ตอนที่ 10 : ลุกขึ้นมาสิถ้าทำได้(อ่านฟรี)
เมื่อไรที่ฟางฉีมีเวลาว่าง เขาจะเข้าเกมเพื่อฝึกซ้อมฆ่าสัตว์ตลาด และเขายังคงต่อสู้กับพวกมันโดยการใช้มีดสั้นเท่านั้น
บทเรียนจากความเจ็บปวดและความตายช่วยให้เขา เริ่มคุ้นเคยกับทักษะการต่อสู้ของคริสด้วยการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้เขาสามารถฝึกฝนและเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ของคริสในแต่ละฉากได้อย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันเขาก็จำได้ว่าการโจมตีของฮันเตอร์แต่ละท่าเป็นเช่นไร!
13.00 น
หวังใต้เดินเข้ามาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
“ฮ่าๆ! นายเดาสิว่าวันนี้ฉันสอบผ่านหรือเปล่า?”
“นี่ยังต้องเดาอีกหรอ?” ฟางฉีหัวเราะ “ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น!”
หวังใต้เป็นคนเขินอาย แต่เขาก็ยังวางฟอร์มเช่นเดิม “ไม่เพียงแค่ผ่านนะ แต่ผ่านไปเลยอ่ะ”
เขาค่อยๆวางคริสตัลบนโต๊ะ; ทั้งหมดมี 10 คริสตัล
“วันนี้ฉันมาฆ่าซอมบี้!”
“คริสตัลมากขนาดนี้นายหามาจากที่ไหน?” ฟางฉีตกใจเมื่อเห็นจำนวนคริสตัลบนโต๊ะ
เขารู้ว่าครอบครัวหวังใต้มีรายเฉลี่ยนเท่าไร ถึงพวกเขาจะทำเงินได้ดี แต่สกุลเงินในการใช้เล่นเกมมันเป็นคริสตัล!
เจ้าอ้วนนี่จ่ายคริสตัลเมื่อวานหนึ่งโหลและวันนี้อีกสิบ มันเยอะมาก!
หวังใต้ยิ้มกว้างให้ฟางฉี “ผลสอบของฉันเป็นที่น่าพอใจ นี่จึงเป็นการสนับสนุนเล็กน้อยของบ้านฉัน ที่ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเป็นนักรบ รู้มั้ยฉันต้องใช้สมุนไพรในการฝึกซ้อมมากเท่าไร?”
“นายเอาเงินนั้นมาเล่นเกมใช่มั้ย?”
“แน่นอน! ใครจะยอมเจ็บตัวฝึกซ้อมกันละ!” หวังใต้พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฟังฉีคิดว่าเจ้าอ้วนกำลังฝึกซ้อมจากเครื่อง VR เพราะว่าเขาก็ทำฝึกเช่นนั้นเหมือนกัน
หวังใต้หัวเราะอย่างข่มขืน “นี่ฉี นายลดค่าเล่นให้ฉันหน่อยไม่ได้หรอป๋าฉันมีความสุขมากที่ฉันสอบได้ นั้นคือทางที่ฉันจะได้คริสตัลเยอะๆ แต่ถ้านายไม่ลดฉันคงเล่นได้แค่วันละสามหรือสี่ชั่วโมงเท่านั้น”
ฟางฉีหยักไหล่ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากลด แต่ฉันทำอะไรไม่ได้จริงๆ”
“นายมันงก!” เขาถามถึงแม้รู้ว่าจะถูกปฏิเสธ
เขารู้ว่าเขามีเวลาแค่ห้าชั่วโมง เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมอย่างฉับพลัน
…
ฟางฉีต่อสู้กับเหล่าฮันเตอร์ในเกมอย่างบ้าคลั่งเพื่อทำความคุ้นเคยกับรูปแบบการโจมตีของเหล้านักฆ่าเลือดเย็น
ขณะเดียวกันเขาได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้ที่แม่นยำและท่าทางของคริส
แม้ว่าจะมีไม่กี่คนที่แวะเวียนเข้ามาใช้บริการอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ถึงอย่างนั้นร้านเขาก็ยังคงมีลูกค้าอยู่เรื่อยๆ
คนที่ไปสมัครสอบของสมาคมหลิงหยวนตอนเช้าเช่นเดียวกับเจ้าอ้วนได้สิ้นสุดลงแล้ว
“เป็นไปไม่ได้!!!!” เวลานี้ เด็กสาวอายุราว 18-19 ปีเดินออกมาจากสมาคมหลิงหยวน เธอสวมชุดเดรสสี่ม่วงที่ทำอย่างประณีต คิ้วของเธอมีรอยย่น
ซูฉีซิน รู้สึกว่าเธอกำลังจะเป็นบ้า! เธอวางแผนว่าจะเข้าสมาคมหลิงหยวน เธอตั้งใจฝึกฝน อย่างหนักแต่แล้วสุดท้ายเธอยังคงล้มเหลวในการเข้าถึงระยะสุดท้ายของการสอบ
“เฮ้อออ! ไม่มีหนทางอื่นจริงๆแล้วหรอ?” เธอเป็นกังวลใจ และไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
เธอจึงเดินเล่นไปรอบๆใจกลางเมืองเพื่อคลายเครียด แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดี เมืองจิวหัวถึงแม้จะใหญ่ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปมากกว่าเดิมเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
ในเมืองนี้ไม่มีอะไรให้ดูเลยและนอกจากนี้เธอยังเป็นผู้หญิงจึงไม่สามารถไปเยี่ยมชม สถานที่ที่ผู้ชายชอบไปเธอจึงตัดสินใจซื้อขนมและเดินเที่ยวรอบๆแทน
เธออาศัยอยู่ที่มีมานานจนเธอรู้สึกเบื่อ
แต่แล้วตาของเธอก็ไปสะดุดกับป้าย ป้ายหนึ่งที่เขียนว่า ‘ต้นกำเนิด’ เธอสับสนกับชื่อนั้นเล็กน้อยและพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อนเลย”
‘ต้นกำเนิด’ จุดเริ่มต้นของทุกคนใครนะ มีความกล้าหาญในการตั้งชื่อร้าน
เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าใครกันเป็นเจ้าของและทำไมเขาถึงกล้าที่จะตั้งชื่อแบบนี้
เธอผลักประตูเข้าไปในร้านเห็นเครื่องจักรสี่เครื่องที่เธอไม่รู้จักวางอยู่ในร้าน พร้อมชายสามคนนั่งข้างๆ
“ใครเป็นเจ้าของ?” เธอเอ่ย
ฟางฉีเห็นว่าลูกค้าเข้าร้าน เขจึงต้องออกจากเกมและหันหน้าไปทางหน้าร้าน เขาเห็นซูฉีซินยืนอยู่ตรงประตู หญิงสาววัยรุ่นหน้ารูปไข่คิ้วเข้มขมวด ในชุดกระโปร่งสีม่วงขับผิว มีแววตาเป็นประกาย เขารีบดึงสติ แล้วย้อนถามกลับ “เธออยากรู้ใช่มั้ยว่าร้านของฉันมีไว้ทำอะไร?”
“ใช่!” เธอตอบ “ร้านของนายเป็นร้านเล็กๆ แต่ทำไมถึงตั้งชื่อ ‘ต้นกำเนิด’ นายไม่กลัวที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือ?”
ฟางฉีไม่ตอบอะไร เขาเพียงแต่เดินไปหยิบชอล์กแล้วเขียนประโยคสองสามประโยคด้านล่างของกระดาน
“ร้านนี้เป็นร้านเกมคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์คืออะไรโปรดสังเกตุจากลูกค้าคนอื่น”
ซูฉีซิน สับสนกับสิ่งที่เห็น “เกม?”
เธอหัวเราะกับตัวเอง เธออาศัยอยู่ในเมืองจิวหัวมานานมากแล้วแต่เธอก็ไม่เคยเห็นอะไรแปลกๆ แบบนี้ร้านก็ไม่ได้ใหญ่มากมีเกมอะไรให้เธอเล่นบ้าง
“น่าจะโอเคแล้ว” ฟางฉีวางชอบ์กแล้วฝุ่นที่มือออก “ทำไมฉันต้องกลัวคำวิพากษ์วิจารณ์? ถ้าไม่มีสิ่งนี้ร้านฉันถูกทุบไปนานแล้ว!”
เขาพูดเสริมหน้านิ่ง “ยังไม่มีใครในที่นี้ต้องการทุบร้านของฉันเป็นชิ้นๆเลย!”
“ทำไมหยิ่งจังอ่ะ?” ซูฉีซิน รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นความมั่นใจของเจ้าของร้าน เธอหันกลับไปอ่านที่กระดานอีกครั้งและพูดออกมาว่า “มันแพง”
“ไม่นะ!” ฟางฉีตอบ “ไม่เชื่อก็ลองถามพวกเขาสิ!”
“ไม่นะ!” เหลียงชีออกจากเกม เมื่อเขาเข้าใจสาระสำคัญของที่นี่เขาจึงหยุดตั้งคำถามและเห็นด้วยว่ามันถูกจริงๆ!
เหลียงชีกำลังจะออกจากร้าน เขาเห็นฟางฉีชี้มาทีเขา เขาหันไปหาซูฉีซินแล้วตอบเธอว่า “เธอเป็นนักรบไม่ใช่หรือ ทุกอย่างที่ฉันบอกได้คือ แค่คริสตัลสองก้อนมันราคาถูกจริงๆ ร้านนี้เป็นร้านเวทมนต์!”
“จริงหรอ?” ดวงตาของเธอมองเหลียงชีและฟางฉีอย่างสงสัย
คริสตัลเจ็ดก้อนมีจำนวนไม่มากนักแต่ถึงอย่างนั้นสำหรับนักรบธรรมดาก็ไม่อาจจ่ายไป หรือแม้แต่นักรบที่มีภูมิหลังยังลังเลที่จะเสีย
เมื่อเธอเห็นคริสบนจอ เธอจริงเดินไปรอบๆหวังใต้ ด้วยใบหน้าที่สงสัยแล้วถามว่า “นี่อะไรอ่ะ?”
“ที่นี่เธอสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้” เหลียงชีรู้สึกผิดที่เคยมองร้านนี้ในแง่ร้าย เขาจึงชิงอธิบายก่อนที่ฟังฉีจะพูด “เธอสามารถควบคุมตัวละครในเกมเพื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาดถ้าเธอไม่เชื่อฉันลองดูด้วยตัวเองสิแล้วเธอจะรู้ว่าทำไมฉันถึงบอกว่าที่นี่ไม่แพงเลย”
ไม่เพียงแต่เธอไม่ยอมฟัง แต่เธอยังสงสัยเขามากกว่าเดิม เขารู้สึกว่าเธอคิดว่าเขาเป็นลูกค้าปลอมที่ฟางฉีจ้างมา เขารู้สึกผิดจึงเอ่ยออกมาว่า “ฉันไม่พูดดีกว่า เพราะยิ่งพูดยิ่งทำให้เธอคิดว่าฉันมีเจตนาไม่ดี”
ฟางฉีหยักไหล่ เขาชี้ไปที่กระดานดำ “ถ้าเธอคิดว่ามันแพงเธอจะไม่ลองก็ได้ แต่ถ้าไม่ลองด้วยตัวเองจะรู้ได้อย่างไร ฉันเป็นเจ้าของร้านจะพูดเพื่อขายของกับลูกค้าอย่างไรก็ได้”
ซูฉีซินหัวร้อนมาก เธอพยามเก็บความโกรธแล้วหัวเราะเย้ย “นี่นายพยายามกระตุ้นฉัน?”
ฟางชี้โบกมือแล้วกลับไปนั่งเล่นเกมโดยทิ้งให้เธอยืนหัวร้อนอยู่ตรงนั้น
“นี่นายหมายความว่ายังไง?” เธอถลึงตาถาม “แล้วแต่เธอน่ะ” ฟางฉีตอบสีหน้าไร้อารมณ์
เขาไม่ใช่คนที่จะต้องมาสาบานหรืออ้อนวอนใคร เขาจึงตัดสินใจไล่เธอด้วยวิธีนี้
“คุณ!!!” เธอตะโกนเรียกเขา ใบหน้าสวยๆของเธอโกรธจนบอดเบี้ยวไปหมดแล้ว เธอไม่เคยเห็นเจ้าของร้านไหนหยิ่งเหมือนเขา!
“เอาล่ะ!” เธอพูดด้วยความเคือง “ถ้าอยากนั้นฉันจะลองดูว่าเกมนี้มันดีอย่างที่นายพูดหรือเปล่า!”
ฟางฉีเหล่มองสาวสวยขึ้นลงก่อนจะถามเธอว่า “เธอกลัวผีหรอ?”
“นานหมายความว่าอะไร!” เธอสับสนกับคำถามของเขา เขาจึงชี้ไปที่หน้าจอของหวังใต้ที่กำลังต่อสู้กับซอมบี้สองตัว
เขาเอ่ยว่า “มีสัตว์ประหลาดทุกชนิดมากมายในเกมถ้าเธอกลัวเธอไม่ควรเล่น”
เธอจ้องมองซอมบี้ที่น่ารังเกียจ พวกเขาอยู่ในจอและไม่สามารถออกมากัดเธอได้
เธอตอบอย่างเย้ยหยัน “มีอะไรให้กลัวบ้าง อย่าบอกนะว่านายไม่อยากให้ฉันลอง?”
“ก็ดีถ้าเธอไม่กลัว” ฟางฉีจึงเริ่มสอนวิธีการเล่นให้กับเธอ
หลังจากนั้นไม่นานฟางฉีก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง "ทำไมฉันถึงได้อยู่ในนั้น!?"
ที่นี่มันมืดสนิททุกหนทุกแห่งและสภาพแวดล้อมก็กดดันอย่างสุดขีด รวมทั้งการเข้าสู่อีกโลกหนึ่งนั้นแปลกมาก! ราวกับว่าเธอกำลังดูภาพวาดและถูกดูดเข้ามาในทันที!
ฟางฉีกล่าวว่า "วิธีออกเขียนอยู่ตรงประตู"
"วิธีออกเกม" เธอรู้ว่าบนกระดานหมายถึงอะไร
เธอออกจากเกมทันทีและหันกลับมาถามเขาว่า "นายกำลังจะบอกฉันว่าฉันต้องฆ่าสัตว์ประหลาดในนั้นหรอ?"
“ไหนเธอบอกว่าไม่กลัวไง?” ฟางฉีมองดูเธออ้ำอึ้ง
เธอเป็นนักเรียนอัจฉริยะของสมาคมหลิงหยอน; เธอจะปล่อยให้เจ้าของร้านดูถูกเธอไม่ได้! เธอตอบโต้อย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่กลัวมัน ฉันกำลังมองหาที่ที่จะแสดงทักษะของฉัน!”
“เธอไม่ต้องหรอกไม่ว่าเธอจะตายเป็นหมื่นๆครั้งในเกม ก็ไม่มีอะไรขึ้นกับเธอในชีวิตจริงนั้นมันเป็นแค่เกม” ฟางฉีเตือนเธอ
"จริงๆนะหรอ?" เธอเริ่มสงบลง เพราะฉากต่อหน้าเธอสมจริงจนเหมือนของจริงมาก
"แน่นอน" ฟางฉีกล่าว "ไม่เช่นนั้นร้านฉันคนก็ตายเกลือนน่ะสิ -3-"
ธอเห็นตัวละครของวังใต้ตาย เขาเริ่มต้นเกมใหม่อย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"นั่นสินะ" เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันเป็นเกมจริงๆ!
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกมทำมันได้อย่างไร แต่เป็นโลกที่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้ดังนั้นคนธรรมดาจึงไม่สามารถเข้าใจพลังของพวกเขาได้
เธอทำตามคำแนะนำของ ฟางฉีและกลับเข้าสู่เกม
มีตัวเลือกสองตัวโผล่ออกมาตรงหน้าเธอ:
[1 จิลล์]
[2 ฉันเป็นตัวแทนพิเศษของทีมอัลฟ่า]
"ฉันเข้าใจแล้วผู้เล่นหญิงเท่านั้นที่สามารถเลือกจิลได้" ในที่สุดฟางฉีก็เข้าใจว่ามันเป็นยังไง ในเกมดั้งเดิมผู้เล่นสามารถเลือกระหว่างคริสกับจิลล์ แต่ในการสร้างเกมขึ้นใหม่ครั้งนี้พวกเขาทำไม่ได้เพราะระบบแยกเพศของผู้เล่น
จิลล์ถือปืนตั้งแต่แรกซึ่งแตกต่างจากคริสที่เริ่มด้วยมีดสั้น หลังจากเลือกจิลแล้ว ซูฉีซินก็ได้ความรู้เกี่ยวกับปืนของจิลล์ อย่างไรก็ตามเธอออกมาเพื่อระบายความโกรธของเธอ
เธอเลือกจิลล์เธอรู้วิธีใช้ปืน เธอไม่จำเป็นต้องกลัวหรือกังวลอีก
ในไม่ช้าเธอก็เริ่มค้นหาคนในคฤหาสน์ขึ้นและลง
แสงในทางเดินมืดสลัว; หลังจากเปิดมุมเธอเห็นคนนั่งยอง ๆ ที่นั่น
"นี่อาจเป็นเพื่อนร่วมทีมที่หายไป" เธออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “เกมนี่ง่ายจริงๆ”
เธอจึงรีบเดินไปที่ 'เพื่อนร่วมทีม' และตบเขาที่ไหล่ "ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตคุณมากับฉันสิ!"
ทันใดนั้น 'เพื่อนร่วมทีม' ก็หันกลับมาอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นใบหน้าอันซีดและเน่าเฝะมีเลือดและเนื้ออยู่ที่มุมปาก!
เธอจะไม่กลัวเลยหากเธอเตรียมตัวเตรียมใจมากพร้อม อย่างไรก็ตามบุคคลที่ ซูฉีซินคิดว่าเป็นผู้รอดชีวิตนั้น คือผีดิบกินเลือดและรอสังหาร! เธอตกใจกลัวจนไม่สามารถเก็บอารมณ์ไว้ได้
"อ๊าาาาาา!" ซูฉีซินผู้กล้าหาญเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหันหลังกลับและวิ่งหนีไป ใบหน้าของเธอซีดเผือกด้วยความกลัว!
ไหนว่าไม่กลัวไง" ฟังฉีหัวเราะ
ซูฉีซินเพิ่งรู้ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้เป็นสัตว์ที่เธอคิดว่า 'อ่อนแอ'
เธอดึงสติกลับมาแล้วเอ่ยถามอย่างกวนๆว่า "ใครบอกว่าฉันกลัว?"
ซอมบี้เดินช้า ซูฉีซินจึงมั่นใจว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่น่ากลัวเท่าไรนัก เธอจึงเริ่มต่อสู้ด้วยกานยิ่งซ้ำๆ และในไม่ช้าซอมบี้ก็ล้มลง
เธอก็พูดอย่างภูมิใจ "ดูสิมีอะไรให้กลัวบ้าง?"
เธอก็เดินไปที่ซอมบี้และกระทืบมันระบายความอึดอัดในใจราวกับว่าเธอกำลังโกรธแค้นมันที่มันทำให้เธอดูอ่อน
"ลุกขึ้นมาทำให้ฉันตกใจอีกสิ ถ้าทำได้!" เธอตะโกน