ตอนที่แล้วบทที่ 35 เจอผีกลางวันแสกๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37 มีดแลกกับคน

บทที่ 36 คืนมีดสั้นมาให้ฉัน


บทที่ 36 คืนมีดสั้นมาให้ฉัน

 

ตั้งแต่ก้าวเข้าไปในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แถมยังหลงเหลือซอมบี้กลายพันธุ์อยู่ด้วยหนึ่งตัว หลิงม่อก็คิดแล้วว่าเด็กสาวคนสวยที่เคยเจอกันสามสี่ครั้งและดูอ่อนแอในสายตาเขาคนนี้คงจะกลายเป็นกระดูกไปเรียบร้อยแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะได้เจอกับหวังหลิ่นที่ยังมีชีวิตอยู่ในสถานที่เช่นนี้!

 

ตอนแรกหวังหลิ่นก็แค่เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่หลังจากเห็นคนกลุ่มนี้ที่ยืนอยู่ที่ประตู เธอก็เบิกตาโตทันที แล้วกระโดดลงจากเก้าอี้เสียงดัง “ตึง” และยกแขนเรียวยาวขึ้นมาชี้ไปที่พวกเขา เธอพูดรัวเร็วด้วยความประหม่าว่า “เธอ เธอ เธอ...”

 

“เอ๋ พวกนายรู้จักกับพี่หลิ่นด้วยเหรอ” หลี่อวี้สายตาดีทีเดียว เห็นแค่แวบเดียวก็ดูออกแล้ว เขาถามด้วยความประหลาดใจทันที

 

พี่?! เด็กสาวที่ดูอย่างมากก็แค่สิบเจ็ดสิบแปดปี แต่ผู้ชายตัวโตอย่างนายกลับเรียกเธอว่าพี่? หลิงม่อยังไม่ทันจะได้สติกลับคืนมาเต็มร้อย ก็ต้องรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง สายตาที่มองหลี่อวี้ก็เปลี่ยนเป็นตะลึงงันขึ้นมาทันที

 

หลี่อวี้ถูกจ้องมองจนหน้าแดงและพูดเสียงเบาว่า “พี่หลิ่นเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก บางครั้งแม้แต่ลูกพี่เองยังควบคุมเธอไม่ได้เลย คราวก่อนยังพาลูกพี่กลับมาบ้านด้วย...”

 

เขายังพูดไม่ทันจบ หวังหลิ่นก็สูดหายใจเข้าลึกและกลับมาสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด เธอเดินเข้าไปหาพวกหลิงม่ออย่างช้าๆ และมองพิจารณาพวกเขาทีละคนด้วยสายตาแปลกๆ

 

ขณะที่หลิงม่อกำลังพยายามคิดหาวิธีเริ่มบทสนทนา หวังหลิ่นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดูแคลนเล็กน้อยว่า “นี่ ซย่าน่า เธอยังไม่ตายหรอกเหรอเนี่ย”

 

หลิงม่อใจเต้น “ตึกตัก” ทันที! เมื่อกี้เขาตื่นตกใจมากเกินไป ก็เลยลืมไปว่าเด็กสาวคนนี้เป็นญาติของซย่าน่า! แต่ฟังดูจากน้ำเสียงของหวังหลิ่นแล้ว ทำไมดูคล้ายว่ามีความเป็นปรปักษ์กับซย่าน่าล่ะ ทว่าเมื่อนึกถึงสีหน้าเมื่อกี้นี้ของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอตื่นเต้นมาก แต่พอเอ่ยปาก เธอกลับเปลี่ยนเป็นเย็นชาแบบนี้ หวังหลิ่นคนนี้ปากไม่ค่อยจะตรงกับใจเลย...

 

เมื่อได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง ซย่าน่าก็มีปฏิกิริยาเล็กน้อย แววตาที่ดูสับสนงงงวยคู่นั้นของเธอหันไปทางหวังหลิ่น หลังจากกวาดตามองแวบหนึ่ง ซย่าน่าก็เบือนหน้าไปทางอื่นโดยไม่พูดไม่จาสักคำ

 

นี่ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนหยิ่งยโส แต่เป็นอาการแทรกซ้อนหลังจากที่ติดเชื้อและกลายเป็นซอมบี้

ทว่าหวังหลิ่นไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นพอเห็นซย่าน่าแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ เธอก็โมโหทันที “ทำหน้าบูดบึ้งเป็นอย่างเดียวเหรอไง จริงสินะ คนอย่างเธอน่ะเหรอจะตายง่ายๆ พอเห็นฉันยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ เธอคงรู้สึกผิดหวังมากเลยใช่ไหมล่ะ”

 

แน่นอนว่าซย่าน่าไม่เอ่ยตอบ แต่หลิงม่อกลับแสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมาทันที

 

ทำไมฟังจากน้ำเสียงของหวังหลิ่นแล้ว ไม่เพียงจะมีความเจ็บปวดเสียใจเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ายังมีความน้อยใจเจืออยู่นิดๆ ด้วย

 

หรือจะเป็นเพราะว่าปฏิกิริยาเวลาที่ซย่าน่าเจอเธอนั้นดูสงบนิ่งเกินไป แต่ถ้าเป็นเย่เลี่ยน หลิงม่อยังสามารถที่จะควบคุมเธอให้แสดงปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ได้ เช่น พยักหน้า ส่ายหน้าอะไรทำนองนี้ แต่ซย่าน่า...เขาสามารถยับยั้งเธอไม่ให้เธอลงมือโจมตีตามใจชอบได้ ก็นับว่าใช้ได้แล้ว การใช้กำลังควบคุมการเคลื่อนไหวของเธอก็คงจะทำได้แค่ให้เธอเดินตามเขาเท่านั้นเอง ถึงแม้เธอจะไม่ใช่ซอมบี้กลายพันธุ์ แต่ความยากในการควบคุมไม่ได้น้อยไปกว่าซอมบี้กลายพันธุ์เลย กลับยุ่งยากซับซ้อนกว่าเสียด้วยซ้ำ

 

หากไม่ใช่เพราะพลังจิตของหลิงม่อผ่านการวิวัฒนาการมาแล้วล่ะก็ เขาก็คงไม่สามารถควบคุมทั้งเย่เลี่ยนและซย่าน่าได้พร้อมๆ กัน แถมยังต้องควบคุมอย่างต่อเนื่องไม่หยุดด้วย

 

ซย่าน่านิ่งเงียบ หวังหลิ่นจึงทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาอีกครั้ง เมื่อหันไปมองพวกหลิงม่อ สีหน้าเธอก็เปลี่ยนเป็นไม่เป็นมิตร “พวกนายเป็นใคร”

 

หลิงม่องงงันทันที แต่จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเจื่อนๆ ออกมา ตัวเขาจำเด็กสาวข้างบ้านคนนี้ได้เป็นอย่างดี กระทั่งเคยรู้สึกเศร้าเสียใจกับ “การตาย” ของเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนี้จะไม่รู้จักเขาเลย!

 

จะว่าไปมันก็ไม่แปลก ไม่ว่าจะมองจากแง่ไหนมุมใด หลิงม่อก็ดูสุดแสนจะธรรมดาเหลือเกิน ถึงจะให้เขาไปอยู่ในฝูงชนก็ไม่มีใครหันกลับไปมองอีก แม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะเคยเจอกับเขาซึ่งๆ หน้าสามสี่ครั้ง แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะจำเขาไม่ได้ ใครใช้ให้เขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ไร้ซึ่งความโดดเด่นล่ะ

 

แต่จู่ๆ หลิวอวี่หาวก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “หลิ่น...ดูเหมือนว่าซย่าน่าจะมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งชื่อว่าหวังหลิ่น!”

 

“ฮึ่ม!” หวังหลิ่นทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ แล้วเหลือบมองซย่าน่าทีหนึ่ง เมื่อเห็นว่าซย่าน่ายังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ สองตาก็ลุกเป็นไฟทันที ทว่าขณะที่เธอกำลังจะระเบิดโมโห เธอกลับเหลือบไปเห็นมีดสั้นที่เอวของหลิงม่อ

 

ตอนนี้ความสนใจของเธอเบนจากซย่าน่าไปยังหลิงม่อทันที ตั้งแต่ที่หลิงม่อเดินเข้าประตูมา หวังหลิ่นไม่เคยมองเขาตรงๆ เลยสักครั้งเดียว แต่เวลานี้เธอกลับจ้องหลิงม่อเขม็ง “เอ๊ะ นายคือคนที่ขโมยมีดสั้นฉันไป! ทำไมนายถึงมาอยู่กับซย่าน่าได้”

 

ขโมย? อะไรเรียกว่าขโมย! ในช่วงวันสิ้นโลก ไม่ว่าใครก็เดินเข้าไปในร้านค้าที่ถูกทิ้งร้างของเธอได้ทั้งนั้น หรือว่าเธออยากจะบอกว่าซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนั้นเป็นเจ้าของร้าน

 

แต่คำพูดของหวังหลิ่นดูเหมือนจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่ในนั้น! วันนั้นที่เขาไปที่ร้านขายมีดทำมือของสกุลหวัง เด็กสาวคนนี้กำลังแอบดูเขาอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างนั้นน่ะเหรอ

 

ขณะที่กำลังคิด หลิงม่อก็มองเข้าไปในดวงตาของหวังหลิ่น แล้วแววตาของเธอก็บ่งบอกอย่างนั้น

 

“มองอะไร! ได้โอกาสพอดีเลย คืนมีดมาให้ฉันซะ! มีดเล่มนี้ฉันเป็นคนทำ นายมีสิทธิ์อะไรมาหยิบเอาไป!” หวังหลิ่นถลึงตาใส่หลิงม่อ จากนั้นก็พูดอย่างไม่ไว้หน้า

 

คืนมีด? หลิงม่อตะลึงงัน จากนั้นสีหน้าตื่นตกใจก็ค่อยๆ จางหายไปทีละน้อย สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความเฉยเมยเย็นชาเล็กน้อยและความเคร่งขรึมนิดๆ มีดสั้นเล่มนี้หวังหลิ่นเป็นคนทำ แต่หลิงม่อเป็นคนเสี่ยงอันตรายไปเอามา แล้วยังต้องสังหารซอมบี้กลายพันธุ์ด้วยหนึ่งตัว! ตอนนี้เด็กสาวคนนี้มายืนท่าทางชิลๆ อยู่ตรงหน้าเขา แล้วยื่นมือมาจะให้เขาคืนมีดสั้นให้เธอ เรื่องง่ายๆ สบายๆ แบบนี้มันมีที่ไหนกันเล่า

 

ยิ่งไปกว่านั้นคือหลิงม่อได้จ่าย “ค่าตอบแทน” ไปพอสมควรทีเดียวเพื่อมีดเล่มนี้ ซึ่งก็คือช่วยพวกซย่าน่าบุกฝ่าไปยังโรงเรียนซานจง ไม่ว่าจะในแง่เหตุผลหรือแง่ความสัมพันธ์ เขาก็ไม่ได้ติดค้างอะไรหวังหลิ่นอีกแล้ว

 

เมื่อเห็นหวังหลิ่นมีสีหน้าหงุดหงิด หลิงม่อกลับย้อนถามกลับอย่างเย็นชาว่า “ทำไมฉันต้องคืนให้เธอด้วย”

 

หวังหลิ่นนิ่งอึ้งทันที ส่วนหลี่อวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองหลิงม่อด้วยสายตาเวลาที่มองคนโง่ แล้วแอบดึงแขนเสื้อของหลิงม่อ “นี่เป็นมีดของพี่หลิ่น นายกล้าเก็บเอาไว้เหรอ คืนให้เธอเถอะนะ” เวลานี้สีหน้าเขาเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ หากรู้แต่แรกว่าคนกลุ่มนี้ที่ตัวเองพากลับมาจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับหวังหลิ่นทันทีที่มาถึง ตอนนั้นเขาก็คงไม่แส่หาเรื่องหรอก

 

หลิงม่อกลับแค่ทำเสียงฮึดฮัดหนึ่งที แต่ไม่ได้พูดอะไร ทว่าสีหน้าของเขาได้บ่งบอกท่าทีของเขาออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่า มีดสั้นเล่มนี้ เขาไม่มีทางเอาออกมาแน่นอน

 

“อะไรคือทำไม” หลังจากได้สติกลับมา หวังหลิ่นก็พูดอย่างเดือดดาลทันทีว่า “เดิมทีมีดเล่มนี้ฉันเป็นคนทำ แถมยังเป็นผลงานชิ้นแรกที่ฉันรู้สึกพอใจ! นายวิ่งเข้าไปในร้านของครอบครัวฉัน แล้วหยิบมีดที่ฉันทำไป แบบนี้มันต่างอะไรกับขโมยกันล่ะ ตอนนี้คนที่เป็นเจ้าของให้นายคืนของมา แล้วนายยังจะกล้าถามอีกว่าทำไม”

 

น้ำเสียงของหวังหลิ่นทำให้หลิงม่อรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ทั้งความหยิ่งในศักดิ์ศรี แล้วก็ท่าทางที่ยืนอยู่เหนือคนอื่นล้วนบ่งบอกว่าเด็กสาวที่ดูเหมือนอ่อนแอคนนี้มีมาดความเป็นเจ๊ใหญ่ของแท้กระจายอยู่ทั่วทั้งตัว

 

อย่าว่าแต่หลิงม่อเลย สายตาที่หลิวอวี่หาวมองหวังหลิ่นก็ดูค่อนข้างไม่พอใจเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแอบคิดอยู่ในใจว่าถึงแม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้ว หวังหลิ่นกับซย่าน่าแตกต่างกันมากทีเดียว...

 

ทางด้านหวังเฉิง เขามองหวังหลิ่นด้วยความระแวดระวังเล็กน้อย พร้อมกับค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปสองก้าว เขาไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับการทะเลาะเบาะแว้งนี้ ดูแล้วหวังหลิ่นน่าจะเป็นคนที่มีความสำคัญในแคมป์ผู้รอดชีวิตนี้พอสมควร แต่สองวันมานี้ความสามารถของหลิงม่อก็สร้างความประทับใจให้กับหวังเฉิงอย่างมากเช่นกัน

 

เขาถึงกับรู้สึกเลาๆ ว่า อย่าว่าแต่หวังหลิ่นคนนี้พูดจาไม่ไว้หน้าเลย สีหน้าของเธอก็ดูร้ายกาจไม่เบาเช่นกัน แต่หลิงม่อไม่มีทางยอมเด็ดขาด...

 

ทว่าขณะนั้นเองจู่ๆ ประตูของห้องด้านในก็เปิดออก แล้วก็มีผู้ชายอายุราวๆ สามสิบปีคนหนึ่งเดินออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นตกใจเสียงเอะอะโวยวายของหวังหลิ่น พอก้าวออกมาก็ถามอย่างเซ็งๆ ว่า “หวังหลิ่น เธอทะเลาะกับใครอีกแล้วล่ะ”

 

เมื่อเห็นพวกหลิงม่อ ผู้ชายคนนี้ก็ตะลึงงันทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นซย่าน่า สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาในฉับพลัน

 

เช่นเดียวกันกับสีหน้าของหลิงม่อตอนที่เห็นหวังหลิ่น แววตาที่ผู้ชายคนนี้มองซย่าน่าราวกับว่าเห็นผีกลางวันแสกๆ เหมือนกัน

 

“นี่...ลูกพี่ลูกน้องของหวังหลิ่น...สามสี่วันก่อนตอนที่ไปบ้านเธอ ไม่มีคนรอดชีวิตแล้วไม่ใช่เหรอ” ผู้ชายคนนั้นพูดโพล่งออกมาโดยไม่สังเกตเห็นเลยว่าหวังหลิ่นกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

 

หลิงม่อเลิกคิ้ว แล้วคิดในใจว่าท่าทีของเด็กสาวคนนี้ที่มีต่อซย่าน่าช่างแข็งนอกอ่อนในจริงๆ...

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลิงม่อจะหวั่นไหว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งของที่เขาเสี่ยงชีวิตไปเอามา เขาไม่มีทางส่งคืนให้หวังหลิ่นแน่นอน

“นายก็อยู่ที่นี่ด้วย!” ผู้ชายหันไปมองหลิงม่ออย่างรวดเร็ว นอกจากนี้พอเอ่ยปาก ก็ดูเหมือนกับว่าเขารู้จักกับหลิงม่อ “วันนั้นตอนที่นายกำจัดซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนั้น ฉันเองก็เห็น นายเก่งมากๆ! คิดไม่ถึงว่านายจะมาที่แคมป์ของเราพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของหวังหลิ่น...คนนี้ก็คือสาวสวยที่อยู่ด้วยกันกับนายวันนั้นล่ะสิใช่ไหม”

 

แล้วหลี่อวี้ก็พูดสอดเข้ามาได้ถูกเวลา “คนนี้คือลูกพี่ซ่งของเรา ลูกพี่ วันนี้เราเจอพวกเขาที่ย่านซานจง”

 

“ลูกพี่ลูกเพ่ออะไรกัน เรียกฉันว่าซ่งเทียนก็พอ” ซ่งเทียนยิ้ม

 

หลิงม่อจงใจมองข้ามหวังหลิ่นที่ถมึงตาจ้องมองเขา แล้วยิ้มเล็กน้อย “ฉันชื่อหลิงม่อ กับซย่าน่า...ลูกพี่ลูกน้องของหวังหลิ่น เราเป็น...”

 

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิงม่อเองก็ดูค่อนข้างสับสน ตอนนี้ซย่าน่ากลายเป็นซอมบี้แล้ว เมื่อหลุดจากการควบคุมของเขา เธอก็คือสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง แต่ด้วยกำลังความสามารถของซย่าน่าและความรู้สึกอดสงสารไม่ได้ที่อยู่ในใจ หลิงม่อก็เลยไม่อยากทอดทิ้งซย่าน่าไปแบบนี้

 

เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างซย่าน่าและเขา ในเวลานี้น่าจะนับได้ว่าเป็น... “เพื่อนกัน ฉันเป็นเพื่อนของซย่าน่า แล้วก็ยังมีเจ้าสองคนนี้ด้วย ทั้งคู่ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของซย่าน่า” หลิงม่อพูด

 

“งั้นก็ช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ!” ซ่งเทียนปรบมือเสียโอเวอร์ จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏแววลำบากใจเล็กน้อย “หวังหลิ่น เธอยังอาลัยอาวรณ์มีดสั้นเล่มนั้นของเธออยู่อีกเหรอ”

 

“เหลวไหล!” หวังหลิ่นเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า “หลิงม่อใช่ไหม รีบคืนมีดสั้นมาให้ฉันเร็ว!”

 

“ไม่คืน!” หลิงม่อเองก็ตอบเสียงเฉียบขาด “มีดเล่มนี้เธอเป็นคนทำ แต่ฉันเป็นคนเสี่ยงอันตรายไปเอาออกมา เธอพูดแต่ว่าจะเอาคืน นี่ต่างหากที่เป็นตรรกะโจรใช่ไหม”

 

เมื่อได้ยินหลิงม่อปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ สีหน้าของหวังหลิ่นก็ดูไม่ได้ขึ้นมาทันที

 

แต่ซ่งเทียนกลับหัวเราะดัง “ฮ่าๆ” และช่วยไกล่เกลี่ย “หวังหลิ่น หยุดเอะอะโวยวายได้แล้ว เรื่องมีดสั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะได้เจอลูกพี่ลูกน้องของเธอ อย่างไรเสียก็ชวนให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่ก่อนแล้วค่อยคุยกัน คิดว่ายังไงล่ะ คุณหลิง”

 

..................................................................................................................................................

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด