เล่มที่ 1 บทที่ 3
ณ ห้องโถงจวนเจ้าเมือง
มีชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมนั่งอยู่ ด้านซ้ายและขวานั้นมีชายอีกสองคนนั่งขนาบข้าง ทั้งสามกำลังปรึกษากันถึงเรื่องงานประลองยุทธ์รุ่นเยาว์ประจำปีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ ใบหน้าชายทั้งสามคนต่างปรากฏความกังวลเป็นอย่างมาก
“อีกเพียงสิบวันจะถึงงานประลองแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรดี”
ชายที่นั่งด้านซ้ายของหยางจื่อส้งพูดขึ้นมา
“เฮ้อ ในงานประลองยุทธ์รุ่นเยาว์ที่ผ่านมา 3 ปีนั้น ตระกูลหยางเป็นได้เพียงตัวตลกของเมืองธาราสวรรค์ เหล่ารุ่นเยาว์ในจวนเจ้าเมืองนั้นมีระดับการฝึกฝนมากสุดเพียงรวบรวมลมปราณขั้น 7 เท่านั้น”
หยางจื่อส้งพูดพลางถอนหายใจ
“ฮึ่ม! หากนายน้อยมิสูญเสียพลังปราณไป เจ้าพวกสุนัขห่าวคงมิกล้าอวดดีถึงเพียงนี้”
ชายด้านขวาเอ่ยขึ้นบ้างทั้งสองคนคือหยางจิ้งและหยางจง เป็นผู้ดูแลธุรกิจของตระกูลหยางและที่ปรึกษาของเจ้าเมืองธาราสวรรค์ ทั้งสามคนได้แต่โทษโชคชะตา อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับหยางอี้ได้กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ให้ตระกูลห่าวใช้โจมตีเรื่อยมา
“แล้วตอนนี้อี้เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าไม่เห็นเขาออกจากห้องมามากว่าหนึ่งเดือนแล้ว”
“ตอนนี้นายน้อยเก็บตัวฝึกฝนบ่มเพาะพลังปราณ ข้าได้ยินว่าในปีนี้นายน้อยต้องการเข้าร่วมการประลองด้วย!”
หยางจงที่ปรึกษาเจ้าเมืองตอบออกมา เรื่องนี้ทำให้ทุกคนในจวนกังวลเป็นอย่างมาก
“ข้าคิดว่าคงเป็นเพราะว่าเหตุการณ์ในวันฉลองอายุของนายน้อยที่ทำให้นายน้อยต้องการจะเข้าร่วมการประลอง”
“เฮ้อ เด็กคนนี้นั้นมีทั้งพรสวรรค์และความมุมานะ เหตุใดสวรรค์จึงต้องกลั่นแกล้งกัน”
หยางจื่อส้งเอ่ยออกมาอย่างทอดถอนใจ หยางจิ้งและหยางจงต่างพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้หยางอี้จะได้รับทรัพยากรต่างๆจากผู้เป็นบิดา แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น การที่หยางอี้ก้าวขึ้นมาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองธาราสวรรค์นั้นมาจากความพากเพียรและความพยายามในการฝึกฝนบ่มเพาะพลังปราณด้วยความเพียร
ภายในห้องมิติพิเศษของมุกมิติราชันย์หยางอี้นั่งโคจรพลังปราณอย่างมุ่งมั่น พลังปราณภายในร่างถูกขับเคลื่อนหมุนวนเข้าสู่ตันเถียนครั้งแล้วครั้งเล่าจนบัดนี้เส้นชีพจรของหยางอี้เริ่มกลับสู่สภาพเดิมก่อนที่จะสูญเสียลมปราณไปแล้ว
ปัง! เสียงพลังปราณปะทุขึ้นภายในร่างของหยางอี้
“รวบรวมลมปราณขั้นที่เจ็ด!”
จากวันที่มุกมิติราชันย์ตื่นขึ้น ผ่านมาแล้วเกือบสองเดือน หยางอี้ใช้เวลาครึ่งเดือนแรกในการทำความเข้าใจและฝึกฝนทักษะย่างก้าวมายาสวรรค์ ทักษะย่างก้าวมายาสวรรค์ เป็นทักษะท่าเท้าที่มีความลึกซึ้งอย่างมาก หยางอี้ใช้เวลาห้าเดือนในมิติพิเศษเพื่อจะฝึกให้ถึงขั้นแรก อย่างไรก็ตามชื่อเสียงอัจฉริยะนั้นสมควรแล้วที่จะมอบให้กับเขา การจะทำความเข้าใจทักษะที่ลึกซึ้งเช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นอาจต้องใช้เวลาอยู่หลายปี ทักษะนี้มีทั้งหมดสี่ขั้น ตามข้อมูลที่หยางอี้ได้รับมา มีเพียงวิธีฝึกขั้นแรกและขั้นที่สองเท่านั้น
ในข้อมูลบันทึกไว้ว่า ผู้ที่ฝึกถึงขั้นแรกจะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว สามารถวิ่งบนใบบัวได้โดยที่น้ำมิกระเพื่อม ขั้นที่สองนั้นผู้ฝึกจะสามารถก้าวย่างอย่างรวดเร็วจนทิ้งภาพติดตาไว้ดั่งภาพมายาที่ดูเชื่องช้าแต่กลับรวดเร็ว ขั้นที่สามนั้นผู้ฝึกจะสามารถเยียบย่างบนนภากาศได้แม้จะยังไม่บรรลุถึงระดับปราณสวรรค์ก็ตาม ขั้นสุดท้ายผู้ฝึกจะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วจนสามารถสร้างภาพมายาขึ้นมาเป็นร่างจำแลงได้!
เมื่อหยางอี้ออกจากมิติพิเศษ บนร่างกายล้วนเต็มไปด้วยคราบสิ่งสกปรกสีดำที่มีกลิ่นเหม็น มันถูกขับออกมาอยู่ทั่วทั้งร่างกายของเขา หยางอี้ลุกขึ้นและเดินไปนอนแช่ในอ่างน้ำเพื่อชำระร่างกายผ่อนคลายจากการฝึกฝน
“ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงสิบวันก่อนจะถึงงานประลอง ข้ายังคงอยู่ที่ระดับเจ็ดของรวบรวมลมปราณ หากจะเข้าสู่ระดับแปดให้ทันงานประลองคงจะต้องใช้ตัวช่วย”
หลังจากแช่น้ำสักพักชายหนุ่มก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าเดินออกจากห้องมุ่งสู่ห้องโถงของจวน ภายในห้องโถงจวนเจ้าเมืองนั้นมีชายวัยกลางคนสามคนกำลังนั่งปรึกษากันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งสามคือหยางจื่อส้ง หยางจิ้ง และหยางจง หยางอี้เดินเข้าไปพร้อมกับทักทายทั้งสาม
“คารวะ ท่านพ่อ ท่านลุงจิ้ง ท่านลุงจง”
“อี้เอ๋อร์? เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? พ่อเจ้าไม่ได้เห็นหน้าเจ้ามาเกือบเดือนแล้ว”
หยางจื่อส้งกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม หยางจิ้งและหยางจงเองก็หันมาพยักหน้ายิ้มรับเช่นเดียวกัน
“ข้าสบายดีท่านพ่อ และข้ามีข่าวดีจะบอกท่านเช่นกัน”
หยางอี้ยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมกับพูดขึ้น ทั้งสามคนต่างเต็มไปด้วยความสงสัย อย่างไรก็ตามครู่ต่อมาใบหน้าของพวกเขากลายเป็นแข็งค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อหยางอี้ปลดปล่อยลมปราณของเขาออกมา รวบรวมลมปราณขั้นที่เจ็ด!เมื่อตั้งสติได้และตรวจถึงลมปราณของหยางอี้ใบหน้าของหยางจื่อส้งพลันปรากฏสายน้ำไหลออกมาอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน
“อ อี้เอ๋อร์ จ จ เจ้า”
“พลังปราณของข้ากลับมาแล้วท่านพ่อ”
หยางอี้กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข ตลอดมาเขารู้ดีว่าบิดาต้องทุกข์ทนกับเรื่องนี้มากแค่ไหน
“ยินดีด้วยนายน้อย ยินดีด้วยท่านเจ้าเมือง” หยางจิ้งและหยางจงกล่าวออกมาพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม หยางจื่อส้งใช้มือข้างหนึ่งปาดน้ำตาออก และเริ่มหัวเราะออกมาอย่างยินดี
“ฮ่าๆ ในที่สุด…ในที่สุดสวรรค์ก็เมตตาเจ้า ฮ่าๆแค่กๆ”
ด้วยการหัวเราะมากไป ทำให้เขาไอออกมาเล็กน้อย สีหน้าที่เคร่งเครียดและหม่นหมองตลอดสามปีที่ผ่านมา เริ่มจางหายไปจากใบหน้าของหยางจื่อส้งอย่างช้าๆ
“ท่านพ่อ ท่านควรจะพักผ่อนบ้าง อย่าได้หักโหมมากนัก”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงพ่อ หลายวันนี้ข้าได้กังวลเกี่ยวกับงานประลองแต่เมื่อพลังปราณของเจ้ากลับมาข้าก็มิต้องกังวลอีกต่อไป หยางจิ้งหยางจงให้ประกาศออกไปพรุ่งนี้เราจะจัดงานฉลอง”
ตอนนี้ใบหน้าของหยางจื่อส้งเต็มไปด้วยความสุขจนเกินบรรยาย อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาก็ถูกขัดไว้ก่อนโดยหยางอี้
“ช้าก่อนท่านพ่อ ข้ายังไม่ต้องการจะเปิดเผยเรื่องนี้ อันที่จริงข้าอยากจะตอกหน้าเจ้าพวกที่มันดูถูกเราในงานประลองปีก่อนๆและข้าจะให้พวกมันได้รู้ว่าตระกูลหยางมิใช่ตัวตลกที่พวกมันจะมาล้อเล่นได้!”
“ดี ดี ดีมาก ฮ่าๆจงทำให้พวกสุนัขห่าวมันรับรู้ว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งเป็นใคร!”
หยางจื่อส้งเห็นด้วยกับบุตรชายและกล่าวออกมาอย่างจริงจัง แม้ภายในใจจะยังคงคิดว่าเป็นเรื่องยากที่หยางอี้จะชนะเลิศงานประลอง เพราะตระกูลห่าวยังมีบุตรคนโต ที่บรรลุถึงลมปราณก่อกำเนิดแล้วก็ตาม แต่อย่างไรอายุมันก็มากกว่าหยางอี้ถึง 3 ปีการจะพ่ายแพ้ย่อมมิใช่เรื่องแปลกและเสียหน้ามากนัก ระหว่างนั้นเสียงของหยางอี้ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านพ่อ ข้ามีสิ่งที่ต้องการจะรบกวนท่าน”
“เจ้าต้องการสิ่งใดจงบอกมาเถิด ข้าจะเร่งจัดหาให้เจ้า”
หยางจื่อส้งกล่าวตอบด้วยความอบอุ่น หยางอี้เป็นบุตรเพียงคนเดียวของเขา เหตุใดจะหาสิ่งที่เขาต้องการให้ไม่ได้? หยางอี้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างไม่ลังเล
“ข้าต้องการ หญ้าดาราอายุ 1000 ปี”
ทั้งสามต่างขมวดคิ้ว คำขอของหยางอี้นั้นออกจะเกินความคาดหมายไปเสียหน่อย สมุนไพรชนิดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายหากต้องการ
“นี่...เห็นจะมีปัญหาอยู่บ้าง แม้เราจะมีกำลังพอซื้อแต่การจะหาหญ้าดารา1000 ปีนั้นมิใช่เรื่องง่าย”
หยางจิ้งกล่าวออกมาพร้อมกับถอนหายใจ เมืองธาราสวรรค์นั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆสุดดินแดน การจะหาสมุนไพรระดับสูงเช่นนี้นับว่าไม่ง่ายเลย อย่างไรก็ตามหยางจงที่นั่งอยู่ด้านข้างกลับมีดวงตากระจ่างวูบขึ้นมาเมื่อนึกได้ถึงบางอย่าง
“เรื่องนี้มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้าได้ยินว่าอีก 5 วัน ที่หอประมูลจันทร์สีชาดจะมีการประมูลหญ้าดาราแต่เรื่องอายุนั้นข้าไม่แน่ใจนัก”
หยางจงกล่าวออกมาพร้อมกับมองไปยังหยางอี้ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หยางจื่อส้ง ซึ่งกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
อย่างไรก็ตามการที่มีหญ้าดารา 1000 ปี เข้ามาประมูลในหอประมูลจันทร์สีชาดนั้น จะต้องดึงดูดผู้คนในละแวกนี้เป็นอย่างมาก ฉะนั้นแล้วจะต้องเกิดการแข่งขันสูงเป็นแน่ แต่เพื่อบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา ไม่ว่าจะต้องจ่ายออกไปมากแค่ไหนก็จักต้องเอาหญ้าดารานี้มาให้ได้ และถ้าหากหยางอี้ได้ดูดซับหญ้าดารา1000 ปี จะต้องเพิ่มโอกาสในงานประลองไม่มากก็น้อย
“เช่นนั้นก็ดี! หยางจง อีก 5 วัน ไม่ว่าต้องจ่ายออกไปเท่าใดเจ้าจงนำหญ้าดาราต้นนี้กลับมาให้ได้”
หยางจื่อส้งตัดสินใจเด็ดขาดพร้อมกับสั่งการออกมา ผู้อาวุโสทั้งสองเองก็ไม่ได้คัดค้าน สำหรับคนตระกูลหยางแล้วสถานะของหยางอี้นั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้ว่าเขาจะตกต่ำลงก็ตามไม่ต้องกล่าวถึงตอนนี้ที่พลังปราณของเขาฟื้นคืนมาแล้ว
“ขอบคุณขอรับท่านพ่อ เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน”
หลังจากตกลงกันได้หยางอี้ก็กล่าวอำลาทั้งสาม และกลับไปยังห้องของตนทันที สำหรับเรื่องนี้เมื่อบิดายืนยันแล้วหยางอี้ก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงมันอีกและเพียงรอคอยเท่านั้น
“อีก 5 วันกว่าข้าจะได้หญ้าดารา เช่นนั้นตอนนี้ข้าสมควรจะทุ่มเทฝึกฝนทักษะหัตถ์หลอมตะวันก่อนเป็นอันดับแรก!”
หัตถ์หลอมตะวัน เป็นวิชาประจำตระกลูหยาง มีระดับปฐพีขั้นต่ำ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสามทักษะระดับปฐพีของเมืองธาราสวรรค์แห่งนี้ หัตถ์หลอมตะวันเป็นวิชาที่ผู้ฝึกจะรวบรวมลมปราณไว้ที่ฝ่ามือแล้วหมุนวนลมปราณจนเกิดเป็นความร้อนสูง หากฝึกสำเร็จขั้นสูงสุดจะสามารถจับได้แม้กระทั่งลาวา! วิชานี้มีทั้งหมดเจ็ดระดับ
“เมื่อสามปีก่อนนั้นข้าฝึกฝนจนอยู่ในระดับสาม‘หลอมศิลา’แล้ว ถ้าฝึกในมิติพิเศษจะมีเวลาราวสองเดือน และถ้าหากข้าสำเร็จถึงขั้นหลอมปฐพี…เช่นนั้นผู้ฝึกตนรวบรวมลมปราณจะมิใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
สำหรับงานประลองยุทธ์รุ่นเยาว์ปีนี้นั้น หยางอี้ไม่ค่อยกังวลมากนักเช่นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามเป้าหมายของเขานั้นคือการตอกหน้าตระกูลห่าวโดยเฉพาะห่าวหวาง! หัตถ์หลอมตะวันขั้นที่สี่นั้นค่อนข้างจะเป็นการโจมตีที่รุนแรงสำหรับผู้ฝึกตนรวบรวมปราณ และยิ่งพลังปราณของหยางอี้ตอนนี้นั้นมาถึงรวบรวมลมปราณขั้นสูงแล้ว เมื่อใช้ออกร่วมกับท่าเท้าที่ได้รับมาจากเสียงโบราณนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาสามารถติดหนึ่งในห้าของการประลองอย่างแน่นอน! และสำหรับอันดับที่หนึ่งนั้นค่อนข้างจะยากไปสักหน่อย เพราะในเมืองแห่งนี้ยังมีรุ่นเยาว์อยู่อีกสองคนที่ตัดผ่านไปยังปราณก่อกำเนิดแล้ว!
เมื่อเข้ามาสู่มิติพิเศษ หยางอี้เริ่มโคจรลมปราณให้หมุนวนไปที่ฝ่ามือตามตำราหัตถ์หลอมตะวันที่เคยร่ำเรียนมาทันทีอย่างช้าๆ ลมปราณหมุนภายในร่างกายค่อยๆถูกถ่ายเทไปยังฝ่ามือจนกระทั่งถึงขีดจำกัด ที่ฝ่ามือของเขาพลันบังเกิดไอความร้อนขึ้นมาจนบรรยากาศเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อยเมื่อพอใจแล้วหยางอี้จึงผลักดันฝ่ามือออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!
หลังจากผลักดันฝ่ามือออกไปด้านหน้าของหยางอี้ พลันเกิดเสียงฟู่วที่เกิดจากการเผาไหม้ของอากาศ! อย่างไรก็ตามมันเกิดขึ้นเพียงครึ่งลมหายใจเท่านั้นก่อนจะกลับสู่สภาพเดิม
“คงเป็นเพราะข้ามิได้ฝึกวิชานี้มากว่าสามปีจึงทำให้พลังทำลายลดลงไปเช่นนี้?”
หยางอี้ไม่ค่อยพอใจกับผลที่ออกมาเท่าไหร่นัก ทว่าความไม่พอใจนั้นกลับยิ่งเป็นแรงผลักดันให้ความมุ่งมั่นของเขาเพิ่มสูงขึ้น โดยไม่รอช้าหยางอี้เริ่มโคจรลมปราณอีกครั้งและผลักฝ่ามือออกไปเหมือนเดิม
ครั้งที่ 1....ครั้งที่ 2....ครั้งที่ 5....ครั้งที่ 10....ครั้งที่ 20....ครั้งที่ 50……
กระบวนการเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแม้แต่น้อย การเผาไหม้ของอากาศเริ่มนานขึ้นเรื่อยๆ และความร้อนเองก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและ 5 วันที่ผ่านมานี้หยางอี้ออกจากมิติพิเศษเพียงเวลาเช้าของวันเพื่อทานอาหารจากนั้นก็กลับเข้าสู่มิติพิเศษเพื่อฝึกหัตถ์หลอมตะวันทันที หยางอี้ยังคงทำอย่างเดิมซ้ำๆ จน 5 วันที่ผ่านมานี้ชายหนุ่มปล่อยฝ่ามือออกไปกว่าหมื่นครั้ง!
ครั้งที่ 12109
พรึ่บ! ฟู่วว....
ประกายไฟแล่นไปมาเสียดสีกับอากาศอย่างรวดเร็วก่อนจะเกิดเป็นไฟจากการเผาไหม้ของอากาศอยู่เบื้องหน้าของหยางอี้ ผลลัพธ์ครั้งนี้นับว่าสามารถทำให้เขายิ้มออกมาได้อย่างพึงพอใจ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
“แฮ่ก ๆ ในที่สุดข้าก็สำเร็จระดับหลอมปฐพี…ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด!”
นั่งพักไม่นานกำลังของเขาก็ฟื้นกลับมาได้ส่วนหนึ่ง หยางอี้ออกจากมิติพิเศษและพบกับสิ่งที่เป็นปัญหารำคาญใจของเขาในตอนนี้ ทั่วร่างกายของหยางอี้นั้นเต็มไปด้วยคราบเหงื่อสีคล้ำที่ส่งกลิ่นรุนแรง มองไปที่คราบสิ่งสกปรกเหล่านี้เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าออกจากมิติพิเศษทีไร ร่างกายข้าจะต้องสกปรกแบบนี้ทุกทีเลยหรือไง?”
บ่นพึมพำเล็กน้อยก่อนจะเดินไปชำระร่างกายเพื่อเตรียมไปรับหญ้าดาราตามที่ตกลงกันไว้กับหยางจง การได้แช่น้ำอุ่นหลังจากการฝึกเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้หยางอี้รู้สึกผ่อนคลายนัก โดยมิได้รู้เลยว่าตอนนี้ทั่วทั้งเมืองธาราสวรรค์ต่างลือกันไปทั่วว่าตระกูลหยางได้ทุ่มเงินกว่าสองหมื่นเหรียญทองเพื่อซื้อหญ้าดารา1000 ปี จากงานประมูลจันทร์สีชาด อย่างไรก็ตามรายได้ของตระกูลหยางนั้นต่อปีมีเพียงไม่เกินหนึ่งแสนเหรียญทองเท่านั้น และการจ่ายออกไปสองหมื่นเหรียญทองเพื่อหญ้าดาราอายุ 1000 ปีเพียงต้นเดียวนับว่าฟุ่มเฟือยไม่น้อย! หนึ่งเรื่องที่ต้องรู้คือหญ้าดารา 1000 ปีนั้นมีประโยชน์อย่างมากก็จริง ทว่านั่นก็แค่กับเพียงผู้ฝึกตนรวบรวมลมปราณไปถึงก่อกำเนิดลมปราณขั้นต้นเท่านั้น!
ใช้เวลาไม่นานหลังจากชำระร่างกาย หยางอี้ก็มาปรากฏตัวในห้องโถงของจวนเจ้าเมือง ภายในห้องโถงนั้นมีหยางจื่อส้งและหยางจงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหยางอี้กำลังเดินเข้ามาด้านใน
“คารวะท่านพ่อ ท่านลุงจง”
“มาๆ อี้เอ๋อร์ ท่านลุงจงของเจ้าต่อสู้อย่างยากลำบากกับพวกสุนัขห่าวจนดุเดือดและในที่สุดก็ได้รับหญ้าดารา1000 ปีมาให้เจ้า”
หยางจื่อส้งกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี สำหรับเขานั้นการจ่ายออกไปสองหมื่นเหรียญทองเพื่อบุตรชายมินับเป็นอันใดแม้แต่น้อย หยางจื่อส้งเอื้อมมือไปยังโต๊ะด้านข้างพร้อมยกกล่องหยกสีขาวขึ้นมา
“ขอบคุณท่านพ่อ ท่านลุงจงต้องลำบากท่านแล้ว”
หยางอี้โค้งคำนับด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ ความอบอุ่นไหลบ่าเข้าสู่หัวใจเขาอย่างช่วยมิได้ แม้ที่ผ่านมาตัวเขาจะกลายเป็นขยะไร้ประโยชน์ แต่ทุกคนในตระกูลก็ยังคงปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเสมอมา
“ฮ่าๆ อย่าได้ใส่ใจ ข้านั้นเพียงออกแรงเล็กน้อยในการฟาดฝีปากกับพวกสุนัขห่าวเท่านั้น อย่างไรก็ตามเป็นท่านเจ้าเมืองที่ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ได้รับมันมา”
หยางอี้มองไปทั้งสองอีกครั้งก่อนที่ดวงตาของเขาจะปรากฏความมุ่งมั่น เขารู้ดีว่าเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา ท่านพ่อต้องจ่ายออกไปไม่น้อยอย่างแน่นอน และสิ่งที่จะตอบแทนพวกเขาได้ก็คือการกู้ชื่อเสียงของตระกูลหยางกลับมา!
“ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง”
หลังจากรับกล่องหยกขาวที่ภายในมีหญ้าดารา1000 ปี บรรจุอยู่หยางอี้ก็รีบกลับห้องของตนทันที ภายในกล่องหยกนั้นมีต้นหญ้าสีเขียวชอุ่มสูงประมานหนึ่งเซียะ ที่ส่วนปลายเป็นดอกหญ้าห้ากลีบสีขาวนวล พลังปราณที่ถูกสะสมมากว่า1000 ปีนั้น ให้ความรู้สึกที่สดชื่นยิ่งนัก
“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถนำสิ่งใดๆก็ตามที่มีพลังปราณไหลเวียนอยู่นอกจากตัวข้าเข้าไปในมิติพิเศษได้ มิเช่นนั้นข้าน่าจะสามารถดูดซับมันได้เต็ม10ส่วน”
หยางอี้ส่ายหน้าและสะบัดความคิดนั้นทิ้งไปก่อนและเริ่มดูดซับพลังปราณธรรมชาติที่สะสมไว้ของหญ้าดาราทันที พลังปราณจากหญ้าดาราเริ่มไหลเข้าสู่ร่างกายของหยางอี้ราวกับสายน้ำ เมื่อกระบวนการดูดซับได้เริ่มขึ้น ภายในร่างกายจึงเกิดการหมุนเวียนเริ่มโคจรพลังปราณไปตามจุดชีพจรต่างๆในร่างกายแล้วไหลเข้าสู่ตันเถียน
เวลาผ่านไป 2 ชั่วยาม การดูดซับของหยางอี้ก็สิ้นสุดลง ต้นหญ้าขนาดหนึ่งเซี๊ยะที่เขียวชอุ่มก่อนหน้านี้กลายเป็นหญ้าแห้งที่เหี่ยวเฉาไปทันทีหลังจากถูกดูดซับ ถึงแม้ว่าจะมีพลังปราณบางส่วนของหญ้าดารา 1000 ปี ที่สูญเสียไปแต่ก็มีถึงเจ็ดส่วนที่หยางอี้สามารถดูดซับไว้ได้และมันก็มากพอที่จะทำให้เขาทะลวงระดับอีกครั้ง!
ปัง!
ราวกับอัสนีฟาดผ่านดังกระหึ่มภายในตันเถียนของหยางอี้เกิดการปะทุขึ้นอย่างรุนแรงของลมปราณ แอ่งตันเถียนของเขาขยายขนาดขึ้นอีกหนึ่งช่วงตัวพร้อมกับร่างกายที่เริ่มขับของเสียสีดำออกมาเป็นสัญญาณของการเลื่อนระดับ
รวบรวมลมปราณขั้นที่แปด!
หยางอี้ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับบรรยากาศรอบตัวเขาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ภายใต้ความสงบนั้นลึกเข้าไปในดวงตาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความมั่นใจที่ล้นปริ่ม
“เหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนจะถึงการประลอง ข้าสมควรจะใช้เวลาพักฟื้นร่างกายหลังจากหักโหมฝึกมาเป็นเวลานานเป็นดีที่สุด”