The Dark King - Chapter 102 ‘มัจจุราชทมิฬ’ [อ่านฟรี 08-05-2019]
The Dark King – Chapter 102 ‘มัจจุราชทมิฬ’
“ภาระกิจอะไรกันที่เร่งรีบแบบนี้? มันอันตรายมากหรอครับ?” ฟู่เทียนได้แต่ถามในตอนนี้
ผู้ดูแลหนุ่มตอบกลับมาว่า “ฉันได้ยินว่ามีมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น มันก็อันตรายอยู่นะแต่ผู้นำทีมในครั้งนี้คือเกล็น เธอเป็น 1 ใน 2 นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาคมของเรา เธอรับหน้าที่เรื่องการตามกลิ่นแค่อย่างเดียว พวกเขาจะปกป้องเธอเองตราบใดที่เธอไม่หนีหายไปไหน”
“มอนสเตอร์หายากหรอครับ?” ฟู่เทียนนึกถึงหมาป่าวิญญาณที่เขาได้สังหารไป มีมอนสเตอร์ตัวใหม่ที่เหมือนกับมันปรากฏตัวขึ้นมาหรอ? เขาพูดต่อไปว่า “ผมไปที่ย่านที่อยู่อาศัยในตอนนี้ได้ไหมครับ?”
“แน่นอนว่าไม่!” ผู้ดูแลหนุ่มพูดต่อไป “เรื่องนี้เร่งด่วนมาก พวกเราจะไปส่งเธอที่ปราสาททันทีในตอนนี้ คนอื่นๆน่าจะมาถึงกันแล้ว” เขาคว้ามือของฟู่เทียนและเดินออกไปทันที
ฟู่เทียนรู้สึกกังวลเพราะเรื่องในตอนนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถปลีกตัวเองไปเอาระเบิดได้ในตอนนี้เพราะมันเป็นอาวุธป้องกันตัวหลักๆของเขา เขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองเพราะเขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและทักษะการยิงธนูที่ยังเป็นมือใหม่ของเขาได้หรือไม่
พวกเขาทั้งสองคนข้ามแม่น้ำและมายังอีกฟากหนึ่งของดินแดน มีปราสาทสีดำตั้งอยู่ มันทำให้บรรยากาศโดยรอบนั้นดูวังเวงเป็นอย่างมาก
ผู้ดูแลหนุ่มพาฟู่เทียนมาที่ปราสาทหลังนี้: “ไปเร็วเข้า พวกเขารออยู่ข้างใน ฉันจะไปเอาอาหารแห้งมาให้เธอ!
”
ฟู่เทียนรู้สึกเศร้าใจในตอนนี้ เขาหันกลับมาและสูดลมหายใจลึกๆขณะที่เขาเดินเข้าไปในปราสาท
ยามหน้าประตูเปิดประตูทันทีเมื่อเห็นฟู่เทียนเดินเข้ามา
มีคน 6 คนอยู่ในห้องที่มีแสงไฟสลัวๆภายในปราสาทหลังนี้ เป็นชาย 4 คนและหญิง 2 คนพวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ เมื่อประตูเปิดออกพวกเขาทั้งหมดก็มองมาทันที
“เด็กน้อยคนนี้คือใครกัน?” หนึ่งในพวกเขาถามขึ้น
อีกคนตอบกลับมาว่า “ฉันได้ยินว่าเขาเป็นหน่วยค้นหาคนหนึ่งที่โชคดีจนได้รับสัญลักษณ์เวทมนตร์มาน่ะ”
มีหญิงสาวอีกคนที่ดูมีอายุประมาณ 40 ต้นๆผิวของเธอนั้นขาวงาม เธอมีหน้าตางดงามสวมอยู่ในชุดเกราะสีดำพอดีตัวของนักล่า เธอมองมาที่ฟู่เทียนและสั่งว่า “รีบใส่ชุดเกราะของนายเร็วเข้า เรากำลังจะไปกันแล้ว!”
ฟู่เทียนรู้สึกคุ้นเคยกับหญิงสาวคนนี้ เขาจำได้ว่าเมื่อเขาเพิ่งกลายเป็นหน่วยค้นหาเขาได้รับเชิญไปงานเลี้ยงที่จัดโดยเหล่าขุนนาง เขาได้เห็นนักล่า 2 คนในตอนนี้และหญิงสาวคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอและคนอื่นๆย่อมเป็นยอดฝีมือในสมาคมแห่งนี้ ไม่แปลกใจเลยที่พวกขุนนางต้องเป็นฝ่ายเข้าหาพูดคุยกับพวกเขาเองและแสดงความเป็นมิตรออกมาให้มากที่สุด
“ครับ” ฟู่เทียนตอบกลับไป มีกองชุดเกราะสีดำซ้อนกันอยู่บนเก้าอี้ เขาลองค้นดูและหาตัวที่มีขนาดพอดีตัวเขา
นอกเหนือจากชุดเกราะแล้วยังมีคันธนูสีดำ
เมื่อสวมชุดเกราะเสร็จฟู่เทียนก็กล่าวกับหญิงสาวว่า “ผมพร้อมแล้วครับ”
หญิงสาวพยักหน้าเบาๆเมื่อเธอเห็นฟู่เทียนและหันไปพูดกับคนอื่นๆ “‘มัจจุราชทมิฬ’ ปรากฏตัวขึ้นแล้ว พวกเราต้องทำทุกอย่างเพื่อจับมันให้ได้ อย่าปล่อยให้มันหลุดไปได้ เข้าใจไหม?”
“รับทราบ!” อีก 5 คนที่เหลือต่างก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้
เกล็นพยักหน้าและโบกมือ “เริ่มกันเถอะ!”
ประตูของห้องโถงแห่งนี้เปิดขึ้น พวกเขาออกไปข้างนอกเพื่อไปตรวจสอบม้าสีดำประมาณ 10 ตัวหรือมากกว่านั้น พวกมันสวมหมวกและชุดเกราะที่เรียบง่ายเพื่อป้องกันรังสีและมอนสเตอร์ตัวเล็กๆที่อาจมาทำร้ายพวกมันได้
แม้ว่าค่ารังสีและพวกมอนสเตอร์ภายในกำแพงยักษ์นั้นจะไม่สามารถเทียบได้กับพวกที่อยู่ภายนอกได้ แต่มันก็ยังอันตรายอย่างยิ่ง นักล่านั้นไม่ได้มีหน้าที่กวาดล้างภายในกำแพงยักษ์เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์และกองทหาร
ฟู่เทียนเห็นว่าผู้ดูแลหนุ่มยังไม่ได้เอาอาหารแห้งมาให้เขา พวกเขาทั้ง 7 คนขึ้นไปม้าและเดินทางออกไปนอกกำแพงยักษ์ทันที
หลังจากผ่านย่านการค้าแล้วพวกเขาก็จะเข้าไปในเขตรังสีสูง
บางครั้งพวกเขาก็จะได้พบสัตว์ร้ายที่ได้รับผลกระทบจากค่ารังสี ที่นี่มีงูเหลือมขดตัวอยู่ข้างถนนและกลุ่มหมาป่าที่กระจัดกระจายตัวอยู่ ค่ารังสีที่สูงนั้นทำให้ร่างกายของสัตว์ป่าพวกนี้เปลี่ยนแปลงไป บางส่วนของร่างกายพวกมันพัฒนาจนทรงพลังมากยิ่งขึ้น
พวกสัตว์ที่หิวโหยพวกนี้พุ่งตรงมาที่พวกเขาแต่เกล็นเพียงแค่เหลือบมองไป 1 ครั้ง สัตว์ที่หิวโหยพวกนี้ก็หนีกระเจิงไปอย่างรวดเร็วราวกับสิ่งที่พวกมันหวาดกลัวที่สุดกำลังอยู่ตรงหน้า
ฟู่เทียนไม่แปลกใจเลยเพราะเขารู้ว่ามันเป็นผลมาจากสัญลักษณ์เวทมนตร์ของเกล็น มนุษย์นั้นไม่สามารถข่มขู่พวกสัตว์ได้ โดยเฉพาะพวกสัตว์ที่หิวโหยที่จะคอยโจมตีทุกสิ่งทุกอย่าง นักล่านั้นเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่อยู่ในคราบมนุษย์ดังนั้นสำหรับสัตว์ธรรมดาที่อยุ่ภายในกำแพงยักษ์ย่อมเป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับพวกเขาเท่านั้น!
ในไม่ช้าทุกคนก็ได้มาถึงกำแพงยักษ์
“พวกคุณมาถึงแล้ว เราจะเปิดประตูให้” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมของสมาคมเมลลอนยืนอยู่ด้านหน้าของกำแพงยักษ์
เกล็นพยักหน้าให้กับเขาและลงมาจากม้า เธอเป็นคนแรกที่เดินผ่านเส้นทางใต้ดินไป
ทันทีที่พวกเขาเข้ามายังเส้นทางใต้ดินเกล็นและอีก 5 คนที่เหลือต่างก็หยุดเดินและเริ่มอธิษฐานกับภาพเทพธิดาที่ปรากฎบนผนัง จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินทางต่อไปอย่างรวดเร็ว
ผู้รักษาความปลอดภัยก็เห็นภาพเทพธิดาที่ปรากฎบนผนังแต่ก็ไม่ได้อธิษฐาน เขาเดินตามกลุ่มของพวกนักล่าไป
พวกเขาเดินมาถึงอีกฝั่งของกำแพงยักษ์
ฟู่เทียนพบว่าทางเข้าที่พวกเขาใช้ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนที่เขาได้ใช้ มันเป็นเส้นทางลับของสมาคม เมื่อพวกเขาออกไปมันไม่ได้เป็นพื้นที่ราบเรียบทั่วไปแต่มีต้นไม้ที่สูงกว่า 20 เมตร ต้นไม้พวกนี้เหมือนกับต้นสนที่ไม่มีกิ่งก้านและใบไม้
เกล็นเดินเข้าไปในป่า
ทุกๆคนเดินตามเข้าไปโดยให้ฟู่เทียนอยู่ตรงกลางของทีม
ฟู่เทียนรู้สึกได้ถึงช่องว่างระหว่างตัวเขากับนักล่าคนอื่นๆ ทุกๆคนต่างก็เดินตามเกล็นไปได้อย่างสบายๆในขณะที่ตัวเขาต้องใช้ความพยายามเพื่อที่จะตามคนอื่นๆให้ทัน
“ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของเรายังแตกต่างจากนักล่าคนอื่นๆ” ฟู่เทียนคิดกับตัวเองในขณะที่เขาพยายามเดินตามคนอื่นๆให้ทัน “แต่มันก็ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้วนับตั้งแต่เราได้กลายมาเป็นนักล่า เราได้ได้รับ ‘พรแห่งพระเจ้า’ ไม่ใช่แค่นั้น แต่เราก็ยังมีผลึกเหมันต์อีกกว่า 200 อันที่พื้นที่หมายเลข 9”
หลังจากเดินผ่านป่าและต้นไม้ยักษ์พวกเขาเห็นทางหลวงที่แตกหักปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ
“ไปบนสะพาน” เกล็นกล่าวขณะที่เธอกระโดดขึ้นไปบนทางหลวงอย่างรวดเร็ว
ฟู่เทียนถอนหายใจออกมาและเดินตามทุกๆคนไป
“พวกเราเข้ามายังพื้นที่หมายเลข 1 แล้ว” เกล็นมองกลับมาหาฟู่เทียน “อีกประมาณหนึ่งนาทีเราจะเข้าไปในพื้นที่ นายควรจะตื่นตัวเอาไว้ด้วยและเชื่อฟังคำสั่งของฉัน นี่คือ 1 ในพื้นที่ทั้ง 20 หมายเลขที่อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมเมลลอนของเขา แต่มันก็เป็นพื้นที่ที่อันตรายที่สุดนอกเหนือจากพื้นที่ต้องห้าม มีสัตว์ร้ายเลเวล 10 หรือสูงกว่านั้นอยู่ที่นี่มากมาย 10 ครั้งนี้เรามาเพื่อตามจับตัวที่มีชื่อว่า ‘มัจจุราชทมิฬ’”