ภาค 2 ตอนที่ 17 สยองยิ่งกว่าภูตผี
ตอนที่ 17 สยองยิ่งกว่าภูตผี
พบเวยเวยที่ใส่ชุดแดงยาวอีกครั้งห่างจากครั้งแรกได้ไม่นาน แต่เมื่อก้าวเข้ามาในประตูที่มีคำว่า ‘บูชา’ แขวนอยู่ โกโก้ก็ยังรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง หัวคนหัวแรกของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องศพหญิงไร้หัวก็พบเจอที่นี่ ถึงแม้เวลานี้คดียังอยู่ในขั้นตอนสืบสวนด้วยทิศทางที่ไม่ชัดเจน แต่การพบหัวคนก็เสมือนค้นพบเส้นแบ่งเขต ค่อยๆ ชักนำเรื่องทั้งหมดออกพ้นน้ำมาได้
รูปถ่ายประหลาดยังอยู่ในตำแหน่งเดิมบนชั้นหนังสือ โกโก้สอดส่องรูปถ่ายที่ออกเหลือง ขณะที่รอคอยอย่างสงบ
"สวินเข่อหรัน" เวยเวยออกจากหลังผ้าม่านประตู
"โอ้ ฉันมาคืนกล่องให้คุณ" โกโก้วางกล่องไม้ประดู่ในมือบนโต๊ะ
"พวกเธอไม่ต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานเหรอ"
"การตรวจสอบทำไปหมดแล้ว คุณเอาหัวคนมาใส่ในภายหลัง ก็เลยไม่ถือว่าเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนัก อีกอย่าง...กล่องนี้ดูเหมือนมีค่ามาก"
เวยเวยอึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ "เธอเจอหลี่อีจี้แล้วใช่ไหม"
โกโก้พยักหน้า นึกถึงประโยคที่หลี่อีจี้พูดก่อนจากกัน ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ กลั้นแล้วกลั้นอีก เธอถึงไม่ได้ออกปากถามที่มาของกล่องไม้ประดู่นั่น
เวยเวยก็ไม่พูดต่อ ดวงตาสีดำเหมือนเปล่งประกายได้จับจ้องที่โกโก้เขม็ง
"สวินเข่อหรัน..." เสียงของเวยเวยเบามาก เหมือนล่องลอยในอากาศ "เธอได้พบคนแปลกหน้าในระยะนี้ไหม"
โกโก้มองเธออย่างงุนงง
"บนตัวเธอ...มีกลิ่นที่ไม่ควรจะมี"
โกโก้ขมวดคิ้ว เวยเวยทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดได้เสมอ พยายามไม่ไปคิดว่าเธอเป็นคนแบบไหน แต่เผอิญเธอชอบพูดอะไรที่ทำให้หวาดกลัวได้เสมอ "หมายความว่ายังไง"
"เธออาจจะคิดว่าฉันกำลังหลอกเธอโดยอ้างผีสางเทวดา แต่ฉันขอบอกอย่างจริงจังว่า เธอไปเจอคนที่ไม่ควรพบมาแล้ว"
"หือ" โกโก้เบิกตามองผู้หญิงที่ใส่ชุดแดงยาวที่อยู่หน้าตนเอง
"เธอจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้ ทุกๆ คนก็มีกลิ่นที่พิเศษ ไม่ใช่กลิ่นสิ เหมือนเป็นออร่ารอบตัวเธอมากกว่า ฉันรู้สึกได้ว่า คนที่ทำให้เกิดหัวคนนั้น ออร่าของคนนั้นทิ้งร่องรอยไว้ที่ตัวเธอ เป็นกลิ่นของความโหดร้าย คาวเลือดและบิดเบือน"
โกโก้อ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น
ออร่าของคนนั้น คนไหน
"คุณหมายถึง...ฆาตกรเหรอ"
เวยเวยมองเธออย่างสงบ
ไม่รู้เพราะอะไร คำพูดของเธอทำให้โกโก้อดคิดถึงแมวดำตัวนั้นไม่ได้ ลูกตาที่ฉายแววชวนขนลุกในกลางคืน พอถูกมันจ้องมองก็จะรู้สึกสั่นเทิ้มอย่างบังคับตัวเองไม่ได้ แล้วครั้งแรกที่เห็นแมวดำก็เป็นที่นี่ไม่ใช่เหรอ
"เวยเวย คุณ...เลี้ยงแมวหรือเปล่า"
เวยเวยส่ายหน้า
โกโก้อ้าปากจะพูดแต่ก็ลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกมา "มีแมวดำตัวหนึ่ง หลายวันที่ผ่านมา ฉันจะพบมันตลอดในสถานที่ต่างกัน ทุกครั้งที่เจอมัน จะรู้สึก..."
"แมวดำล้วนเหรอ"
"บนหางมีขนสีขาวสองวง ที่เหลือเป็นขนสีดำหมด ตาเหมือนจะเป็นสีเขียว" โกโก้ไม่แน่ใจว่าเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า เมื่อนึกถึงตาแมวคู่ที่กะพริบนั้นก็จะพลันนึกถึงเปลวไฟสีเขียว
สายตาของเวยเวยกลายเป็นซับซ้อนขึ้นมา หันไปรินน้ำชาให้ตัวเอง เวลาผ่านไปเนิ่นนานมากถึงได้พูดอย่างช้าๆ ว่า "เธอก็รู้ แมวดำในประวัติศาสตร์เป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษเสมอมา"
โกโก้ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
"ตำนานของอียิปต์โบราณระบุไว้ว่า แมวเป็นผู้เฝ้าประตูนรก ในสุสานโบราณของจีน ก็มีสัตว์เฝ้าสุสานที่รันทดชื่อว่าผีแมว ในจำพวกแมวทั้งหมด แมวดำถือว่าพิเศษสุด"
โกโก้พูดแทรกขึ้นมา "ถ้าคุณคิดจะเล่านิทานผีก็ไม่ต้อง..."
"ฉันไม่ได้ขู่เธอ" เสียงของเวยเวยจู่ๆ ก็ขึ้นสูง และกลายเป็นดุดันขึ้นมา เหมือนกำลังอยู่ต่อหน้านักเรียนที่ไม่เชื่อฟัง "คนอื่นพูดอะไรฉันไม่รู้ แต่ฉันขอบอกเธอเลย แมวสีดำสนิทโดยทั่วไปจะมีวิญญาณของผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมติดมา"
สีหน้าของเวยเวยจริงจัง "โดยเฉพาะตัวที่เธอเจอ แมวที่ประหลาดขนาดนั้นนะ"
อาจารย์ของโกโก้ฉางเฟิงสอนอยู่เสมอว่า พวกเธอระวังอย่าเชื่องมงาย ต้องใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์มองงานของนิติเวช แต่ก็ใช้น้ำเสียงที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงพูดต่อว่า วิทยาศาสตร์ของพวกเราก็กำลังพัฒนาอยู่ ยังมีเรื่องราวมากมายที่ไม่สามารถใช้ความรู้ปัจจุบันอธิบายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีเหตุผล ต้องระวังอย่างมาก หนึ่ง ต้องมีจิตใจที่รู้บาปบุญคุณโทษเสมอ สอง อย่าให้ตัวเองหลงอยู่ในความกลัวที่ตนไม่รู้
โกโก้รู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ทางแยกอย่างนี้ คำพูดของเวยเวยเหมือนคำสาปของผีสาง กำลังเตือนว่าเธออาจจะตกเป็นเป้าสายตาของสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร อีกด้านหนึ่ง จากประสบการณ์ที่ตนเองผ่านมากำลังบอกเธอว่า สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดไม่ผิดต่อคุณธรรม ไม่มีอะไรต้องกลัว
เวยเวยถอนหายใจเบาๆ กาน้ำที่มีควันไอพ่นออกมากำลังส่งเสียงว่าน้ำเดือด ดังกังวานอยู่ในห้องที่เงียบสงบ โมบายที่หน้าต่างพลิ้วไหวเบาๆ
"สวินเข่อหรัน เธอกลัววิญญาณไหม"
โกโก้เงียบ
"ในสายตาฉัน ปีศาจในใจคนน่ากลัวกว่าผีสางอีก" ขณะที่เวยเวยพูดประโยคนี้ เธอเหลือบตามองรูปถ่ายที่ออกเหลืองบนชั้นหนังสือ แล้วก้มหน้าดื่มชาอย่างเงียบๆ
โกโก้มองตามสายตาของเธอ ในบรรดารูปถ่ายที่ออกเหลืองเหล่านั้น มีใครเคยทำอะไรที่ทำให้คุณต้องทอดถอนใจอย่างนั้นกัน
——————————————
ออกจากบ้านไม้หลังเล็กของเวยเวย คำพูดของเธอยังก้องอยู่ในหูของโกโก้ สวินเข่อหรันอย่ามองข้ามสัญชาติญาณของเธอ มันจะช่วยชีวิตของเธอได้
เบื้องหน้าคือสีเขียวของสวนดอกไม้ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของหอประกอบพิธีฌาปนกิจ เผลอแป๊บเดียวก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ถึงแม้ตั้งอยู่ในกลางเมือง แต่หอประกอบพิธีฌาปนกิจก็ยังเป็นสถานที่เงียบสงบเสมอมา ไม่มีใครยอมอยู่ในนี้ ไออุ่นสุดท้ายของดวงอาทิตย์โลดเต้นอยู่ระหว่างใบไม้ ดอกไม้เล็กๆ สีขาวส่ายไปมาในสนามหญ้า โกโก้ตบหน้าตัวเองแรงๆ พยายามรวบรวมสมาธิที่ล่องลอยออกไป สิ่งที่เวยเวยพูดไปต้องอธิบายยังไง สัญชาติญาณต่อสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างนั้นเหรอ หรือว่าเป็นการเตือนด้วยความหวังดี
จู่ๆ กระเป๋าเสื้อกันหนาวสั่นขึ้นมา มือถือดัง
"โกโก้ เธออยู่ไหน" เสียงของต้าเจิ้งทำให้สวินเข่อหรันเกิดความรู้สึกเป็นที่พึ่งพิงแล้วค้นพบทิศทางขึ้นมาได้ทันที
"หอประกอบพิธีฌาปนกิจหฺวาหรง ฉันกำลังจะออกไป"
อีกฝั่งของโทรศัพท์เงียบไปอึดใจ "จะมืดอยู่แล้ว เธอไปที่หอประกอบพิธีฌาปนกิจทำไม! ลืมไปแล้วเหรอคืนนี้กู่จี๋จะเลี้ยงข้าวเธอ อยู่ตรงประตูอย่าไปไหน ฉันจะไปถึงในสิบนาที"
โกโก้คิดจะเถียงว่าตัวเองมาถึงที่นี่ก่อนมืดตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร น้ำเสียงร้อนรนของต้าเจิ้งทำให้เธออบอุ่นถึงก้นบึ้งหัวใจ ที่แท้มีคนเป็นห่วงเป็นความรู้สึกอย่างนี้นี่เอง
"อืม ฉันจะรอ"
วางสายโทรศัพท์ เธอเดินไปที่ประตูใหญ่ด้วยก้าวย่างที่โล่งใจต่างจากก่อนหน้านี้
สวินเข่อหรันไม่ทันสังเกตว่า ในพงหญ้าที่พลิ้วไหวด้านหลังเธอ มีเงาดำมืดยืนอยู่อย่างเงียบๆ