บทที่ 30 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (2)
บทที่ 30 เรื่องวุ่นวายในจุดรายงานตัว (2)
แลนซีปิดปากเรียวเล็กแล้วกล่าวว่า “ฟาร์เลนจงเจริญ! ที่แท้เจ้าก็เป็น...จริงๆ แบบนี้ยังสอบผ่านมาได้ เจ้าเองก็โชคดีจริงเชียว โชคดีที่เจ้าเลือกเอกเทวคีต พวกเราเอกเทวคีตคนน้อย เทียบกันแล้วอัตราสอบตกยังต่ำหน่อย อัตราสอบตกของเอกอื่นๆ สูงมากกันทั้งนั้น ทุกปีมีคนมาสมัครเข้าโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานอย่างน้อยสองแสนคน แต่คนที่ได้รับเลือกรอบสุดท้ายไม่เคยเกินกว่าสองพันคน นี่เป็นสัดส่วนหนึ่งในร้อยทีเดียว โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานทั้งหมดแบ่งออกเป็นเขตใต้และเขตเหนือ เขตใต้คือเขตนักรบ สาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบทั้งหมดล้วนอยู่ฝั่งนั้น พวกเราฝั่งเขตเหนือคือเขตนักเวท อาชีพจอมเวททุกสาขาอยู่ฝั่งนี้ ไม่ว่าเขตใต้หรือเขตเหนือ เขตการเรียนการสอนล้วนอยู่ในเขตศูนย์กลางด้านในโรงเรียน บริเวณรอบนอกก็จะเป็นลานฝึกประลองของแต่ละสาขา ยังดีที่ถนนเชื่อมระหว่างเขตการเรียนการสอนค่อนข้างใกล้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งลำบาก วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียนรายงานตัว ทุกสาขามาอยู่รวมกันหมด”
ขณะที่พูด บริดเจตก็พาทั้งสิบสองคนมาถึงมาถึงหน้าตึกเรียนสูงตระหง่าน หน้าตึกมีโต๊ะหินที่ตั้งไว้ชั่วคราวจำนวนมากเพื่อทำหน้าที่เก็บค่าลงทะเบียนจากนักเรียนใหม่ ไม่แบ่งแยกสาขา บริดเจตโบกมือพลางกล่าวว่า “เอาล่ะ ทุกคนไปเองแล้วกัน วันมะรืนนี้เข้าเรียนอย่างเป็นทางการ พวกเจ้าลงทะเบียนเสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนตามหอที่โรงเรียนจัดสรรได้ จะออกไปเดินเล่นก็ได้ แต่จำไว้ว่าต้องระวังความปลอดภัย” พูดจบเธอก็เหลือบมองอินจู๋ในกลุ่มเด็กผู้หญิง แล้วจึงอัญเชิญวิลเดอร์บีสต์หยกของตัวเองออกมาอีกครั้งก่อนจากไป
“ฟาร์เลนจงเจริญ! มาดูเร็ว เหล่าสาวสวยนักเรียนใหม่เอกเทวคีตมาแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงใครร้องตะโกนขึ้น
แม้นักเทวคีตจะเป็นอาชีพนอกกระแสในโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน แต่กลับจำต้องยอมรับว่าเด็กผู้หญิงที่เลือกอาชีพนี้แทบจะเป็นสาวสวยทั้งหมด ทันใดนั้น สาวสวยสิบเอ็ดคนก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งหน้าตึก เหล่านักเรียนเอกอื่นๆ ที่กำลังลงทะเบียนนักเรียนใหม่ต่างจับจ้องสายตาเข้ามา
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน สาวสวยก็มีพลังทำลายล้างสูงอย่างยิ่ง เหล่านักเรียนใหม่ที่ต่อแถวอยู่ในตอนแรกโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาทันที มีคนมากมายคอยประคบประหงม
“มาลงทะเบียนตรงนี้สิครับ เหล่าสาวสวยเอกเทวคีตไม่เคยต้องเข้าแถวอยู่แล้ว” จุดลงทะเบียนหลายจุดมีคนหลีกทางให้ทันที ท่ามกลางเหล่านักเรียนใหม่ที่ชุมนุมกันเป็นดาวล้อมเดือน ในไม่ช้าสาวสวยเอกเทวคีตสิบเอ็ดคนก็ลงทะเบียนเองเสร็จ
อินจู๋ต่อแถวอยู่ข้างหลังเหล่าสาวสวย ตอนที่เขาเตรียมจะลงทะเบียนเหมือนกัน กลับมีคนขวางเอาไว้
“เจ้าหนู เจ้าอยู่เอกไหน คิดจะจับปลาน้ำขุ่นเรอะ!” นักเรียนชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนขวางหน้าอินจู๋เอาไว้ จ้องเขม็งมาที่เขา
อินจู๋ตะลึงงันก่อนเอ่ยว่า “ข้าก็อยู่เอกเทวคีต ทำไมจะลงทะเบียนไม่ได้?”
“เจ้าอยู่เอกเทวคีต? แต่งเรื่องยังไม่รู้จักคิดให้ดี ผู้ชายที่ไหนเลือกเอกเทวคีตบ้าง?” นักเรียนชายผมสีแดงในนั้นแค่นหัวเราะอย่างไม่แยแส ทำท่าชูกำปั้นใหญ่โตของตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาของอินจู๋ทำให้พวกนักเรียนชายอิจฉาได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเขามาพร้อมกับเหล่าสาวสวยด้วย
“ใครบอกกันว่าเอกเทวคีตของเราจะมีนักเรียนชายไม่ได้ ข้ายืนยัน เขาอยู่ในเอกเทวคีตของเรา” สาวสวยผมสั้นผู้เรียกตัวเองว่าเป่าขลุ่ยที่เพิ่งจะลงทะเบียนเสร็จมายืนอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“หือ?”
ชั่วขณะนั้น ทั้งหน้าตึกมีเพียงความเงียบสงัด ไม่ว่าเหล่านักเรียนที่กำลังลงทะเบียนหรือกำลังประคบประหงมเหล่าสาวสวยเอกเทวคีต สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่อินจู๋ ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งหน้าตึกชั่วขณะ
นักเรียนชายผมแดงมองอินจู๋อย่างตะลึงงัน “เขา...เขาอยู่เอกเทวคีตจริงๆ เหรอ?”
สาวสวยผมสั้นกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ถูกต้อง ข้าเชอรีนจะพูดโกหกหรือไง?”
สีหน้าของนักเรียนชายเปลี่ยนไป ทันใดนั้น เขาก็สาวเท้าพรวดเข้ามาหาอินจู๋ ขณะที่อินจู๋คอยระวังระไวเตรียมรับมือสถานการณ์ นักเรียนชายคนนั้นกลับฉุดมือของเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ท่านวีรบุรุษ! ท่านต้องเป็นปรมาจารย์ด้านการจีบหญิงแน่ๆ ใช่หรือเปล่า? เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับสาวสวยเอกเทวคีต ท่านถึงกับทำร้ายตัวเองโดยไม่นึกเสียดายแล้วมาเข้าเอกเทวคีต นับถือ นับถือยิ่งนัก ท่านวีรบุรุษ รับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด ต้องสืบทอดยอดวิชาจีบหญิงจากท่านให้ได้เลย”
คนทั้งลานพากันหัวเราะครืน ชั่วครู่หนึ่ง สายตาอิจฉาริษยาและไม่แยแสต่างๆ ล้วนจดจ้องมายังอินจู๋ และนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ฉายาเช่นหงส์ในหมู่กา นักเรียนชายคนแรกของเอกเทวคีต เทพแห่งความรักล้วนถาโถมมาใส่อินจู๋ ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจในหมู่นักเรียนใหม่ ถึงขั้นกลายเป็นคนดังในโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน
อินจู๋สะบัดมือของอีกฝ่ายออก ก่อนขมวดคิ้วกล่าวว่า “ทำร้ายตัวเอง? ทำไมข้าต้องทำร้ายตัวเองด้วย? เอกเทวคีตไม่เคยมีนักเรียนชายเลยจริงๆ เหรอ?”
นักเรียนชายผมแดงกล่าวโดยไม่ลังเลสักนิดว่า “แน่นอน ตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน หลายร้อยปีมาแล้ว เจ้าเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์แน่นอน ท่านวีรบุรุษ ข้าขอชื่นชมจิตวิญญาณแห่งความเสียสละของเจ้า ทำไมตอนแรกข้าคิดไม่ถึงกันนะ ข้าชื่อฟิซเชลลา เจ้าจำหน้าข้าไว้ให้ดีล่ะ! ในเมื่อเจ้าอยู่เอกเทวคีต ก็รีบลงทะเบียนซะ” ระหว่างที่พูดเขาก็แอบคิดในใจ เห็นเจ้าหนูท่าทางใสซื่อ ทำเป็นญาติดีกับเขา กลัวว่าต่อไปจะไม่มีโอกาสใกล้ชิดสาวสวยเอกเทวคีตหรือไง? เขาไม่มีทางครอบครองสาวสวยมากมายขนาดนั้นคนเดียวได้หรอก คิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มตรงมุมปากเขาก็อดคิดไม่ซื่อขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้
มีเชอรีนคอยยืนยันว่าอินจู๋อยู่เอกเทวคีต ตอนนี้จึงไม่มีใครมาขวางทางเขาอีก
“หนึ่งร้อยเหรียญทอง” ด้านหลังโต๊ะทำงานคืออาจารย์ผู้ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น น้ำเสียงเย็นชาทำให้คนรู้สึกราวกับเป็นฤดูหนาว
“หา? แพงขนาดนี้เชียว” อินจู๋มองเขาพลางปากอ้าตาค้าง ก่อนหยิบทรัพย์สินทั้งหมดสิบเหรียญทองออกมาจากแหวนที่อันยามอบให้เขา “อาจารย์ครับ ข้ามีแค่นี้” แม้จะเคยคิดว่าค่าเล่าเรียนนี้คงแพงมาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะแพงจนไม่มีเหตุผลอย่างนี้ หนึ่งร้อยเหรียญทอง พอๆ กับค่าใช้จ่ายของครอบครัวคนธรรมดาหลายปีเลย แต่ที่นี่กลับเป็นเพียงค่าเล่าเรียนของหนึ่งภาคเรียนเท่านั้น
“ไม่มีเงินแล้วเจ้าจะมาโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานทำไมกัน? พวกนี้เป็นแค่ค่าเล่าเรียนกับค่าหอเท่านั้น อุปกรณ์เวทมนตร์ที่ใช้ในการเรียนกับค่าสถานที่บางทีก็ต้องคิดแยกไป ในเมื่อเจ้าไม่มีเงิน งั้นก็ไปซะ” อาจารย์โบกมือใส่อินจู๋อย่างรังเกียจราวกับไล่แมลงวัน
“ข้าก็คิดอยู่ว่าคนที่กล้าวิจารณ์หน่วยทหารรับจ้างของเราจะเก่งสักแค่ไหน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าทึ่มที่ไม่มีปัญญาจ่ายแม้แต่ค่าเรียน” ขบวนผู้คนที่ยังเข้าแถวอยู่เมื่อครู่แยกออกจากกันโดยอัตโนมัติ เงาร่างสีชมพูสะท้อนเข้าม่านตา
คนคนนี้เย่อินจู๋รู้จัก เด็กสาวนักเวทของหน่วยทหารรับจ้างระดับเอสในสมาคมทหารรับจ้างก่อนหน้านี้นั่นเอง ขณะนี้ เธอกำลังเดินมาทางเย่อินจู๋ทีละก้าว ส่วนเหล่านักเรียนที่ลงทะเบียนรายงานตัวอยู่ต่างก็พากันหลีกทาง เห็นได้ชัดว่ารู้จักเธอ
“ข้าไม่ใช่เจ้าทึ่ม” อินจู๋กล่าวเสียงหนักแน่น
เด็กสาวแค่นหัวเราะ “มาเข้าเรียนโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานแต่ไม่มีแม้กระทั่งค่าเรียน แถมยังเลือกเอกเทวคีต ยังไม่ใช่เจ้าทึ่มอีกเหรอ? เจ้าเด็กยากจน นึกไม่ถึงว่าจะกล้าวิจารณ์หน่วยทหารรับจ้างสต็อคของเรา ข้าว่าเจ้ารีบไสหัวไปจากที่นี่ซะจะดีกว่า โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานไม่ต้อนรับคนจน”
“เจ้า...” อินจู๋จ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ขาขวาก้าวออกไปข้างหน้า หมัดขวาของเขากำแน่น ฝืนข่มเพลิงโทสะในใจ “ข้าไม่ต่อยผู้หญิง”
“ฮ่าๆ...” เด็กสาวหัวเราะดังลั่น “ล้อเล่นน่ะ เจ้าอยากต่อยข้า? นักเวทระดับแดงอย่างเจ้าเนี่ยนะ? ไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนก็รีบไสหัวไปซะ อย่าให้ข้าเห็นเจ้าเกะกะลูกตา” คำพูดคำจาเต็มไปด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“ใครบอกว่าเขาไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน ค่าเรียนของเขาข้าจ่ายเอง” น้ำเสียงเย็นเยียบจนทำให้สั่นสะท้านดังขึ้นจากนอกฝูงชน ทางเดินอีกสายหนึ่งเปิดออกท่ามกลางฝูงชน เงาร่างสูงเพรียวค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ชุดกระโปรงยาวสีขาว ปราณหนาวยะเยือก ผู้มาเยือนกลับเป็นเด็กสาวชุดขาวที่ร่วมบรรเลงเพลงกับอินจู๋ในหอประชุมใหญ่ก่อนหน้านี้
……………………………………….