ตอนที่แล้วบทที่ 35 คลังสมบัติของเอกเทวคีต (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37 ศึกแรกของศึกประลองนักเรียนใหม่ (1)

บทที่ 36 คลังสมบัติของเอกเทวคีต (4)


บทที่ 36 คลังสมบัติของเอกเทวคีต (4)

 

        ระหว่างนั้น เย่อินจู๋ก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ตัวเองมีน้ำใจบริจาคเงินให้ขอทานจนถูกขโมยแหวนมิติอย่างละเอียด

 

“ไอ้คนสารเลว อย่าให้ข้ารู้นะว่าเจ้าเด็กขี้ขโมยนั่นเป็นใคร ข้าจะเชือดให้ตายซะ” นีนาที่กำลังเดือดดาลไม่ค่อยจะระวังคำพูดแล้ว เย่อินจู๋นึกโยงไปถึงคลื่นกระแทกที่เธอปล่อยออกมาเมื่อครู่ เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าทำไมนักเรียนหญิงพวกนั้นถึงกลัวเธอกันนัก

 

เนิ่นนานกว่าอารมณ์ของนีนาจะค่อยๆ สงบลง ก่อนมองอินจู๋ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมแล้วกล่าวว่า “หลายปีขนาดนี้ เขาไม่มาหาข้าเอง แต่กลับให้เจ้ามา เขามีเจตนาอะไร? ข้านึกว่าเขาลืมไปตั้งนานแล้วเสียอีก เขาให้เจ้ามาเพื่ออะไร? เพื่อพิณแสงทะเลจันทราตัวนี้ใช่หรือเปล่า?”

 

เย่อินจู๋ส่ายหน้าอย่างสับสนก่อนกล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้ ปู่ฉินบอกแค่ว่าให้เอาจดหมายมาด้วย ไม่ได้บอกว่าทำไม? อาจจะให้ข้ามาเป็นนักเรียนล่ะมั้ง”

 

“พูดเป็นเล่นน่ะ เขาสอนเองไม่ได้รึไง? นักเทวคีตระดับเขา ยังจำเป็นต้องให้เจ้ามาเข้าเรียนที่นี่อีก?”

 

นีนาสีหน้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ความรู้สึกหวั่นไหวอย่างรุนแรง มองพิณแสงทะเลจันทราในมืออินจู๋อยู่นานสองนานโดยไม่พูดจา

 

“คุณยายนีนา ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” เย่อินจู๋หยั่งเชิงถาม “เอ้อ ขอโทษครับ หัวหน้าเอกนีนาข้าเรียกท่านผิดอีกแล้ว”

 

น่าแปลก คราวนี้นีนาไม่ได้ระเบิดลงเพราะเขาเรียกว่าคุณยายนีนา ใบหน้าแก่ชรากลับแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย “ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าคุณยายนีนาเถอะ เขา...เขายังสบายดีไหม?”

 

“สบายมากเลย! แต่ว่าบางครั้งก็เห็นปู่ฉินเหม่อลอยอยู่คนเดียว แต่เวลาส่วนใหญ่เขาอยู่กับข้าตลอด สอนข้าดีดพิณ”

 

“ถ้าอย่างนั้นเขาแต่งงานหรือยัง?” ตอนที่นีนาถามประโยคนี้ดูจะเขินอายเล็กน้อย

 

เย่อินจู๋ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ แต่ผ่านมาสิบกว่าปี ปู่ฉินอยู่คนเดียวมาตลอด”

 

นีนาผ่อนลมหายใจราวกับยกภูเขาออกจากอก แต่ก็ขบเขี้ยวเคียวฟันขึ้นมาอีกทันที “ไอ้คนสารเลว ไม่แต่งงานแล้วยังจะไม่มาหาข้า ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไง? ไอ้คนสารเลว เลวทรามต่ำช้าจริงๆ บอกข้ามา เขาอยู่ที่ไหน?”

 

“คุณยายนีนา ข้าบอกไม่ได้ ตอนข้าจากมา ปู่ฉินกำชับข้าเป็นพิเศษว่าใครถามที่มาก็ห้ามบอก”

 

ความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าของนีนาจางหายไปแล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือใบหน้ายิ้มแย้ม “อินจู๋จ๊ะ บอกยายนีนามาซิ อาจารย์ของเจ้าอยู่ที่ไหน! ขอแค่เจ้าบอกมา ยายจะยกพิณแสงทะเลจันทราตัวนี้ให้กับเจ้า ดีไหม? นี่คือหนึ่งในยอดพิณแห่งยุค ไม่ด้อยไปกว่าพิณพวกนั้นที่เจ้าทำหายสักนิด ทีแรกอาจารย์เจ้าขอข้ายังไม่ให้เลยนะ”

 

เย่อินจู๋เหลือบมองแสงทะเลจันทราในอ้อมอกอย่างอาลัยอาวรณ์ สูดลมหายใจลึก ก่อนส่งพิณโบราณไปไว้ตรงหน้านีนา “ถ้าอย่างนั้นข้าไม่เอาแล้ว ข้าฝ่าฝืนคำสั่งของปู่ฉินไม่ได้”

 

“เจ้า...เจ้าเด็กโง่ที่ไอ้คนสารเลวเสี้ยมสอนนี่!” นีนาคว้าแสงทะเลจันทราไปอย่างเดือดดาล ทันใดนั้น ความคิดก็แล่นเข้ามาในหัวเธอ แววตาโกรธเกรี้ยวหายวับไปทันที ตาฉินซางตัวดี เจ้าไม่มาหาข้าใช่ไหม? ก็ได้! ลูกศิษย์เจ้าอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าไม่โผล่หัวมา ข้าก็จะกักตัวเขาไว้ ข้าขอดูหน่อยซิว่าเจ้าจะมาหรือไม่มา

 

เมื่อคิดออกในใจ ความคิดของนีนาก็คล่องแคล่วขึ้นมา สังเกตอินจู๋ตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายรอบก่อนกล่าวว่า “มนตร์พิณของเจ้าฝึกฝนถึงระดับไหนแล้ว? พูดตามสบายเถอะ ข้ากับฉินซางเป็นเพื่อนเก่ากัน เรื่องของเขาข้ารู้แทบทุกเรื่อง ระดับที่พวกเจ้าฝึกฝนไม่เหมือนกับระดับนักเวททั่วไปของเรา แบ่งออกเป็นสามระยะ แต่ละระยะมีเก้าขั้น ถูกต้องไหม”

 

เย่อินจู๋พยักหน้า ดูจากที่นีนาจำได้ว่าความสามารถของเขาเกี่ยวข้องกับฉินซาง เขาจึงเชื่อใจคุณยายนีนาตรงหน้าคนนี้ก่อนกล่าวว่า “ปู่ฉินบอกว่าข้าใกล้จะเข้าสู่ระดับหัวใจพิณดีกระบี่ขั้นพื้นฐานแล้ว แต่การฝ่าด่านจำเป็นต้องอาศัยจังหวะและเวลา”

 

ใกล้จะฝ่าด่านหัวใจพิณดีกระบี่ขั้นพื้นฐาน? นีนาตกอกตกใจ “พูดแบบนี้ แปลว่าตอนนี้เจ้าฝึกเทียบเท่ากับนักเวทระดับเหลืองขั้นสูงแล้ว?”

 

“เหมือนจะใช่นะครับ”

 

“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ นี่มันช่างดีจริงๆ สวรรค์ประทานโอกาสดีขนาดนี้ให้แก่ข้า ข้าจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร หึ เจ้าพวกตาแก่เอกอื่นทั้งหลาย คราวนี้ข้าจะให้พวกเจ้าดูเป็นขวัญตา ว่าอะไรคือนักเทวคีตของจริง ศึกประลองนักเรียนใหม่ จะต้องสั่นสะเทือนเพราะพวกเราเอกเทวคีต รับไว้” ระหว่างที่พูด เธอก็ส่งแสงทะเลจันทราไปไว้ในมืออินจู๋อีกครั้ง

 

“เจ้าได้เรียนรู้ทักษะปู่ฉินของเจ้ามามากขนาดไหน?” นีนาเอ่ยถาม

 

“ข้าไม่รู้ ปู่ฉินบอกว่าข้ายังห่างชั้นอีกไกล คุณยายนีนา ท่านอารมณ์แปรปรวนจัง สำหรับนักเทวคีต แบบนี้ไม่ค่อยดีล่ะมั้งครับ”

 

นีนาแค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เรื่องของข้าเจ้าไม่ต้องยุ่ง ช่างน่าขันจริงๆ! เมื่อวานนี้ยัยหนูน้อยเอกวายุดันมายั่วโมโหเจ้า เธอรู้เสียที่ไหนกันว่าเจ้าคืออัจฉริยะตัวจริง อายุสิบหกสิบเจ็ดปีก็ขึ้นไปถึงนักเวทระดับเหลืองขั้นสูงแล้ว บนเวทีประลองก็โดดเด่นเช่นเดียวกัน เย่อินจู๋ เจ้าฟังข้าให้ดี ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ศึกประลองนักเรียนใหม่ครั้งนี้ เจ้าจะต้องนำเอกเทวคีตไปเอาผลคะแนนดีๆ มาให้ได้ หากสามารถเข้ารอบชิงได้ ถ้าอย่างนั้น ข้าจะใช้ตำแหน่งหัวหน้าเอกเทวคีตช่วยเจ้าขอทุนการศึกษา ยกเว้นค่าเล่าเรียนทั้งหมดของเจ้าหลังจากนี้ไป และยกพิณแสงทะเลจันทราตัวนี้ให้เจ้าเอาไว้ใช้ตลอดด้วย”

 

“จริงเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมเลย” เย่อินจู๋ยินดีอย่างยิ่ง ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดแคลนที่สุดก็คือเงินกับพิณ เพียงครู่เดียวกลับมีครบหมดแล้ว

 

นีนาถลึงตาใส่เขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าอย่าคิดว่ามันง่ายดายขนาดนั้น อย่าลืมเสียล่ะ นักเทวคีตไม่มีพลังโจมตีอะไรเลย แค่ทำตามแผนที่ข้าวางไว้เมื่อกี้ เพียงแต่ตัวโจมตีหลักเปลี่ยนจากไห่หยางเป็นเจ้า”

 

อินจู๋ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่ครับ แบบนั้นไม่ดี ข้าให้เด็กผู้หญิงเป็นโล่กำบังของข้าไม่ได้ คุณยายนีนา ข้าคิดว่า ข้าคนเดียวไหว”

 

“ดี มุ่งมั่นดี สมกับเป็นลูกศิษย์ของฉินซาง แต่อยู่ที่นี่เจ้าก็ต้องฟังข้า มีตัวแปรอย่างเจ้า ตอนแข่งขันใช้กลยุทธ์อะไรข้าจะคิดดูอีกที กลับไปค่อยว่ากันเถอะ อ้อ จริงสิ อย่าให้ใครรู้อีกล่ะว่ามนตร์พิณของเจ้าแตกต่างจากนักเทวคีตทั่วไป คนอื่นยิ่งดูถูกเจ้าก็ยิ่งได้เปรียบ”

 

“อ้อ ครับ” อินจู๋เอ่ยปากตอบรับ

 

นีนาถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ต่อไปถ้าเจ้าเจอปัญหาอะไรในโรงเรียนก็มาหาข้า ในเมื่ออาจารย์เจ้าส่งตัวเจ้าให้ข้าแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าอย่างดี มา เจ้าตามข้ามา” เธอพาเย่อินจู๋เดินไปถึงหน้าชั้นวางทางด้านขวาของคลังสมบัติ ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมพ่อมดสีขาวลงมาจากชั้นบนสุดแล้วยัดใส่อ้อมแขนของเย่อินจู๋ จากนั้นก็พาเขาเดินมาอยู่หน้าชั้นวางอัญมณีอีกครั้ง แล้วหยิบกำไลวงหนึ่งกับสร้อยคอเส้นหนึ่งจากด้านบนให้เขา

 

“เจ้าไปก่อนเถอะ ข้ายังต้องช่วยยัยหนูพวกนี้เลือกเครื่องมืออีกหน่อย ของสามชิ้นที่ข้าให้เจ้าห้ามหายเด็ดขาด เสื้อคลุมเวทมนตร์มีชื่อเรียกว่าเสื้อคลุมจอมเวทเทพจันทราพิทักษ์ เป็นของวิเศษที่เผ่าพันธุ์เอลฟ์ผลิตขึ้น มีคุณสมบัติเป็นเกราะแสงธาตุในตัวพร้อมเวทมนตร์ทำความสะอาดตัวเองของสายวารี ไม่มีวันเปื้อนคราบสกปรกใดๆ เกราะแสงธาตุครอบคลุมอาณาเขตไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับพลังจิตของผู้ใช้ว่ามากน้อยแค่ไหน ใช้ได้วันละสามครั้ง ไม่ว่าโจมตีทางกายภาพหรือโจมตีด้วยเวทมนตร์ก็ทนทานได้ดีทีเดียว”

 

“คุณยายนีนา นี่มันมีค่าเกินไป” คลื่นธาตุที่แผ่กระจายออกมาจากของสามชิ้นนี้ เย่อินจู๋เองก็มองออกว่านี่คือของดีที่หาได้ยากยิ่ง

 

“ไม่ได้ให้เจ้าซะหน่อย ก็แค่ทำให้เจ้ามีแรงฮึดสู้เพื่อเอกเทวคีตในศึกประลองนักเรียนใหม่เท่านั้นเอง สร้อยข้อมือเรียกว่าวิญญาณพิทักษ์ คุ้มกันพลังจิตโดยเฉพาะ มีประโยชน์เวลาเจ้าฝึกตามปกติ เมื่อเจอการโจมตีของเวทมนตร์จิตวิญญาณ ยังสามารถปกป้องแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของเจ้าไว้ได้อีกด้วย ให้ไม่ถึงขั้นปัญญานิ่มไป กำไลชีวาพิทักษ์วงนั้นสามารถเรียกการป้องกันโดยสมบูรณ์ได้วันละครั้ง แม้ว่าจะเป็นการป้องกันโดยสมบูรณ์ แต่หากการโจมตีของคู่ต่อสู้เกินกว่าระดับม่วงก็ยังคงเสี่ยงมาก เจ้ากลับไปดูเอาเองแล้วกัน”

 

เย่อินจู๋ออกไปตามที่นีนาสั่ง เมื่อมองแผ่นหลังของเขาจากไป น้ำตาก็เอ่อคลอในดวงตาของนีนาอีกครั้ง “ไอ้คนสารเลว ตรีพิทักษ์ที่เจ้าไม่ต้องการตอนนั้น ข้าให้ลูกศิษย์เจ้าไปแล้ว เจ้ารู้หรือเปล่า? เดิมที นี่เป็นของแทนใจที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า...”

 

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด