บทที่ 32 เด็กใหม่ที่อ่อนแอที่สุด
บทที่ 32 เด็กใหม่ที่อ่อนแอที่สุด
ถึงแม้ว่าสือเสี่ยวไป๋จะยังคงยืนอยู่ แต่ก็สั่นไปทั่วทั้งร่าง เหงื่อชื้นราวโดนฝนซัดกระหน่ำ ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาทั้งคู่ลอยจนเห็นตาขาว ในใจของทุกคนรู้ดี หากไม่ใช่เพราะซีซือไม่ยอมปล่อยให้เขาล้มลง เขาคงจะหมดสติล้มพับไปนานแล้ว
สภาพสือเสี่ยวไป๋ในตอนนี้แค่เดินครึ่งก้าวยังลำบาก แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นจะสร้างโล่พิทักษ์วิญญาณป้องกันการโจมตีอย่างต่อเนื่องถึงเจ็ดสิบสองครั้ง? ทำไมซีซือถึงได้อยากจะเล่ม “เกม” ที่โหดร้ายและไม่น่าบันเทิงนี้ด้วย?
ในใจเด็กใหม่บางส่วนที่คุ้นเคยกับพฤติกรรมชั่วร้ายของซีซือดีต่างก็ฉงนสงสัย ซีซือมักจะไม่ใยดีเกมและของเล่นที่เขาคิดว่าไม่น่าสนใจมากพอมาโดยตลอด ตอนนี้ทำไมถึงได้ทำสวนทางกันล่ะ?
ซีซือเฉลยคำตอบของเขาแล้ว
ไพ่โป๊กเกอร์ใบหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศระหว่างสองนิ้วของเขา จากนั้นสะบัดข้อมือเล็กน้อย ไพ่โป๊กเกอร์ที่มีแสงสีสันประหลาดรายล้อมอยู่ก็พุ่งไปที่หน้าอกของสือเสี่ยวไป๋ ยังไม่ทันเข้าถึงกายของสือเสี่ยวไป๋ก็หายไปจากสายตาของทุกคนอย่างไร้ร่องรอย
ช่วงวินาทีที่ไพ่โป๊กเกอร์ได้หายไป ฉับพลันนั้นก็มีแสงสีแดงระเบิดออกจากทางด้านหลังของสือเสี่ยวไป๋ ก่อให้เกิดแสงเงาขนาดใหญ่จากทางด้านหลัง แสงนั้นรวมตัวกันคล้ายภาพลวงตาทับซ้อนกับภาพความจริง ภาพที่ปรากฎขึ้นนั้นเป็นไพ่โป๊กเกอร์ใบหนึ่ง เงาไพ่โป๊กเกอร์ทั้งใบที่ประกอบด้วยสัญลักษณ์รูปหัวใจสีแดงและตัวเลขแปด
เด็กใหม่ที่นั่งอยู่ร้องตะโกนขึ้นอย่างตกใจทันที!
“โป๊กเกอร์นรก?!”
“แปดโพแดงหรือนี่ นี่มัน...ล้ำค่ามากเกินไปแล้ว!”
“ซีซือนักโป๊กเกอร์ ราชันย์ฮาเดสแห่งโลกมนุษย์!”
“......”
เด็กใหม่ทั้งหลายทยอยกันลุกขึ้นมายืน ดวงตาเบิกกว้าง ไม่กล้ากะพริบ เพราะเกรงว่าจะพลาดฉากที่ยากจะพบเห็นตรงหน้า สายตาที่จ้องมองไปยังเงาแสงไพ่โป๊กเกอร์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความยำเกรง
“อะไรคือโป๊กเกอร์นรก?” เย่เจียเฉวียนเกาหัวหันไปถามหลิงฉุน
“โป๊กเกอร์นรกเป็นความสามารถพิเศษระดับ A ของอาจารย์ซีซือ ถูกขนานนามว่าโป๊กเกอร์จากนรก ยังมีคนกล่าวว่าแท้จริงแล้วไพ่โป๊กเกอร์ของซีซือนั่นแหละคือนรก”
หลิงฉุนทำหน้าตาประหลาด น้ำเสียงยากจะอธิบายกล่าวว่า โป๊กเกอร์นรกทุกใบของอาจารย์ซีซือมีค่ามหาศาล เพราะโป๊กเกอร์นรกนั้นใช้วิญญาณไร้ชีวิตสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ปีศาจ เอเลี่ยน มนุษย์ต่างดาว สิ่งมีชีวิตที่มีความแตกต่างทางพันธุกรรม สัตว์ประหลาด หรือแม้กระทั่งวิญญาณของมนุษย์ ล้วนเป็นวัตถุดิบในการสร้างโป๊กเกอร์นรกของอาจารย์ซีซือ เพราะฉะนั้นสมญานามตัวแทนผู้เก็บเกี่ยวดวงวิญญาณจากนรกของอาจารย์ซีซือนั้นเป็นความจริง และมีผลงานที่ประสบความสำเร็จมากมาย จนกระทั่งถูกขนานนามว่า ‘ราชันย์ฮาเดสแห่งโลกมนุษย์’ ”
“ใช้วิญญาณมาเป็นวัตถุดิบสร้างไพ่โป๊กเกอร์? เรื่องแบบนี้...ทำได้ด้วยหรอ?” เย่เจียเฉวียนตะลึงจนลิ้นพันกันไปหมด
“ความสามารถพิเศษหมายถึง ‘ความสามารถในการสร้างสรรค์’ ขอเพียงคิดได้ก็ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ นี่ก็คือเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้มีพลังจิตพิเศษนั้นแข็งแกร่ง แต่ว่าความสามารถพิเศษยังคงมีปัจจัยการใช้สามอย่างที่สำคัญคือ คุณสมบัติ เงื่อนไขและข้อจำกัด โป๊กเกอร์นรกของอาจารย์ซีซือก็จะต้องมีเงื่อนไขการใช้และจุดอ่อนของข้อจำกัดแน่นอน แต่นี่เป็นความลับที่สำคัญที่สุดของอาจารย์ซีซือ คงจะไม่มีใครได้รู้หรอก”
หลิงฉุนหยุดกลืนน้ำลายเล็กน้อย ให้ลำคอชุ่มสักหน่อยก่อนกล่าวต่อว่า “ว่ากันว่าโป๊กเกอร์นรกของอาจารย์ซีซือมีคุณสมบัติสี่อย่าง ฉันจำได้ว่า ไพ่โพแดงหมายถึง ‘เยียวยา’ ตอนนี้อาจารย์ซีซือกำลังใช้โพแดงแห่งการเยียวยากับสือเสี่ยวไป๋ และยิ่งเลขบนไพ่มีค่ามากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น แปดโพแดงนั้นถือว่าอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง ซึ่งก็คือมีค่ามหาศาล เจ้าทึ่มเย่ ถ้าหากเอาระดับวิญญาณของนายมาคำนวณเป็นตัวเลขแล้วล่ะก็ ใช้นายร้อยคนยังไม่สามารถสร้างแปดโพแดงสักใบได้เลย!”
“วิญญาณข้าร้อยคนยังไม่พอเลยหรือนี่!?” เย่เจียเฉวียนตะลึงจนอ้าปากค้าง
“อาจารย์ซีซือยอมแลกโป๊กเกอร์นรกที่ล้ำค่าเช่นนี้เพื่อรักษาต้าเฮยโดยไม่เสียดาย เพราะอะไรกันแน่นะ? เพราะอะไร?”
หลิงฉุนขมวดคิ้วจนเป็นรอยลึก เห็นชัดๆ อยู่แล้วว่าการกระทำของเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะหลอกล่อสือเสี่ยวไป๋ให้ใช้เพลิงโลกันต์ต้องห้ามเร่งดึงกล้าให้โต หรือการใช้โป๊กเกอร์นรกเร่งรักษาสือเสี่ยวไป๋ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เกมที่ไม่น่าสนใจแม้แต่น้อยนั่นดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น เกมนั่นสำหรับซีซือแล้วสำคัญขนาดนี้เชียวหรือ?
“หรือว่าความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเจ็ดสิบสองครั้งของสือเสี่ยวไป๋ จะทำให้อาจารย์ซีซือมีความสุข?”
ซีซือ เจ้าแห่งนรกมองมนุษย์เป็นของเล่น เห็นชีวิตมนุษย์เป็นเกม และโลกนี้ก็คือสวนสนุก ทุกๆ การกระทำและเกณฑ์ตัดสินของเขาคงจะมีเพียงความแตกต่างแค่ “น่าสนใจ” และ “น่าเบื่อ” เท่านั้น
โปรดปรานสิ่งน่าสนใจ เหยียบย่ำสิ่งน่าเบื่อหน่าย เป็นหลักการหนึ่งเดียวในการทำเรื่องต่างๆ ของซีซือ
และวิธีการของซีซือในเวลานี้ พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนเรื่องหนึ่ง สือเสี่ยวไป๋และเกมที่กำลังจะเริ่มขึ้นนี้สำหรับเขาแล้วน่าสนใจมาก ควรค่าแก่การโปรดปราน
“ฮึ่ย ฉันไม่คววรเกลี้ยกล่อมเขาให้มาเข้าร่วมการอบรมเด็กใหม่ สำหรับเขาแล้ว [ไกอา] ไม่ใช่ตัวเลือกเดียวของเขา ไม่ใช่แม้แต่ตัวเลือกที่ดี แต่เพราะใจที่เห็นแก่ตัวของฉัน ฉันกลับหลอกเขาให้ปิดบังตัวตน กลายเป็นแพะเข้าปากเสือ เป็นฉันเองที่ทำร้ายเขา”
หลิงฉุนกำลังโทษตัวเองในใจ กำหมัดแน่น กัดเล็บนิ้วโป้งอย่างติดเป็นนิสัย ในสมองคิดภาพวิธีที่จะแก้เกมด่านนี้มากมาย แต่ไม่มีอันไหนใช้ได้เลย สุดท้ายเขาจึงได้แต่กล้ำกลืนอยู่เงียบๆ
สำหรับเขาแล้ว ซีซือแข็งแกร่งเกินไป ต่อหน้าพละกำลังเช่นนี้ ทั้งไหวพริบและสติปัญญาล้วนไร้ประโยชน์
......
ซีซือไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในสามตัวเป้งของ [ไกอา] ชื่อเสียงของเขาดังกระฉ่อนทั้งในเซี่ยกั๋ว หรือแม้กระทั่งในระดับนานาชาติ ข่าวการขอรับตำแหน่งครูผู้ฝึกอบรมเด็กใหม่อย่างกะทันหันของเขา ในความเป็นจริงนั้นได้สร้างความฮือฮาภายใน [ไกอา] ไปช่วงหนึ่ง
ถึงแม้ว่าซีซือจะมีนิสัยแปลกประหลาด ถึงขนาดที่วิกลจริตไปบ้าง แต่ความสามารถของเขานั้นไม่ต้องสงสัย อีกอย่างหากเขาตั้งใจสอนขึ้นมา บรรดาเด็กใหม่จะได้รับประโยชน์อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าสี่วันที่ผ่านมาจะประสบกับ “เกมธรรมดา” ของซีซือมาหลายครั้งหลายครา พวกเขาก็ยังยินดีที่จะเจอต่อไป
ทว่าตอนนีพวกเขายอมสิ้นแล้วจริงๆ “เกมที่ยากนิดหน่อย” นี้จะต้องโรคจิตขนาดนี้เชียวหรือ?
เด็กใหม่บางส่วนที่ได้คิดไตร่ตรองอย่างละเอียดกลับรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาด เงาแสงภาพไพ่โป๊กเกอร์ใหญ่ยักษ์ที่ปรากฏอยู่ตรงนั้นเดิมทีคือจิตวิญญาณ! ขณะที่ไพ่โป๊กเกอร์ใบนี้อ่อนกำลังลง บรรดาวิญญาณที่ถูกซีซือกักขังอยู่ในไพ่ป๊อกเกอร์ก็จะแตกกระสาย หายไปอย่างสมบูรณ์แบบ
และในเวลานี้เจ้าก้อนดินนั่นกำลังดูดซับพลังวิญญาณ อีกทั้งยังเป็นถึง “แปดโพแดง” อันล้ำค่า ทำไมอาจารย์ซีซือถึงได้ “โปรดปราน” เขาถึงขนาดนี้? เด็กใหม่จิตใจดำมืดบางส่วนอดะรู้สึกริษยาขึ้นมาไม่ได้
ในขณะที่ทุกคนคิดไปต่างๆ นานา “โพแดงแห่งการเยียวยา” บนเวทีก็กำลังจะเสร็จสิ้นแล้ว
เงาเบาบางของไพ่โป๊กเกอร์พลันกลับแปรเปลี่ยนเป็นแผ่นละอองแสงสีแดง กระจายตัวบนร่างของสือเสี่ยวไป๋ เมล็ดพลังงานยังไม่ซึมซาบเข้าสู่ผิวขาวอ่อนนุ่ม ทันใดนั้นรอบกายสือเสี่ยวไป๋ก็เกิดไอหมอกสีชมพูบางเบาชั้นหนึ่ง หยาดเหงื่อเหนียวได้ระเหยในหมอกแดงจนหมดสิ้น ในที่สุดใบหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดก็ค่อยๆ ดีขึ้น ฟันที่กัดเกร็งก็ค่อยคลายออก ชีวิตชีวาในดวงตาก็ค่อยๆ หวนคืน
ประสิทธิภาพการรักษาของ “แปดโพแดง” ช่างน่าตกใจ ครู่เดียวเท่านั้น ความเจ็บปวดเหนื่อยล้าของสือเสี่ยวไป๋ก็ถูกขจัดสิ้น พละกำลังและพลังวิญญาณได้ฟื้นฟูกลับมาหมดแล้ว
ชั่วขณะที่วิญญาณในไพ่โป๊กเกอร์นรกกำลังจะสลายหายไป ทุกคนในห้องได้ยินเสียงคำรามจากเบื้องลึกของจิตวิญญาณ เสียงคำรามนั้นเต็มไปด้วยความโมโหและอาฆาตแค้น
ขณะเดียวกันนี้เอง ดวงตาของสือเสี่ยวไป๋พลันเบิกโพลงอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากลำคอของเขา สะท้อนก้องไปทั่วห้อง
“ไอ้อาจารย์โรคจิต นายทำอะไรกับราชากันแน่!?”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตาโตอ้าปากค้าง เจ้าก้อนดินนี่ทำไมยังกล้าต่อว่าอาจารย์ซีซืออยู่อีก? ทำไมยังกล้าเรียกแทนตัวเองว่า “ราชา”? เขายังไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้อันตรายเพียงใด?
อาจารย์ซีซือเป็นถึงหนึ่งในสามตัวเป้งที่สามารถเมินเฉยต่อระเบียบองค์กรได้เชียวนะ ต่อให้เขาเชือดเจ้าก้อนดินที่นี่ตรงนี้ แล้วเอาวิญญาณไปทำโป๊กเกอร์นรก พวกชั้นสูงขององค์กรที่วันๆ เอาแต่อ้าง “ความยุติธรรม” ก็คงแค่ยิ้มเจื่อนแล้วพูดว่า “ท่านพักผ่อนสักหน่อยไหม?” แต่ไม่มีการลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น
เจ้าก้อนดินนี่กำลังรนหาที่ตายแท้ๆ!
......
หลังจากที่สือเสี่ยวไป๋ได้ใช้เพลิงโลกันต์ต้องห้าม ร่างกายได้รับความทรมานราวกับตกอยู่ในกองเพลิง อีกนิดเดียวสติสัมปชัญญะก็จะดับวูบ ไหนเลยจะได้ยินเสียงรอบข้าง? เขาต้องไม่รู้อย่างแน่นอนว่าเพลิงโลกันต์ต้องห้ามคืออะไร ไม่เช่นนั้นเขาจะโดนซีซือหลอกง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร?
ฉะนั้นในความเป็นจริงแล้ว สือเสี่ยวไป๋ยิ่งไม่รู้เลยว่าตัวเองได้เดินไปยังประตูยมโลกมารอบหนึ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้เลยว่าซีซือที่อยู่ข้างกายเขาไม่ได้เป็นเพียงเกมเมอร์ผู้บ้าคลั่ง แต่ยังเป็นปีศาจโหดเหี้ยม และก็คงไม่รู้ด้วยว่าตัวเองกำลังจะเจอกับ “การประลอง” ที่ไม่มีโอกาสชนะถึงเจ็ดสิบสองครั้ง
สือเสี่ยวไป๋รู้แค่ว่าหลังจากที่ตัวเองปฏิบัติตามคำบอกของซีซือ ก็เข้าสู่ความทุกข์ทรมานยาวนาน จากนั้นความทรมานก็ค่อยๆ หายไป แต่ในหัวกลับได้ยินเสียงคำรามโหยหวนมากมายต่อเนื่องไม่หยุด ความรู้สึกอาฆาตแค้นซัดสาดโจมตีจิตวิญญาณของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า จนวิญญาณของเขาแทบแตกสลาย
ฝืนทนอยู่นาน จนในที่สุดเขาก็ฟื้นคืนสติ แค่พริบตาเดียวที่เขาเห็นซีซือ ก็คิดได้ว่าที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นทั้งหมดนั่นเป็นเพราะเขาปฎิบัติตามวิธีการของซีซือ เมื่อหาต้นเรื่องเจอ จึงต่อว่าด้วยความโมโหอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
สือเสี่ยวไป๋เบิกตาโต จ้องซีซือเขม็งด้วยแรงโทสะ
ราวกับว่าอากาศได้หยุดนิ่งอยู่ ณ เวลานี้ บรรยากาศกดดันแผ่ขยายไปทั่วห้อง ทุกคนลืมตัวกลั้นหายใจอย่างหวาดผวาเมื่อพบว่าอารมณ์มืดครึ้มของอาจารย์ซีซือนั้นราวกับการมาเยือนของเมฆดำก่อนพายุฝน
เจ้าก้อนดินนี่คงต้องตายอย่างอนาถสินะ?
ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาไปเช่นนี้ ทันใดนั้นซีซือก็ผุดยิ้ม รอยยิ้มเจ้าเสน่ห์กำลังเบ่งบานน้อยๆ ที่มุมปากของเขา กลายเป็นรอยยิ้มอันแสนงดงาม
“อาจารย์น่ะ ช่วยนายเปิดทางพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นะ”
ดวงตาทั้งสองของซีซือหรี่ลงเล็กน้อย กล่าวอย่าวอ่อนโยนว่า “ร่างกายคนเรามีพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แปดเส้นด้วยกัน ไม่ว่าจะเปิดทางเส้นใดได้ก็จะเกิดผลลัพท์อันน่าอัศจรรย์ เมื่อครู่อาจารย์ได้ช่วยนายเปิดทางพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อยหนึ่งเส้น พลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะช่วยให้การควบคุมพลังวิญญาณของนายไปถึงระดับ”การควบคุมเบื้องต้น“ประหยัดเวลาในการสั่งสมอันยาวนาน”
“ถู่ต้าเฮย ตอนนี้นายสามารถใช้โล่พิทักษ์วิญญาณได้แล้ว”
น้ำเสียงของอาจารย์ซีซืออ่อนโยนราวกับอาจารย์ผู้กรุณากำลังสอนสั่งอย่างใจดี ราวกับว่าไม่ได้โมโหกับคำว่ากล่าวของสือเสี่ยวไป๋เลยแม้แต่น้อย กลับกันยังใจกว้างให้อภัยในความไร้มารยาทนั่นด้วย
ทุกคนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถึงแม้วิธีการพูดของอาจารย์ซีซือนั้นไม่ผิด แต่ทำไมเขาถึงจงใจข้ามเรื่องเพลิงโลกันต์ต้องห้ามไปล่ะ? พลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เส้นนี้ก็ไม่ใช่ว่าอาจารย์ซีซือช่วยเจ้าก้อนดินนี่ทะลวงมา แต่เป็นเจ้าก้อนดินใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน อาศัยดวงฝืนชะตาสวรรค์ชนะเดิมพันมาต่างหาก!
ซีซือจะทำอะไรกันแน่? ใบหน้าอ่อนโยนพูดโกหกอย่างไร้ยางอายอย่างนิ่งเฉยเช่นนี้ เพื่ออะไรกัน?
สือเสี่ยวไป๋ที่ยังไม่รู้ว่าโดนใช้เพลิงโลกันต์ต้องห้าม ยิ่งไม่รู้เลยว่าซีซือกำลังโกหกเขาอยู่ และไม่รู้ด้วยว่าพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คืออะไร แต่ประโยคสุดท้ายเขากลับฟังเข้าใจ
“ข้าสามารถใช้โล่พิทักษณ์วิญญาณได้แล้ว?”
“นั่นน่ะสามารถต้านทานกระสุนได้เลยนะ แค่แปปเดียวเขาก็ใช้ได้แล้วหรอ?”
ดวงตาของสือเสี่ยวไป๋เป็นประกาย แต่แล้วก็ขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว ส่งสายตาสงสัยและระแวดระวังไปยังซีซืออีกครั้ง
“เช่นนั้นทำไมข้าถึงได้ถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา? ทำไมวิญญาณอาฆาตถึงได้มาร้องไห้โหยหวนในวิญญาณของข้า? นายทำอะไรไปกันแน่?” หลังจากที่สือเสี่ยวไป๋นิ่งเงียบไป ก็ส่งเสียงกร้าวขึ้น
หลังจากที่คำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา ทุกคนก็รู้สึกโง่ไปเลย เจ้าก้อนดินนี่กำลังพูดถึงอะไร? ไฟบรรลัยกัลป์? วิญญาณอาฆาต?
ซีซือเองก็ถึงกับสตั๊นไปครึ่งวิ มุมปากยกยิ้มกว้างขึ้นอีก สายตาที่มองสือเสี่ยวไป๋ก็ยิ่งอ่อนโยน กล่าวเสียงเบาว่า “การได้รับพละกำลังมักจะเกิดความเจ็บปวดตามมา ถู่ต้าเฮย ได้รับความเจ็บปวดสั้นๆ เพียงชั่วครู่ กลับได้มาซึ่งพละกำลังอันเป็นนิรันดร์ นายยังจะโอดครวญอะไรอีกหรือ?”
ท่าทางของซีซือตอนนี้ราวกับกำลังกล่าวว่า นายน่ะได้ของดีในราคาถูกแล้วยังจะบ่นอีกหรือ?
ท่าทางของซีซือมีชีวิตชีวาจริงจัง เด็กใหม่จำนวนไม่น้อยรีบปิดปากตัวเอง เพราะกลัวว่าจะหลุดส่งเสียงหัวเราะออกมา นี่อาจารย์ซีซือกำลังเอาใจเด็กโง่อยู่ใช่ไหม?
หลังจากสือเสี่ยวไป๋ได้ฟังคำของซีซือกลับนิ่งเงียบไป สายตาพลันเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น ผ่านไปครู่หนึ่ง สือเสี่ยวไป๋พลันยื่นมือขวาไปข้างหน้า พริบตานั้น โล่พิทักษ์วิญญาณอ่อนแออันหนึ่ง ขาวจนเกือบจะโปร่งใส บางราวกับปีกของจักจั่น ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วด้านหน้าร่างกาย
การกระทำที่ไม่เคยฝึกทำมาก่อนเช่นนี้ กลับคล้ายจะกลายเป็นพฤติกรรมโดยสัญชาตญาณ ราวกับแค่คิด มโนภาพก็สามารถพ่นออกจากฝ่ามือได้ กลายเป็นการมีอยู่อย่างจริงแท้
นี่น่ะหรือพลัง?
นี่แหละพลัง!
สือเสี่ยวไป๋ถามเองตอบเอง ฉับพลันใจใจก็รู้สึกปลอดโปร่ง อารมณ์ถือโทษโกรธเคืองเมื่อครู่ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย คลื่นความฮึกเหิมมุ่งมั่นในการต่อสู้กลับลุกโชนขึ้นมา!
“หากว่าความเจ็บปวดสามารถแลกมาซึ่งพลังได้ ข้ายินดีรับความทุกข์ทรมานจากขุมนรก!”
สือเสี่ยวไป๋ยิ้มยิงฟัน ชักมือขวากลับมา กล่าวกับซีซือว่า “เป็นข้าเองที่เข้าใจผิดไป”
ทุกคนแทบหงายหลัง หมดสิ้นซึ่งคำพูด เจ้าก้อนดินนี่โง่เง่าไม่มีใครเกิน! ในใจพวกเขารู้สึกทนไม่ได้อีกต่อไป แต่ทว่าไม่กล้าทำการอันใด เห็นแน่ชัดอยู่แล้วอาจารย์ซีซือมีแผนการร้ายรออยู่ และกำลังสนุก หากใครกล้าขัดความสุขของซีซือตอนนี้ เกรงว่าตอนจบคงอนาถอย่างที่สุด
ขณะนี้ซีซือกำลังฝังตัวอยู่ในโลกแห่งเกมของเขาเอง!
“ถึงแม้ว่านายได้รับพลังแล้ว แต่พลังส่วนนี้ยังไม่เสถียร การควบคุมพลังวิญญาณของนายมีแค่ชั่วคราวเท่านั้น นายต้องคิดหาวิธีรวบรวมมันให้อยู่”
ที่มุมปากของอาจารย์ซีซือมีรอยยิ้มบางๆ ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล ได้พูดโกหกสือเสี่ยวไป๋อีกครั้งหนึ่ง
บุคคลที่เปิดทางพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ การฝึกฝนพลังวิญญาณจะรวดเร็วขึ้นอย่างมาก และมีประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกฝนร่างกายเช่นกัน อีกอย่างสำหรับการควบคุมพลังวิญญาณนั้นจะสูงขึ้นหนึ่งขั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาดจะเป็นการพัฒนาอันเป็นนิรันดร์ ที่ซีซือพูดว่า “ชั่วคราว” และ “ไม่เสถียร” นั้น เกรงว่าจะหลอกไม่ได้แม้แต่เด็กสามขวบด้วยซ้ำ!
สายตาของทุกคนมองไปยังสือเสี่ยวไป๋ ในใจคิดว่า เจ้าก้อนดินนี่คงไม่ซื่อบื้อขนาดนั้นหรอกมั้ง?
“อ้าว? เช่นนั้นต้องทำอย่างไรล่ะ? ทำอย่างไรถึงจะรวบรวมให้อยู่ได้?”
การตอบสนองของสือเสี่ยวไป๋ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าขำหรือว่าจะร้องไห้ดี เขาไม่เพียงแต่เชื่อไปแล้ว แถมยังลนลานอีกด้วย
ดวงตาของซีซือวูบไหวด้วยแสงประหลาดวูบหนึ่ง ยิ้มอย่างผู้ชนะ สายตาอบอุ่นที่มองไปยังสือเสี่ยวไป๋ราวกับกำลังมองคนรักอย่างไรอย่างนั้น
“ง่ายมาก”
ซีซือเอ่ยเบาๆว่า “หากสลายไปก็สร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง ถึงจะตั้งตระหง่านไม่มีวันล้มอย่างแท้จริง ต้าเฮย เกมที่อาจารย์ได้เตรียมไว้ให้ เหมาะกับการที่จะให้นายได้ฝึกฝนรวบรวมพลังที่สามารถกระจายหายไปได้ทุกเมื่อได้พอดี”
“สือเสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว ถามอย่างระแวดระวังว่า”เกมอะไร?”
รอยยิ้มของซีซือยิ่งชั่วร้ายมากขึ้น ยื่นมือไปทางเด็กใหม่ที่นั่งอยู่ กล่าวด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ว่า “เด็กใหม่ทั้งเจ็ดสิบสองคนนี้จะช่วยเป็นคู่ฝึกให้นาย พวกเขาจะเข้าจู่โจมนายและทำลายโล่พิทักษ์วิญญาณของนายอย่างต่อเนื่อง!”
“ถู่ต้าเฮย ถึงแม้ว่านายจะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าศักดิ์ศรีของนายจะถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า นายจะต้องอดทนอย่างสุดชีวิต กัดฟันฝืนทน หาโอกาส”สำเร็จ“อย่างน้อยหนึ่งครั้งจากความ”ล้มเหลว“นับครั้งไม่ถ้วน เช่นนี้แหละนายถึงจะได้รับพลัง!”
สือเสี่ยวไป๋ นายกระหายอยากได้พลังไหม?
“ไม่ ข้ากระหายความยุติธรรม!”
สือเสี่ยวไป๋ยิ้มเย็น หลังจากนั้นรอยยิ้มก็ฝืดเฝื่อน “แต่ความยุติธรรมต้องการพลังมาปกป้อง”
กระบวนการในใจนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นหนึ่งวินาที สือเสี่ยวไป๋ได้บทสรุปแล้ว หันหน้าไปทางบรรดาเด็กใหม่ที่นั่งอยู่ เอ่ยเสียงดังว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนทุกคนแล้ว!”
สือเสี่ยวไป๋ยอมเล่นเกมของซีซือ ถึงขั้นเชื่อว่าเด็กใหม่เจ็ดสิบสองคนในที่นี้กำลังจะช่วยเขา “ฝึกซ้อม”
ในใจของทุกคนได้แต่ถอนหายใจ เจ้าก้อนดินนี่ตกหลุมพรางแล้ว
ถึงแม้ว่าการเปิดทางพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ความสามารถในการควบคุมพลังวิญญาณของเขาสูงขึ้นถึงระดับ “การควบคุมเบื้องต้น” แต่การจะใช้โล่พิทักษ์วิญญาณอย่างสมบูรณ์แบบได้นั้น จะต้องสูงขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นคือ “ฝึกจนเชี่ยวชาญ” และนั่นเป็นขั้นที่ต้องการการสั่งสมประสบการณ์ฝึกฝนหลายปี
โล่พิทักษ์วิญญาณที่เขากางขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไม่เพียงอ่อนแอ ทั้งยังบางซะจนเกือบจะโปร่งใส โล่พิทักษ์วิญญาณแบบนั้น แม้แต่เด็กอนุบาลเจ็ดแปดขวบก็สามารถทำลายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่ผ่านการทดสอบเด็กใหม่ของ [ไกอา] มาแล้วเลย
เจ้าก้อนดินจะ “ล้มเหลว” อย่างต่อเนื่องจริง แต่กลับไม่สามารถ “สำเร็จ” ได้ เรื่องที่พวกเขาต้องฝึกฝนเป็นพันเป็นหมื่นครั้งถึงจะทำสำเร็จได้นั้น เจ้าก้อนดินนี่จะทำสำเร็จภายในเจ็ดสิบสองครั้งได้อย่างไร?
ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย เขาจะต้องลิ้มรสความล้มเหลวอย่างอเนจอนาถถึงเจ็ดสิบสองครั้ง! และรสชาติของความล้มเหลวนั้นจะค่อยๆ ทับถมจนกลายเป็นแรงกดดันหนักหน่วง และเมื่อฟางเส้นสุดท้ายหล่นทับ เจ้าก้อนดินก็จะพังทลายอย่างหมดสิ้น สถานเบาก็สูญเสียความเชื่อมั่น สถานหนักคือทรุดลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้
“นี่เป็นการเดินหมากที่ซีซือถนัดที่สุด มอบความหวังเต็มเปี่ยมให้กับผู้เล่นเสียก่อน จากนั้นค่อยๆ ทำลายความหวังนั่นทีละเล็ก ให้ความสิ้นหวังค่อยๆ โผล่พ้นออกมาจากห่อความหวังอันหนาแน่น”
ณ ที่นั่ง หลิงฉุนกำลังพูดพึมพำกับตัวเอง อารมณ์ปวดร้าวทรมานเป็นหมื่นเท่า ความคิดที่ยากจะยอมรับแต่กลับใกล้เคียงความเป็นจริงอย่างที่สุดได้ปรากฏขึ้นในสมอง
“การวางแผนกระดานนี้ของซีซือ ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ต้องจ่าย หรือระดับความตั้งใจล้วนแตกต่างจากที่แล้วๆ มามาก สือเสี่ยวไป๋ในใจของเขาคงถึงระดับ”โปรดปราน“ซะแล้ว และการเล่นของเล่นที่”โปรดปราน“ให้”พัง“ในคราเดียวก็เป็นเกมที่ซีซือชื่นชอบที่สุดเสมอมา”
“ซีซือคิดจะกำจัดสือเสี่ยวไป๋! ถ้าเช่นนั้นเกมจะต้องไม่ง่ายดายเช่นนี้แน่ เขายังมีแผนสำรองอีก!”
รูม่านตาของหลิงฉุนหดตัวลง หัวใจเต้นผิดจังหวะ มองไปยังสือเสี่ยวไป๋ที่ยินดีพร้อมรบและรอยยิ้มมีชีวิตชีวาของซีซือ ก็ยิ่งกัดเล็บนิ้วโป้งแรงขึ้น จากภาวะความเครียดที่มากเกินไป ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด
“รีบคิดซิ จะต้องมีวิธีแน่ จะต้องมีทางอะไรอยู่แน่ๆ จะต้องมีวิธีที่ฉันยังคิดไม่ถึงอยู่แน่นอน เร็วเข้า รีบคิดเร็วเข้า ใช้เซลล์สมองทั้งหมดเลย ดังนั้น รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า!”
ดวงตาทั้งสองของหลิงฉุนแดงก่ำ ฟันก็เริ่มกัดแรงขึ้นเรื่อยๆ
“กึก!”
เสียงของเล็บที่ถูกกัดขาดดังขึ้นเบาๆ
ขณะเดียวกันนั้นเอง น้ำเสียงตื่นเต้นของซีซือก็ดังขึ้น จมความคิดทั้งหมดของหลิงฉุนไปในทันที
“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเกมกันเถอะ! การจู่โจมครั้งแรก เรามาเริ่มจากผู้อ่อนแอที่สุดกันเถอะ!”
ซีซือหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ พลิกหน้าไปมาอย่างรวดเร็ว กล่าวเสียงเบาว่า “ให้อาจารย์ดูสิ ของเล่นน้อยๆ ที่อ่อนแอที่สุดของเด็กใหม่ [ผู้ทำลาย] รุ่นนี้ ชื่ออะไรน้า”
ซีซือพลิกหน้ากระดาษไปมาครู่หนึ่ง ในที่สุดก็หยุดลงที่หน้าหนึ่ง มุมปากยกยิ้มอย่างยินดี
“เจอแล้ว เด็กใหม่ที่อ่อนแอที่สุดของรุ่นนี้ มีชื่อว่า ‘เฉินหลิงฉุน’”