ภาค 2 ตอนที่ 12 คำสารภาพที่คลุมเครือ
ตอนที่ 12 คำสารภาพที่คลุมเครือ
โกโก้กินข้าวต้มหมดไปอย่างอ้อยอิ่ง ฟ้านอกหน้าต่างเปลี่ยนเป็นสีขาวและสว่าง หิมะเกล็ดน้อยๆ ร่วงลอยผ่านริมหน้าต่างไปอย่างช้าๆ หิมะแรกในฤดูหนาว มองจากห้องที่เปิดเครื่องทำความร้อนเต็มที่ กลิ่นอายของฤดูหนาวที่อบอุ่น
จู่ๆ ก็อดไม่ได้ที่อยากจะยิ้มออกมา สมัยเด็กๆ เวลาป่วย พี่สาวกับแม่จะช่วยกันเกลี้ยกล่อมตัวเองกินยา ไม่ว่าเป็นยาอะไร เธอก็ต้องเห็นพี่สาวกินก่อนถึงจะยอมกิน ไม่งั้นก็จะร้องไห้โวยวายไม่เลิก เพราะเหตุนี้พี่สาวต้องกินยาจำนวนมากที่ไม่จำเป็นเพื่อเธอ หลังจากพี่สาวจากไป หลายคนบอกว่าเหมือนสวินเข่อหรันโตเป็นผู้ใหญ่ในชั่วข้ามคืน อย่าว่าแต่ยาที่ขมมากแค่ไหน แม้แต่ช่วงแรกๆ ที่เพิ่งจะสัมผัสวิชากายวิภาคจนกินข้าวไม่ลง เธอก็ยังอดทนโดยไม่ปริปากพูดซักคำจนผ่านพ้นมาได้
คิดๆ ไปจู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาว่า คนและเรื่องราวที่ตั้งใจจะลืมเหล่านั้นสวยงามมาก
ต้าเจิ้งเหลือบมองโกโก้ที่ยิ้มอย่างใจลอย ผมปอยหนึ่งค่อยๆ ตกลงจากข้างหู เมื่อต่อกับมุมปากที่ยกขึ้นเกิดเส้นโค้งขึ้นมา
"ต้าเจิ้ง นายชอบฉันเหรอ" โกโก้สายตาจับจ้องที่หิมะนอกหน้าต่าง ถามอย่างซื่อๆ
ต้าเจิ้งมองเธอเงียบๆ ไม่ส่งเสียง แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
"ชอบ...ฉัน...อะไรเหรอ"
ต้าเจิ้งนิ่งไปอีกพักหนึ่งถึงพูด "ไม่รู้"
มุมปากของโกโก้กระตุก นี่มันคำตอบแบบไหนกัน
ต้าเจิ้งก็บอกไม่ถูกว่าเขาชอบโกโก้ตรงไหน แต่ก็รู้สึกห่วงใย อยากปกป้องเธอ ผู้หญิงคนนี้ที่ทั้งจริงจังและหัวแข็งโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเวลาที่เธอแรงขึ้นมา ตัวเองก็สู้ไม่ได้...
โกโก้รู้สึกอย่างชัดเจนว่าตัวเองจะถูกสายตาของต้าเจิ้งเผาไหม้ไปแล้ว เธอยังคงทิ้งสายตาไว้ที่หน้าต่าง แท้จริงแล้วคือไม่มีความกล้าพอที่จะเผชิญสายตาอันเร่าร้อนของผู้ชายคนที่อยู่ที่โซฟา "เอ่อ...ต้าเจิ้ง ฉันอยากคุยกับนายเรื่องหนึ่ง"
ต้าเจิ้งนิ่ง
"ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็คือ...อันนั้น...อืม...ตัวฉันเอง..." สาวๆ คนอื่นเขาพูดประโยคทำนองฉันก็ชอบนายยังไงหนอ ทำไมคำไม่กี่คำนี้ติดอยู่ที่ปากขึ้นมา
ก็ไม่แปลก ขณะที่สาวๆ คนอื่นกำลังดูซีรี่ย์ฉันรักเธอเธอก็รักฉันอยู่นั้น โกโก้กำลังแยกแยะการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังการตาย
ดังนั้นเมื่อมองไปยังหิมะพลิ้วไหวนอกหน้าต่าง ข้างกายมีสายตาที่แทบจะเผาทะลุคนได้นั้น โกโก้รู้สึกคำไม่กี่คำนี้ผูกเป็นปมที่คอหอยขึ้นมา หน้าค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมา แต่ก็เค้นออกมาไม่ได้อยู่ดี
ให้ตายเถอะ
ต้าเจิ้งจ้องมองเธออย่างครุ่นคิด...
เสียงลมอุ่นๆ ที่พัดออกมาจากเครื่องปรับอากาศกลายเป็นเพียงเสียงเดียวในห้อง ผู้ชายรุ่นใหญ่กับสาวน้อยกลายเป็นใบ้ไปทั้งคู่ ในอากาศเหมือนมีเส้นแบ่งเขต กำลังรอโกโก้ใช้ประโยคหนึ่งเพื่อก้าวข้ามไป เผอิญประโยคนี้ต้องการอะดรีนาลีนปริมาณมาก ปากของโกโก้อ้าออกน้อยๆ หุบกลับไป อ้าออกอีก แต่ก็ไม่มีอะไรออกจากปาก...
ต้าเจิ้งอดทนมากที่จะรอเวลานี้
——————————————
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง...
"โธ่เอย! ใครที่มันไม่อยากมีชีวิตอยู่!" ต้าเจิ้งพุ่งพรวดออกจากห้องนอนพร้อมกับรังสีเพชฆาต
โกโก้ตะลึง นึกถึงเมื่อสักครู่ที่ต้าเจิ้งกดกริ่งไม่หยุดจนตัวเองโมโห อดไม่ได้ที่หัวเราะว่ากรรมตามสนองได้เร็วดีแท้
พอประตูเปิดออก หลี่อีจี้มองผู้ชายที่เต็มไปด้วยโทสะหน้าตัวเองอย่างสงสัย ส่วนต้าเจิ้งก็จ้องมองผู้ชายนอกประตูที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
"ผมมาหาสวินเข่อหรัน" หลี่อีจี้ยิ้ม
"คุณเป็นใคร" ต้าเจิ้งสีหน้าเต็มไปด้วยระแวดระวัง
หลี่อีจี้ยังคงมีรอยยิ้มของสุภาพบุรุษบนใบหน้า "ผมเป็นเพื่อนของเธอ เธออยู่บ้านใช่ไหม"
ผู้ชายที่หาถึงบ้านเหรอ เพื่อนแบบไหน
หลี่อีจี้ตาไว เห็นโกโก้ที่เดินออกจากห้องนอน "ไฮ เสี่ยวสวิน! เธอทำไมไม่มาล่ะ ผมรอเธอตั้งชั่วโมงกว่า"
โกโก้อึ้งไปนิดหนึ่ง ตบหัวตัวเอง "อุ้ย ฉันลืมไป ขอโทษ ไม่ค่อยสบายนะ เลยไม่ได้ไป" ก่อนหน้านี้ได้นัดกับหลี่อีจี้ไปดูมัมมี่โบราณที่พิพิธภัณฑ์ด้วยกัน เรื่องดีๆ อย่างนี้โกโก้ต้องไม่พลาดอยู่แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อคืนไปสุสานกลับมาก็ลืมเรื่องนี้สนิท
"โอ้..." หลี่อีจี้ทำท่าเข้าใจ แล้วเหลือบตามองต้าเจิ้งที่ขวางตัวเองเข้าบ้านอย่างไม่ตั้งใจ
ในสายตาต้าเจิ้ง การเหลือบตามองนั้นเต็มไปด้วยความหมายของการท้าทาย ไฟโทสะในใจลุกขึ้นมาทันที แต่ก็ทำให้เขาใจเย็นลงมา เบี่ยงตัวหลบให้เขาเข้ามา แล้วไปยืนอยู่หลังหลี่อีจี้อย่างเงียบๆ เหมือนเป็นเสือดาวที่พร้อมจะจู่โจมศัตรูจากด้านหลังได้ตลอดเวลา
หลี่อีจี้เข้ามาในห้องหน้าตาเฉย "ผมรอเธอในพิพิธภัณฑ์นานมาก โทรมือถือก็ไม่ติด ผมรู้ว่ากฎของตำรวจมีอยู่ว่าห้ามปิดมือถือโดยพลการ จึงเป็นห่วงว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เลยมาดู"
โกโก้ยิ้ม "สงสัยมือถือแบตหมดนะ ฉันเพิ่งตื่น ขอโทษจริงๆ ลืมบอกคุณไป วันนี้คงไปงานนิทรรศการนั้นไม่ได้แล้ว อาทิตย์หน้านะ"
"โกโก้" จู่ๆ ต้าเจิ้งก็พูดแทรกเข้ามา "เธอบอกที่อยู่บ้านเธอกับไอ้หมอนี่เหรอ" โกโก้ไม่ใช่คนที่ไม่ระวังตัว โดยเฉพาะหลังจากครั้งก่อนที่เกือบถูกบีบคอตาย ต้าเจิ้งก็รู้สึกเหมือนกันว่าเธอเพิ่มมาตรการความปลอดภัยมากขึ้น รวมทั้งเปลี่ยนกุญแจบ้านทั้งหมด
โกโก้อึ้งไปทันที ค่อยๆ พูดอย่างแปลกใจว่า "เปล่า..."
แล้วหลี่อีจี้มาถูกได้อย่างไหร่
ต้าเจิ้งเกร็งไปทั้งตัว เข้าใกล้ด้านหลังของหลี่อีจี้อย่างเงียบๆ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
หลี่อีจี้ยกสองมือขึ้น รอยยิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์ "อ๊ะ ใจเย็น ผมสารภาพ สารภาพ หึๆ" เขาส่งสายตาไปที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ในห้องรับแขก บนนั้นยังมีรูปถ่ายของคดีศพหญิงไร้หัวอยู่จำนวนหนึ่งวางอยู่ บนสุดเป็นรูปถ่ายภาพใกล้ของกล่องไม้ประดู่ที่ใส่หัวคนอยู่
"ผมรู้ว่าเธอทำเพราะมัน" หลี่อีจี้ใช้คางพยักพเยิดที่รูปถ่ายกล่องไม้ประดู่
"คุณรู้จัก..."
"เวยเวย" หลี่อีจี้พูดต่อจากโกโก้ "ผมต้องการคนมาช่วยงานอย่างหนึ่ง น้าเวยเวยเสนอเธอให้กับผม ดังนั้นผมจึงสืบเรื่องเกี่ยวกับเธอไปเล็กน้อย"
หลี่อีจี้ยังคงมองโกโก้ด้วยรอยยิ้ม ทำให้เธออดคิดถึงครั้งแรกที่เจอผู้ชายคนนี้ ตอนนั้นเขาก็ใช้รอยยิ้มแบบนี้ยืนอยู่ด้านหลังของตนเอง ซึ่งก็ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก รอยยิ้มอ่อนโยนแฝงความเจ้าเล่ห์
"ไม่เชื่อ เธอไปถามเวยเวยได้"
"ฉันเชื่อคุณ" โกโก้พูดทำนองควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
คราวนี้ทั้งต้าเจิ้งกับหลี่อีจี้อึ้งไปตามกัน
รอยยิ้มของหลี่อีจี้อ่อนโยนมากขึ้น "เธอเชื่อผมง่ายอย่างนี้เชียวเหรอ"
หน้าของโกโก้มีรอยยิ้มอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมา "เพราะคุณทั้งหล่อ แล้วก็ดูเหมือนร่ำรวยนี่ ศาสตราจารย์ หลี่"
รู้สึกถึงรังสีเพชฆาตที่ต้าเจิ้งเปล่งออกมาในทันที คุณหลี่โอดครวญจากก้นบึ้งของหัวใจ เสี่ยวสวินเธอแกล้งใช่ไหม วันหลังผมต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางรังสีเพชฆาตของหัวหน้าหน่วยอาชญากรรมของเมืองนี้แล้วสินะ เด็กสมัยนี้ทำไมถึงร้ายขนาดนี้
แต่บนใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มของสุภาพบุรุษ "ขอบคุณคุณหมอสวินที่ให้ความเคารพรักมาให้ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน" เพิ่งก้าวไปก้าวเดียวก็ถูกเรียกไว้
"รอสักครู่ หลี่อีจี้ สองปีที่แล้วคุณเคยตีพิมพ์บทความเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับวิธีวิเคราะห์กระดูกเพื่อจำลองหัวคน ใช่ไหม" ถึงแม้เป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของโกโก้กลับมั่นใจ
หลี่อีจี้เลิกคิ้วเล็กน้อย
"คุณไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ชอบไปสืบปูมหลังของคนอื่น" โกโก้พูดอย่างตรงไปตรงมา
"ใช่..." หลี่อีจี้เหลือบมองกล่องที่อยู่บนโต๊ะ "เธออยากให้ผมจำลองหัวคนที่เคยใส่อยู่ในกล่องไม้ประดู่นี้เหรอ"
โกโก้หยิบรูปถ่ายบนโต๊ะขึ้นมา ถามอย่างสงสัยว่า "คุณรู้ได้ยังไง"
หลี่อีจี้ยิ้มอย่างลึกลับ "กล่องใบนี้ เป็นสิ่งที่ผมมอบให้เวยเวยเอง ย่อมจะรู้ว่าเธอใช้กล่องใบนี้ใส่อะไร"
"กล่องใบนี้ก่อนหน้านี้เคยใส่หัวคนเหรอ" คราวนี้ต้าเจิ้งก็ยื่นหน้าเข้ามาอย่างอยากรู้อยากเห็น
"อยากรู้ไหมว่าตอนที่กล่องใบนี้ถูกขุดค้นพบใส่อะไรอยู่" รอยยิ้มของคุณหลี่เริ่มมีเลศนัย
ต้าเจิ้งนิ่งเงียบ โกโก้พยักหน้า ใบหน้าเปล่งประกายอยากฟังเรื่องเม้าส์
หลี่อีจี้เดินไปที่ประตูด้วยรอยยิ้มอย่างอ้อยอิ่ง จนกระทั่งเกือบจะพ้นประตูแล้วถึงได้อุทานเป็นกลอนออกมา "หวนคำนึงถึงฌ้อปาอ๋อง ไม่ยอมข้ามแม่น้ำไก่เซี่ย"
โกโก้อ้าปากค้างอยู่กับที่
"เอาข้อมูลของกระดูกมาหาผมที่พิพิธภัณฑ์ก็พอ ขอโทษที่รบกวนคุณทั้งสองจู๋จี๋กัน" พูดจบ หลี่อีจี้ก็หัวเราะร่าจากไป