ภาค 2 ตอนที่ 15 ความรู้สึกดีที่ประหลาด
ตอนที่ 15 ความรู้สึกดีที่ประหลาด
"ไป๋หลิง ไม่งั้นเราไปหาหัวหน้ากลุ่มสามตอนนี้เลย ดูสิว่าพวกเขาหาคนไปสืบด้วยกันช่วงบ่ายนี้เลยได้ไหม" เซวียหยางถาม
"หือ ตอนนี้เหรอ ฉันหิวแล้ว กินข้าวเที่ยงก่อนได้ไหม"
เซวียหยางตบเขาไปทีหนึ่ง "นายไม่ได้ยินเมื่อกี้ที่กู่จี๋พูดเหรอ ศพแรกพบวันที่ 7 กันยายน ศพที่สองพบวันที่ 25 ตุลาคม ระหว่างนี้ 33 วันเป็นระยะสงบใจของคนร้าย แต่ศพที่สามพบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน เวลาทิ้งศพน่าจะเร็วกว่านั้นอีกหลายวัน ระยะสงบใจเหลือเพียงสิบกว่าวัน ระยะสงบใจของคนร้ายสั้นลงเรื่อยๆ ความกระหายที่จะก่อคดีก็ยิ่งสูงขึ้น เหมือนกินยาก็มีการดื้อยา เขาต้องไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ระยะห่างของการฆ่าคนก็จะสั้นลงเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าพวกเราไม่เร่งมือ..."
"พอๆ ท่านพี่ ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันก็รู้ แต่กินข้าวแค่มื้อเดียวคงไม่ต่างกันหรอก ไม่กินข้าวฉันต้องอดตายแน่"
เซวียหยางถลึงตาใส่ "ฉันคิดว่าไม่ ไม่งั้นพวกเรามาลองดูกัน"
ไป๋หลิงกุมหัวไว้ทั้งโอดครวญ "ฉันจะไม่จับคู่กับนาย นายมันปีศาจ ฉันอยากได้หวังอ้ายกั๋วที่อ่อนโยน หวังอ้ายกั๋วว"
"หวังอ้ายกั๋วไปกินข้าวแล้ว" เซวียหยางพูดหน้าตาเฉย
ไป๋หลิง...
——————————————
ในห้องประชุม กู่จี๋กับโจวต้าเจิ้งต่างคนต่างสูบบุหรี่ เงียบงันไปชั่วขณะ
"พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า กู่จี๋" ต้าเจิ้งดีดเถ้าบุหรี่ "เบื้องบนอยากให้คุณมาชี้แนะงานถึงระดับไหน"
บุหรี่รสมิ้นท์ที่กู่จี๋สูบมีรสเย็นบางๆ "หัวหน้าโจว คุณสบายใจได้เลย ฉันมาครั้งนี้ไม่ใช่คำสั่งจากเบื้องบน ฉันขออาสามาเอง ไม่มีคำชี้แนะใดๆ สำหรับคดีที่พวกคุณทำอยู่ พูดอย่างนี้ดีกว่า ฉันมาครั้งนี้ เหตุผลแทนที่จะเป็นคดี ควรบอกว่า...เพราะสวินเข่อหรัน"
ต้าเจิ้งอึ้งไป เถ้าบุหรี่ที่ปลายนิ้วร่วงหล่นไปบนพรมอย่างเงียบๆ
กู่จี๋พกพารอยยิ้มที่มีลับลมคมในออกจากห้องประชุมไป เงยหน้าพบสวินเข่อหรันยืนอยู่หน้าชั้นวางหนังสือพิมพ์ไม่ขยับ เธอเข้าไปเงียบๆ อย่างอดไม่ได้ เห็นโกโก้กำลังเหม่อลอยอยู่หน้าหนังสือพิมพ์ของวันนี้ ที่พาดหัวข่าวสีแดงสะดุดตามาก
"เจ้าพ่อมาเฟียถูกอัยการจับกุม ทนายนิรนามส่งหลักฐานมัดตัว!"
โกโก้กำลังเหม่อลอย ชื่อในบทความดูแปลกตาสำหรับเธอ เจ้าพ่อเอย มาเฟียเอย ไม่เคยทิ้งร่องรอยไว้ในชีวิตประจำวันของเธอ แต่เธอกลับมีความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยรู้จักมาก่อน
ทนาย...นิรนามเหรอ
"ไฮ!" กู่จี๋เรียกเธอ "คุณหมอสวิน ฉันได้ยินพวกเขาเรียกคุณว่าโกโก้"
โกโก้ยังอยู่ในอาการงุนงง หันไปมองกู่จี๋ พยักหน้าอย่างใจลอย
กู่จี๋เหลือบตามองหนังสือพิมพ์ที่ทำให้โกโก้เหม่อลอย ไม่แสดงปฏิกิริยาอยากรู้อยากเห็น กลับยังคงยิ้มใส่ "โกโก้ เย็นนี้ว่างกินข้าวด้วยกันไหม"
ห้องทำงานมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่ง ที่นั่งถูกกั้น แต่กั้นอากาศไม่ได้ เสียงก็อาศัยอากาศในการกระจายออก ดังนั้น ไป๋หลิงกับเซวียหยางที่กลับมานั่งที่ของตนเองแล้วได้ยินบทสนทนานี้ทั้งสองคน ฉับพลันนั้น อารมณ์ของเด็กขาเม้าส์คึกคักขึ้นมา
โอ๊ว เย็นนี้ว่างกินข้าวด้วยกันไหม นั่นมันบทพูดส่วนตัวของหัวหน้าโจวของพวกเราไม่ใช่เหรอ ตัวรองโผล่มาจากไหนกัน! อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงด้วย! หรือเธอชอบผู้หญิง!
ตัวรองพยายามหลอกล่อโกโก้ต่อ
ต้าเจิ้งผลักประตูมาปรากฏตัวที่ห้องทำงาน เห็นกู่จี๋กำลังจ้องโกโก้ซุบซิบอะไรอยู่ เขาขมวดคิ้วไม่พูดอะไร เพราะยังไงก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
โกโก้ถูกกู่จี๋ถามจนขนลุก เห็นต้าเจิ้งปรากฏตัวเปรียบเสมือนเป็นฟางเส้นที่ช่วยชีวิต ชี้ไปที่เขาแล้วพูด "ถ้าเขาไปฉันก็จะไป"
พอคำพูดหลุดออกจากปากก็รู้ว่าแย่แล้ว ประโยคนี้เหมือนเด็กอนุบาลที่พูดกัน "ถ้ามีคนไปด้วย ฉันก็จะไป"
น้ำเสียงของกู่จี๋ไม่มีเค้าของหัวเราะเยาะ หันไปมองต้าเจิ้งแล้วส่งยิ้มที่มีลับลมคมในอีกครั้ง "หัวหน้าโจว คุณจะมาด้วยกันไหม"
ชั่วเวลานั้น ทุกคนในห้องทำงานมองไปที่หัวหน้าโจว มุมปากต้าเจิ้งกระตุก ความรู้สึกเก้อเขินถาโถมเข้าใส่ แต่คนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ดันเป็นโกโก้ซะอีก ดีที่ต้าเจิ้งมีประสบการณ์รับมือกับผู้ร้ายมาหลายปี ความหนาของหน้ายิ่งกว่ากำแพงเมืองซะอีก
โบกมือแล้วหัวเราะและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ได้ยังไง กู่จี๋มาไกลเพื่อช่วยพวกเราสืบคดีทั้งที ต้องเลี้ยงข้าวสิ คืนนี้ที่ภัตตาคารจุ้ยเซียน ไปหมดทั้งทีมแหละ" คอยดูเถอะจะเวียนกันมอมเหล้าให้ตาย
ทุกคนเฮฮาขึ้นมา ดังนั้น แผนอาหารค่ำสองต่อสองของกู่จี๋ถูกหัวหน้าโจวแปรสภาพเป็นเหลวใหลไปทั้งทีม ดีที่กู่จี๋ได้รับการอบรมมาดี เพียงแค่ยิ้มบางๆ เท่านั้น
โกโก้แอบย่องออกจากห้องทำงานในจังหวะที่ไม่มีคนสนใจเธอ ในมือยังกำหนังสือพิมพ์แผ่นนั้นไว้ เดินไปพลางอ่านบทความไปด้วย ในที่สุดก็นึกชื่อนั้นออก
มู่เสวี่ย
เช้าตรู่ที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น หญิงสาวที่พกพาเพลิงแค้นในสุสานที่อึมครึม
โครม!
โกโก้ถูกชน เห็นหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งมองตัวเองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
"ขอ… ขอโทษ ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ..." หญิงสาวตื่นตระหนกคล้ายกับว่าตัวเองได้ทำผิดใหญ่หลวง
โกโก้โบกมือ "ฉันเองต่างหากที่เดินไปอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย ไม่เป็นไร อย่าถือสาเลย จริงสิ คุณมาหาใคร"
"ฉัน...คือ" นิ้วมือม้วนชายเสื้อ หญิงสาวพูดออกมาอย่างลังเลว่า "คือ คุณสวีของหน่วยอาชญากรรมโทรมาให้ฉันมาลงบันทึกประจำวัน ฉัน...ฉันหาหน่วยอาชญากรรมไม่เจอ"
โกโก้นึกขึ้นได้ว่า สวีหวั่นลี่เคยพูดถึงคดีที่คล้ายคลึงกันในที่ประชุม และได้เชิญเจ้าทุกข์มาลงบันทึกประจำวัน น่าจะเป็นคนที่อยู่ตรงหน้านี้
"ฉันพาคุณไปเอง" โกโก้พูด
ผู้หญิงมองเธอด้วยความสงสัย
"ฉันเป็นหมอนิติเวชของหน่วยอาชญากรรม มาทางนี้"
"โอ๊ะ โอ้" ผู้หญิงรีบตามโกโก้ไป "ฉัน ฉันชื่อหวังเซวียนเซวียน"
โกโก้พยักหน้าน้อยๆ พาหวังเซวียนเซวียนไปส่งถึงหน้าสวีหวั่นลี่ มองผู้หญิงที่มีอาการประหม่าหน้าตนเอง ทำให้โกโก้อดนึกถึงศพไร้หัวที่อยู่บนโต๊ะชันสูตรไม่ได้
โชคบางทีโชคชะตาก็นำไปในทิศทางที่ต่างกัน ซับซ้อนเกินกว่าที่จะใช้คำพูดบรรยาย ได้เพียงใช้คำว่าโชคมาอธิบาย