ภาค 2 ตอนที่ 13 นักจิตวิทยาอาชญากรรม
ตอนที่ 13 นักจิตวิทยาอาชญากรรม
ไป๋หลิงกำลังเม้าส์อยู่กับหวังอ้ายกั๋ว
"หน้าหัวหน้าโจวดำเชียว" ไป๋หลิงกระซิบเสียงต่ำ
"อืม มีขอบตาดำด้วย" หวังอ้ายกั๋วรับคำ
"ถึงแม้ปกติเฝ้าดูเป้าหมายทั้งคืนขอบตาก็ดำ" ไป๋หลิงพูด
"แต่สีหน้าตั้งแต่เช้าก็ทะแม่งๆ" หวังอ้ายกั๋วสีหน้าคร่ำเครียด
"สีหน้านั้น...พูดยังไงดีล่ะ ก็เหมือนกับ...เอ่อ..." ไป๋หลิง
"ไม่ได้แอ้มดั่งใจ" เซวียหยางที่ไม่รู้มายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ โพล่งประโยคนี้ออกมา
ไป๋หลิงกับหวังอ้ายกั๋วตกใจ รีบโผไปกดเขาไว้ "นายๆๆ พูดตรงอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าหัวหน้าโจวได้ยินจะทำยังไงดี"
"นั่นนะสิ ถ้าท่านได้ยิน พวกเราทั้งสามคนเสร็จแน่ แค่โบกมือก็เนรเทศพวกเราไปอยู่บนดอยแล้วอย่างแน่นอน"
"ไม่ใช่ เนรเทศไปอยู่โรงพักต่างหาก"
"ตอนนี้โรงพักขาดคนเหรอ"
"ช่วงนี้กำลังสำรวจประชากรตอนสิ้นปีอยู่"
โอ้...ทุกคนเข้าใจกระจ่าง
เซวียหยางก็พูดเสียงต่ำตามกัน "แต่สิ่งที่ฉันพูดคือความจริงนะ พวกนายไม่เห็นเหรอ เมื่อเช้าคุณหมอสวินนั่งรถของหัวหน้าโจวมาทำงาน นี่หมายความอะไร!"
"อะไร"
"แปลว่าเมื่อคืนพวกเขาอยู่ด้วยกันนะซี่" เซวียหยางสรุปอย่างจริงจัง
โอ้...
"แต่ตอนที่คุณหมอสวินทักทายพวกเราเหมือนกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ แล้วนี่หมายความว่าอะไรล่ะ" เซวียหยางพูดเปรยๆ ต่อ
"อะไร อะไรกัน พวกนายกำลังคุยเรื่องอะไร" สวีหวั่นลี่ที่ถือถ้วยกาแฟก็มาร่วมวงสนทนาด้วย
เซวียหยางใช้น้ำเสียงในการวิเคราะห์รูปคดีพูดช้าๆ ว่า "เมื่อคืนหัวหน้าโจวกับคุณหมอสวินอยู่ด้วยกัน สองต่อสอง จากนั้นเมื่อเช้าคุณหมอสวินกระปรี้กระเปร่ามาก แต่หัวหน้าโจวมีขอบตาดำอย่างกับไม่ได้นอน พวกนายคิดเอาเองสิ"
โอ้ๆๆๆ...ทุกคนเหมือนเพิ่งถึงบางอ้อ
ไม่ได้แอ้มดั่งใจนะสิ...
โจวต้าเจิ้งเปิดประตูห้องทำงานออกมาชงชา เห็นพวกไป๋หลิงมองเขาด้วยสีหน้าสงสาร บ้างก็เสริฟกาแฟ บ้างก็ช่วยจุดบุหรี่ กำลังสงสัยอยู่ ผู้การก็พาหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาที่ห้องทำงานของหน่วยอาชญากรรม
"เสี่ยวโจวมานี่หน่อย" ผู้การกวักมือเรียกต้าเจิ้งที่ถือถ้วยชาอยู่ "คุณคนนี้ชื่อกู่จี๋ เป็นนักจิตวิทยาอาชญากรรมที่กองบัญชาการเชิญมา สำหรับคดีหญิงสาวไร้หัวนี้ เบื้องบนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ต้องจับผู้ร้ายให้ได้ก่อนที่จะมีผลกระทบในวงกว้างต่อไป ดังนั้น พวกนายมีความคิดยังไง สามารถปรึกษาหารือกัน หึๆ หารือกันหน่อย"
ผู้การพูดพลางใช้สายตาน่าเกรงขามกวาดตามองห้องทำงานโดยรอบ แล้วพยักหน้าออกจากห้องไป
กู่จี๋มีใบหน้าของหญิงสาวที่เฉลียวฉลาด แต่งตัวทันสมัย รองเท้าส้นสูงกับสูทคลาสสิคครบชุด ทำให้ต้าเจิ้งอดไม่ได้ที่จะคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เคย...
"สวัสดีครับ" ถึงแม้โจวต้าเจิ้งจะยื่นมือออกไป แต่สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์
กู่จี๋เผยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ จับมือ
——————————————
โกโก้ผลักประตูห้องประชุมออก "ต้าเจิ้ง ผู้การบอกว่าพวกนายให้ฉันมาประชุมด้วย"
ต้าเจิ้งกำลังจะแนะนำผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาอาชญากรรมที่อยู่ข้างกาย ก็เห็นกู่จี๋มีปฏิกิริยาเร็วกว่าลุกขึ้นเดินไปหาโกโก้ก่อน
"สวินเข่อหรันใช่ไหม สวัสดีค่ะ ฉันแซ่กู่ กู่ที่หมายถึงโบราณ ชื่ออักษรตัวเดียว จี๋ จี๋ที่หมายถึงมงคล" พูดพลางจับมือของโกโก้อย่างสนิทสนม
โกโก้อึ้งไปโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว คนอื่นในห้องประชุมก็รู้สึกแปลกใจทำไมกู่จี๋กลายเป็นกระตือรือร้นขึ้นมา
ไป๋หลิงแอบเหลือบตามองต้าเจิ้ง
"เรา...รู้จักกันเหรอ" โกโก้กระพริบตา สีหนางุนงง
กู่จี๋ส่ายหน้า "พวกเราไม่เคยพบหน้ามาก่อน แต่สำหรับคุณ ฉันเฝ้าดูมานานแล้ว"
โกโก้ถึงได้เข้าใจ สาเหตุน่าจะมาจากตัวเองที่ได้ออกทีวีในครั้งก่อน เซเลบจำนวนไม่น้อยน่าจะมีประสบการณ์แปลกๆ เช่นนี้ คนที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อนแต่บอกเธอว่า "ฉันเฝ้าดูเธอมานานแล้ว" ทำนองนี้ แต่สำหรับโกโก้ที่ได้ยินการบอกกล่าวแบบนี้เป็นครั้งแรกต้องนับว่าประหลาดยิ่งนัก เธอไม่คุ้นเคยที่จะตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นอยู่แล้ว หลังจากผลการตัดสินของคดีสวีลี่แล้ว สื่อจำนวนมากป้วนเปี้ยนอยู่แถวกองบังคับการทุกวัน คิดจะหาโอกาสสัมภาษณ์เธอ ทำท่าเหมือนจะแทรกเข้ามาได้ทุกซอกมุมซึ่งทำให้สาวน้อยที่ใช้เวลาครึ่งหนึ่งของการทำงานอยู่กับคนตายตกใจไม่น้อย เวลาเข้าออกต้องใส่หน้ากากกับแว่นกันแดด เดินเลียบกำแพงอย่างกับเป็นโจร จนกระทั่งศาลได้ตัดสินคดีสวีลี่ คำวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนถึงได้ค่อยๆ ลดลงไป โกโก้จึงได้รู้สึกสบายใจที่กลับมามีชีวิตอยู่อย่างเมื่อก่อน
สำหรับคุณกู่ที่จับมือตัวเองอย่างสนิทสนม ทำให้โกโก้หวนนึกถึงความรู้สึกสยองที่ถูกคนสะกดรอย เธอสะดุ้งด้วยความหนาว แล้วก็รักษามารยาทที่ยิ้มตอบ "ขอบคุณที่เป็นห่วง ไม่ทราบว่า...ช่วยปล่อยมือได้ไหม" วิปริต ถ้ายังไม่ยอมปล่อยมือ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว พูดด้วยสายตา
กู่จี๋มองโกโก้ด้วยรอยยิ้มที่ลึกล้ำ แต่ก็ยังจับมือโกโก้ด้วยความกระตือรือร้นไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งคนอื่นในห้องทำงานก็รู้สึกอึดอัด เธอลดเสียงต่ำลงแต่ก็ยังใช้ความดังที่คนอื่นได้ยินพูดว่า "ดูซิว่าใครกำลังถลึงตาใส่ฉัน ทีนี้เธอก็จะได้รู้ว่าใครที่อยู่ในห้องนี้ชอบเธอแล้วสินะ!"
โกโก้อึ้งไปทันที ไม่รู้จะใช้สีหน้าแบบไหนตอบรับประโยคนี้
กู่จี๋จ้องมองหน้าของโกโก้ไปหลายวินาที แล้วก็หัวเราะอย่างเปิดเผย "ล้อเล่นเท่านั้น ใช่ไหมหัวหนาโจว"
มุมปากของโจวต้าเจิ้งกระตุกไปสองที แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน "ไป๋หลิง พวกนายเล่าคดีคร่าวๆ ให้คุณกู่ฟังก่อน"
ในที่สุด สีหน้าของกู่จี๋เริ่มจะจริงจังขึ้นมา โบกมือ "ไม่ต้องเกรงใจ เรียกฉันว่ากู่จี๋ก็ได้ ถึงแม้ผู้การบอกว่าฉันเป็นนักจิตวิทยาที่เบื้องบนเชิญมา แต่จริงๆ แล้วทฤษฎีจิตวิทยาอาชญากรรมมีส่วนช่วยในการสืบคดีมากน้อยแค่ไหนยังไม่สามารถคาดคะเนได้ ทุกท่านที่อยู่ในนี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ แค่อย่ามาหัวเราะเยาะกับความเห็นของฉันก็พอ ฉันได้อ่านรายงานของคดีนี้จากที่ผู้การให้มาเมื่อวานแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาพูดซ้ำอีก พวกเรามาคุยเลยดีกว่าไหม"
คำพูดของกู่จี๋ได้ใจของทุกคน นอกจากจะลดระยะห่างเนื่องจากเป็น "คนที่เบื้องบนส่งมา" แล้ว ยังจะแอบชื่นใจกับคำพูดประจบแบบอ้อมๆ ของกู่จี๋
ต้าเจิ้งเหล่มองผู้หญิงคนนี้ด้วยหางตา มีความสามารถอะไรเขาก็ไม่รู้ แต่ลำพังคำพูดนี้ก็สามารถซื้อใจคนได้ สมแล้วเป็นนักจิตวิทยา
"งั้น พวกเราคนกันเองก็พูดแบบตรงไปตรงมาเลย ในเมื่อคุณก็ได้อ่านรายงานของคดีแล้ว มีความคิดอะไรหรือเปล่า"
กู่จี๋หยิบสมุดโน้ตสีดำเล่มหนึ่งออกมา เปิดอ่านตัวหนังสือเล็กๆ ถี่ยิบบนนั้น
"พวกเราเริ่มจากคดีไร้หัวก่อนแล้วกันนะ รายงานที่ฉันได้ไปเป็นฉบับที่ส่งให้ผู้การเมื่อวานซืน สองวันนี้มีความคืบหน้าอะไรอีกหรือเปล่า" กู่จี๋ถาม
ทุกคนส่ายหน้า
"ถ้างั้นฉันขอพูดตรงๆ เลย ฉันคิดว่า ผู้ต้องสงสัยมีสองคน"