ตอนที่ 94 ขอความช่วยเหลือ
กุหลาบสงครามเดินโซเซตามเสียงของกระสุน ก๊าซพิษซึมเข้าไปในร่างวพกเขา และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาติดพิษ มีเพียงโดโรธี ผู้ที่มีคุณสมบัติร่างกายของนักสู้จึงสามารถต้านพิษได้ เธอคือผู้นำทัพวิ่งเข้าใส่มือปืน
หานเซี่ยวเปลี่ยนซองกระสุนปืนเป็นกระสุนเจาะแกนหมุน เขายิงปืนไรเฟิล และเสียงปืนก็ดังราวกับจังหวะเพลงที่มั่นคง ทีละนัด เขากวาดทหารรับจ้างไปทีละคน เสื้อเกราะกันกระสุนไม่อาจต้านทานพลังของกระสุนเจาะเกราะได้ เมื่อผนวกกับสถานะส่วนตัวของหานเซี่ยว การยิงโดยหานเซี่ยวจึงสร้างความเสียหายประมาณ130หน่วยว ยิ่งไปกว่านั้น ทหารปกติยังมีระดับแค่5-8 พวกเขามีพลังชีวิตประมาณ150หน่วย ดังนั้น การยิงนัดเดียวจึงพอจะฆ่าพวกเขาที่ติดสถานะพิษและไฟ การยิงนัดที่สองไม่จำเป็นต้องใช้ฆ่าพวกเขา ประสิทธิภาพการกวาดล้างศัตรูจึงสูงมาก
หานเซี่ยวจงใจทิ้งให้โดโรธีเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากการโจมตีเขา อย่างแรก เขาได้ฆ่าผู้ช่วยทั้งหมดของโดโรธีไป และเขาก็ถูกทิ้งให้อยู่กับผู้ที่แข็งแกร่งสุดอย่างโดโรธี
หลังหานเซี่ยวฆ่าทหารคนสุดท้าย ในที่สุดโดโรธีก็เข้าใกล้เขา เธอยกปืนกลดัดแปลงขึ้นและเริ่มยิงใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง
หานเซี่ยวหมอบลงและกระสุนก็ติดกับเนินทราย ทำให้ทรายลอยคลุ้งในอากาศ
โดโรธีกำลังวิ่งและยิงอาวุธเธออย่างบ้าคลั่งไปพร้อมกัน ในที่สุดเธอก็มาถึงตัวเขาหลังใช้กระสุนจนหมด เธอเปล่งจิตสังหารดุดันออกมา
มือปืนไม่มีทางรอดพ้นความตายไปได้หากนักสู้สามารถเข้าประชิดได้
โดโรธีอยากทุบหัวหานเซี่ยวให้แหลกคามือ เช่นเดียวกับที่เธอเคยทำกับศัตรูคนอื่น
“ขวานล่าเสือ!”
โดโรธีควงขวานเธอและฟันหัวหานเซี่ยว เสียงของขวานตัดผ่านลมดังขึ้น เธอมั่นใจว่าพลังโจมตีเธอพอจะผ่ากะโหลกของหานเซี่ยวเป็นสองส่วน
หานเซี่ยวหลบการโจมตีและสไลด์ไปข้างๆ
“ยิงกราด!”
ราวกับวิญญาณ หานเซี่ยวชักอินทรีคลั่งออกจากเอว กราดยิงอย่างต่อเนื่องปล่อยให้กระสุนเจาะเกราะจำนวนนับไม่ถ้วนมุดหายไปในร่างของโดโรธี
โดโรธีร้องอย่างเจ็บปวด แต่ทว่า ดวงตาเธอกลับเผยความไม่ยอมแพ้ เธอหยิบปืนลูกซองจากหลังและยิงใส่หานเซี่ยว
“กระสุนปืนลูกซองเป็นปืนที่รุนแรงสุดในระยะใกล้ ตายซะ!”
โดโรธีนึกภาพการตายของหานเซี่ยว แต่ภาพต่อมาก็ทำให้เธอประหลาดใจ
เกราะคล้ายเกล็ดได้ปกคลุมร่างส่วนบนของหานเซี่ยว และกระสุนจากลูกซองก็กระทบกับผิวของเกราะอย่างแรง ส่งผลให้เกิดประกายไฟ ด้วยทักษะปัจจุบันเขา หานเซี่ยวสามารถควบคุมเกราะแม่เหล็กให้ปกคลุมร่างส่วนบนเขาได้จนหมด
“ฉันมีเกราะ ยัยโง่!”
จากนั้นหานเซี่ยวก็ยิงกระสุนจนหมด นักสู้ที่มาถึงระดับเดียวกับป่านกวงย่อมสามารถต้านทานกระสุนเจาะเกราะได้
แต่เทียบกับป่านกวง โดโรธีอ่อนแอกว่ามาก และมันก็เป็นไปไมได้ที่เธอจะต้านทานกระสุนเจาะเกราะขนาดใหญ่ เลือดไหลทะลักจากปากเธอ และดวงตาสีเลือดเธอก็มองหานเซี่ยวอย่างอาฆาต เธอกำลังพึมพำ ราวกับเธออยากพูดอะไรบางอย่าง
บูม!หานเซี่ยวระเบิดหัวของโดโรธีด้วยปืนพกเขา
ท่านได้ฆ่าโดโรธี(ระดับ25)
ท่านได้รับค่าประสบการณ์7500หน่วย
ในขั้นแรก นักซุ่มยิง(สไนเปอร์)ย่อมเด่นด้านการต่อสู้ระยะไกล และพวกเขาย่อมโจมตีเป้าหมายได้อย่างสะดวกสบายในระยะนั้น อย่างไรก็ตาม นักซุ่มยิงจะถูกฝึกโดยขุมอำนาจใหญ่เท่านั้น นี่เพราะการฝึกสไนเปอร์มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป แม้กระทั่งสไนเปอร์ที่ห่วยแตกสุดยังต้องใช้เงินลงทุนอย่างน้อยหมื่นเหรียญ กระสุนปืนสไนเปอร์มีราคาแพง ทุกนัดที่ยิงย่อมหมายถึงการผลาญเงิน
ยิ่งไปกว่านั้น นักซุ่มยิงทั่วไปยังไม่มีเกราะแม่เหล็กอย่างเขา ดังนั้น พวกเขาจึงถูกฆ่าได้ง่ายๆเมื่อถูกศัตรูเข้าประชิด
หานเซี่ยวค้นผ่านร่างโดโรธีและพบปืนเธอ จากการดัดแปลงของปืน ดูเหมือนว่ากุหลาบสงครามจะมีช่างกลผู้ชำนาญอยู่
หลังกำจัดศัตรูกลุ่มนี้ หานเซี่ยวก็ได้รับค่าประสบการณ์มาหมื่นหน่วย เปลวไฟที่ไม่มอดดับของทุ่นระเบิดพิษไฟจะดึงดูดศัตรูมามากขึ้น
หานเซี่ยวถอนเครื่องรบกวนEMPออกและกลับขึ้นรถเขา รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังหานเซี่ยวจากไปไม่นาน กลุ่มโควโต้ก็มาถึง พวกเขาตกใจกับภาพตรงหน้า
“นั่นมันพวกกุหลาบสงคราม”
“ใครซุ่มโจมตีพวกเธอ?”
กลุ่มโควโต้กำลังจะตรวจสอบสนามรบแต่กำลังเสริมที่นำมาโดยลู่ ฉิงก็มาถึงก่อน พวกเธอเห็นสหายนอนตายบนพื้นและกลุ่มโควโต้ก็กำลังยืนอยู่เหนือร่างพวกเธอ
“ยิง!”
ทั้งสองกลุ่มขัดแย้งกันมาระยะหนึ่งแล้ว หลังเห็นศัตรู กุหลาบสงครามก็โกรธจัดและเริ่มยิง คำอธิบายเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ล้วนไร้ประโยชน์
ลู่ ฉิงสั่งโจมตีโดยไม่ลังเล กลุ่มโควโต้ตระหนักถึงสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญ ทันใดนั้น การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนเปล่งแสงไม่หยุดหย่อน
กองกำลังอื่นเองก็มาถึงเช่นกัน เมื่อเห็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มโควโต้และกุหลาบสงคราม พวกเขาก็อยากกินกล้วยและเข้าร่วมการต่อสู้ มันเปลี่ยนเป็นความโกลาหล
ยิ่งกองกำลังมามากขึ้น พวกเขาก็เข้าร่วมการต่อสู้โดยไม่ถามถึงเหตุผลเบื้องหลัง
การต่อสู้ดำเนินอยู่เกือบครึ่งคืน กองทหารที่ข้องเกี่ยวล้วนได้รับความเสียหาย พวกเขาถอยกลับฐานและเริ่มนับการสูญเสีย กองทหารที่มาถึงสุดท้ายไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงสู้กัน
กุหลาบสงครามพาศพทั้ง20กลับไปด้วย ศพเหล่านี้มีบาดแผลน่ากลัวจากกระสุนปืนสไนเปอร์
“ดูเหมือนว่าโดโรธีและคนอื่นจะไม่ได้ถูกพวกโควโต้ซุ่มยิง พวกเธอถูกฆ่าโดยนักซุ่มยิง”จิ้งจอกวิญญาณกล่าว
สีหน้าของลู่ฉิงเปลี่ยนไปปและเริ่มคิดถึงฆาตกร ศัตรูพวกเธอล้วนมาจากทะเลทรายโซมาร์ และแม้จะขัดแย้งกัน มันก็ยังเป็นการต่อสู้โดยตรงมากกว่าซุ่มโจมตี เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนทันที เมื่อตระกูลรอทไชล์ได้ตั้งค่าหัวพวกเธอ นักฆ่าหลายคนได้มาท้าทายและพยายามฆ่าพวกเธอ
“นักล่าค่าหัวอีกคน?”ลู่ฉิงขมวดคิ้ว กุหลาบสงครามไม่ได้รับการท้าทายจากนักฆ่ามาเกือบปีแล้ว
บางทีหลังผ่านไปหนึ่งปี เด็กน้อยบางคนอาจลืมความเจ็บปวดที่กุหลาบสงครามได้สั่งสอน
โดโรธีต้องเจ็บปวดอย่างมากก่อนตาย เธอถูกฆ่าตายในระยะประชิด นี่แสดงว่ามือปืนคนนนั้นต้องมีความสามารถต่อสู้ระยะประชิด
หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอสวมเสื้อโค้ตเปื้อนน้ำมันและพูดว่า“ฉันพบร่องรอยของนักฆ่าแล้ว เขามุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ มีค่ายอยู่สามแห่งที่นั่น และอันที่ใกล้สุดก็เป็นขององค์กรฟาเรี่ยน”
“ทำได้ดีมาก ซูลี่”
ซูลี่คือช่างกลของกุหลาบสงคราม และเธอก็รับผิดชอบด้านการบำรุงรักษาและดัดแปลงปืน ยานพาหนะและอุปกรณ์ป้องกัน
“ฉันพบเศษทุ่นระเบิดที่สนามรบ และคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นแผนซุ่มโจมตี ฉากหน้าของฉันเป็นขององค์กรฟาเรี่ยน มีความเป็นไปได้สูงว่านักฆ่าจะพักอาศัยในค่ายขององค์กรฟาเรี่ยน ฉันพยายามขุดทุ่นระเบิดนั่น และดูเหมือนจะเป็นระเบิดประเภทใหม่ ระเบิดประกอบไปด้วยก๊าซหลายชนิด”
ลู่ฉิงหรี่ตา พวกเธอได้พบศัตรูที่ยากจะรับมือเข้าแล้ว แต่เธอมีความคิดแก้แค้น เธอโทรออกแบบเข้ารหัสไปยังผู้สนับสนุนเบื้องหลังเธอ
“คุณเซบาสเตียน ทหาร20คนของเราถูกฆ่าโดยนักฆ่าลึกลับคนหนึ่ง”
เสียงแหบพร่าดังขึ้นจากอีกฝากของสาย“ฉันจะส่งคนไปจัดการ”
ทุกครังที่นักฆ่าปรากฏ ผู้สนับสนุนเบื้องหลังกุหลาบสงครามจะส่ง’นักฆ่ามืออาชีพ’มาจัดการ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้กุหลาบสงครามสามารถกำจัดนักฆ่าจำนวนมากได้ในทะเลทรายโซมาร์