ตอนที่แล้วDC บทที่ 46: ข้าต้องการดูร่างสวรรค์ของเจ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDC บทที่ 48: ก้าวเก้าดารา

DC บทที่ 47: วิชาล้ำค่า


“วิ..วิธีที่จะฝึกร่างร้อยพิษมิกรายเป็นร่างพันพิษมิกราย มีวิชาเช่นนั้นปรากฏใต้ผืนฟ้านี้ด้วยรึ ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านจึงให้วิชากับคนเช่นข้า บางคนที่ท่านเพิ่งพบ” ซีซิงฟางถามด้วยเสียงสะท้าน แม้เธอจะมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่และครอบครัวที่สุดแสนร่ำรวย เธอก็ไม่อาจหยุดสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นกับวิชาที่อาจจะมีหรือไม่มีตัวตนนี้

“มิมีประโยชน์ใดที่จะเก็บไว้กับตัวข้าเพราะตัวข้ามิได้มีร่างร้อยพิษมิกราย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่จะยกมันให้บางคนที่สามารถใช้งานมันได้ ข้ามิได้เป็นพระ แต่เป็นความสุขส่วนตัวของข้าที่ทำให้สาวสวยเช่นตัวเจ้ามีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้ของกำนัลเพียงเล็กน้อย” ซูหยางตอบด้วยน้ำเสียงสงบเรียบฟังดูเหมือนกับเขาไม่ใส่ใจนักที่เขากำลังแบ่งปันวิชาที่ล้ำค่าเช่นนั้นให้กับคนแปลกหน้า

“สาวสวยรึ” ความรู้สึกที่ซูหยางสามารถมองทะลุผ้าคลุมหน้าของเธอชัดเจนขึ้นในใจของซีซิงฟาง

“แค่ของกำนัลเล็กน้อยรึ” ผู้อาวุโสจงแทบสิ้นสติเมื่อซูหยางเรียกวิชาที่สามารถฝึกฝนร่างสวรรค์ให้มีระดับสูงขึ้นว่าเป็นเพียงแค่ “ของกำนัลเล็กน้อย” ความจริงแล้วเขาประหลาดใจมากจนพลาดความเจ้าชู้ของซูหยางที่เห็นได้ชัดแจ้งซึ่งกำลังเกิดขึ้นต่อดวงตาเบิกกว้างของเขา

“ท..ท่านมั่นใจนะ แน่นอนว่านี่เป็นบางสิ่งที่ล้ำค่า ท่านต้อง...”

“มิจำเป็นต้องเกรงใจ ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวข้าเอง มาสิ โน้มศีรษะมาทางข้า”

แม้ว่าเธอรู้สึกว่าเหตุการณ์พลันเปลี่ยนแปรท่วมท้นใจ แต่ราวกับคำพูดของเขามีมนต์ขลังอยู่ภายใน ซีซิงฟางยอมตามคำพูดของเขาและเอนตัวไปข้างหน้า

เมื่อเธอเอนไปข้างหน้า ซูหยางก็ทำเช่นเดียวกันกับเธอ เขาหลับตาลงและใช้หน้าผากสัมผัสหน้าผากที่ยังคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าของเธออย่างนิ่มนวล ไม่ได้ใส่ใจกับกลิ่นหอมดอกไม้จากร่างเธอที่ชวนให้เขาสงบใจ

ในทางกลับกัน ซีซิงฟางรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวจากความเอียงอาย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้แนบใบหน้าชิดกับหน้าชายคนอื่น มันชิดเสียจนกระทั่งเธออาจจะพลาดจูบเขาถ้าเธอขยับไปด้านหน้าอีกเพียงสักเล็กน้อย

ไม่กี่วินาทีหลังจากที่หน้าผากของพวกเขาสัมผัสกันก็เห็นแสงเรืองเหลืองค่อยสว่างขึ้นระหว่างหน้าผากของทั้งคู่และยิ่งสว่างมากขึ้นกว้างขึ้นตามเวลาผ่าน เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็เหมือนเวลาหลายชั่วโมงสำหรับซีซิงฟาง ผู้ที่กำลังพยายามรับรู้ข้อมูลทุกอย่างที่ป้อนเข้าไปในศีรษะเธอจากซูหยาง ร่างของเธอเริ่มมีเหงื่อซึมลมหายใจเริ่มกระชั้นเร่งร้อน

เมื่อผู้อาวุโสจงเห็นการเปลี่ยนแปลงของซีซิงฟาง เขาต้องการยับยั้งทั้งคู่ แต่อย่างไรก็ตามก็กลัวว่าอาจเป็นการทำให้พวกเขาเขวและทำให้เธอเกิดความเสียหายที่ไม่อาจย้อนคืนได้ เขาจึงตัดสินใจนั่งลงกัดฟันอย่างแรงเท่าที่ทำได้และรอให้ทั้งคู่ทำสิ่งที่พวกเขาทำให้เสร็จสิิ้น

“วิชชาระดับเซียน ร่างพันพิษมิกราย” เธออุทานอยู่ภายในใจ

สุดท้ายเมื่อซีซิงฟางได้รับรู้ชื่อและระดับของวิชา เธอตกใจจนเกือบสิ้นสติ

มีวิชาในโลกมากมายนับไม่ถ้วนล้วนต่างความสามารถและผลลัพธ์ วิชาเหล่านี้แบ่งเป็นระดับและหมวดหมู่ตามพลังอำนาจและความสามารถของวิชานั้น

นับจากวิชาที่อ่อนด้อยไร้พลังที่สุดไปถึงวิชาที่สวรรค์ประทานที่อาจทำลายขุนเขาได้ วิชาเหล่านี้ได้ถูกจัดอันดับเป็น ระดับธรรมดา ระดับโลกา ระดับสวรรค์ และระดับสุดท้าย ระดับเซียน ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิชาที่หายากที่สุดในโลกมนุษย์

เพื่อให้เข้าใจว่าเหตุใดวิชาระดับเซียนนั้นล้ำค่าและหายากแค่ไหนในโลกนี้ เราสามารถใช้มือสองข้างนับจำนวนวิชาระดับเซียนในโลกนี้ได้ แถมยังเหลือนิ้วไว้เพื่อใช้นับได้ด้วย

ลืมไปก่อนถึงวิชาระดับเซียนที่แทบไม่มีใครหาได้ แม้กระทั่งวิชาระดับสวรรค์ยังถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าประจำสำนักที่ยิ่งใหญ่และเก็บซ่อนไว้ภายใต้การรักษาความปลอดภัยและดูแลอย่างเข้มงวด

นอกจากผู้ที่ขึ้นอยู่กับตระกูลใหญ่ที่ปกครองภูมิภาคในทวีปตะวันออกหรือสำนักที่สุดยอดเช่นนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาสามารถลืมไปได้เลยที่จะมีโอกาสได้เห็นวิชาระดับเซียนอย่างใกล้ชิดเป็นส่วนตัว

สุดท้ายเมื่อซูหยางถ่ายโอนวิชาเข้าไปในใจซีซิงฟางแล้ว เขาค่อยดึงศีรษะพ้นห่างจากหน้าผากของเธอ

“ข้าได้ถ่ายโอนวิชาตรงเข้าสู่ในใจเจ้า ซึ่งเจ้าสามารถนำมันออกมาดูได้ตามความต้องการ อย่างไรก็ตามพึงระลึกไว้ว่าเจ้ามิสามารถแบ่งปันมันกับผู้ใดได้ไม่ว่าเจ้าจะพยายามมากมายสักเพียงไหน ดังนั้นอย่าพยายามทำให้เสียเหงื่อโดยไม่จำเป็น” ซูหยางกล่าวหลังจากนั้นสักครู่

“ฮาาา..ฮาาาา..” ซีซิงฟางหอบหายใจหนักหน่วง ราวกับว่าเธอเพิ่งวิ่งมาราธอนเสร็จใหม่ๆ

“ของ..ของขวัญนี้...ข้าจักทำเช่นไรเพื่อตอบแทนท่าน แม้ว่าข้าให้ท่านทุกอย่างที่ข้ามี มันก็ยังมีค่าไม่ถึงครึ่งของวิชานี้”

“เช่นที่ข้ากล่าวไว้ ข้าทำเช่นนี้มิใช่เพื่อเจ้าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเหตุผลดื้อด้านของตัวข้าเอง การตอบแทนของเจ้าก็คือฝึกฝนเปลี่ยนร่างร้อยพิษมิกรายให้เป็นร่างพันพิษมิกรายให้สำเร็จ”

“บางอย่างเช่นนี้เป็น...” ซีซิงฟางจนวาจา เธอไม่สามารถเข้าใจการกระทำของซูหยางหรือคาดเดาความคิดของเขาได้ไม่ว่าเธอจะพยายามมากสักเพียงไหน ราวกับว่าเธอพยายามมองหาบางสิ่งที่ซุกซ่อนลึกในหมอกหนา

“อัจฉริยะเช่นเจ้าผู้ที่สามารถเข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณเมื่ออายุยังน้อย แน่นอนว่าต้องทำได้สำเร็จในการฝึกฝนวิชานี้” ซูหยางพลันหันศีรษะมองไปยังหลังคารถและกล่าวว่า “ในที่สุดดูเหมือนว่าข้ามาถึงที่หมายแล้ว แม้ว่าการพบปะนี้จะสั้น มันก็เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น แฝงด้วยโชควาสนา”

“...” ซีซิงฟางมองซูหยางอย่างเงียบๆดูมึนงง

“เปิดประตูรถม้า” ผู้อาวุโสจงพลันตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบราวกับต้องการให้ซูหยางออกไปจากรถม้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ประตูรถม้าเปิดออกและซูหยางก้าวออกมาจากรถม้าอย่างรวดเร็ว

“รอสักครู่ พี่ชายเซียว” ซีซิงฟางดูราวกับว่าเธอจะลงจากรถม้าตามเขาไปแต่ถูกผู้อาวุโสจงยับยั้งไว้ก่อนที่เธอจะออกไปพ้นประตู

“ท่านหญิงน้อย องค์ราชันรับสั่งอย่างเข้มงวดมิให้ท่านออกไปจากรถม้า มิเช่นนั้นการปกป้องที่ได้รับมาย่อมมิอาจปกป้องท่านจากอันตรายได้”

“แต่ข้ายังมีหลายอย่างที่ข้าต้องการพูดกับเขา” เธอยืนยันที่จะออกจากรถ

“ท่านหญิงน้อย อย่าลืมศักดิ์ฐานะของท่าน แม้ว่าฝีมือเชิงกระบี่ของเขาเหนือกว่าข้า แต่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาจากทวีปตะวันออก ท่านมิสามารถพัวพันลึกซึ้งกับคนเช่นนั้น มิเช่นนั้นมันจักนำมาซึ่งปัญหามิรู้จบ มิเพียงแต่ท่านแต่กระทั่งเซียงหยางนั่นด้วย ถ้าเป็นไปตามที่เขากล่าว การพบกันครั้งนี้คือโชคชะตา ดังนั้นท่านต้องมีโอกาสได้พบกับเขาอีกครั้งแน่นอนในอนาคต” ผู้อาวุโสจงกล่าว เขาไม่รู้ว่าวิชาอะไรที่ซูหยางให้กับเธอ

“...” สุดท้ายซีซิงฟางได้แต่ยอมแพ้ที่จะออกจากรถไล่ตามซูหยางหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้

“เริ่มออกเดินทาง” ผู้อาวุโสจงตะโกนในวินาทีถัดไป และรถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่

ซูหยางหันไปมองรถม้าทองอย่างเต็มตาอีกครั้งจากด้านนอกก่อนที่จะหันไปหาหุบเขาด้านหน้าของเขาซึ่งมีท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆสายฟ้าเริ่มจากที่เขายืนอยู่ไปจนจรดของฟ้า

“นี่คือหุบเขาฟ้าคำรามสินะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด