บทที่ 160 - ฉันเป็นศูนย์กลางของโลก (2) [29-05-2019]
บทที่ 160 - ฉันเป็นศูนย์กลางของโลก (2)
"เจ้านี่ไม่ได้มีไว้ขาย"
[แน่นอน] (เลียร่า)
[พลังเวทย์ 40? นั่นมันสำหรับสเตตัส 8 เลเวลเลยนะ นี่มันเหมือนกันเลเวลเพิ่มขึ้น 8 เลเวลเป็นเวลา 8 นาทีเลยนะ เรื่องบ้าๆแบบนี้มันเป็นไปได้ด้วย] (เอิลต้า)
จริงๆแล้วสำหรับยูอิลฮานแล้วพลังเวทย์ของเขาเพิ่มขึ้น 75 เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเพราะเลเวลสกิลทำอาหารของเขาที่สูง แต่ว่าเขาได้เลือกที่จะไม่พูดออกไป แต่หันกลับไปอบคุกกี้ต่อแทน
[ไม่ใช่ว่านายควรจะดูว่าปฏิกิริยาเวทย์มันเกิดขึ้นมาได้ยังไงก่อนหรอ?] (สเปียร่า)
"ต่อให้เธออยากจะให้ฉันทำแบบนั้น ฉันก็ทำให้ไม่ได้หรอก ถังยักษ์นี่มันเกิดขึ้นมาจากความบังเอิญตั้งแต่แรกแล้ว"
[จะมีก็แต่สมมติฐานที่ว่าลมหายใจได้ทำปฏิกิริยากับเลือดมังกรอีกครั้งหนึ่งจากการใช้แป้งขนมปังเป็นสื่อกลาง ก็อย่างที่เราๆรู้กันว่ามังกรคือเผ่าพันธ์ที่ลี้ลับ] (เอิลต้า)
แม้ว่ายูอิลฮานจะบอกออกไปแล้ว แต่เอิลต้าก็ยังพูดซ้ำคล้ายๆกัน เมื่ออิลฮานหันไปมองเธอ เธอก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องและหันหน้าหลบไป แต่ว่าแก้มของเธอได้แดงขึ้นมา
[มังกร... งั้นฉันจะต้องไปฆ่าพวกมันสินะ...?] (สเปียร่า)
[มิลก็อยู่นะ นี่มันไม่ตลกเลย] (เลียร่า)
สเปียร่าที่คาดไม่ถึงว่าอาหารจะทำได้ขนาดนี้ดูจะมึนงงไปกับคุกกี้โดยสิ้นเชิงและมองดูยูอิลฮานทำคุกกี้ต่อไป ยูอิลฮานได้เก็บคุกกี้ใส่ถุงยัดลงไปในช่องเก็บของของเขาเพื่อกันการโดนมือปีศาจขโมยไป
"มาตั้งชื่อมันว่า 'คุกกี้ยัดไส้เวทมนตร์' กัน"
[เรียบแต่เยี่ยมที่สุด] (เลียร่า)
[เป็นชื่อที่ดีเเลยนี่] (เอิลต้า)
คุกกี้ยัดไส้เวทมนตร์เป็นชื่อที่ได้รับความคิดเห็นเชิงบวกจากทุกๆคน เครื่องดื่มลมหายใจ 100 ลิตรสามารถจะใช้สร้างคุกกี้ยัดไส้เวทมนตร์ได้ประมาณ 50,000 ชิ้นและของพวกนี้ต่างก็ถูกยัดลงไปในช่องเก็บของของยูอิลฮาน สิ่งนี้มันจะทำให้ยูอิลฮานที่แกร่งอยู่แล้วแกร่งขึ้นไปอีก
ตารางงานของยูอิลฮานได้แน่นมากขึ้นไปซะอีกทั้งฝึกหอกสะบั้นจักรวาล สร้างอุปกรณ์ อบคุกกี้ แล้วก็ทำเครื่องดื่มลมหายใจ ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะทำทั้งหมดนี่ให้เสร็จในสองเดือนนี้... แต่ว่าตอนจบมันได้มาถึงแล้ว
"ท่านจักรพรรดิ เราไม่มีมอนสเตอร์ไว้ให้ชำแหละแล้วครับ"
"ฉันคิดว่าเราได้ทำอุปกรณ์ไว้สำรองในคลังมากพอแล้ว แถมสำหรับน้ำตานางฟ้าก็เหมือนกัน"
[อิลฮาน ตอนนี้เรามาเริ่มชำแหละปีศาจสั่นสะเทือนกันดีกว่า!] (เลียร่า)
"อั๊ก"
ยูอิลฮานได้ไอเลือดออกมาและบิดตัวไปมา ยังไงก็ตามนางฟ้าที่โหดร้ายไม่คิดจะปล่อยเขาไป
[ฉันตื่นต้นมากเลยกับสิ่งที่นายกำลังจะทำ] (เลียร่า)
[ดีเลย นี่มันเป็นมอนสเตอร์ที่พิเศษจริงๆ] (เอิลต้า)
[ฉันไม่อยากจะเห็นมันอีกเลย มันมีแต่จะทำให้ฉันนึกไปถึงมังงะนั่น] (สเปียร่า)
"มังงะไหนหรอ?" (มิไรย์)
มิไรย์ติดเบ็ดแล้ว ถ้าพวกลูกน้องเขารู้เรื่องมังงะนั่นสถานะจักรพรรดิของเขาจะลดลงไปแน่!
ยูอิลฮานได้หันไปทางทูตสวรรค์ทั้งสามคนด้วยการแสดงออกที่ชั่วร้าย
"พวกเธออยากได้อะไร?"
[คุกกี้]
[คุกกี้]
[จะ... คุกกี้]
เขาได้เปิดห่อคุกกี้ยัดไส้เวทมนตร์ขึ้นมาใส่ไปในปากทูตสวรรค์คนล่ะชิ้น เขาได้รับสายตาจ้องมองที่มากยิ่งขึ้นไป เขาเลยได้วางแผนที่จะส่งพวกเธอออกไปตามกำหนดเวลาทันทีเพื่อไม่ให้ถูกขู่ไปมากกว่านี้อีก
จากนั้นเขาก็หยิบเอาศพปีศาจสั่นสะเทือนออกมาจากช่องเก็บของ
[โว้ว เจ้าสิ่งน่าขยะแขยงนี่มันอะไรกัน...?]
[ถึงมันจะตายแล้ว แต่ผิวหนังมันยังสั่นอยู่เลย...]
[หยี้ พวกเราไปฝึกซ้อมหรือหาอะไรทำกันดีกว่า]
ยูอิลฮานได้หยิบมีดชำแหละขึ้นและตกลงไปอยู่ในความคิดก่อนจะเริ่มทำงาน - เขาควรจะชำแหละมันยังไงดีนะ... จากผิวที่ยังสั่นอยู่นี่ ไม่ว่าเขาจะเชี่ยวชาญการชำแหละยังไงเขาก็ไม่อาจจะคิดหาวิธีจัดการกับมันได้ในทันที
'ที่มันยังสั่นอยู่ก็เพราะว่ามันคือคุณสมบัติภายในที่มาจากผิวหนังอยู่แล้วงั้นหรอ? ไม่สิ มันไม่ใช่แบบนั้น เนื้อเยื่อมันยังต่อกันอยู่ สำหรับหัวใจมัน... ใช่แล้ว ฉันรู้แล้ว มันจะต้องอวัยวะเวทย์ต่างหากอยู่'
หลังจากเขาตัดสินใจได้แล้วในที่สุดยูอิลฮานก็เริ่มใช้มีดในมือของเขา แม้ว่ามันจะยังสั่นอยู่แต่ก็น้อยกว่าตอนที่มันมีชีวิต เขาจึงสามารถจะตัดผ่านหนังของมันไปได้ด้วยการใช้พละกำลังและพลังเวทย์มหาศาล แถมเขายังได้ปิดท้ายด้วยการโยนคุกกี้ยัดไส้เวทมนตร์ลงไปในปากเพื่อเสริมพลังให้ประกายเพลิงที่ทรงพลังช่วยตัดด้วย
เขาได้เริ่มจากส่วนหัวที่เขาแทงไปจนพรุน ตัดร่างของมันแยกครึ่งและถลกหนังของมันออกมา
ในกระบวนการนี้เขาได้จัดการดึงพลังเวทย์ที่ติดกับผิวหนังออกมาด้วยซึ่งเขาได้ตัดผ่านเนื้อกับแยกกระดูกแยกออกมาเพื่อให้ชั้นพลังเวทย์ยังติดกับผิวหนังอยู่
ในที่สุดแล้วเขาก็ควักเอาหัวใจมันออกมาและหยิบลูกทรงกลมที่ไม่น่าไว้ใจที่กำลังสั่นอยู่ออกมา มันมีสีเทาขาว ซึ่งมันก็คืออวัยวะเวทย์ที่ทำให้เกิดการสั่นที่ผิวหนัง
[รู้สึกอึดอัดจริงๆ] (เลียร่า)
[นายกล้ามากเลยนะที่ใช้มือเปล่าๆจับมันนะ ฉันรู้สึกได้ถึงคำสาปรุนแรงจากมันได้เลย] (สเปียร่า)
"อ่อ สกิลต้านทานคำสาประดับสูงของฉันมันกำลังเพิ่มอยู่ทุกนาทีเลย"
อวัยวะเวทย์ของมันได้เก็บมานาจำนวนมหาศาลเอาไว้ทำให้เขาคิดว่ามันคือหินพลังเวทย์ด้วยซ้ำไป แต่ว่ามันต่างไปจากหินพลังเวทย์ที่ผู้ใช้สามารถควบคุมได้อิสระ เจ้าสิ่งนี้มันมีคุณสมบัติเดียวเลยก็คือการเปลื่ยนมานาไปเป็นพลังการสั่นสะเทือน
"ฉันคิดว่าฉันน่าจะใช้มันทั้งแบบนี้ได้อย่างเดียว"
[ทำไมนายถึงพูดอะไรปวกเปียกแบบนี้ได้ล่ะ? นี่ไม่สมเป็นนายเลย] (เลียร่า)
"ถึงแม้ว่าผิวหนังของมันจะมีอวัยวะเวทย์เล็กๆอยู่นับไม่ถ้วน แต่ว่าแกนกลางมันคือจุดเดียวกัน ถ้าจะให้ฉันอธิบายเจ้าสิ่งนี้ล่ะก็มันก็คืออาร์ติแฟคที่สมบูรณ์ในตัวมันเองอยู่แล้ว"
[งั้นมันก็เป้นเรื่องยากสำหรับนายที่จะทำอะไรเพิ่มเติมกับมันงั้นสิถูกไหม?] (เอิลต้า)
"ใช่แล้ว"
ยูอิลฮานได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ แน่นอนว่าเขาก็สามารถจะทำอะไรบางอย่างได้จากการเอาโครงสร้างของมันออกมาถ้าเขาพยายามดู แต่ว่ามันก็คงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการลอกเลียนแบบปีศาจสั่นสะเทือนในรูปแบบที่ด้อยกว่าเลย เขาจำเป็นต้องมองวัสดุนี่ให้ออก เขาได้คิดหาวิธีที่จะใช้เจ้าสิ่งน่าขยะแขยงนี่ จากนั้นเขาก็พึมพัมออกมา
"วิศวกรรมเวทย์"
ใช่แล้วบางทีด้วยวิศวกรรมเวทย์มันก็อาจจะเป็นไปได้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าการอวยพรของเทพแห่งช่างตีเหล็กกำลังบอกแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ในช่องเก็บของไว้ก่อน
[แล้วส่วนที่เหลือจะทิ้งหรอ?] (เอิลต้า)
[เนื้อกับกระดูกมันก็แปลกเหมือนกัน พวกมันมีพลังในคงสภาพพลังที่ได้รับมาและทำการเสริมกับเปล่งพลังออกมา]
[นี่มันเหมือน...] (เลียร่า)
"ใช่แล้ว มันเหมือนกับออฟชั่นเสียงสะท้อน แม้ว่าพลังเสียงสะท้อนมันจะด้อยกว่ามากในมุมมองที่มันต้องมีการสอดคล้องกันของพลัง แต่ว่าพลังในการเสริมพลังในตัวเองนี่มันดีทีเดียวเลย"
นี่มันก็เป็นเหตุผลที่พลังของเจ้าปีศาจสั่นสะเทือนมันแทบจะไม่มีเวลาดีเลย์เลย มันไม่ใช่แค่ผิวหนังเท่านั้นแต่ทั้งกระดูกกับเนื้อต่างก็มีอวัยวะเวทย์ในตัวมันเอง นี่มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าตัวนี้มันต่างไปจากตัวที่เขาเคยเจอมาจนถึงตอนนี้เป็นอย่างดี
ยังไงก็ตามถ้าหากว่าจะมีข้อเสียก็คือแม้แต่พลังภายนอกที่บุกเข้ามาในร่างมันก็ยังจะเสริมพลังให้กับพลังนั้น การสั่นสะเทือนจากในอวัยวะเวทย์ขงมันกับการสั่นสะเทือนจากการโจมตีของยูอิลฮานทำให้สมดุลของมันพังลงจนมันต้องตายไป
นี่มันหมายความว่านี่คือดาบสองคม แต่แน่นอนว่านี่จะกลายเป็นอาวุธพิเศษหากว่ายูอิลฮานจัดการกับมันอย่างเหมาะสม
"มันคงจะดีกว่านี้ถ้ามีมันอีกซักสองสามตัว"
[ฉันก็คิดอยู่เลยว่าทำไมนายไม่พูดแบบนี้ซักที...] (เลียร่า)
ยูอิลฮานได้เริ่มทดลองแรกด้วยการใช้เพลิงนิรันดร์เผากระดูกของมัน แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาค่อนข้างน่าเศร้าใจ โดยปกติแล้วกระดูกของมอนสเตอร์ตัวส่วนจะมีคุณสมบัติเป็นโลหะ แต่ว่าเจ้าตัวนี้มันไม่ใช่จำพวกนั้น
นอกไปจากนี้มันจะถูกเผาไปทันทีเมื่อสัมผัสเข้ากับไฟ เมื่อเขาพยายามจะตัดมันออกก็จะเกิดการสั่นสะเทือนจนเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นด้วย ดังนั้นวัสดุนี่มันค่อนข้างจะวุ่นวายน่ารำคาญมาก
"ฟู่"
[นายจะยอมแพ้แล้ว?] (เลียร่า)
"ไม่มีทางซะล่ะ คำว่า 'ถอย' มันไม่มีในพจนานุกรมของฉัน"
เพราะแบบนี้เขาก็เลยทำการทำลายเนื้อกับกระดูกให้กลายเป็นชิ้นๆและดูดความชื้นออกไปเพื่อทำให้มันกลายเป็นผง
เขาได้ใช้ออฟชั่นของเกราะกระดูกเต็มตัวของเขาเพื่อทำให้มันเป็นผงแบบนี้ เขาใช้พลังในการสร้างน้ำแข็งจากน้ำและมานารวบรวมเอาความชื้นจากกระดูกกับเนื้อเพื่อที่จะสร้างน้ำแข็งข้างนอกส่งผลให้ส่วนที่เหลือมันแห้งไปทันที
[สกิลนี่มันดูจะโกงมากในการต่อสู้เลยนะ] (เลียร่า)
"ก็แน่สิ จะมีศัตรูตัวไหนที่จะยังอยู่ได้หากถูกฉันดูดความชื้นออกไปจากตัวล่ะ"
ยูอิลฮานได้ตอบเอิลต้าอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเทผงไปในถังยักษ์ นี่มันก็เพราะว่าคุณสมบัติของมันในตอนนี้มันยังอ่อนแอเกินไปที่จะนำไปทำอะไรได้
คุณสมบัติภายในของผงมันทนทานเป็นอย่างมากทำมานามังกรที่บีบอัดอยู่ในถังยักษ์ก็ยังไม่อาจจะบุกเข้าไปง่ายๆ แต่เนื่องจากว่าจนถึงตอนนี้มันไม่มีอะไรที่ถังยักษ์เอาชนะไม่ได้เลยทำให้เขาตัดสินใจที่จะปล่อยไว้แบบนี้
ถ้าหากว่ามันเป็นไปตามที่ยูอิลฮานคาดหวังไว้ถ้างั้นอาวุธที่เขาผลิตขึ้นมาจะต้องเปลื่ยนอุตสหกรรมอาวุธไปอีกครั้งหหนึ่ง
[แล้วนายจะทำอะไรระหว่างรอมันครบเวลาล่ะ? นายจะไปฝึกดวลกับพวกนูนหรอ?] (เลียร่า)
"ไม่หรอก ถึงมันจะน่าเสียใจสำหรับพวกนั้นแต่ว่าพวกนั้นอ่อนแอเกินไปที่จะช่วยฉันฝึกแล้ว...อ่อจริงสิ ฉันน่าจะไปฝึกหอกสะบั้นจักรวาลดีกว่า"
[หืม ดีเลย] (สเปียร่า)
จากการจ้องมองของสเปียร่าทำให้ยูอิลฮานได้แต่ต้องหยิบหอกของเขาขึ้นมา เขาได้ตัดสินใจที่จะเรียนมันให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้สเปียร่ามาจู้จี้จุกจิกอีก
นับจากนั้นก็ได้ผ่านไป 3 วัน
ในตอนนี้มันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วที่บาเรียจะหายไป ในที่สุดยูอิลฮานก็ตัดสินใจแล้วว่าผงมันบ่มไดที่แล้ว
[ทำไมมันเปลื่ยนเป็นสีแดงหมดเลยล่ะ?] (เลียร่า)
[นายคิดจะใช้ผงนี่ทำอะไรกัน?] (เอิลต้า)
[มองๆดูแล้วมันเหมือนผงคริสตัลเลยนะ แต่ว่าในเมื่อฉันรู้ว่ามันมาจากกระดูกกับเนื้อนี่มันยิ่งน่าขยะแขยงไปอีก] (สเปียร่า)
"ถ้าเธอได้เห็นความสามารถของมัน เธอจะต้องเปลื่ยคำพูดแน่"
ในระหว่างการบ่มในถังยักษ์สามวันมานามังกรได้เข้าไปบีบอัดอนุภาคของผงจนทำให้มันเล็กลงและแข็งกว่าเดิม ถึงขนาดที่เสริมคุณสมบัติของมันด้วยและในตอนนี้พวกมันก็มีคุณสมบัติที่จะระเบิดออกมาอย่างรุนแรงเมื่อยูอิลฮานจุดมันด้วยประกายเพลิง
เขาได้ทดสอบมันดูและตัดสินใจว่าผงนี่แค่หนึ่งกำมือก็น่าจะจัดการมอนสเตอร์คลาส 3 ได้แล้ว
[หืม] (เลียร่า)
[นี่มัน...] (เอิลต้า)
"ใช่แล้ว นี่คือดินปืน"
และนี่เป็นดินปืนที่ต่างไปจากปกติ มันมีพลังการระเบิดที่รุนแรงยิ่งขึ้นอีกจากพลังงานที่อัดอยู่ภายในมันไม่ว่าจะเป็นสายฟ้าหรือไฟก็ตาม!
นี่คือการปฏิวัติข้อบกพร่องของอาวุธมนุษยชาติให้ใช้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ได้อีกครั้ง
[ถ้างั้นนี่ก็คือนายทำได้จริงๆ] (เลียร่า)
[ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันคิดว่ามันจะเป็นวัสดุในเวอร์ชั่นที่ด้อยกว่าสกิลเสียงสะท้อนซะอีกนะ แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะถูกถังยักษ์เสริมพลังขึ้นมาได้] (เอิลต้า)
ด้วยการบีบอัดของผงนี้ในตอนที่สกัดความชื้นออกไปและการบีบอัดภายในถังยักษ์ทำให้ปริมาณลดลงไปอย่างมากจนยูอิลฮานได้มาเพียงแค่ 300 กิโลกรัมเท่านั้นเอง ยังไงก็ตามหากเขาจุดทั้งหมดนี้ด้วยประกายเพลิง เมืองทั้งเมืองได้หายไปแน่นอน
[นี่มันคือวัสดุที่อันตรายเอามากๆเลย บางทีมันก็น่าจะเป็นวัสดุที่อันตรายที่สุดบนโลกแล้ว] (เอิลต้า)
[นายคิดจะขายมันด้วยงั้นหรอ!?] (สเปียร่า)
"ไม่หรอก ฉันแค่จะเอามันมาไว้ใช้สำหรับอุปกรณ์ที่ฉันจะทำขึ้นไว้ใช้เอง"
ไพท์บังเกอร์อาวุธเดิมที่ยูอิลฮานสร้างขึ้นมาเริ่มด้อยพลังลงไปแล้ว แต่ว่าถ้าเขาเสริมดินปืนที่สร้างขึ้นใหม่นี่ลงไปล่ะ?
เขาได้คิดขึ้นมาว่าเขาจะต้องลองดูในเร็วๆนี้แน่นอน
[นายกำลังเตรียมตัวไว้เผื่อว่านายจะต้องไปในโลกนั้นใช่ไหมฦ] (เลียร่า)
[อ่า งั้นสิ่งที่นายกำลังเล็งคือ...] (เอิลต้า)
"ถูกแล้ว"
ยูอิลฮานได้ยอมรับออกมาโดยไม่ลังเล แม้ว่ามันจะดูอึดอัดมากๆที่จะพูดออกมาจากปากเขา แต่ว่าในตอนนี้มันก็ช่วยไม่ได้แล้ว
"ฉันต้องการอาวุธที่มีพลังมากพอจะทะลวงผิวหนังของปีศาจสั่นสะเทือนแม้ว่าฉันจะไม่ได้ปกปิดตัวตนอยู่ก็ตาม"
ไม่นานหลังจากนั้นบาเรียที่เกิดขึ้นมาจากนาฬิกาทรายแห่งการเวลากได้หายไปและกลุ่มของยูอิลฮานก็ได้ออกมาด้านนอก
ในตอนนี้ของทั้งสำหรับแบรนด์แวนการ์ดหรือของสำหรับแบรนด์น้ำตานางฟ้าต่างก็พร้อมแล้ว
ม่านของยุคแห่งการค้าของโลกนี้ได้เปิดฉากขึ้นมาแล้ว