ตอนที่แล้วบทที่ 33 ความอ่อนแอที่แท้จริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 เกมเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

บทที่ 34 เชิญนายทุบมันให้แตก!


บทที่ 34 เชิญนายทุบมันให้แตก!

 

        ในสายตาของเด็กใหม่ส่วนมาก ถู่ต้าเฮยเป็นตะพาบที่ไม่รู้จักว่าโล่พิทักษ์วิญญาณคืออะไร ถึงแม้จะอาศัยโชคทำให้รอดจากเพลิงโลกันต์ต้องห้าม เปิดทางพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาได้ แต่การควบคุมพลังวิญญาณเพิ่งจะถึงขั้น “การควบคุมเบื้องต้น” ไปเมื่อครู่นี้เอง โล่พิทักษ์วิญญาณที่เขาสร้างขึ้นนั้นอยู่ในระดับพอๆ กันกับเด็กอนุบาล

 

ถึงแม้ว่าคะแนนประเมินของเฉินหลิงฉุนจะแย่ที่สุดในรุ่นนี้ แต่ถู่ต้าเฮยน่าจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดที่แท้จร้ง

 

ดังนั้น ตอนที่สือเสี่ยวไป๋ชี้ที่ตัวเองแล้วพูดว่า “ข้าถึงจะเป็นผู้อ่อนแอและเศษสวะที่แท้จริง” เด็กใหม่ทั้งหลายก็ค้นพบว่า ในห้องนี้ เจ้าก้อนดินนี่แหละเป็นคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดประโยคนี้ที่สุด

 

แต่ว่า นายจะพูดความจริง แล้วทำท่าเอิกเกริกสร้างความวุ่นวายเพื่ออะไร? ทำไมการที่นายยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอถึงได้ดูเหมือนเป็นเรื่องอันทรงเกียรติ? นายให้พวกเราหุบปาก ก็เพื่อจะพูดถ้อยคำปลุกใจโง่ๆ แบบนี้นะหรอ?

 

มีเด็กใหม่บางส่วนที่รู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก ความสงสารที่เดิมทีก็มีไม่มากอยู่แล้วได้หายวับไปอย่างรวดเร็ว ในใจเกิดความรู้สึกโมโหอย่างประหลาด

 

และก็มีเด็กใหม่ส่วนหนึ่งที่นอกจากจะตลกแล้ว กลับเกิดความรู้สึกนับถือ เจ้าก้อนดินนี่ให้ร้ายตัวเองแบบนี้ เห็นชัดว่าเพื่อที่จะช่วยเฉินหลิงฉุนแก้ไขสถานการณ์ ฉีกหน้าตัวเองเพื่อช่วยเพื่อนขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ใครหน้าไหนก็ทำได้

 

มีเด็กใหม่จำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่อารมณ์พลันเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา สายตาขบคิด อย่างเช่นเซี่ยงอู่ที่นั่งอยู่มุมหนึ่ง หวางหลินผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเด็กใหม่ เย่เจียเฉวียนผู้เที่ยงตรง ในใจของพวกเขาผุดความคิดแปลกประหลาดโดยพร้อมเพรียงกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ‘ถู่ต้าเฮยคนนี้ไม่ธรรมดา’

 

“สิ่งที่น่าเวทนาสำหรับผู้อ่อนแอนั้นไม่ใช่ความสามารถอันน้อยนิด แต่เป็นการที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ เขาที่เรียกตัวเองว่าผู้อ่อนแอและเศษสวะ จะบอกว่าโง่เง่าถึงขั้น หรือเป็นคนคมในฝักกันนะ?” มุมปากของเซี่ยงอู่ผุดรอยยิ้ม

 

ใบหน้าของซีซือก็ประดับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน สีหน้าที่มีความสุขคล้ายกับจะเอ่ยอารมณ์ผ่านวาจา แต่เขายังคงจมอยู่ในภวังค์ ทำให้ผู้อื่นยากจะคาดเดาอารมณ์

 

ส่วนหนุ่มน้อยผมเงินหน้าตาหล่อเหลาบนเวที ยังคงเป็นจุดสนใจของทุกคน สายตาของคนส่วนมากกำลังมองเขาว่า เจ้าก้อนดินได้ให้ร้ายตัวเองขนาดนี้เพื่อที่จะช่วยเขา แล้วเขาล่ะจะมีการตอบสนองอย่างไร?

 

การตอบสนองของหลิงฉุนผิดไปจากที่ทุกคนคาดไว้

 

“พรืด!”

 

เขาหัวเราะ เสียงหลุดหัวเราะนั้น ราวกับได้ตีแจกันเงินแตก

 

“ฮะ...ฮ่า...ฮ่า....”

 

เสียงหัวเราะของเขาดังไม่หยุด เหมือนกับว่าอยากจะหยุดแต่หยุดไม่ได้ซะอย่างนั้น เสียงหัวเราะยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่ได้จากเสียงหัวเราะนั้นเป็นคำพูดได้ เสนาะหูราวกับเสียงเขย่าของระฆังเงิน แต่กลับเสียดแทงแก้วหูราวกับเข็มเงินทิ่มกำแพง

 

หลิงฉุนหัวเราะจนน้ำตาเล็ด หยุดหัวเราะอย่างยากลำบาก เสียงหายใจราวกับคนสำลัก แต่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี

 

หลิงฉุนรู้ว่าถู่ต้าเฮยก็คือสือเสี่ยวไป๋ และรู้ถึงความสามารถผิดธรรมชาติของสือเสี่ยวไป๋ ตอนที่พบเขาครั้งแรกก็รู้สึกว่าเขาเย่อหยิ่งและอวดดีมากเกินไป หลงคิดไปว่าเขาจะไม่เห็นผู้อื่นในสายตาเหมือนอัจฉริยะคนอื่นๆ ก็เลยตั้งใจอภิปราย “สือเสี่ยวไป๋ยังคงเป็นผู้อ่อนแอ” ชุดนั้น เพื่อเตือนสติเขาว่า เขายังคงเป็นผู้อ่อนแอคนหนึ่ง

 

แต่คิดไม่ถึงว่า ที่จริงแล้วเขารู้ดีมากกว่าใคร และยิ่งคิดไม่ถึงว่า เขาสามารถพูดความจริงแบบนี้ได้อย่างสบายอกสบายใจ

 

“ฮู่~~ ฉันคิดว่าตัวเองนั้นฉลาดมากมาตลอด แต่เทียบกับนายแล้ว ฉันนั้นโง่เกินไปจริงๆ”

 

สายตาที่หลิงฉุนมองสือเสี่ยวไป๋นั้นเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งและนับถือ กล่าวเบาๆ ว่า “ต้าเฮย นายแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครๆ”

 

“ไม่ ข้าเป็นเพียงผู้อ่อนแอตัวเล็กๆ”

 

สือเสี่ยวไป๋ยิ้มยิงฟัน ยื่นมือขวาออกมา กางโล่สีขาวอ่อนแอทั้งยังบางซะจนเกือบจะโปร่งใสข้างหน้าตน

 

“มาเถอะ ให้นายรู้ซึ้งถึงความอ่อนแอของข้า!”

 

ลักษณะโล่สีขาวนั้นอ่อนแออย่างที่สุด ราวกับว่าแค่แต่เบาๆ ก็แตกได้

 

“ฉันทำไม่ได้”

 

หลิงฉุนส่ายหัวเบาๆ แต่ไม่รู้ว่าที่เขาพูดว่าทำไม่ได้นั้นคือ ไม่มีความสามารถมากพอที่ต่อยให้แตก หรือว่าไม่ยินยอมที่จะต่อยมันให้แตก

 

“ถ้าหากอยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน เช่นนั้นนายก็ต้องทำให้ได้”

 

ซีซือที่ตกอยู่ในภวังค์มานานพลันพูดขึ้นมา น้ำเสียงขี้เล่น “ฉันไม่ชอบของเล่นที่ไม่ ‘น่าสนใจ’ หรอกนะ”

 

สีหน้าของหลิงฉุนเปลี่ยนไปทันที คำพูดของซีซือได้จี้ลงยังจุดที่อ่อนแอที่สุดในใจของเขา ได้ทำลายความคิดริเริ่มที่จะต่อต้านอย่างย่อยยับ

 

“ฉัน...”

 

หลิงฉุนมองไปยังโล่อ่อนแอนั่นอีกครั้งหนึ่ง จะทำลายนั้นช่างง่ายดาย แต่ก็ลำบากมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าสือเสี่ยวไป๋จะไม่สนใจว่าจะถูกมองเป็นผู้อ่อนแอ เขากลับไม่สามารถทำลายศักดิ์ศรีอันบอบบางนั่นด้วยตัวเขาเอง แต่ความคิดที่จะต่อต้านซีซือกลับเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย อีกทั้งเขาจะต้องรู้ร่องรอยของชายคนนั้นให้ได้

 

เขาควรทำอย่างไรดี?

 

ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งขัดจังหวะความคิดของหลิงฉุน

 

“ฉันรู้มาตลอดว่าตัวเองเป็นผู้อ่อนแอ แต่กลับไม่รู้ว่าที่จริงแล้วอ่อนแอขนาดไหน เพราะว่าฉันเอาแต่หนีมาโดยตลอด หลีกหนีความจริงที่ว่าตัวเองไม่มีพลังใดๆ เลยแม้แต่นิด”

 

หลิงฉุนตะลึง ผู้ที่พูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาแท้ที่จริงก็คือสือเสี่ยวไป๋ ท่าทางของเขาตอนนี้เคร่งขรึมจริงจัง ทุกคนในห้องต่างก็ตะลึงตามๆ กัน เจ้าก้อนดินนี่ ไม่ได้เรียกตัวเองว่า “ข้า” ต่อหน้าพวกเขาเป็นครั้งแรก ท่าทางในการพูดก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

 

“โล่พิทักษ์วิญญาณคืออะไร ฉันไม่เข้าใจหรอก แต่ฉันรู้ว่า นั่นคือพลังที่แท้จริง คือพลังที่ฉันเฝ้ากระหายมาโดยตลอด”

 

สือเสี่ยวไป๋มองไปยังโล่สีขาวอ่อนแอตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย

 

“ฉันกระหาย กระหาย กระหาย กระหาย กระหาย...กระหายที่จะมีพลังที่แท้จริง”

 

เขาพ่นคำว่า “กระหาย” ออกมานับครั้งไม่ถ้วน ราวกับว่าอยากจะให้ทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าเขากระหายขนาดไหน

 

“ดังนั้น อยากจะรู้จริงๆ ว่า ตัวฉันเองห่างชั้นกับพวกนายมากขนาดไหน เพราะมีเพียงทำแบบนี้เท่านั้น ความกระหายอยากของฉัน ถึงจะเป็นความจริง”

 

“ความจริง” ของความกระหายคืออะไร? คือความเป็นจริงที่มีอยู่ในสิ่งของที่กระหายอยากได้ ทว่าสือเสี่ยวไป๋ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าพลังที่เขาใฝ่ฝันนั้นที่จริงแล้วมีลักษณะเป็นอย่างไร

 

“ทุบมันให้แตก บอกกับฉันว่า ที่จริงแล้วฉันมันอ่อนแอขนาดไหน ถ้าหากนายเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดที่นี่ เช่นนั้น พิสูจน์ให้ฉันเห็นหน่อย ว่าฉันน่ะอ่อนแอซะยิ่งกว่าผู้ที่อ่อนแอที่สุด”

 

สือเสี่ยวไป๋ชี้ไปยังโล่พิทักษ์ มองไปยังหลิงฉุน ในดวงตาลุกโชนไปด้วยความกระหาย

 

“ให้ฉันได้รู้ที พลังที่ถูกหัวเราะล้อเลียนของนายอ่อนแอขนาดไหน ให้ฉันได้รู้สึกถึง พลังที่อ่อนแอนี้สำหรับฉันแล้วมันแข็งแกร่งขนาดไหน!”

 

“ทำลายภาพลวงตาจอมปลอมนั่นให้หมด บอกฉันว่าอะไรคือความจริงที่แสนโหดร้าย มีเพียงแบบนี้เท่านั้น ฉันถึงจะรู้ว่าพลังคืออะไร ฉันกำลังกระหายถึงอะไรกันแน่ และฉันยอมแลกอะไรเพื่อมันบ้าง”

 

“ทุบทำลายความอ่อนแอและความลังเลของฉันซะ!”

 

“เชิญนายทุบมันให้แตก!”

 

ไม่ทันสิ้นเสียงของสือเสี่ยวไป๋ ในที่สุดหมัดของเฉินหลิงฉุนก็พุ่งตรงมา

 

หมัดนั้นช้ามาก ดูเหมือนว่าจะอ่อนโยนซะจนไม่มีแรง พลังสีขาวบนหมัดก็บางซะจนโปร่งใส ชนเบาๆ ที่โล่พิทักษ์ของสือเสี่ยวไป๋ ราวกับเต้าหู้นิ่มชิ้นหนึ่งชนเข้ากับเต้าหู้อีกชิ้นหนึ่ง

 

หมัดนี้ อ่อนแอซะจนน่าโมโห

 

แต่ โล่พิทักษ์ของสือเสี่ยวไป๋แตกออกแล้ว ไม่ใช่เสียง “ตู้ม” แต่เป็นการค่อยๆ แตกออกออกราวกับรอยน้ำแข็งร้าวบนผิวน้ำ รอยแตกค่อยๆ กระจายวงกว้าง หลังจากเสียงซี่ๆ ก็มีเสียงแตกดัง “ผุ” ดังขึ้น โล่พิทักษ์สีขาวแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วน สลายหายไปในอากาศ

 

หมัดนี้ไม่มีอะไรน่าชมเชย กระทั่งออกจะน่าขันเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครส่งเสียงหัวเราะออกมา ความกดดันแปลกๆ ไม่ได้กำลังอบอวลไปทั่วห้อง

 

สือเสี่ยวไป๋ตกตะลึงกับโล่พิทักษ์ที่ถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย เขาค่อยๆ ก้มหัวลงต่ำ

 

“ขอโทษ แล้วก็ขอบคุณนะ”

 

หลิงฉุนถอนหายใจ มือที่กำหมัดได้กลายสภาพเป็นมืออ่อนนุ่ม ตบไปบนบ่าของสือเสี่ยวไป๋เบาๆ แล้วหันกายเดินลงจากเวที ขณะที่เดินผ่านซีซือ พูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันจะไปหานายแน่ ไม่ว่าจะเกมอะไร ฉันจะเล่นกับนายให้ถึงที่สุดเอง”

 

“แล้วอีกอย่าง ถ้าจุดประสงค์ของนายคือการทำลายความหวังและศักดิ์ศรีของต้าเฮย ถ้าหากนายแค่อยากลบความรุ่งโรจน์ของอัญมณีด้วยตัวนายเอง เช่นนั้น เกมไร้ประโยชน์กระดานนี้ นายได้แพ้ตั้งแต่เริ่มแล้ว!”

 

เมื่อหลิงฉุนพูดจบ เดินกลับไปยังกลุ่มคน สายตาของทุกคนเคลื่อนตามการเคลื่อนไหวของเขา แต่ไม่รู้ว่าเสี้ยววินาทีได้มีหมอกบางๆ วูบผ่านสายตา นอกจากซีซือและเย่เจียเฉวียนแล้ว คนส่วนใหญ่ที่เหลือได้ละสายตาจากหลิงฉุนแล้ว ในสมองยังคงจดจำเหตุการณ์เมื่อครู่ได้อยู่ รู้ว่ามีผู้อ่อนแอที่อ่อนแอมากๆ คนหนึ่ง ได้ทุบโล่พิทักษ์ของถู่ต้าเฮยแตก แต่คนๆ นั้นเป็นใครกัน มีชื่อว่าอะไร หน้าตาเป็นแบบไหน กลับคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

 

ราวกับว่า คนที่มีตัวตนอยู่อย่างชัดเจนคนหนึ่ง ได้หายไปจากความทรงจำของพวกเขาแล้ว

 

บรรดาเด็กใหม่หันกลับไปมองบนเวทีใหม่อีกครั้งหนึ่ง เจ้าก้อนดินนั่นยังคงก้มหน้าอยู่ มองไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร ถึงแม้จะเหมือนว่าได้ลืมบุคคลสำคัญคนหนึ่งไป แต่พวกเขายังคงจำได้ว่าโล่พิทักษ์วิญญาณของเจ้าก้อนดิน ได้ถูกผู้อ่อนแอเลเวลต่ำที่สุดคนหนึ่งใช้พลังอ่อนแอจนน่าเวทนาทุบแตก

 

เขาคงจะสะเทือนใจมากสินะ?

 

“ดังนั้น ฉันตอนนี้ถึงจะเป็นผู้อ่อนแอที่อ่อนแอที่สุด ใช่ไหม?”

 

สือเสี่ยวไป๋ก้มหน้า เสียงสั่นเล็กน้อย

 

“ใช่แล้ว ของเล่นชิ้นโปรดของฉัน นายถึงจะเป็นผู้อ่อนแอที่สุดในที่นี้ นายพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอะไรคือความอ่อนแอที่แท้จริง นายทำให้ทุกคนได้เห็นว่าผู้อ่อนแอและเศษสวะแท้จริงแล้วหน้าตาเป็นยังไง นายทำได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”

 

น้ำเสียงของซีซือแฝงด้วยความเร่าร้อนและชื่นชม เพียงแต่ว่าน้ำเสียงเร่าร้อนของซีซือกลับทำให้คนกลัวจนลืมหายใจในใจรู้สึกเหน็บหนาวอย่างประหลาด

 

เหยียบย้ำซ้ำลงบนศักดิ์ศรีที่เดิมทีก็ถูกขยี้ติดพื้น สำหรับอาจารย์ซีซือแล้ว มีความสุขมากหรอ?

 

ทันใดนั้นเอง สือเสี่ยวไป๋ก็เงยหน้าขึ้น ท่าทางของเขาในสายตาทุกคนทำให้ตะลึงไป

 

เห็นเพียงสือเสี่ยวไป๋ยิ้ม รอยยิ้มจากใจจริงบนใบหน้าหมดจดนั้นกำลังเบ่งบาน นัยต์ตาเป็นประกายราวกับดวงดารา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย

 

ทำไมถึงได้มีท่าทางแบบนี้?

 

“ในเมื่อข้าเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุด เช่นนั้น คนที่แม้แต่โล่พิทักษ์ของข้ายังทำลายไม่ได้ คืออะไรหล่ะ?”

 

สือเสี่ยวไป๋หันหน้าเผชิญกับทุกคน หัวเราะพลางกล่าวว่า “ยังมีโอกาสอีกเจ็ดสิบเอ็ดครั้ง ข้าจะต้องสร้างใหม่เมื่อถูกทำลาย จากนั้นจะต้องป้องกันการโจมตีของพวกนายให้ได้!”

 

“สั่นกลัวเถิด สิ้นหวังเถิด เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่ ข้าจะให้พวกนายเห็นเองว่า ใครที่เป็นผู้อ่อนแอที่แท้จริง!”

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด