บทที่ 34 คุณหมอซ่งโกรธจัด
บทที่ 34 คุณหมอซ่งโกรธจัด
เมื่อมาถึงสถานีโทรทัศน์ ฉางฉิงได้รับสายของซ่งฉู่อี๋ “อาหารเช้าอร่อยหรือเปล่า”
“อร่อยมากค่ะ” ฉางฉิงยิ้มหวานหยดย้อย “เฟรนช์โทสต์ที่ป้าหวังทำราดน้ำผึ้งใส่เยอะมาก อร่อยสุดๆ เลย”
“จอมตะกละ เอาล่ะ ผมต้องไปผ่าตัดแล้ว แค่นี้นะ”
ฉางฉิงมองดูโทรศัพท์มือถือด้วยความสงสัย เขาโทรมาเพื่อที่จะถามเธอว่าอาหารเช้าอร่อยหรือเปล่าแค่นั้นน่ะเหรอ
“ดูอะไรอยู่เหรอ ยิ้มแฉ่งเชียว” เหวินถง ผู้ช่วยของฉางฉิงชนไหล่เธออย่างมีเลศนัย “นี่ เธอคงไม่ได้ปิดบังฉันเรื่องมีแฟนแล้วหรอกใช่มั้ย”
“เปล่าสักหน่อย” ฉางฉิงลูบหน้าตัวเองดู เมื่อกี้เธอยิ้มเหรอ
ช่วงบ่าย พอฉางฉิงทำงานที่สถานีโทรทัศน์เสร็จแล้วก็รีบไปที่โรงพยาบาลทันที การผ่าตัดของเสิ่นลู่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ตอนนี้เสิ่นลู่ยังไม่ฟื้น
ตอนที่ฉางฉิงไปถึง มีเพียงฟู่อวี้เฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงคนไข้คนเดียว เธอลังเลว่าจะเข้าหรือไม่เข้าไปดี แต่แล้วฟู่อวี้ก็เห็นเธอเข้า “ฉางฉิง มาแล้วทำไมไม่เข้ามาล่ะ”
“ฉันเพิ่งมาถึงค่ะ” ฉางฉิงก็เลยจำต้องเข้าไป “เมื่อไรคุณป้าจะฟื้นคะ”
“คงอีกสักหนึ่งชั่วโมง” ฟู่อวี้บีบหว่างคิ้ว
ฉางฉิงสังเกตเห็นว่าเขาดูท่าทางเหนื่อยล้า หนวดเคราที่ขึ้นมาใหม่บริเวณข้างปากก็ยังไม่ได้โกนทิ้ง แล้วเธอก็นึกถึงฟู่อวี้คนก่อนที่หน้าตาสดใสร่าเริงและสะอาดสะอ้าน “เมื่อคืนพี่อยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอคะ”
“ใช่แล้ว คุณแม่ท่านปวดหัวไม่หยุดเลย” ฟู่อวี้พูดเสียงแหบแห้ง
การที่เขาเป็นแบบนี้ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นห่วงได้อย่างง่ายดาย ฉางฉิงพูดปลอบ “ผ่าตัดเสร็จแล้ว ทุกอย่างก็จะดีขึ้นค่ะ จริงสิ คุณลุงกับคุณป้าหย่ากันแล้วจริงๆ เหรอคะ เมื่อก่อนพวกท่านก็รักกันดีไม่ใช่เหรอคะ”
“นั่นเป็นแค่สิ่งที่เธอเห็น สมัยที่พี่เรียนชั้นมอปลาย พวกท่านก็เริ่มระหองระแหงกันแล้ว แต่เพื่อพี่ พวกท่านก็เลยยังไม่ได้หย่า” ฟู่อวี้เบ้ปากอย่างเฉยเมยปนหัวเราะเยาะตัวเอง “หลังจากย้ายออกจากหยางโจวได้ไม่นาน พ่อพี่ก็ไปแต่งงานใหม่ที่ฮ่องกง”
ฉางฉิงตะลึงงัน
พอเห็นความเจ็บปวดใจที่เอ่อขึ้นมาในดวงตาของฉางฉิง หัวใจที่โดดเดี่ยวอ้างว้างมานานหลายปีของฟู่อวี้ก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี เด็กคนนี้ก็เป็นห่วงเป็นใยเขาตลอด “จริงสิ เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทเราร่วมผลิตละครกับสถานีโทรทัศน์ของเธอ บทนางรองเลือกจากคนในสถานีโทรทัศน์ คงจะเป็นเธอใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉืออี่หนิงได้บทนี้ไป” ฉางฉิงยังคงรู้สึกเศร้าใจเรื่องเขาและเสิ่นลู่อยู่ เธอส่ายหน้าอย่างเซื่องซึม
ฟู่อวี้ขมวดคิ้ว “ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ เท่าที่พี่รู้ ด้วยอายุ รูปร่างหน้าตาและประสบการณ์ของเธอ เธอน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในสถานีโทรทัศน์”
ฉางฉิงเก้อเขินพลางก้มหน้าก้มตา
ฟู่อวี้ช่างฉลาดเสียจริงๆ เขาเข้าใจเรื่องราวอย่างทะลุปรุโปร่งทันที
ขณะนั้นเองก็มีสองคนเดินเข้ามาในห้อง ซ่งฉู่อี๋กับแพทย์ฝึกหัดหญิงคนหนึ่ง แพทย์ฝึกหัดเข็นอุปกรณ์มาด้วย
ซ่งฉู่อี๋เหลือบมองพวกเขาสองคน แล้วฉางฉิงก็นึกถึงคำเตือนเมื่อคืนของเขาขึ้นมาได้ เธอตึงเกร็งไปทั้งตัวราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
ฟู่อวี้ไม่พอใจที่ถูกรบกวน “คุณหมอซ่ง มีอะไรเหรอครับ”
“ผมมาตรวจดูคนไข้ครับ” ซ่งฉู่อี๋ส่งสายตาให้แพทย์ฝึกหัดหญิง แล้วแพทย์ฝึกหัดหญิงก็รูดม่านปิด
บริเวณด้านนอกม่าน จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของฟู่อวี้ก็ดังขึ้น ฉางฉิงได้ยินเหมือนกับว่าทางบริษัทมีเรื่องด่วน จึงพูดว่า “พี่ไปจัดการเรื่องงานเถอะค่ะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันช่วยเฝ้าคุณป้าเสิ่นให้เอง”
“งั้นก็รบกวนด้วยนะ เดี๋ยวสักหนึ่งทุ่มพี่ค่อยกลับมาใหม่” ฟู่อวี้ขมวดคิ้วพลางพูดเสียงนุ่มนวล “ส่วนเรื่องละคร พี่จะไปคุยกับผู้อำนวยการสถานีของเธอเอง”
ฉางฉิงลนลาน “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉัน...”
“การที่พี่ตัดสินใจจะร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ของเธอก็มีสาเหตุมาจากเธอนี่แหละ พี่นึกว่าถึงไม่บอกเขา เธอก็ได้บทนางรองอยู่แล้ว ดูท่าพี่จะมองผู้อำนวยการของเธอในแง่ดีเกินไป” ฟู่อวี้ทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา ไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร เขาก็รีบร้อนเดินจากไปซะแล้ว
ฉางฉิงรู้สึกไม่ดี พอหันกลับมา ซ่งฉู่อี๋ก็เดินออกมาจากด้านหลังม่าน แววตาเขาเย็นยะเยือกดุจหิมะ
สายตาคู่นั้นทำเอาเธอรู้สึกหนาวจนตัวสั่นเทิ้ม ตายแน่ เขาต้องเข้าใจผิดไปแล้วแน่เลย
“คุณหมอซ่งคะ ตรวจเสร็จแล้วค่ะ อัตราการเต้นของหัวใจกับความดันของคนไข้ปกติดีค่ะ” เสียงของแพทย์ฝึกหัดช่วยทำลายความเงียบในห้องคนไข้ลง
..................................................