DC บทที่ 46: ข้าต้องการดูร่างสวรรค์ของเจ้า
“ถ้าเจ้ามิสนใจ ทำไมเจ้าต้องเอ่ยถึง” ผู้อาวุโสจงถามด้วยเสียงเคร่งเครียด เหมือนกับสอบถามผู้ต้องสงสัยในคุก
“แค่เป็นครั้งแรกที่เห็นใครสักคนที่มีร่างสวรรค์ที่นี่ ข้าจึงอยากรู้และอยากถามว่าข้าสามารถขอดูได้หรือไม่”
เมื่อซูหยางพูดคำว่า “ที่นี่” มันให้ความรู้สึกที่ลึกล้ำและลึกลับ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นใครสักคนที่มีร่างสวรรค์ กระทั่งคู่ฝึกของเขาในชีวิตก่อนก็ยังมีร่างสวรรค์ประทาน อย่างไรก็ตามสำหรับร่างสวรรค์ของโลกนี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น และเขาต้องการยืนยันว่ามันใช่ร่างสวรรค์เดียวกันกับในชีวิตก่อน
“จ..จ..เจ้าต้องการดูร่างสวรรค์ของเธอ ช่างหน้าด้านไร้ยางอาย เจ้าคิดบ้างไหมว่าคำถามของเจ้าช่างไร้สาระสิ้นดี เจ้าคิดหาที่ตายรึ” เมื่อผู้อาวุโสจงได้ยินคำร้องบ้าคลั่งของซูหยาง เขาแทบตะครุบซูหยางด้วยกรงเล็บ
กระทั่งซีซิงฟางยังอดหน้าแดงอยู่หลังผ้าคลุมที่ปกปิดใบหน้า เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีบางคนใจกล้าหน้าด้านต่อหน้าเธอ เมื่อซูหยางถามเธอว่าเขาสามารถดูร่างสวรรค์ของเธอได้หรือไม่ โดยพื้นฐานก็คือขอดูร่างร้อยพิษมิกรายของเธอ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเขาต้องการดูร่างเปลือยของเธอ
ซูหยางขมวดคิ้วมองดูอาการรังเกียจจากผู้อาวุโสจง “เจ้าพูดถึงอะไร”
“อะไ...แต่เจ้าถามชัดเจนว่าขอดูร่างสวรรค์ของเธอ”
“ใช่ข้ากล่าวเช่นนั้น” เขาพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดแม้สักนิด
ใบหน้าผู้อาวุโสจงแดงก่ำด้วยความโกรธ เขารู้สึกว่าซูหยางต้องการทำให้เขาดูเหมือนคนโง่
“ดูร่างสวรรค์ของเธอก็คือดูร่างเปลือยของเธอ เจ้าช่างไร้ยางอายนักที่ถามท่านหญิงน้อยเช่นนั้น ถ้าท่านหญิงน้อยไม่หยุดข้าไว้ ข้าคงจะฆ่าเจ้าไปแล้ว”
ซูหยางมองดูเขาด้วยสายตาเบิกกว้าง “ร่างเปลือยของเธอ เจ้าต้องพูดล้อเล่นเป็นแน่ ข้าเพียงแค่ขอให้เธอแบมือให้ข้าได้ดูเส้นชีพจร ใครเป็นคนพูดว่าต้องการดูร่างกายของเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเหมือนว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์
“อย่างไรก็ตามข้ามิรังเกียจหรือมีปัญหาหากจะใช้วิธีนั้น...”
ผู้อาวุโสจงเกือบกระอักเลือดออกมาหลังจากได้ยินคำกล่าวของเขา ถ้าซีซิงฟางไม่ได้นั่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา เขาคงตบซูหยางไปสองสามฉาดแล้ว
“ท่านหญิงน้อย ข้าขอปฏิเสธคำขอมุทะลุของเขาแทนท่าน” เขาพูดด้วยเสียงดุดัน
ซูหยางยักไหล่และกล่าวว่า “เช่นนั้นธุระข้าที่นี่ก็จบแล้ว แม้ว่ามันจะค่อนข้างสั้นแต่การพูดคุยกับเจ้าก็สนุก แต่ข้าขอจากกันแต่ตอนนี้เมื่อเป้าหมายของข้าอยู่ข้างหน้า”
“เจ้ากำลังเดินทางไปหุบเขาสายฟ้ารึ” ผู้อาวุโสจงถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ สัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นอยู่ที่เขตคัมภีร์วิญญาณ เหตุใดคนที่แข็งแกร่งเช่นซูหยางผู้ที่สามารถฆ่าผู้คนที่อยู่เขตปฐพีวิญญาณได้โดยง่ายต้องการไปที่นั่น
“เพียงแค่ภารกิจเล็กน้อย เช่นนั้นถ้าเจ้ามิถือ..”
“รอก่อน”
ขณะที่ซูหยางกำลังจะเปิดประตูออกไป ซีซิงฟางพลันเรียกเขาไว้ อย่างไรก็ตามตัวซีซิงฟางเองก็ไม่ทราบว่าทำไมตนเองต้องหยุดเขาไว้ ด้วยปกติเธอก็ไม่เคยเรียกใครที่กำลังจะจากไปให้อยู่ต่อ
“เพียงแค่ฝ่ามือข้า ใช่ไหม ถึงแม้ว่าจะบอกว่าเพื่อป้องกันตัว แต่การที่ท่านช่วยเหลือพวกเราในการจัดการกับดาบแสงจันทร์ก็ยังมิอาจเปลี่ยนแปลง” เป็นคำกล่าวของซีซิงฟางขณะที่เธอยื่นมือสวยให้เขาอีกครั้ง
“ท่านหญิงน้อย การสัมผัสทางกายเช่นนั้นมิเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนเช่นท่านที่จะ...”
“เราได้จับมือกันไปแล้ว นี่ก็มิได้มีความแตกต่างใด”
“แต่ท่านหญิงน้อย..”
“เจ้าได้ยินท่านหญิงน้อยแล้ว ตาเฒ่า” ซูหยางพลันจับมือซีซิงฟางอย่างนิ่มนวล ทำให้เธอที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนตื่นตะลึงอย่างใหญ่หลวง
“ตา..ตาเฒ่า” ผู้อาวุโสจงเกือบไม่เชื่อหูตนเอง แม้กระทั่งเมื่อเขายังเด็กก็ยังไม่เคยมีใครกล้าเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้
หลังจากจับมือซีซิงฟางอีกครั้ง ซูหยางหลับตาลงและนิ่งเงียบ ทันใดร่างเขาพลันแผ่กลิ่นอายอันลึกล้ำเป็นเหตุให้บรรยากาศเหมือนเปลี่ยนเป็นเก่าแก่โบราณ
การเปลี่ยนแปลงกระทันหันเป็นเหตุให้ทั้งผู้อาวุโสจงและซีซิงฟางรู้สึกหวาดหวั่น
สำเนียงภายในรถม้าพลันสงบเงียบ เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงม้าและเสียงของรถขณะกำลังเคลื่อนตัว
บรรยากาศอันเงียบขรึมคงอยู่ได้ชั่วขณะ เมื่อซูหยางลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาแสดงรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย “มันเป็นเช่นเดียวกัน...” เขาพึมพัมเสียงเบา
“อะไรคือเช่นเดียวกัน” ซีซิงฟางถาม
“เอ๋ อา มันเป็นเช่นเดียวกับที่ข้าจำได้ ข้านึกว่ามันอาจจะแตกต่างจากที่ข้าคิดไว้ แต่มันดูเหมือนว่าเป็นความกังวลเกินเหตุ...” เขาพูดหลังจากชะงักครู่หนึ่ง
หลังจากวิเคราะห์ร่างสวรรค์ของซีซิงฟาง ซูหยางยืนยันได้ว่าโครงสร้างและการทำงานมันเหมือนกับร่างสวรรค์ที่เขาคุ้นเคยในชีวิตก่อน
เมื่อรู้เช่นนี้ ซูหยางรู้สึกอารมณ์ดี จากการค้นพบนี้หมายความว่ามีโอกาสที่เขายังอยู่ในจักรวาลเดียวกันแต่ต่างโลก
“บางทีนี่อาจเป็นโลกที่แยกมาจากสี่โลกนั้น โลกที่ห้า” เขาครุ่นคิด
ซูหยางมองตรงไปยังผ้าคลุมหน้าของซีซิงฟางและยิ้ม “ขอบคุณที่ฟังคำขอที่เห็นแก่ตัวของข้า” เขาพูดด้วยเสียงสดใส
ซีซิงฟางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าซูหยางสามารถมองทะลุผ้าคลุมหน้าและจ้องตรงมายังดวงตาเธอเมื่อเขามองมา เธอยิ้ม “มันเป็นเรื่องเล็กน้อย มิจำเป็นต้องมากมารยาท...”
“แม้ว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเจ้า แต่มันเป็นบางสิ่งที่สำคัญสำหรับข้า เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเจ้า ข้าจักยกวิธีฝึกฝนร่างร้อยพิษมิกรายให้กลายเป็นร่างพันพิษมิกรายระดับจักรพรรดิให้แก่เจ้า...”
"..."
สถานที่ที่เงียบสงบพลันกลายเป็นเงียบสงัดกว่าเดิม ทั้งผู้อาวุโสจงและซีซิงฟางจ้องซูหยางด้วยดวงตาเบิกกว้างเพราะความตกใจ โดยเฉพาะซีซิงฟางผู้ที่ยากจะคิดอะไรออกในตอนนี้
“เขาพูดอะไรไป นั่นไม่เพียงแต่เขามีวิธีฝึกร่างร้อยพิษมิกรายของข้าเป็นร่างพันพิษมิกราย แต่ยังยินดียกวิชาที่ล้ำค่านั้นให้ข้าด้วย ทำไมกัน” ซีซิงฟางจ้องมองไปยังเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างภายหลังผ้าคลุมหน้า เธอไม่เคยแตกตื่นเช่นนี้มาก่อนในชีวิต