหารเช้าเสร็จ ลูกสาวกับลูกเขยถึงจะตื่น เสร็จจากภารกิจเตรียมอาหารเช้าอันทรงเกียรติแล้ว คุณยายหยางถึงได้เอ้อระเหยกลับไปทางที่ไปตลาดอีกครั้ง เดินไกลออกไปอีกหน่อย เลี้ยวโค้งไปรำมวยหรือเต้นรำกับเพื่อนบ้านที่สวนสาธารณะ ชีวิตประจำวันก็ไม่มีอะไรตื่นเต้น แต่ยายก็มีความสุข นับดูเวลาที่ลูกสาวแต่งงานก็เป็นปีแล้ว เมื่อไหร่จะมีหลานมาให้สักคน คุณยายคิดพลางสุขใจอยู่คนเดียว
ผ้าใบผืนใหญ่ขวางทางโค้งอยู่ อีกไม่กี่ก้าวก็จะเป็นประตูข้างของสวนสาธารณะแล้ว ผ้าใบสีฟ้าใหญ่ขนาดนั้นกองอยู่ตรงนั้น ช่างเกะกะชาวบ้านเหลือเกิน คุณยายหยางคิด
พอเดินไปใกล้ๆ ดูเหมือนผ้าใบนั้นนูนขึ้น เหมือนคลุมอะไรบางอย่างอยู่
คงไม่ใช่ถุงใส่เงินจำนวนมากสินะ ในละครมีเหตุการณ์อย่างนี้ประจำไม่ใช่เหรอ ถึงแม้จะเป็นแค่ละครก็ตาม คุณยายหยางก็ยังมองซ้ายแลขวา อาจเป็นใครที่เล่นตลกก็ได้ หันกลับไปดู มองไปข้างหน้า รอบๆ ไม่มีใครอยู่ คุณยายหยางเริ่มลังเล ถ้าเกิดเปิดผ้าใบออกแล้วข้างในเป็นเงินจะทำยังไงดี หรือว่าจะเรียกคนมาดูด้วยกัน
ขณะที่ยายกำลังลังเลอยู่ ลมจากทางเดินพัดผ่าน มุมของผ้าใบสีฟ้าถูกเปิดออก มีของบางอย่างสีขาวโผล่ออกมา คุณยายหยางไม่ได้เอาแว่นสายตายาวมาด้วย ต้องชะโงกไปดูใกล้ๆ หนังหัวเหมือนจะระเบิดออกทันที
นั่นเป็นเท้าข้างหนึ่งของคน เล็บออกสีม่วงอ่อนๆ
ลมอ่อนๆ พัดประตูข้างของสวนสาธารณะ มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา...
——————————————
ตอนที่โกโก้เปิดประตูมาเห็นสีหน้าของต้าเจิ้งก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น ต้าเจิ้งเงยหน้ามองเธอ มือถือยังไม่ได้ลดจากหู ฟังรายงานจากอีกฝั่งของโทรศัพท์เงียบๆ
เวลาผ่านไปพักหนึ่ง เขาถึงปิดมือถือ ทั้งสองมองหน้ากันเงียบๆ สายตาส่งสัญญาณที่จนปัญญาแก่กัน
โกโก้หลับตาสูดหายใจลึกๆ “ให้เวลาฉันสามนาที เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบกล่องอุปกรณ์” พูดจบก็เดินเข้าห้อง ทิ้งต้าเจิ้งไว้ที่ห้องรับแขกคนเดียว
คลื่นของขบวนรถในชั่วโมงเร่งด่วนช่วงเข้างานปิดทางข้างหน้า ต้าเจิ้งกับโกโก้นั่งอยู่ในห้องโดยสารหลายสิบนาทีแล้วโดยไม่พูดอะไรสักคำ โกโก้รู้สึกกระวนกระวายอย่างไม่รู้สาเหตุ เมื่อคืนเธอฝันเห็นตัวเองกำลังไล่ตามเงาดำในคืนที่เต็มไปด้วยหมอก ทุกครั้งที่เธอเกือบจะสัมผัสเงาดำนั้นได้อยู่แล้วนั้น ก็จะมีหมอกมาบัง แล้วเธอก็พบว่าสองมือว่างเปล่า สัมผัสอะไรไม่ได้เลย
"โกโก้..." เสียงของต้าเจิ้งแหบนิดๆ
"ฉันรู้ ฉันรู้! นายคิดจะบอกว่าฉันพยายามแล้ว พวกเราหยุดไม่ได้อะไรทำนองนั้น ฉันรู้..."
ต้าเจิ้งหันมามองเธออย่างลึกซึ้ง "...ฉันแค่อยากบอกว่าซาลาเปากับน้ำเต้าหู้อยู่เบาะหลัง เมื่อกี้ฉันลืมบอกให้เธอกินไป"
โกโก้เขิน หันไปควักซาลาเปาออกมากัดกิน
"ฉันรู้ว่าเธอกระวนกระวาย" ต้าเจิ้งพูด
พูดไปทำไม ศพไร้หัวศพแล้วศพเล่า ทิ้งศพไว้จะๆ แต่กลับหาเบาะแสอะไรไม่ได้สักอย่าง ใครเล่าที่จะไม่กระวนกระวาย
"ฉันไม่สนใจว่าเธอมีอารมณ์แบบไหน ก่อนที่จับไอ้ระยำนั่นมาได้ ต้องเก็บไปทั้งหมด" เท่าที่จำได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ต้าเจิ้งใช้น้ำเสียงที่ดุดันเช่นนี้พูดกับเธอ โกโก้ชะงัก ซาลาเปาคำหนึ่งติดอยู่ที่คอ
ต้าเจิ้งเหยียบคันเร่ง เปิดไซเรน ล้อรถเสียดสีกับพื้นดังเอี๊ยด วิ่งขึ้นทางเท้าที่ไม่มีคนเดินอย่างกร่างๆ พร้อมด้วยเสียงไซเรนที่พาลเอาเรื่อง ขับออกไปท่ามกลางสายตาของผู้คนที่อ้าปากค้างอยู่บริเวณนั้น
——————————————
แสงแดดสาดส่องที่ปลายยอดจนเกิดเงาเคลื่อนไหว โกโก้สวมถุงมือ เปิดผ้าใบสีฟ้าออก ศพเย็นยะเยือกเหมือนเป็นการเย้ยหยันต่อเช้าตรู่ที่เต็มไปด้วยแสงแดดอันอบอุ่น ศพไร้หัวแข็งทื่อนอนอยู่บนพื้น ไม่มีเสื้อผ้าปกปิด โกโก้สังเกตตั้งแต่บาดแผลบริเวณคอที่เป็นจุดหั่นศพไล่ลงมาตามความเคยชิน
"หญิง อายุประมาณยี่สิบปี บนผิวของศพไม่มีบาดแผลเด่นชัด..." จู่ๆ โกโก้ก็หันไป "ไป๋หลิง นายโทรบอกเสี่ยวเจ๋อหรือยัง"
ไป๋หลิงเหมือนเพิ่งนึกออก หยิบมือถือออกมาโทร
"ให้เขาไปรอพวกเราที่แผนกนิติเวชเลย...ต้าเจิ้ง! พวกนายมาดูนี่" โกโก้คุกเข่าอยู่ข้างศพเรียกพวกเขามา เธอสวมถุงมือฆ่าเชื้อแล้ว มือซ้ายกำลังดึงสมุดเล่มเล็กสีแดงออกจากใต้ศพที่ซีดขาว
"ของอะไร" ทุกคนประหลาดใจ จนถึงเวลานี้ฆาตกรยังไม่เคยทิ้งสิ่งของใดบนศพที่ทิ้งไป แล้วตอนนี้ สมุดที่ถูกทับอยู่ใต้ศพคืออะไร
"...เป็น...บัตรประจำตัวนักศึกษา" โกโก้เปิดสมุดเล่มเล็ก ทุกคนสุมหัวเข้ามา บนปกระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง พอเปิดออกหน้าแรกก็เห็นใบหน้ายิ้มแย้มที่อ่อนเยาว์ ด้านซ้ายมีชื่อ อายุ คณะ
"นี่ไม่ใช่ของศพหญิงไร้หัวรายนี้..." ไป๋หลิงพูดสิ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกันออกมา
ต้าเจิ้งเปิดบัตรประจำตัวนักศึกษาออกแล้วใส่เข้าไปในถุงใส่หลักฐานแบบใสเบาๆ "ไป๋หลิง นายไปตรวจสอบนักศึกษาคนนี้ ดูสิว่ารูปลักษณ์ตรงกับศพนี้หรือไม่"
กู่จี๋ที่อยู่ข้างๆ แทรกขึ้นมาประโยคหนึ่ง "อย่าเพิ่งแน่ใจนัก ถ้าโชคดี นี่อาจจะเป็นเป้าหมายต่อไปของฆาตกรก็ได้"
"แจ้งล่วงหน้าสำหรับก่อคดีเหรอ" ไป๋หลิงเอียงคอถาม
กู่จี๋พยักหน้า ต้าเจิ้งหันมามองที่เธอ "กู่จี๋ อะไรเรียกว่า ถ้าโชคดี"
กู่จี๋ขมวดคิ้ว "ถ้าบัตรประจำตัวนักศึกษานี้ไม่ใช่ของศพที่อยู่ตรงหน้าเรา ฉันคิดว่ายังโชคดีกว่า ถ้าใช่ การเอาบัตรนักศึกษาทับไว้ใต้ศพเพื่อให้พวกเราค้นพบเป็นสัญญาณอันตรายมาก ข้อหนึ่ง ก่อนหน้านี้ฆาตกรไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน นี่แสดงว่าระดับการก่ออาชญกรรมของเขาเลวร้ายยิ่งขึ้น จนกลายเป็นกำเริบสืบสานและทำตามอำเภอใจ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการท้าทายตำรวจ ‘ดูสิ! พวกแกทำอะไรฉันไม่ได้!’ ข้อสอง เขาไม่ได้ทิ้งสิ่งของอื่นที่ได้มาอย่างอวดดีแต่กลับเป็นบัตรนักศึกษา เป็นการบอกฐานะของผู้ตายแก่เราโดยตรง นี่อาจจะแสดงว่าไม่พอใจที่สาธารณชนยังไม่ทราบการกระทำของเขา"
"สื่อไม่ค่อยกล่าวถึงจริงๆ" โกโก้ลุกขึ้นยืนแล้วเหลือบตามองต้าเจิ้ง "แต่นี่เกี่ยวกับการฆ่าคนของเขาตรงไหน"
"ถ้ามองในมุมของฆาตกร ความคิดของเขาจะแตกต่างจากพวกเรา" เขาต้องการรายงานจากสื่อ ต้องการเห็นปฏิกิริยาจากประชาชน การรายงานเกินจริง ความหวาดกลัวของประชาชนจะทำให้เขาเกิดความพอใจ ทำให้เขารู้สึกตัวเองได้ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ "กู่จี๋หันไปทางต้าเจิ้ง "เมื่อวานฉันก็บอกกับผู้การแล้ว ฉันยังแนะนำให้มีสื่อรายงานเรื่องนี้อย่างเหมาะสม รายงานข่าวจะทำให้เขาดื่มด่ำกับมัน เลื่อนเวลาที่จะลงมือฆ่าคนครั้งต่อไปช้าลง ให้เวลาแก่พวกเรามากขึ้นก่อนที่จะพบศพรายต่อไป"
ต้าเจิ้งขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้า "ฉันจะไปจัดการ"
จนกระทั่งคนอื่นเดินไกลออกไป กู่จี๋ถึงถามโกโก้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า "เป็นไรเหรอ อารมณ์แย่มากเลยเหรอ"
โกโก้ค้อนใส่เธอ ไม่พูดอะไร
"รู้สึกโกรธกับเรื่องนี้" นักจิตวิทยายังถามอย่างไม่ลดละ
"เปล่า" โกโก้เปลี่ยนมุม ไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณศพ
"แหม เห็นที่เกิดเหตุอย่างนี้ โกรธก็เป็นเรื่องธรรมดามาก เหมือนกับ..."
"เจ็บใจ"
กู่จี๋อึ้งกับคำที่โกโก้โพล่งออกมา
"เฮ้อ เจ็บใจมาก" สวินเข่อหรันลุกขึ้นยืน พ่นลมหายใจออกแรงๆ
"...เจ็บใจก็ถูกแล้ว" กู่จี๋มองฝูงชนที่มุงอยู่ "จำอารมณ์ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์อย่างนี้ไว้ มันจะคอยเตือนเธออยู่เสมอว่า อย่ายอมแพ้"
สวินเข่อหรันพลิกบัตรนักศึกษาในมือมองดู "ไม่มีทาง...ที่จะยอมแพ้"