บทที่ 32 ความฝันหรือความจริง?
บทที่ 32 ความฝันหรือความจริง?
“อ๊าก!!”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนร้องออกมาด้วยความตกใจ ลุกผึงขึ้นจากที่นั่ง!
เหงื่อกาฬไหลเต็มไปทั่วทั้งหัวทั้งตัว หลังรู้สึกตัวเขาก็เอนตัวลงที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส มองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว หน้าอกกระเพื่อมแรง หายใจกระชั้นถี่!
เสียงประกาศอันนุ่มนวลของแอร์โฮสเตสดังขึ้น:
“ผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ การบินครั้งนี้กำลังจะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว...”
หัวใจเขาเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง!
เฉินเสี่ยวเลี่ยนมองไปรอบๆ เหมือนสัตว์ที่ตื่นกลัว…
แถวด้านหน้า มีผู้โดยสารคนหนึ่งกำลังปรับเก้าอี้ให้ตั้งตรง
หันไปมองด้านหลังก็มองเห็นว่าภายในชั้นประหยัดมีคนไม่น้อยกำลังเก็บโต๊ะพับหลังเก้าอี้ขึ้น
ด้านข้างของตน
ซูซูหาวทีหนึ่ง แล้วก็ถอดหูฟังหูกระต่ายบนหัวออก เธอรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ของเฉินเสี่ยวเลี่ยน โลลิเกาหลีดูเหมือนจะตกใจนิดหน่อย เธอรีบหดศีรษะ หันไปมองนอกหน้าต่าง
“คุณคะ ไม่ทราบว่าต้องการรับอะไรเพิ่มไหมคะ?”
เสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้าง
เฉินเสี่ยวเลี่ยนหันไปมองก็มองเห็นซารอสยืนอยู่ข้างๆ ตน
บนตัวของเธอไม่มีธนู เกราะหนัง...แต่ว่าสวมเครื่องแบบแอร์โฮสเตสตามมาตรฐาน บนลำคอผูกผ้าพันคอไว้
ใบหน้าของซารอสยิ้มอย่างสุภาพตามหน้าที่ ชี้ไปยังแก้วที่วางไว้ด้านหน้าที่นั่งของเฉินเสี่ยวเลี่ยน นั่นคือเบียร์ที่เหลือครึ่งแก้ว
“มะ...ไม่ละครับ....” เฉินเสี่ยวเลี่ยนตอบไปโดยอัตโนมัติ
ซารอสยื่นมือมาหยิบแก้ว การกระทำนี้ทำให้เฉินเสี่ยวเลี่ยนหดตัวไปด้านหลังโดยแทบจะเป็นไปตามสัญชาติญาณ…
พักใหญ่ เครื่องบินก็เริ่มลดระดับ…
ระหว่างทำการลดระดับ เครื่องบินมั่นคงมาก เฉินเสี่ยวเลี่ยนกลับอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ…
“ระ...หรือว่า...แค่ฝันไป?”
เขาเริ่มหวั่นไหวในใจ ประเดี๋ยวก็หวั่นไหว ประเดี๋ยวก็รู้สึกคลางแคลงใจ ความคิดมากมายผุดขึ้นมาเต็มหัวเขาไปหมด
อาจจะใช่...ละมั้ง
คงเป็นแค่ฝัน?
อือ ต้องใช่แน่ๆ! ฉันก็แค่ฝันร้าย?
อือ! ใช่แล้ว! โลกใบนี้จะมีเรื่องแปลกประหลาดขนาดนั้นได้ยังไง!
ฮ่าๆๆๆ! ฝันประหลาดดีจริงๆ จริงสิ กลับไปต้องบันทึกเอาไว้ก่อนไม่แน่ว่าจะใช้ในนิยายได้…
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเสี่ยวเลี่ยนฝืดฝืนเป็นอย่างมาก ปากคอแห้งผาก หัวใจเต้นรัวเร็ว และปลอบใจตัวเองอย่างสุดชีวิต…
ในที่สุดเครื่องบินก็ลงจอด วิ่งไปตามรันเวย์อย่างมั่นคงแล้วก็จอดสนิท
ซารอส (หัวหน้าพนักงานต้อนรับ) เริ่มบอกลาผู้โดยสารด้วยความสุภาพผ่านประกาศ
เฉินเสี่ยวเลี่ยนยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับ
เดิมทีเขารู้สึกค่อยๆ ผ่อนคลายไปทั้งตัว...แต่ว่า...จู่ๆ สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมา!
เขามองเห็นผู้โดยสารคนที่นั่งเยื้องไปด้านหลังทางซ้าย...ถัดไปจากเขา...เขารู้จักใบหน้านั้น!!!
“ชายหน้าลาย?”
ตอนนี้ใบหน้าของคนคนนั้นไม่มีลวดลายที่วาดด้วยสีน้ำมันพวกนั้นอยู่เลย แต่ว่าจากลักษณะใบหน้า เฉินเสี่ยวเลี่ยนจำได้อย่างชัดเจน!
มือเขาเย็นเฉียบ ไร้เรี่ยวแรงโดยฉับพลัน!!
บนเครื่องได้ยินเสียงจากลานจอดแล้ว ประตูห้องเคบินก็เปิดออกแล้ว
เฉินเสี่ยวเลี่ยนไม่ได้ลุกออกไปทันที เขานั่งหน้าเอ๋อมองผู้โดยสารแต่ละคนเดินผ่านตนเองออกไปด้านนอก…
ในบรรดาผู้โดยสารเหล่านี้ เขามองเห็น ‘ใบหน้า’ ที่คุ้นเคยมากมาย
ตู๋หยาที่ถือกระเป๋าหนัง แต่งตัวเหมือนนักธุรกิจและใส่แว่นกรอบสีทอง
เดม่อนที่ใส่แจ็คเก็ตกีฬาแบกกระเป๋าปีนเขา
และยังมี
ตอนที่เฉินเสี่ยวเลี่ยนเห็นหานปี้อยู่ท่ามกลางผู้คน…
เฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้าลงไปหนึ่งจังหวะ! เขาอ้าปากค้างมองหานปี้ ด้านข้างมีผู้หญิงผอมๆ คนหนึ่ง (อ้อ นั่นเป็นหนึ่งในเด็กใหม่ที่ตายไป) เดินผ่านตนเองออกไปจากห้องเคบินโดยสาร
เฉินเสี่ยวเลี่ยนใช้เวลาหนึ่งนาทีเต็มๆ กว่าจะรู้สึกตัว!!
“ไม่! ฉันต้องพิสูจน์!! ฉันต้องพิสูจน์!! นี่เป็นความฝัน!! มันต้องเป็นความฝันสิ...แต่ถ้านี่เป็นความฝัน...ถ้าอย่างนั้นตู๋หยา เดม่อน ชายหน้าลายที่อยู่ในฝัน ทำไมฉันถึงเจอพวกเขาบนเครื่องบิน ตอนที่ขึ้นเครื่อง ฉันไม่ได้สังเกตเห็นคนพวกนี้สักนิด!! ไม่มี…
แล้วยังมีหานปี้อีก!!! ใช่! หานปี้นี่แหละตัวสำคัญ!! เขาเป็นนักอ่านของฉัน! เขาเคยอ่านนิยายของฉัน!! ฉัน… เขายังเคยบอกว่าเขาเป็นคนที่ไหน เรียนโรงเรียนอะไร...ฉันต้องไปถามเขาให้แน่ใจ!!”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนกระโดดลุกขึ้นทันที จากนั้นก็คว้ากระเป๋าเป้ของตนเองพุ่งออกนอกประตูห้องเคบินไป
ที่หน้าประตูเคบินเขาชนเข้ากับแอร์โฮสเตสคนหนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นพูด “ขอโทษ” ตามสัญชาตญาณ
พอมองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจนแล้ว...นั่นคือชิซูกะ!
เฉินเสี่ยวเลี่ยนเหมือนชนเข้ากับผี วิ่งเอาหัวพุ่งออกไปทางด้านนอกอย่างบ้าคลั่ง
เขาพุ่งออกมาที่ทางเดิน เฉินเสี่ยวเลี่ยนมองหาเงาของหานปี้ท่ามกลางผู้คนอย่างร้อนรน แต่เขากลับหาไม่พบ...ที่นี่เป็นโถงผู้โดยสารขาเข้า มีผู้โดยสารเยอะมากอย่างเห็นได้ชัด
เฉินเสี่ยวเลี่ยนวนไปมาในนั้นหลายรอบก็หาหานปี้ไม่เจอ…
เขาเก็บความสงสัยมากมายไว้ในใจ ออกไปรับกระเป๋าเดินทางก่อน แล้วก็เดินออกไปตามทางเดิน…
ฝนพรำๆ ตกลงมาจากฟ้า เฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกถึงหยาดฝนเย็นๆ ที่ตกลงบนใบหน้า
ความรู้สึกที่ชัดเจนเช่นนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนคล้ายฝันไป
ที่แท้...เรื่องทั้งหมดนั่น เป็นเรื่องจริง? เป็นเรื่องหลอก? เป็นความฝัน?
ตอนที่เขาจะเดินออกจากห้องโถงสนามบินนั้นเอง จู่ๆ เขาก็มองเห็นว่าที่ริมทางเดินมีร่างเล็กๆ สวมหูฟังหูกระต่ายยืนอยู่ข้างทาง ด้านข้างมีกระเป๋าล้อลากใบเล็กอันหนึ่ง
นั่นซูซู!
เขารีบวิ่งไปทางซูซู
พอถึงตัวของซูซู เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็คุกเข้าลงมองดูซูซู เขาพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย “ทะ...เธอ...เธอรู้จักฉันไหม? ซูซู?”
ซูซูเบิกตาโตมองชายหนุ่มตรงหน้า คล้ายกับหวาดกลัวเล็กน้อย เธอหดตัวถอยไปทางด้านหลังอย่างสุดชีวิต...สายตามองเลยเฉินเสี่ยวเลี่ยนไปทางด้านหลัง จากนั้นสาวน้อยทิ้งกระเป๋าเดินทาง ก้าวขาเล็กๆ วิ่งผ่านไปทางด้านข้างของ เฉินเสี่ยวเลี่ยน มุดหัวเข้าสู่อ้อมกอดของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง
“ออนนี่...”
เสียงซูซูหวานสดใส
เฉินเสี่ยวเลี่ยนมองตาม หญิงสาวที่ดูแล้วยังอายุน้อยมาก ผมดำตรงยาว สวมผ้าปิดปากเอาไว้ มีแต่ดวงตาที่สวยมากโผล่ออกมาให้เห็น
ซูซูอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวคนนั้น รีบพูดบางอย่างหลายคำ สายตาที่หญิงสาวคนนั้นมองมายังเฉินเสี่ยวเลี่ยนก็ดูไม่เป็นมิตรอย่างมาก
เธอดึงซูซูไปอยู่ด้านหลังของตัวเอง ส่งสายตาเย็นชาเดินเข้ามา มองดูเฉินเสี่ยวเลี่ยน…
ทันใดนั้น!
ผู้หญิงที่ใส่ผ้าปิดปากยกเท้าขึ้นเตะใส่กระดูกหน้าแข้งของเฉินเสี่ยวเลี่ยน!
เฉินเสี่ยวเลี่ยนไม่ทันได้ป้องกัน เจ็บจนเซ
หญิงสาวเอื้อมไปดึงกระเป๋าล้อลากของซูซู พูดอย่างเย็นชาแค่สามคำแล้วก็เดินจากไป
“ไอ้โรคจิต!”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนลูบหน้าแข้งตัวเอง มองดูผู้หญิงคนนั้นพาซูซูเดินไปยังรถแลนด์โรเวอร์ที่จอดอยู่ริมถนน ให้ซูซูขึ้นรถ ส่วนตัวเองกระโดดขึ้นที่นั่งคนขับ
ก่อนหญิงสาวขึ้นรถ เธอยังหันมายกนิ้วกลางใส่เฉินเสี่ยวเลี่ยนอย่างดุดัน
……
มองดูรถแลนด์โรเวอร์จากไปไกล เฉินเสี่ยวเลี่ยนกลับรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขานั่งลงบนพื้น ไม่สนใจสายตาแปลกๆ จากผู้โดยสารรอบๆ หัวเราะดังฮ่าๆ ออกมา
“ซูซูไม่รู้จักฉัน! ฮ่าๆๆๆ! เป็นความฝันแน่ๆ ใช่! แค่ฝันไปเท่านั้น! อืม ไม่แน่ว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้ชื่อซูซู นั่นเป็นแค่ชื่อในความฝันฝันเท่านั้น...ฮ่าๆๆๆ!! ใช่แล้ว นี่เป็นแค่ความฝันแน่นอน!
ส่วนที่ว่าทำไมในความฝันถึงเห็น...ตู๋หยา เดม่อน ซารอส...ผู้โดยสารพวกนั้น …
จะต้องเป็นเพราะตอนที่ขึ้นเครื่องเคยมองเห็นหน้าพวกเขาโดยไม่ตั้งใจ
อืม เป็นจิตใต้สำนึก! ใช่แล้ว! เป็นผลของจิตใต้สำนึกยังไงล่ะ!
ส่วนหานปี้...ไม่แน่ว่าอาจเพราะฉันมองเห็นหน้าเขาโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นในฝัน ฉันก็สร้างตัวตนและตั้งชื่อเขาว่าหานปี้
ใช่แน่ ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!
ถ้าเรื่องที่พบเจอนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้จักฉัน!
แต่พวกเขาทั้งหมดไม่รู้จัก ทางเดียวที่จะอธิบายได้ก็คือทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝัน
ฉันก็ว่าแล้วเชียว โลกนี้จะมีเรื่องน่ากลัวอย่างนั้นได้ยังไง!
ฮ่าๆๆๆๆ!! ยอดเยี่ยมไปเลย! ยอดเยี่ยมที่สุด!!!”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนฮัมเพลงไปตลอดทาง ลากกระเป๋าเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
เขาอารมณ์ดีจริงๆ !
ใครจะอยากเข้าไปในโลกของเกมที่ทั้งน่ากลัวแล้วก็อันตรายอย่างนั้นกันล่ะ!
เฉินเสี่ยวเลี่ยนเป็นแค่เด็กนักเรียน อยู่ในวัยหนุ่มสาวสดใส แค่เขียนนิยายก็ทำเงินได้มากมาย นี่เป็นช่วงเวลาของชีวิตที่สวยงามที่สุดของเขา
ใครอยากจะถูกโยนเข้าไปให้ดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกที่แสนอันตรายกันล่ะ!
เมื่อถึงบ้านก็ยกกระเป๋าขึ้นลิฟท์ เข้าประตูไปแล้วก็ถอดรองเท้าส่งๆ เดินเท้าเปลือยเปล่าเข้าห้องไป
เขาทิ้งตัวลงบนโซฟา เหยียดแข้งเหยียดขานอนอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าสีของท้องฟ้าเริ่มมืดลง เฉินเสี่ยวเลี่ยนจึงลุกขึ้นมาเตะกระเป๋าเดินทางไปที่มุมห้อง
เสื้อผ้าสกปรกที่ต้องเอาไปซักไปเปลี่ยนตอนท่องเที่ยวอะไรพวกนั้น...เฮ้อ รอให้อารมณ์ดีๆ ค่อยเก็บกวาดก็แล้วกัน
เขาเปิดประตูตู้เย็นหยิบโค้กเย็นเฉียบออกมากระป๋องหนึ่ง เปิดกระป๋องได้ก็ยกดื่มไปกว่าครึ่งกระป๋อง เรอทีหนึ่ง จู่ๆ มือถือก็ดังขึ้น
พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าคนที่โทรมาเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขานั่นเองจึงกดรับสาย
“ฮัลโหล เสี่ยวเลี่ยนพูด อือ...ฉันกลับมาแล้ว เพิ่งลงจากเครื่องเพิ่งถึงบ้านน่ะ ฮ่าๆๆๆ! สนุกมาก! สนุกสุดๆ นอนอยู่ริมหาด 3 วัน วันๆ ใส่แว่นดำมองดูสาวสวยในชุดบิกินี่… อือ แล้วพวกนายทำอะไรกันล่ะ?
ฮ่าๆๆๆๆ...”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนดื่มโค้กไปคุยโทรศัพท์ไป “...อือ รู้แล้วน่า...วางใจเถอะ ฉันเอามาให้นายแล้ว! Garage kit รุ่นหายาก! ราคาถูกกว่าซื้อในประเทศเยอะมากแน่นอน ฮ่าๆ! หา? นายไม่ได้เอาไปเล่นเอง แต่ไปทำของคนอื่นพังแล้วต้องซื้อคืนให้เขา? เข้าใจละ สบายใจได้ เดี๋ยวฉันจะเอามันออกมาเอง อือ อยู่ในกระเป๋าเดินทางฉันนั่นแหละ นายรอก่อนนะ ฉันหาดูแป๊บนึง อย่าเพิ่งวางสายละ!”
เขาเดินไปข้างกระเป๋าเดินทาง วางมือถือไว้บนพื้น
เฉินเสี่ยวเลี่ยนมือหนึ่งถือโค้ก อีกมือเปิดซิปกระเป๋าเดินทาง…
จากนั้น…
ฉับพลัน เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็เอ๋อแดก!!!
เพิ่งจะเปิดซิปออก...ก็มีหัวอ้วนกลมขนปุกปุยโผล่ออกมาจากข้างใน!
มะ...แมวกวนตีน?!!
เฉินเสี่ยวเลี่ยนตาโต อ้าปากร้องว้าก พ่นโค้กใส่หัวการ์ฟีลด์ไปเต็มๆ อย่างไม่เสียดายสักหยด!!
กระป๋องโค้กในมือถูกทิ้งไปแล้ว เฉินเสี่ยวเลี่ยนนั่งลงบนพื้น แหกปากร้องดังลั่น
“อ๊ากกก!!!!!!”
“เมี้ยว??”
……
บนพื้นหญ้าในเขตเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ในมือของร็อดดี้ถือมือถือไว้ มีเสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มดัง “อ๊ากกกก” ลอดออกมา
กระทั่งว่าไม่ต้องเปิดลำโพง เสียงนี้ก็ดังมากพอให้คนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างชัดเจน
ร็อดดี้ทำหน้าไม่ถูก “เสียวเหลี่ยน! เสียวเหลี่ยน! นายทำอะไรน่ะ! ฮัลโหลๆ? ฮัลโหล ฮัลโหลๆ?”
สายตัดไปแล้ว
ร็อดดี้มองคนที่ยืนอยู่ข้างตัวเอง นั่นคือหญิงสาวผมตรงดำยาว ใบหน้าสวมหน้ากากปิดปากไว้ ปรากฏออกมาแต่ดวงตาที่ดูไปแล้วสวยงามไม่น้อย
“เอ่อคือ...ฉันไม่ได้หลอกเธอจริงๆ” ร็อดดี้ตีหน้าเศร้า “เพื่อนของฉันบอกแล้วว่าจะซื้อ Garage kit รุ่นหายากนั้นกลับมาให้จากต่างประเทศ...เธอสบายใจได้ เรื่องที่ฉันรับปาก ไม่เคย...”
หญิงสาวสวมผ้าปิดปากส่งเสียงฮึ หมุนตัวจากไป
ร็อดดี้ขยุ้มผม ตะโกนเสียงดัง “นี่! ฉันไม่ได้หลอกเธอนะ! เฉียวเฉียว เฉียวเฉียว! พรุ่งนี้ฉันจะเอาไปให้เธอ!”
หญิงสาวไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย ยกมือขวาขึ้นโบกไปมา
ร็อดดี้กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด จากนั้นยกมือถือโทรออกหาเฉินเสี่ยวเลี่ยนอีกครั้ง…
ตู๊ด ตู๊ดด…
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่มีผู้รับสาย...”
“บ้าเอ๊ย!!”
…………………………