ตอนที่ 88 อิทธิพล
หานเซี่ยวมาถึงถนนนี้ตั้งแต่คืนก่อนที่ทหารกำลังตั้งค่าย เขาวางกับดักโดยใช้ศพของป่านกวงและจี่เจี่ยเพื่อล่อพันเอกคาร์ลออกจากรถ ช่วงเวลาที่คาร์ลก้าวเท้าออกมา หานเซี่ยวกได้โอกาสเล็งยิงเขา
นอกจากนี้ เขายังวางทุ่นระเบิดเปล่าไว้ใต้ศพเพื่อทำให้ทหารหลุดขบวนจนไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางในการยิงพันเอกคาร์ล
การสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่อหน้าทุกคนย่อมยกระดับความสงสัยต่อพวกเฮสล่า พวกเขาอาจเดาได้ว่ามันคือฝีมือหานเซี่ยว แต่หานเซี่ยวก็ไม่กังวลเลย พวกเขาไม่มีหลักฐานมากพอจะเอาผิดเขา ตราบเท่าที่แผนก13ปฏิเสธมัน พวกเฮสล่าก็ทำได้แค่ประท้วง พวกเขาไม่อาจเอาผิดหานเซี่ยวได้
ก็เหมือนกับการที่คาร์ลทำกับพวกเขา
ฉันก็เป็นคนคดเคี้ยวเหมือนแกแหละคาร์ล
หานเซี่ยวเป่าปากกระบอกปืน เขาโยนมันลงกระเป๋าเขาโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้
คำสั่งของคาร์ลเกือบพรากชีวิตเขาไป เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่แล้ว หานเซี่ยวเคยเป็นผู้เล่น’จริง’มาก่อน เขาจะแก้แค้นทุกคนโดยไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร และเขาก็จะหาทางล้างแค้นโดยไม่เกี่ยงวิธี
หานเวี่ยวเห็นกองกำลังเฮสล่ากำลังวุ่นวายผ่านลำกล้องเขา บางคนโกรธแค้น พวกเขารีบขึ้นรถและขับมาทางเขา
เขาถอดชิ้นส่วนปืนไรเฟิลซุ่มยิงลงกระเป๋าอย่างใจเย็น เขาได้หยิบเลือกตำแหน่งที่หลบหนีง่ายไว้แล้วก่อนเริ่มแผนการ
หลังหมุนตัว เขาก็กระโดดลงหน้าผา และรู้สึกได้ถึงแรงเหวี่ยงที่ปะทะ เขากดปุ่นบนหลัง และปีกโลหะสองอันก็ขยายออก จากนั้นเขาก็ร่อนไปในอากาศ ตรงไปยังป่าด้านใต้หน้าผา
เครื่องร่อนกลืนนภา!
เมื่อกองทหารเฮสล่ามาถึงหน้าผา ทั้งหมดก็สามารถเห็นได้แค่เงาดำที่หายวับไปกับตา
...
เหล่าสายลับแผนก13ทำหน้าโง่งม พวกเขาไม่อาจเชื่อได้ว่าหานเซี่ยวจะกล้าสังหารผู้บัญชาการเฮสล่า
การระบายความโกรธเป็นเรื่องดี แต่ก็ย่อมมีผลตามมา ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการฆ่านายทหารระดับสูงบนดินแดนของพวกเขา!
ฉีไป่เจี่ยกระวนกระวาย แต่เมื่อเห็นกองทหารเฮสล่าไม่พบใคร เขาก็โล่งใจ
ขอบคุณพระเจ้า เขาหนีไปได้ ในกรณีนี้ พวกเขาไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าเขามีความผิด เรายังสามารถโต้แย้งได้
รอเดี๋ยว!หากหานเซี่ยวหายไป เราก็ต้องแบกรับภาระแทน?!
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่หานเซี่ยวต้องทำอย่างแน่นอน
เขากลับผลักดันปัญหาทั้งหมดให้เรา!เขามันไม่พวกทิ้งความรับผิดชอบ!
กองทัพเฮสล่ายกปืนขึ้นอย่างโกรธแค้นและเล็งไปยังสายลับแผนก13 พวกเขาถูกขังไว้บนรถและพากลับไปยังค่ายชายแดน ทันทีที่รองผู้บัญชาการรายงานเหตุการณ์ รัฐบาลเฮสล่าก็โกรธจัด
สายลับเฮสล่าต้องสอบปากคำแผนก13เพราะพวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับยิ่งโกรธกว่าเดิม แผนก13ยืนยันว่าพวกเขาไม่รู้เห็นอะไรทั้งนั้น วินน่ารู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้
ทุกคนรู้ว่าหานเซี่ยวคือคนลงมือ แต่ไม่มีใครมีหลักฐานพอจะเอาผิดเขา พวกเขาไม่อาจแม้แต่จะหาปลอกกระสุนปืนได้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่อาจทำอะไรแผนก13ได้อีก พวกเขาไม่อาจใช้วิธีทรมานเพื่อรีดไถข้อมูลเพราะอาจทำให้เกิดการขัดแย้ง ความพยายามของพวกเขาสูญเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น การกล่าวโทษของเบื้องบนเฮสล่าก็ยังพบกับข้อแก้ตัวหน้าด้านๆจากแผนก13
ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองของแผนก13นำเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาถึงชายแดนเฮสล่าอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเหลือสายลับเขา โดยไม่มีหลักฐานเอาผิด เฮสล่าจึงจำใจต้องปล่อยตัวสายลับแผนก13
ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองนำทุกคนออกจากห้องสอบสวนและกลับไปเครื่องบินเจ็ต เขาสั่งให้ฉีไป่เจี่ยรายงานเหตุการณ์หลังมั่นใจว่าไม่มีพวกเฮสล่าอยู่รอบๆ
“เขาเป็นตัวสร้างปัญหาจริงๆ โชคดี เขาไม่ทิ้งร่องรอยไว้ ไม่อย่างนั้น เฮสล่าคงไม่หยุดจนกว่าจะพบเขา”เขากล่าว
ฉีไป่เจี่ยรู้สึกอับอายและไม่กล้าตอบ ท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมรับผิดชอบในฐานะผู้นำมังกรดาราของปฏิบัติการนี้
ผู้อำนวยการมองเขาโดยไม่พูดอะไร เขาสพท้อนให้เห็นถึงปฏิกิริยาของเบื้องบนในแผนก13หลังได้ยินข่าวนี้ พวกเขาเชื่อว่าคำสั่งของคาร์ลต้องได้รับอนุญาติจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเฮสล่า มันเป็นข้อสรุปเดียวว่าทำไมเฮสล่าถึงส่งเจ้าหน้าที่หัวรุนแรงมาทำภารกิจนี้ พวกเขาไม่พอใจกับการกระทำของเฮสล่า มันจึงจบลงเพียงเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใด เฮสล่ากลับไม่อาจทำอะไรสายลับมังกรดาราได้ และพวกเขาก็ยังสูญเสียเจ้าหน้าที่ระดับสูง พวกเขาทำได้แค่กล้ำกลืนกับการสูญเสีย
“เขาทำได้ดีมาก”ผู้อำนวยการพยักหน้าเบาๆ ครั้งนี้ แม้แต่เหยี่ยวในแผนกก็ไม่มีอะไรจะพูดถึงเหตุการณ์นี้ ในความเป็นจริง พวกเขาชอบสิ่งที่หานเซี่ยวทำ หากมีใครกล้าวางแผนต่อต้านมังกรดารา ความสัมพันธ์ย่อมไม่ลงเอยด้วยดี
แม้จะชมชอบ ผู้อำนวยการแผนกก็ตกลงกันอย่างเป็นเอกฉันท์ในการประชุมครั้งที่แล้วว่าพวกเขาจำต้องควบคุมหานเซี่ยวให้มากขึ้นและไม่ปล่อยเขาให้เล็ดรอดการเฝ้าระวัง ในฐานะแหล่งข้อมูลล้ำค่า หานเซี่ยวสำคัญเกินกว่าจะเอาไปเสี่ยงกับอุบัติเหตุ
เพราะทัศนคติที่ร่วมมือของหานเซี่ยว พวกเขาจึงอ่อนโยนต่อการกระทำเขา แต่เนื่องจากภารกิจร่วม พวกเขาจึงระมัดระวังยิ่งขึ้น พวกเขาได้ข้อสรุปว่าต้องปฏิเสธคำขอภารกิจในอนาคตของหานเซี่ยว
การเคลื่อนไหวนี้ผ่านไปโดยไม่มีข้อคัดค้านจากแผนก13 แผนกยังคงเต็มใจร่วมมือกับหานเซี่ยว แต่ก่อนที่เขาจะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด ทางแผนกย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขาอยู่นอกเหนือการเฝ้าระวังอีกต่อไป
ผู้อำนวยการหน่วยข่างกรองเสร็จสิ้นการไตร่ตรองและมองกลุ่มสายลับ จากนั้นเขาก็ดูนาฬิกาและกล่าวด้วยน้ำเสียงงุนงง“ทำไมหานเซี่ยวถึงยังไม่กลับมา?”
“ผมไม่รู้”ฉีไป่เจี่ยส่ายหัว
“หานเซี่ยวติดต่อแค่กับผมเท่านั้น”หลินเหยากดหูฟังอย่างตื่นเต้น แต่วินาทีต่อมา สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
“เขาพูดว่ายังไง?”ผู้อำนวยการมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“พี่ชายเซี่ยวบอกว่า...เขาจะซ่อนตัวจนกว่าฝุ่นจะจางหาย”หลินเหยาพูดติดอ่าง
“ซ่อนตัวจนกว่าฝุ่นจะจางหาย?นี่หมายความว่า...”ผู้อำนวยการตีความข้อความเขา จากนั้น เขาก็ตระหนักความหมายทันที“เขาจะไม่กลับมาอีก?!”
สีหน้าเขาดำมืด
จางเหว่ยดูตกใจมาก หลี่ย่าหลินเบิกตากว้าง ส่วนแลมเบิร์ตก็สะอึกเล็กน้อย
ทุกคนตกใจถึงขีดสุด
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพวกฉายเดี่ยวจริงๆ!
ไม่มีอะไรที่เขาไม่กลัว!
…
20นาทีต่อมาในสำนักงานใหญ่แผนก13 กู่หุ่ยเรียกประชุมฉุกเฉิน เหล่าผู้อำนวยการที่ไม่อยู่สำนักงานใหญ่ต่างเข้าร่วมการประชุมผ่านวิดิโอ ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึม
“หานเซี่ยวหนีไปแล้ว”กู่หุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงซึมเศร้า
ทุกคนอ้าปากค้าง
“เขาแปรพักตร์?”
“ยังไม่ชัดเจน ก่อนหน้านี้ เขาลอบยิงทหารเฮสล่า มันเป็นไปได้ว่าเขาอาจกลัวผลที่ตามมา ดังนั้นเขาจึงหลบหนี แต่ความเป็นไปได้นี้ก็ต่ำนัก”ผู้อำนวยการข่าวกรองตอบ
ผู้อำนวยการฝ่ายอื่นหงุดหงิด เหตุนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่หานเซี่ยวจะเชื่อว่ามังกรดาราไม่อาจปกป้องเขาได้ ซึ่งหมายความว่าหานเซี่ยวกำลังดูถูกความสามารถพวกเขา
“แล้วGPSติดตามที่เราติดไว้ในโทรศัพท์ละ?”
“ตัวติดตามไม่ขยับมา24ชั่วโมงแล้ว หานเซี่ยวพบมันและถอดออก”
“เขาแปรพักตร์ เขาต้องยังอยู่ใกล้เราและกำลังมุ่งสู่แดนรกร้าง เราต้องนำตัวเขากลับมา!”ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายในคำราม
“เรายังไม่อาจแน่ใจได้ว่าเขากำลังแปรพักตร์”กู่หุ่ยโบกมืออย่างไม่เห็นด้วย
ผู้อำนวยการทั้งหมดนิ่งเงียบไป พวกเขากำลังวางแผนกักตัวเขาในเมืองหลวงตะวันตกเมื่อเขากลับมา แต่การหลบหนีของเขาก็ได้ทำลายแผนการทั้งหมดลง
มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าหรือเป็นเพียงการตัดสินใจตามสถานการณ์?
แปรพักตร์ หรืออย่างอื่น?
กฏมาตรฐานระบุว่าเมื่อสายลับขาดการติดต่อ และเมื่อสาเหตุที่แท้จริงเบื้องหลังการหายตัวไปยังไม่อาจสรุปได้ สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำคือการส่งคนไปแกะรอย จากนั้น พวกเขาก็จะติดต่อสายลับเพื่อตัดสินตามการกระทำ
หากสายลับต่อต้านการจับกุมหรือยังคงหนี พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากตามล่าสายลับคนนั้น
หากสายลับมีเหตุผลอันดี มันก็จะยืนยันว่าเป็นการเข้าใจผิดและหลีกเลี่ยงโทษประหารได้
“ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน องค์กรต้นกำเนิดได้เพิ่มรางวัลนำจับหรือฆ่าหานเซี่ยวเป็น5เท่าบนเครือข่ายมืด”ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกล่าวขึ้น
ทุกคนประหลาดใจ ภารกิจนี้ได้รับการประเทศว่าเป็นการฝึกร่วมกันระหว่างสองประเทศ องค์กรต้นกำเนิดรู้ได้ยังไงว่าเป็นฝีมือหานเซี่ยว?มีหนอน?
รางวัลที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกว่าองค์กรต้นกำเนิดอยากฆ่าหานเซี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ องค์กรยังรู้ว่าหานเซี่ยวอยู่ในเมืองหลวงตะวันตก หรือนั่นอาจเป็นสาเหตุให้หานเซี่ยวหลบหนี?
เขาไม่กลัวว่าองค์กรจะรู้ว่าเขาอยู่ไหน?องค์กรต้นกำเนิดจะมีหลายวิธีมากขึ้นนอกเมือง พวกเขาสามารถยิงขีปนาวุธหรือปูพรมพื้นที่ทั้งหมดก็ได้
“เขามายังมังกรดาราเพื่อขอความคุ้มครอง แล้วเขาไปเอาความกล้าเช่นนี้มาจากไหน?”
คำถามนี้แฝงอยู่ในใจทุกคน
กู่หุ่ยเคาะโต๊ะและสรุปการประชุม“เราจะยังคงตัวตนเขาในฐานะสายลับเราและยื่นเรื่องว่าเขาเป็นคนหาย แผนกข่าวกรองจะรวบรวมเทปเฝ้าระวัง บันทึกการย้ายถิ่นฐาน และบันทึกการเดินทางจากทุกแห่งเพื่อลองติดต่อกับเขา เราจะยังส่งทีมค้นหาไปหาเขา เราต้องจับเขาให้ได้ก่อนที่จะมีการกระทำอื่นอีก!”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วย”
“เห็นด้วย”
...
บนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว สายลับแผนก13นั่นมองไปยังตรงมุมที่ทีมของจางเหว่ยอยู่ มันราวกับศูนย์กลางของน้ำวน
จางเหว่ยบีบจมูกด้วยสีหน้าจริงจัง เส้นเลือดบนหน้าผากเขาปูดขึ้นจนเด่นชัด
แลมเบิร์ตกำลังขัดมีดเขาเงียบๆ
หลี่ย่าหลินสั่นขาอย่างขุ่นเคืองและวิตกกังวล ชุดหนังดำรัดแน่นยิ่งขับเน้นความงามของเธอออกมา
หลินเหยากำลังนั่งข้างๆด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เขาอยากหนีจากเพื่อนร่วมทีมตัวเองแต่ก็ไม่กล้า
“นี่มากเกินไปแล้ว!เขากลับหายไปโดยไม่พูดอะไรกับเราเลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเราเป็นเพื่อนเลย!”หลี่ย่าหลินทุบโต๊ะ เสียงดังจนทำให้สายลับคนอื่นสะดุ้งเฮือก
มือของจาวเหว่ยจับใบหน้าเขาครึ่งหนึ่ง และเขาก็ดูเหมือนคนไร้ชีวิต
“เขาดัดแปลงชุดเกราะให้ฉัน...และก็ไม่มีใครรู้วิธีซ่อมมัน”เขาพึมพำ(น่าสงสารรร)
“..”
มันนับเป็นโศกนาฏกรรม สายลับคนอื่นไม่รู้วิธีปลอบจางเหว่ย
“เขาขอให้ฉันรับคำสั่งซื้อแทนเขา และเขาก็รับเงินมัดจำไปแล้ว ฉันจะทำอะไรได้!?”หลี่ย่าหลินกัดฟันแน่น
สายลับคนอื่นตกใจ พวกเขาเริ่มตระหนักว่าพวกเขาเองก็ได้สั่งของไป...
เงินมัดจำเรา!
“ฉันใช้ชื่อเสียงเพื่อรับประกันธุรกิจเขา และเขาก็ทำลายชื่อเสียงฉัน!”หลี่ย่าหลินดูเหมือนภรรยาขี้หงุดหงิด เธอบีบแขนของหลินเหยาเพื่อระบายความโกรธ
หลินเหยารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เขากระโดดถอยไปไกลและกล่าวอย่างเร่งรีบ“ใจเย็น...ใจเย็น...”
“มีใครรู้ตัวตนจริงเขาไหม?”แลมเบิร์ตแสดงความคิดเห็น
ทั้งสามตกใจ
พวกเขาไม่รู้ตัวตนจริงเขาแม้จะอยู่ด้วยกันมานาน หานเซี่ยวมักทำตัวลึกลับและไม่เคยเปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับตัวตนเขา แม้กระทั่งเบื้องบนก็ยังปิดปากสนิท
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนหมดกำกลังใจ
“เมื่อฉันพบเขา ฉันจะทุบหัวเขาให้เละเลย”หลี่ย่าหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโหขณะหักนิ้วเสียงดัง