ตอนที่แล้วบทที่ 36 คลังสมบัติของเอกเทวคีต (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 38 ศึกแรกของศึกประลองนักเรียนใหม่ (2)

บทที่ 37 ศึกแรกของศึกประลองนักเรียนใหม่ (1)


บทที่ 37 ศึกแรกของศึกประลองนักเรียนใหม่ (1)

 

        ม่านราตรีมาเยือน ฉินซางนั่งอยู่หน้ากระท่อมไม้ไผ่ในทะเลโพรงมรกต เงาร่างแลดูเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย พิณโบราณตัวหนึ่งวางนอนอยู่บนโต๊ะด้านหน้า

 

“อินจู๋น่าจะถึงมิลานแล้ว เจ้าได้พบเขาหรือยัง? นีนาเอยนีนา เจ้าคงรู้ว่าข้าอยากไปพบเจ้าแค่ไหน แต่ข้าทำไม่ได้ ร่างกายข้า แบกรับไว้มากเหลือเกิน...

 

ฤดูธารใสไหลเอื่อย ดังระเรื่อยยามราตรี

 

เฉลียวจิตรู้ความใน มิเอ่ยเอื้อนดีดสายพิณ

 

สำเนียงเยือกเย็นแปรเป็นบทกวี พรรณนาบอกเจ้า จงสดับรับฟัง

 

ตั้งปณิธานมาดหมาย พรหมลิขิตพิณขลุ่ยอย่าได้แคล้วคลาดในชาตินี้ สงวนบุพเพดนตรีแสนหวาน ตราบนิจนิรันดร์

 

เยื้องยุรยาตรมา เจ้าอุ้มพิณตัวโปรดไว้ ราตรีนี้สดใสกว่าเคย

 

ใต้แสงจันทร์พันลี้ ทอดอาลัยกับดวงเดือน

 

บรรเลงเพลงส่งแดนไกล จากดวงใจ ในกายข้าจิตมั่นคง”

 

เสียงพิณขับขาน หยาดน้ำตาหลั่งริน แม้ไม่ใช่พิณแสงทะเลจันทรา แต่ในขณะนี้ ชั่วขณะที่สองมือของฉินซางกดลงบนสายพิณ ความคิดของเขาก็จมดิ่งอยู่ในห้วงความทรงจำอันยาวนาน

 

อินจู๋ไม่ได้สวมเทพจันทราพิทักษ์ แต่วิญญาณพิทักษ์และชีวาพิทักษ์เขากลับสวมติดตัวไว้เรียบร้อยแล้ว แม้วันนี้ตอนที่นีนารู้ว่าตนเป็นลูกศิษย์ของฉินซางจะดูโหดร้ายมาก แต่นอกจากความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้งจากตัวเธอ เขายังสัมผัสความคิดถึงที่คุณยายนีนามีต่อปู่ฉินได้อย่างชัดเจน

 

วิญญาณพิทักษ์เป็นสร้อยคอสีเงิน หล่อจากโลหะที่ไม่รู้จักชื่อ อัญมณีสีเงินรูปหัวใจฝังอยู่ในจี้ห้อยคอ ตอนที่เย่อินจู๋สวมมัน อัญมณีกลับเกาะติดบนหน้าอกของเขาเอง คลื่นพลังธาตุประหลาดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังจิตของเขา สมองราวกับปลอดโปร่งมากขึ้น ส่วนพลังจิตก็ถูกบีบอัดจนควบแน่นยิ่งกว่าเดิมด้วยผลจากพลังธาตุที่ไร้รูปร่างนั้น

 

ชีวาพิทักษ์กว้างประมาณหนึ่งนิ้ว เมื่อสวมบนข้อมือแลดูเข้ากับผิวพรรณพอดี ด้านบนมีอัญมณีสีเขียวอ่อนทั้งหมดแปดเม็ดฝังไว้ในโลหะสีคราม พลังงานอันอ่อนโยนเชื่อมผสานกับหัวใจและหลอดเลือด ก่อเกิดเป็นความรู้สึกอบอุ่น ของวิเศษสามชิ้นล้วนเกี่ยวข้องกับการป้องกัน ถึงแม้อินจู๋จะไม่คุ้นเคยกับของพวกนี้ก็ยังสามารถสัมผัสถึงความล้ำค่าของพวกมันได้

 

“นี่ เจ้านั่งบื้อมาครึ่งวันแล้วนะ ไม่ได้หลับและไม่ได้นั่งสมาธิ คิดอะไรน่ะ?” ชูร่านอนอยู่บนเตียงตัวเองพลางเอ่ยถามอินจู๋อย่างสงสัยใคร่รู้

 

“โอ๊ะ!” อินจู๋สะดุ้งตื่นจากอาการครุ่นคิด “ไม่มีอะไร อีกสองวันศึกประลองนักเรียนใหม่ก็จะเริ่มแล้ว”

 

ชูร่าพ่นหัวเราะ ดวงตากลมโตของเขายังคงเปล่งประกายในยามค่ำคืน “เจ้านี่อยากลงแข่งซะจริง! อย่าคาดหวังอะไรเลย เอกเทวคีตของพวกเจ้าไม่มีโอกาสหรอก พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ ข้าว่าเจ้าคิดถึงอนาคตตัวเองต่อจากนี้ดูให้ดีจะดีกว่า”

 

เวลาสองวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ทุกวันเมื่อเย่อินจู๋มาถึงเอกเทวคีต นีนาจะเรียกพวกเขาผู้เข้าแข่งขันห้าคนไปวางแผนกลยุทธ์การแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นพร้อมกัน ดูเหมือนว่าเธอจะลืมเรื่องวันนั้นไปแล้ว ไม่ได้ใส่ใจเย่อินจู๋มากมายอะไร เพียงแต่ภายใต้ท่าทีอันเข้มงวด สายตาของเธฮจะเผยให้เห็นความอ่อนโยนบ้างเป็นบางครั้ง

 

ดวงอาทิตย์ทองอร่ามสาดส่องผืนแผ่นดิน โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานเต็มไปด้วยชีวิตชีวา พืชพรรณไม้รูปทรงต่างๆ ปล่อยอากาศอันสดชื่นที่สุดใต้แสงแดดส่อง แม้ที่นี่จะใกล้กับปลายสุดทิศเหนือของทวีป แต่เพราะเป็นฤดูร้อน อุณหภูมิจึงยังคงค่อนข้างอุ่นสบาย

 

โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานนอกจากเขตเล็กๆ ตรงกลางแล้ว พื้นที่เกินกว่าสองในสามล้วนเป็นสนามประลองของสาขาเอกต่างๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะฝึกฝนเวทมนตร์หรือทักษะต่อสู้ก็จำเป็นต้องใช้พื้นที่ที่เพียงพอ วันนี้สนามประลองของแต่ละเอกคึกคักเป็นพิเศษ เพราะสนามประลองหลักสิบกว่าสนามในนั้นกำลังดำเนินการแข่งขันประลองนักเรียนใหม่

 

เหล่านักเรียนใหม่และนักเรียนชั้นปีอื่นจำนวนมากรวมตัวอยู่รอบๆ สนามประลองใหญ่ที่มีการแข่งขันเพื่อชมการต่อสู้ ส่วนสนามที่ผู้คนคึกคักที่สุด ก็คือสนามประลองหมายเลขหกที่เอกเทวคีตและเอกวารีแข่งขันกันในวันนี้

 

สนามประลองของเอกเทวคีตก็คือหอประชุมใหญ่ที่เหล่านักเรียนใหม่เข้าร่วมการทดสอบก่อนหน้านี้ เห็นชัดว่าที่นั่นไม่สามารถทำการแข่งขันได้ ฉะนั้น หลังจากจับฉลากกำหนดลำดับการแข่งขัน จึงจำเป็นต้องทำการประลองที่สนามประลองของเอกวารี

 

สนามประลองหมายเลขหกมีเนื้อที่เป็นพันตารางเมตร เวทมนตร์ของสาขาเอกใดก็จำเป็นต้องใช้อาณาเขตในระดับหนึ่ง ที่นี่จึงยังไม่ถือว่าใหญ่มาก ตามจริงแล้วที่นี่คือสนามประลองของเอกวารี นักเรียนเอกวารีแต่ละชั้นปีก็ควรจะเยอะที่สุด แต่ในขณะนี้ รอบบริเวณทั่วทั้งสนามประลองหมายเลขหก กลับมีคนล้อมอยู่อย่างน้อยหกพันคน มากกว่าจำนวนนักเรียนเอกวารีถึงสิบเท่าขึ้นไป เหตุผลง่ายๆ ตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานเป็นต้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่นักเรียนใหม่เอกเทวคีตลงแข่งขัน สาวงามผู้สูงส่งของเอกเทวคีตมีเกียรติยศสูงสุดในโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน ควรรู้ไว้ว่าผู้ที่เลือกฝึกฝนเป็นนักเทวคีต ส่วนใหญ่ล้วนแต่เกิดในตระกูลขุนนางที่เป็นชนชั้นสูงสุด มีแต่พวกเธอที่ไม่จำเป็นต้องคิดถึงอาชีพในอนาคต ใครจะบอกได้ล่ะว่านักเรียนใหม่รุ่นนี้ไม่มีเจ้าหญิงประเทศต่างๆ ในทวีปลองกินุสรวมอยู่ด้วย?

 

“เอกเทวคีต เอกเทวคีต เอกเทวคีต...” เสียงโห่ร้องอย่างคึกคักดังต่อเนื่องกันเป็นระลอกดั่งเกลียวคลื่น ถึงกับมีนักเรียนเอกวารีบางคนโห่ร้องให้เอกเทวคีต ไม่มีใครมองว่าเอกเทวคีตจะสามารถชนะได้ แต่ที่นี่จะเห็นได้ว่าบรรดาสาวงามเอกเทวคีตเป็นความใฝ่ฝันของนักเรียนชายทุกคน หากสามารถสร้างความประทับใจให้เหล่าสาวสวยได้ นั่นก็เป็นโชคลาภอันประเสริฐแล้ว

 

สนามประลองหมายเลขหกบนอัฒจันทร์ชมการแข่งขันมียี่สิบที่นั่ง โดยปกติจะเป็นบริเวณที่เหล่าอาจารย์เอกวารีมาชมการฝึกฝนของนักเรียน ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นชุดชมการแข่งขันของอาจารย์เอกวารีและเอกเทวคีต หัวหน้าเอกนีนานั่งอยู่บนที่นั่งตรงกลาง ด้านข้างเธอมีปรมาจารย์เวทวัลคีรีหัวหน้าเอกวารีระดับครามขั้นกลางนั่งอยู่ อาจารย์คนอื่นๆ ของทั้งสองเอกต่างก็นั่งอยู่สองฝั่ง โชคดีที่เหล่าอาจารย์เอกวารีส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เหล่าอาจารย์หญิงงามเอกเทวคีตจึงไม่ถูกก่อกวนอะไร ควรรู้ไว้ว่าความงามของเหล่าอาจารย์เอกเทวคีตโด่งดังพอๆ กับนักเรียนของพวกเธอ

 

“หัวหน้าเอกนีนา ทีแรกข้านึกว่าเรื่องเอกเทวคีตของพวกท่านเข้าร่วมแข่งขันเป็นแค่ข่าวลือเสียอีก คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นเรื่องจริง” วัลคีรีเป็นผู้เฒ่าตัวเล็กผอมแห้ง พอมองนีนาก็เผยให้เห็นสีหน้าคล้ายจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม

 

นีนาไม่แม้แต่เหลือบมองเขา สายตาจดจ้องไปยังนักเรียนทั้งสองฝ่ายที่เข้าสู่สนามประลองเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ก่อนเอ่ยตอบเสียงเรียบว่า “ในเมื่อเอกเทวคีตของเราเป็นเอกอันดับหนึ่งในโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน ทำไมจะเข้าร่วมไม่ได้ล่ะ? ท่านคิดว่าจะทำให้เอกเทวคีตของพวกท่านไม่รั้งท้ายศึกประลองนักเรียนใหม่อีกรอบยังไงก็พอ”

 

“เจ้า...” วัลคีรีอึกอักยกใหญ่ เวทมนตร์สายวารีเป็นเวทมนตร์ที่ค่อนข้างอ่อนแอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พลังเยียวยาสู้สายแสงไม่ได้ เวทมนตร์โจมตีก็จำเป็นต้องถึงระดับเขียวขึ้นไปจึงจะแสดงอานุภาพที่แท้จริงออกมาได้ ดังนั้นในศึกประลองนักเรียนใหม่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จึงรั้งอันดับสุดท้ายตลอด ส่วนผู้ที่เลือกเอกวารีส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนที่ฐานะครอบครัวธรรมดา เอกที่มีนักเรียนรับจ้างมากที่สุดในบรรดานักเวทก็คือเอกวารี ซึ่งตัดสินแล้วว่าเหล่านักเรียนไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอจะซื้อของวิเศษระดับสูง

 

“ในเมื่อเป็นการประลองทดสอบนักเรียนใหม่ทั้งหมด เอกเทวคีตมาเข้าร่วมย่อมเป็นเรื่องปกติ” น้ำเสียงแก่ชราดังขึ้นข้างหลังพวกเขา นีนากับวัลคีรีหันหลังกลับด้วยความประหลาดใจพร้อมกัน จึงพบว่ามีชายชราสวมเสื้อคลุมพ่อมดสีทองอ่อนมาอยู่ข้างหลังพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 

แม้แต่นีนาที่หยิ่งทะนงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอเห็นคนคนนี้ก็รีบร้อนลุกขึ้นยืน ก่อนกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ท่านผู้อำนวยการเฟอร์กูสัน สวัสดีค่ะ”

 

วัลคีรีกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ท่านผู้อำนวยการเฟอร์กูสัน เหตุใดท่านจึงมาได้ล่ะครับ?”

 

เฟอร์กูสันหัวเราะเบาๆ ริ้วรอยบนใบหน้าสามารถเสียบเม็ดถั่วอะไรเข้าไปก็ได้จนมิด “นักเทวคีตออกโรง ข้าย่อมต้องมาชื่นชมหัวหน้าเอกนีนาอยู่แล้ว ข้าว่า ในบรรดานักเรียนใหม่เอกเทวคีตปีนี้คงมีนักเรียนตัวเต็งอยู่แน่นอนกระมัง” เขาเข้าใจนีนามากกว่าวัลคีรี ความหยิ่งทะนงของนีนาเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน หากไม่มั่นใจในระดับหนึ่งแล้วล่ะก็ เอกเทวคีตที่ไม่มีพลังโจมตีก็จะไม่มายืนบนสนามประลองในวันนี้

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด