บทที่ 30 ผู้พิทักษ์วิญญาณ
บทที่ 30 ผู้พิทักษ์วิญญาณ
กลุ่มแสงสีเขียวบิดไปมาหลายครั้ง จากนั้นก็คล้ายปรากฏโครงหน้าคนออกมา
แต่ว่าใบหน้าคนหายไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มแสงค่อยๆ บิด กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
หัวเป็นอีกา ตัวเป็นคน
เฉินเสี่ยวเลี่ยนดูรูปร่างนั้นแล้วอึ้งไปชั่วขณะ สำลักไออย่างแรงสองสามที ยิ้มขื่นพูดว่า “ที่แท้...ที่แท้ฉันก็เดาถูกอย่างหนึ่งสินะ”
“เดาอะไรถูก?” สัตว์ประหลาดร่างคนหัวอีกาพูด
“แกคือผู้พิทักษ์วิญญาณ” เฉินเสี่ยวเลี่ยนเช็ดเลือดที่มุมปาก เขารู้สึกได้ว่าพละกำลังของตัวเองยิ่งลดน้อยลง ตัวก็ยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ สำลักไอสองสามทีแล้วพูดช้าๆ ว่า “ผู้พิทักษ์วิญญาณ...และก็เป็นหนึ่งในปีศาจทั้ง 72 ตนแห่งโซโลมอน ใช่ไหม?”
ผู้พิทักษ์วิญญาณร่างคนหัวอีกาส่งเสียงหัวเราะดัง กลุ่มแสงลอยมาตรงหน้าเฉินเสี่ยวเลี่ยน “ทายถูกแล้วละ แต่ว่าเจ้าจะตายอยู่แล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร?”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนหลุบตา พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดว่า “ใช่ ยังไงซะฉันก็ใกล้ตายแล้ว เลือดไหลออกมามากเกินไป บาดเจ็บหนักเกินไป... แต่ว่าฉันใกล้จะตายขนาดนี้แล้ว แกยังจะโผล่ออกมาพูดพล่ามกับฉันทำไมอีก?”
ผู้พิทักษ์วิญญาณดูคล้ายอึ้งไป
“เพราะฉะนั้น...ฉันเดาว่า จะต้องมีเจตนาอื่นอีกแน่ใช่ไหม?” เฉินเสี่ยวเลี่ยนพูด “หรือพูดว่า...การที่พวกเราตายกันหมดที่นี่ ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องการ?”
เขาจับจุดสำคัญได้แล้ว!
จุดสำคัญนั้นก็คือ ในเมื่อ ‘ผู้เล่น’ ตายจนหมด แล้วทำไมผู้พิทักษ์วิญญาณยังปรากฏตัวออกมาอีก? จะเป็นแค่ตัวร้ายที่ออกมาพูดจาไร้สาระตามแบบค่านิยมเก่าๆ แค่นั้นเหรอ?
“...” ดวงตาอีกาทั้งคู่ของผู้พิทักษ์วิญญาณจับจ้องเฉินเสี่ยวเลี่ยนอยู่ครู่หนึ่ง เขาดีดนิ้วเบาๆ
เป๊าะ กลุ่มแสงสีเขียวแตะลงที่หน้าอกของเฉินเสี่ยวเลี่ยน
หน้าอกของเฉินเสี่ยวเลี่ยนที่เดิมมีดาบคมหิมะปักอยู่ ภายใต้แสงสีเขียว คล้ายกับมีพลังบางอย่างดึงดาบออกมา!
แต่เพราะแสงสีเขียว บาดแผลที่หน้าอกของเขาจึงไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว!
“แค่ช่วยเจ้าห้ามเลือดเท่านั้น” ผู้พิทักษ์วิญญาณยิ้มเย็น
เฉินเสี่ยวเลี่ยนไอสองสามที ใบหน้ามีรอยยิ้มเย็น ในใจเขารู้ดีว่าตัวเองคล้ายจะเดิมพันถูกอีกแล้ว
ผู้พิทักษ์วิญญาณพูดเสียงเย็นว่า “ตั้งแต่พวกเจ้าเดินเข้ามาในถ้ำนี้ ข้าก็เฝ้าดูพวกเจ้าอยู่ตลอด พวกเจ้าทุกๆ คน ทุกๆ กลุ่มล้วนอยู่ในสายตาของข้าทั้งสิ้น ส่วนเจ้าเป็นหนึ่งคนที่ข้าสนใจพอดี”
“อ้อ?”
“ถึงเจ้าจะอ่อนแอมาก แต่ที่ห้องโถงดาวมรณะ เจ้าเป็นคนแรกที่เลือก ‘เส้นทางแห่งความตาย’ ได้ถูกต้อง เจ้าพวกนี้มาถึงที่นี่ได้ก็เพราะอาศัยสติปัญญาของเจ้าแต่แรกทั้งนั้น จึงได้เดินมาตามทางที่ถูกต้องได้”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนฟังถึงตรงนี้ก็หัวเราะขื่น “ทางที่ถูกต้องงั้นหรือ? ก็ถูกต้องจริงๆ นั่นแหละ...ซ้ำยังสมชื่อมากเสียด้วย ตอนนี้พวกเขาตายลงที่นี่กันหมดเลย”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนหรี่ตา มองดูสัตว์ประหลาดหัวการ่างมนุษย์แล้วพูดช้าๆ ว่า “นิวตันคงถูกแกใช้วิธีบางอย่างทำลายสติสัมปชัญญะ ถึงลงมือฆ่าคน ฆ่าเพื่อนร่วมทีมจนหมด... อืม จริงสิ ก่อนหน้านี้เขามองว่าทุกคนเป็นผู้ตื่น...นั่นคงเพราะ ฉันเหมือนได้ยินมาว่าเขาเคยรักผู้ตื่นคนหนึ่ง...และสุดท้ายเขาก็เป็นคนลงมือฆ่าคนที่เขารักคนนั้นเอง
เรื่องโดยละเอียดเป็นยังไงฉันไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจกระทั่งว่าผู้ตื่นคืออะไร
แต่ฉันเดาว่า เรื่องแบบนี้ต้องกลายเป็นแผลในใจของนิวตันแน่นอน
พูดง่ายๆ ก็คือปมในใจ แกจะต้องฉวยโอกาสใช้จุดนี้ ทำให้เขาสับสน!
แกแอบดูความลับในใจของเขา...หมายความว่าแกเป็นปีศาจที่ใช้พลังสอดแนมได้
ขอฉันคิดก่อน… ปีศาจ 72 ตน ทุกตัวต่างมีความสามารถพิเศษของตนเอง
อืม แอบดูจิตใจของผู้อื่น ความสามารถนี้เรียกว่า ‘หยั่งรู้’
ทำให้คนในทีมเดียวกันลงมือเข่นฆ่ากันเองได้เรียกว่า ‘พลิกเป้าหมาย’
ดังนั้น...”
แววตาเฉินเสี่ยวสั่นไหววาบ “ถ้าฉันจำไม่ผิด ใน 72 ปีศาจแห่งโซโลมอน มีลักษณะพิเศษตรงกับแกตนหนึ่ง ดังนั้น...แกคือปีศาจอันดับ 7 จาก 72 ปีศาจแห่งโซโลมอน ดยุกแห่งไฟ ชื่อของแกคือดยุกอามอน!”
ผู้พิทักษ์วิญญาณใช้ดวงตาอีกาทั้งสองข้างมองดูเฉินเสี่ยวเลี่ยน ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้า “ดีมาก ดูท่าเจ้าจะรู้จักพวกเราไม่น้อย”
“เอาล่ะ พล่ามมากันขนาดนี้ ต่อไปจะทำอะไรก็ทำ” เฺฉินเสี่ยวเลี่ยนพูดเนิบๆ “แกไม่ฆ่าฉัน ถึงขั้นไม่ยอมให้ฉันตาย ซ้ำยังช่วยห้ามเลือดอีก...ต้องการอะไรจากฉันกันแน่?”
เคร้ง!
กระบองสีทองอันหนึ่งตกลงตรงหน้าเฉินเสี่ยวเลี่ยน
“รอบๆ ลานกว้างแห่งนี้มีเสาหินทั้งหมด 72 ต้น” น้ำเสียงของอามอนเจือไปด้วยความโหดร้ายเบาบาง “เสาต้นหนึ่งในนั้นผนึกวิญญาณของข้าไว้”
“อืม แล้วยังไงต่อ?” เฉินเสี่ยวเลี่ยนฉีกยิ้ม “แกคงไม่ได้ให้ฉันหามัน แล้วก็ปล่อยแกออกมาหรอกใช่ไหม?”
อามอนพยักหน้าช้าๆ
“ฉันไม่ถามหรอกนะว่าทำไมเรื่องแค่นี้แกถึงไม่ลงมือเอง ก็คิดว่าแกถูกผนึกอยู่ที่นี่ ก็ต้องมีข้อจำกัดบางอย่างไม่ให้แกลงมือเองอยู่แล้ว” เฉินเสี่ยวเลี่ยนยิ้มขื่น “จะปลดผนึกแกได้ยังไง? ต้องใช้กระบองท่อนนี้ตีเสาหินให้แตกเหรอ?”
“เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว กระบองนี้ตีเสาหินให้แตกได้ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเจ้าเลือกผิด...ที่นี่ก็จะพังทลาย”
“เดี๋ยวๆ...อะไรคือ...เลือกผิด?” เฉินเสี่ยวเลี่ยนเบิ่งตาโตขึ้นมาทันควัน “ผนึกของแก...คงไม่ใช่ว่า...แกเองก็ไม่รู้ว่ามันคือเสาไหนงั้นเหรอ?”
อามอนส่ายหัว “ข้าไม่รู้”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนนิ่งค้าง
เขามองไปรอบๆ เสาหินสูงรอบลานกว้างนี้มีเป็นสิบๆ ต้น!
พวกมันหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน!
ความน่าจะเป็นแค่หนึ่งในไม่รู้กี่สิบ ต้องตีให้ถูกในครั้งเดียว... หากผิดพลาดเพียงหนึ่งครั้ง ถ้ำนี้ก็จะถล่มลงมาทั้งหมด...ทุกคนจะถูกฝังอยู่ที่นี่…
เฉินเสี่ยวเลี่ยนหยิบกระบองโลหะขึ้นมามองดู...บนกระบองมีลวดลายดอกไม้ที่ไม่บอกความหมายอยู่เต็มไปหมด
“ไม่มีสัญญาณอะไรเลยเหรอ?”
“มีเพียงอย่างเดียว” อามอนพูดเนิบช้า “ข้าต้องลูบคลำเสาหินด้วยตนเอง วิญญาณของข้าจะมีปฏิกิริยาต่อมัน”
“ลูบคลำ...ด้วยตัวเอง?”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนมองดูอามอน... ร่างของมันเกิดจากการรวมตัวของแสงสีเขียว เห็นได้ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ร่างจริงของมัน
ถ้าอยางนั้น...ลูบคลำด้วยตนเอง?
ฉับพลันเฉินเสี่ยวเลี่ยนก็สะดุ้งในใจ “แก...แกคงไม่คิดจะ...”
“ข้าต้องการยืมร่างของเจ้า” อามอนฉีกปาก หัวเราะดังเคี้ยกๆ “ตอนแรกข้าเลือกเจ้านิวตัน แต่น่าเสียดาย เขาถูกพวกเจ้าฆ่าตายเสียแล้ว เพราะฉะนั้น...”
แววตาเฉินเสี่ยวเลี่ยนเปลี่ยนโดยพลัน เขาก้มตัวลงพื้นเก็บดาบคมหิมะเล่มนั้นขึ้นมาในทันที! พลิกมือฟันใส่อามอนที่เป็นแสงสีเขียว!
คมดาบวาดผ่านกลุ่มแสงที่เป็นตัวของอามอนไป แต่อามอนกลับส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย!
“เจ้าโง่! ข้าเป็นร่างวิญญาณ เจ้าจะทำร้ายข้าได้เช่นไร?”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนฟันใส่อากาศ แววตาตัดสินใจแน่วแน่ เขาพลิกดาบในมือขึ้นปาดลำคอของตัวเอง!
พ่อยอมตาย ไม่ยอมถูกชิงร่างโว้ย!!
ฟุบ!
คมดาบบาดคอเขาแล้ว แต่กลุ่มแสงสีเขียวกลับดีดคมดาบออกเบาๆ!
เฉินเสี่ยวเลี่ยนล้มตึงนั่งลงกับพื้น มือไม้อ่อนไร้เรี่ยวแรง
เขาล้างสเตตัสไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ความแข็งแรงกับกำลังล้วนอยู่ในจุดวิกฤตในระดับ E
“ไร้ประโยชน์” อามอนยิ้มเย็น “ข้าไม่อยากให้เจ้าตาย ยังไงก็มีวิธีอยู่ อีกอย่าง...ต่อให้เจ้าตาย ที่นี่ก็ยังมีคนอีกตั้งสามคน...เพื่อนของเจ้าคนนี้ หนูน้อยที่ใช้ฟีนิกซ์ไฟได้คนนั้น… อ้อ ข้าเกือบลืมไป ยังมีผู้หญิงที่อยู่ตรงสะพานโซ่ของผาตรงข้ามอีกคน ต่อให้เจ้าตาย ข้าก็ยังเลือกคนอื่นได้”
เฉินเสี่ยวเลี่ยนยิ้มขื่น “แล้วทำไมแกไม่ให้ฉันฆ่าตัวตาย...”
“เรื่องสุดวิสัยน่ะ ข้าไม่อยากสิงร่างผู้หญิงหรอกนะ” อามอนส่ายหัวถอนใจ จากนั้นเขาก็หันไปมองหานปี้อีกแวบหนึ่ง “ส่วนเจ้าหมอนี่...หน้าตาน่าเกลียดเกินไป”
“เฮ้ย!! มึงว่าใครน่าเกลียด!” หานปี้ไอโขลกสองสามที ต่อให้ไอเป็นเลือดก็อดร้องขึ้นไม่ได้ “ฆ่าได้หยามไม่ได้...พ่อแม่งสู้ตายละโว้ย!!”
เขาทำท่าจะลุกขึ้นมา ทว่าอามอนกลับยืนหัวเราะเสียงเย็นอยู่ที่เดิมไม่ขยับสักนิด
เฉินเสี่ยวเลี่ยนเข้าไปพยุงหานปี้ หันกลับไปมองอามอน “นายอยากให้ฉันยกร่างเนื้อให้นายงั้นสิ?”
“พลังของเจ้าอ่อนด้อยก็จริง แต่ก็แข็งแกร่งว่าคนที่เหลือสามคนอยู่นิดหน่อย อีกอย่างวิชาแสงตะวันที่เจ้าใช้กำจัดนิวตันเป็นท่าสุดท้ายก็ดูไม่เลวเลย เพราะงั้น...ข้าถึงเลือกเจ้าเป็นร่างเนื้อของข้ายังไงล่ะ ส่วนเพื่อนคนนี้ของเจ้า...ข้าเห็นวิชาของเขาแล้ว สามารถทำให้ตัวเองกลายเป็นมนุษย์หินได้ วิชากิ๊กก๊อกไร้น้ำยาแบบนั้น ถ้าข้าสิงร่างนี้คงเป็นการดูถูกสติปัญญาเทพปีศาจของข้าน่าดู”
“พูดแบบนี้คือ ฉันต้องรู้สึกเป็นเกียรติใช่ไหม?” สายตาเฉินเสี่ยวเลี่ยนส่องประกายประหลาดแวบหนึ่ง เขายิ้มเย็น “ดูท่าฉันไม่มีทางเลือกแล้วละ งั้นก็เข้ามาเลย!”
เขาทำท่าเหมือนโยนดาบคมหิมะในมือลงพื้นส่งๆ ไปตกลงใกล้เท้าหานปี้พอดิบพอดี
หานปี้อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเห็นเฉินเสี่ยวเลี่ยนส่งสายตาเป็นนัยให้เขาทีหนึ่ง สายตาของเฉินเสี่ยวเลี่ยนไล่ลงต่ำไปตกลงที่ดาบคมหิมะเล่มนั้น
โดยที่ไม่รอให้หานปี้เข้าใจอะไร เฉินเสี่ยวเลี่ยนก็หมุนตัวกลับไปมองอามอน
“มาเลย ฉันไม่ต่อต้านแล้ว...” เฉินเสี่ยวเลี่ยนยิ้มขื่น “ไม่คิดไม่ฝันว่า… วันนี้จะเป็นวันที่พ่อใช้ชีวิตได้สุดยอดจริงๆ”
พูดจบ เขาก็หลับตา
เสียงหัวเราะเคี้ยกๆ ของอามอนดังขึ้น รูปร่างของมันเป็นเป็นกลุ่มแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่ง ค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ร่างกายของเฉินเสี่ยวเลี่ยน
เฉินเสี่ยวเลี่ยนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว คล้ายกับมีน้ำเย็นเยียบไหลไปตามเส้นเลือดของตน ไม่ช้าก็ไหลวนไปทั่วร่างกาย…
…………………………