23 หนึ่งคำสัญญาไม่มีค่าเท่าทองพันชั่ง
23 หนึ่งคำสัญญาไม่มีค่าเท่าทองพันชั่ง
“ผมได้พบพิษที่ไม่รู้จักอยู่ในร่างกายของผู้ป่วย แต่เรายังจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อศึกษาองค์ประกอบของพิษ”
“พวกเรายังพบสารชีวภาพที่ไม่รู้จักในเลือดของหวังเจ๋อเซี่ยว เเต่เราไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานของมันได้ในเวลาสั้นๆ แต่เราสามารถบอกได้ว่าสารชีวภาพตัวนี้ไม่ได้ผลิตโดยร่างกายของมนุษย์แน่นอน”
ผู้เชี่ยวชาญที่ได้อ่านข้อมูลการรักษาของกั๋วเจิ้งเหอแล้ว ได้เร่ิมการประชุมเพื่อรวบรวมข้อมูลและวางแนวทางการรักษา
“ชัดเจนเลยว่าสาเหตุที่ทำไมหวังเจ๋อเซี่ยวถึงรักษาหายไม่ได้เป็นเพราะแอนติบอดี้ที่สร้างจากร่างกายของเขา แต่เป็นเพราะเขาได้รับแอนติบอดี้จากที่อื่นต่างหาก” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งพูด
“ใช่ เราต้องทำให้ชัดเจนให้ได้ว่ามันเป็นยาประเภทไหนและอาหารที่หวังเจ๋อเซี่ยวได้กินตอนที่เขารักษาตัวอยู่มีอะไรบ้าง แล้วมันจะช่วยให้เราหาวิธีการรักษาพิษออกมาได้”
“ผมได้ตรวจยาที่เขากินในระหว่างที่รักษาตัวอย่างระมัดระวังแล้ว จากผลของยาที่เขาได้รับในช่วงนั้นส่วนใหญ่ถูกขับออกมาจากร่างกายของเขาทั้งหมด” หมออีกคนพูด
“ดังนั้นถ้าไม่ใช่เพราะยาที่ใช้รักษา มันจะต้องเป็นเพราะอาหารที่เขากินเข้าไป?”
“ในตอนที่เขาถูกพิษเขาไม่ค่อยมีสติ เขาจึงได้รับอาหารเหลวแทน จากข้อมูลของคนไข้ เมื่อเขามีสติหลังจากนั้นเขาก็ได้รับอาหารปกติ”
“เดี๋ยวก่อน มันมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง” หมอคนหนึ่งพูด
“ปัญหาอะไร?”
“เพราะว่าคนไข้ในตอนนั้นเขายังไม่ค่อยมีสติดี เขาคงจะไม่สามารถรับรู้อะไรได้ชัดเจน แต่พ่อแม่ของเขาควรจะรู้แน่นอน เราต้องไปถามพ่อแม่ของเขา”
“ใช่!”
“เราต้องรีบแล้ว!”
ในคืนนั้น มีรถหลายคันขับเข้ามาที่หมู่บ้านหวังเจียในเขตซงป่าย พวกเขาเข้าไปในบ้านของหวังเจ๋อเซี่ยวและจากไปในตอนเกือบสี่ทุ่ม พวกเขาได้ตั้งคำถามมากมายในตอนที่อยู่ในบ้าน พวกเขาเจาะลึกในทุกๆเรื่อง แต่หวังยี่หรงไม่เชื่อถือพวกเขาและมองพวกเขาเหมือนพวกเขาเป็นโจร”
สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้อะไรเลย
“ทำไมพวกเขาต้องมาที่นี่อีก?” แม่ของหวังเจ๋อเซี่ยวรู้สึกไม่พอใจ
“พวกเขาเจออะไรรึเปล่า? เจ๋อเซี่ยวบอกพ่อ ลูกได้พูดอะไรออกไปไหม?” หวังยี่หรงมองไปที่ลูกของเขา
“ไม่ครับ ผมไม่ได้บอกหมอพวกนั้นว่าผมหายได้ยังไง” หวังเจ๋อเซี่ยวพูด
“หวังว่าพวกเขาคงจะไม่กลับมาอีกนะ?”
สิ่งที่พวกเขากังวลก็เป็นจริง ในวันต่อมา รถคันหนึ่งได้ขับเข้ามาในหมู่บ้านหวังเจีย มีคนออกมาจากรถสามคนหลังจากที่รถจอดสนิทแล้ว หนี่งในนั้นได้เคยมาหาพวกเขาเมื่อวาน แต่อีกสองคนเป็นคนมาใหม่ เป็นชายวัยสี่สิบและหญิงสาวหน้าตาดี
หญิงสาวที่มาเป็นพี่สาวของชายหนุ่มที่ถูกพิษและกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และเธอก็รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการของน้องชายเธอมาก เธอคิดว่าเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาช่วยกันคิดหาหนทางจะต้องมีวิธีรักษาน้องชายของเธอให้หายได้แน่ แต่มันก็ล้มเหลวอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจมาที่บ้านของหวังเจ๋อเซี่ยวด้วยตัวเอง
“คุณกั๋ว เชิญตามผมมาครับ” หมอเดินนำและพวกเขาทั้งสามก็มาที่บ้านของหวังเจ๋อเซี่ยวอีกครั้ง และมีเพียงแม่ของหวังเจ๋อเซี่ยวที่อยู่ภายในบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณนาย” หญิงสาวทักทายเมื่อเธอเข้าไปในบ้าน
“สวัสดีค่ะ” แม่ของหวังเจ๋อเซี่ยว ซินซูเหมย หยุดงานที่เธอกำลังทำอยู่และออกมาพบพวกเขาด้วยความประหลาดใจ
.
“ฉันต้องการถามคุณบางเรื่องค่ะ”
“พวกคุณมาที่นี่และต้องการจะคุยอะไรเหรอคะ?” เธอเชิญทั้งสามคนเข้ามาภายในบ้าน
หญิงสาวอธิบายความต้องการของเธอเมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว แต่ซินซูเหมยก็แสดงออกเหมือนกับเมื่อวานนี้
“คุณลุงเหอคะ ขอให้ฉันได้พูดกับคุณซินตามลำพังนะคะ” หญิงสาวพูดกับชายวัยกลางคน
“ได้ครับ” ชายวัยกลางคนออกไปที่ลานบ้านพร้อมกับชายอีกคนตามออกไป
“คุณซินคะ เจ๋อเซี่ยวตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?”
“เขาทำงานในโรงงานผลิตท่อเหล็กในเมืองค่ะ” ซินซูเหมยไม่เข้าใจว่าหญิงสาวคนนี้มาทำอะไรที่นี่
“เขาลำบากไหมคะ?”
“เขาก็สบายดี”
“แล้วเงินเดือนเขาได้เยอะไหมคะ?” หญิงสาวถาม
“ประมาณ 3,000หยวนต่อเดือนค่ะ”
“คุณอยากซื้อบ้านอยู่ในเมืองสักหลังไหมคะ?”
“ค่ะ แต่เราไม่มีเงินมากพอ” ซินซูเหมยถอนหายใจ
อสังหาริมทรัพย์ในตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เขตเหลียนชานไม่ได้ถือว่าเป็นเขตที่ดีที่สุด แต่ราคาผ่อนสำหรับบ้านหลังหนึ่งก็มากกว่า 4,000หยวน แต่ว่ารายได้ต่อหัวของประชาชนกลับได้รับน้อยกว่า2,000หยวน มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะซื้อบ้านในเมืองได้
“แบบนี้เป็นยังไงคะ? ฉันจะให้เงินคุณ 500,000หยวนถ้าคุณบอกความจริงฉันมาว่าใครที่ช่วยเจ๋อเซี่ยวเอาไว้ นั้นคงจะมากพอให้ซื้อบ้านดีดีสักหลังในเมืองได้เลยนะคะ” หญิงสาวทำให้ซินซูเหมยอึ้ง
“เท่าไหร่นะ?” ซินซูเหมยประหลาดใจ
“500,000 หยวนค่ะ” หญิงสาวทวนซ้ำด้วยรอยยิ้ม
ซินซูเหมยเงีนบไป เธอรู้ว่าเงินจำนวน 500,000หยวน มีความสำคัญกับครอบครัวของเธอมากแค่ไหน พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเก็บเงินให้ได้ 50,000หยวนในหนึ่งปี ดังนั้นการได้เงิน 500,000หยวนมาจะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องทำงานหนักไปอีกหลายปี แม้ว่าจะเจ็บป่วยหรือมีภัยพิบัติเกิดขึ้นพวกเขาก็จะมีเงินเอาไว้ใช้จ่ายได้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกู้เพื่อเอาเงินมา เธอได้ยินมาหลายครั้งจากเพื่อนบ้านว่ามันลำบากมากเมื่อกู้เงินมาซื้อบ้าน
ในตอนนั้น เธอก็ถูกชักจูงสำเร็จ
เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่คิดถึงสามีและลูกของเธอเป็นอันดับแรก พวกเขาจะสามารถซื้อบ้านในเมืองด้วยเงินก้อนนั้นได้ เรื่องการแต่งงานของลูกชายที่เธอกังวลอยู่ก็แก้จะปัญหาไปได้ และสามีของเธอก็จะไม่ต้องเหนื่อยกับการทำงานสวนและกรรมกรในเวลาเดียวกันอีก
หญิงสาวไม่ได้ถามอีก แต่เธอกลับรอคอยอย่างเงียบๆเมื่อเห็นแล้วว่ามีความลังเลและยินยอมจากในดวงตาของซินซูเหมย
“สาวน้อย เธอไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?” ซินซูเหมยคิดอยู่สักพักและตัดสินใจได้แล้ว แต่เธอก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อย
“ไม่แน่นอนค่ะ นี่คือเงินมัดจำเอาไว้ค่ะ” เธอรีบหยิบเงิน 30,000หยวนออกมาจากกระเป๋าถือของเธอ “ฉันจะโอนเงินที่เหลือให้คุณทันทีที่คุณบอกฉัน รับประกันได้ค่ะ”
“ตกลง ฉันจะบอกคุณ” ซินซูเหมยพูดหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว
ในตอนนั้น สัญญาที่เธอเคยให้ไว้ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว สิ่งที่เธอคิดในตอนนี้มีเพียงเงินจำนวน 500,000หยวนที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตของพวกเธอเท่านั้น เธอไม่ได้ทำอะไรผิดและถ้าเป็นคนอื่นที่อยู่ในสถานะการณ์เดียวกันพวกเขาจะต้องตัดสินใจได้เด็ดขาดกว่าเธอด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ!” หญิงสาวทิ้งเบอร์ติดต่อเอาไว้เมื่อได้รับคำตอบจากซินซูเหมยเรียบร้อยแล้ว และเธอก็ได้จากไปพร้อมกับคนของเธอ
“คุณหนู คุณได้เรื่องอะไรไหมครับ?” ชายวัยกลางคนพูด
“ได้ค่ะ” หญิงสาวเดินไปเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวกลับมาและพูด “คุณหมอเฉิน คุณกลับไปก่อนได้เลยค่ะ”
“ได้ครับ” หมอรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็ยังจากไป ชายกลางคนกับหญิงสาวไม่ได้เอารถมาด้วยในตอนที่มาที่นี่ ดังนั้นหมอเฉินจึงได้สั่งให้คนขับรถรอพวกเขาอยู่ที่หมู่บ้าน
“เธอบอกว่าในตอนที่หวังเจ๋อเซี่ยวป่วยเขาได้ดื่มยาสมุนไพรจีนลงไปและเขาก็ฟื้นขึ้นมา” หญิงสาวบอกกับชายวัยกลางคนหลังจากที่หมอได้จากไปแล้ว
“ยาสมุนไพรจีน...แล้วชายที่เป็นคนปรุงยาเขาอยู่ที่ไหนครับ?”
“ฉันไม่รู้ค่ะ แต่ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนเป็นเอายามาให้”
“แล้วเขาอยู่ที่ไหนครับ?”
“เนินเขาหนานชาน” หญิงสาวชี้ไปที่เนินเขาที่อยู่ทางทิศใต้ของเมือง