ตอนที่ 46: กล่องพิฆาต จอมขมังพลังอบแห้ง
ตอนที่ 46: กล่องพิฆาต จอมขมังพลังอบแห้ง
เฮเซคียาห์มองดวงอาทิตย์ และเหลือบสายตาลงไปมองหน้าปัดแสดงค่าต่างๆ ของรถยนต์ ตอนนี้เป็นช่วงสายของวัน ถ้าหากเขาได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้กับเฮเซเคียว เขาก็ยังพอฟื้นฟูหายจากการบาดเจ็บได้ ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นและมองน้องสาวที่ตอนนี้เข้าปะทะกับน้องชายแล้ว ด้วยความกระตือรือร้นจะร่วมเข้าต่อสู้เมื่อได้จังหวะเหมาะ
แต่แน่นอนว่า เขาต้องระวังตนเองไม่ให้ถูกรุมทึ้งจากคู่ต่อสู้ชาวมัสตินคนอื่นก่อน
“ถอยไปให้พ้น” พริเซล่าหันไปตวาดใส่เจ้าหน้าที่กองทัพมัสตินติดอาวุธ ซึ่งพวกเขากำลังวิ่งอย่างเป็นระเบียบเป็นกลุ่มเข้ามาทางด้านหลังของยานที่จอดนิ่งสนิท
คลื่นเสียงของเธอส่งพลังออกมาด้วย ร่างของชาวมัสตินทั้งกลุ่มลอยเคว้งไปไกลในอากาศ
แต่พวกเขาก็ตั้งหลักได้ ตอนที่เฮเซคียาห์เหยียบขึ้นไปยืนบนเบาะ เพื่อจะมองพวกเขาให้ชัดๆ จากยาน
“อ้อ! นี่ภูมิใจเลยสินะ ได้หลบอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิง” เฮเซเคียวตะโกนคุยกับเขา แต่ดูเหมือนกำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะพริเซล่ารุกต่อเนื่อง ทั้งพลังธาตุ เข่า และศอก พร้อมทั้งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทักษะการเคลื่อนที่เป็นความโดดเด่นของเธอในศิลปะการต่อสู้ การโจมตีให้ถูกตัวเธอไม่ใช่เรื่องง่าย
“หุบปากนะเฮซ คนที่ไม่สามารถทำให้ผู้หญิงประทับใจได้อย่างนาย ก็แค่ตัวอิจฉาพี่คีห์ที่มีดีตรงนี้”
“เธอนั่นแหละหุบปาก พริส” เฮเซเคียวเกรี้ยวกราด คงเพราะมีปมในใจ ทั้งราชินีเอสเธอร์และคนรักเก่าๆ ทุกคนพากันพุ่งความสนใจมาที่พี่ชายมากกว่า คนซึ่งเฮเซเคียวเคยตกหลุมรักและเฝ้าฝันว่าจะมาขอเขาแต่งงานด้วยก็ดันไปขอเฮเซคียาห์แต่งงานมาแล้ว และพอพลาด ก็ไม่แม้แต่จะชายตาแลมาที่เขาเลย
“พริส เพ่งสมาธิไปที่เฮซ พี่จะจัดการกับชาวมัสตินคนอื่นๆ เอง” เขาสั่งเธอ และมั่นใจว่าเธอจะทำตามที่บอก
แม้พริเซล่าไม่มีประสบการณ์ในสนามรบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจะล้มเธอได้ ดังนั้น เขามั่นใจว่าตัวเองมีเวลาพอจะจัดการกำราบกลุ่มกำลังพลที่อยู่รอบตัวคนอื่นๆ ก่อนจะหันไปสมทบช่วยพริเซล่าในการจัดการกับเฮเซเคียว
ทำให้อีกฝ่ายตายสักครั้งในลักษณะฟื้นคืนชีพได้ยาก ก็คงเพียงพอแล้ว และระหว่างนั้น พวกเขาก็จะได้รีบไปเข้าเฝ้าราชินี
“บรอธ แกเชื่อมต่อกับพริสอยู่ใช่หรือเปล่า” เขาขอคำยืนยัน
“ถูกต้อง และตอนนี้สำหรับนาย ฉันก็สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวที่เหมาะสมให้กับนายได้เช่นกัน ข้อมูลทุกอย่างจะถูกป้อนเข้าสู่สมองของนายเร็วมาก หวังว่านายจะสามารถรับไหว”
“มาเลย ช่วยฉันอย่างที่แกควรจะทำ” เขาใช้กำปั้นหนึ่งทุบเข้ากับมืออีกข้างซึ่งแบอยู่ สายตากวาดมองฝูงชาวมัสตินที่ล้อมกรอบและกำลังจับจ้องเขาด้วยแววตานิ่งสงบ พวกนี้ไม่ใช่พลเมือง และน่าจะมีทักษะการต่อสู้และประสบการณ์สูงส่ง ชายหนุ่มเห็นแววตาก็รู้
ไร้ความหวาดกลัว ไร้ความกังวล ไม่มีอะไรจะสูญเสีย เป็นแววตาแบบเดียวกับเอ็กซัสยามมีสมาธิกับการต่อสู้
“เริ่มคำแนะนำด้วยภาพอย่างต่อเนื่อง ระบบจะสิ้นสุดการทำงานเมื่อเป้าหมายเสร็จสมบูรณ์หรือเมื่อสมองของผู้ใช้เกิดความเสียหายในระดับที่เป็นอันตรายถึงชีวิต” บรอธอารัมภบทก่อนจะลอยสูงขึ้น ภาพต่างๆ ค่อยๆ ถูกส่งเข้ามาในหัวของเฮเซคียาห์
เขาเห็นทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่จะล้มชาวมัสตินซึ่งพากันล้อมกรอบอยู่ แต่ละทางเลือกมีจุดแข็งจุดอ่อน
การเลือกบทต่อสู้เพื่อใช้ในอนาคตเป็นไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มตั้งท่าเตรียมออกวิ่ง และพุ่งหลาวไปทางด้านซ้าย เลือกคนหนึ่งเป็นเป้าหมาย แต่เมื่ออีกฝ่ายพร้อมกับคนอื่นโต้กลับแบบเป็นทีม เขาถอยออกมา และกระโจนเข้าไปต่อสู้กับคนหนึ่งในพวกมัสตินที่ยังคอยจังหวะรอช่วยเป็นกำลังเสริม ฝ่ายนั้นดูผิดคาดกับการตกเป็นเป้าหมายแบบปัจจุบันทันด่วน แต่ก็สามารถตั้งรับได้ดี
เฮเซคียาห์โจมตีคนนั้นคนนี้ เหมือนทำไปเรื่อยแบบไม่มีเป้าหมายใดๆ เป็นพิเศษ คล้ายๆ กับเข้าโจมตีแล้วก็เห็นว่ามีแต่ทางตันเลยต้องถอยออกมาตั้งรับก่อนจะรุกใหม่ ดูคล้ายปลาที่ติดอยู่ในไซ และลองพุ่งชนด้านข้างของไซ ทางนั้นบ้าง ทางนี้บ้าง แต่คนที่เคยดักไซจับปลาก็ย่อมรู้ว่าโอกาสที่ปลาจะหนีออกจากไซนั้นมีน้อยเต็มที
ทว่า ความเร็วในการโจมตีของเขาเพิ่มมากขึ้นเพราะชุดหนัง และกองกำลังมัสตินขนาดย่อมนับร้อยคนไม่ใช่ไซไร้ชีวิต พวกเขาก็เคลื่อนไหวอยู่ตลอด พอถึงจุดหนึ่ง สิ่งที่บรอธได้แนะไว้ก็เกิดขึ้นจริง พวกเขาเสียกระบวนท่าเพราะชนกันเอง และเฮเซคียาห์ก็ได้ทีใช้หมัดของเขาซึ่งสวมนวมโลหะชนิดพิเศษซึ่งเกิดจากการเรียกใช้งานแก่นพลังกำเนิดอาวุธ หวดไปที่คอของหนึ่งในคนที่ชนกันเอง
ส่วนอีกคนที่เหลือ บรอธช่วยจัดการ มันพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงอัดเข้าไปที่คอ
เป้าหมายทั้งสอง คอขาดห้อยต่องแต่ง
“คีห์รีบกระชากให้ศีรษะของพวกเขาขาดออกจากร่าง และโยนไปให้บรอธที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเก็บเอาศีรษะเหล่านั้นไปไว้ด้านในตัว และบรอธ ก็ลอยตัวขึ้นสูงละลิ่ว และปล่อยตัวเองร่วงลงกับพื้น ทับชาวมัสติน 5-6 คนจนกระดูกร่างกายหัก แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่ตาย เพราะกะโหลกแข็งพอที่จะปกป้องสมองไว้ได้
ร่างของชาวมัสตินที่อยู่ใต้บรอธดิ้นกระแด่วๆ พยายามกระเสือกกระสนจะให้หลุดออกมา แต่ก็เป็นอิสระไม่ได้เพราะบรอธยิ่งกดตัวกล่องแน่นลงไปกับพื้น
ตอนนี้เฮเซคียาห์มีเป้าหมายต่อไปแล้ว เพราะหลังสู้ไปสักพัก เขาเริ่มจัดเรียงความเก่งกาจของทุกคนที่ได้หวดหมัดใส่ไปบ้างแล้ว คนละ 2-3 ทีได้สำเร็จ
คนฝีมืออ่อนด้อยถูกจู่โจมเป็นคนแรก และเขาสามารถเด็ดเอาศีรษะของอีกฝ่ายออกมาได้
ทุกครั้งที่เอาศีรษะของนักสู้ชาวมัสตินมาได้ ชายหนุ่มโยนมันให้บรอธเก็บ
ร่างบางร่างไม่ได้อยู่นิ่งแม้ไม่มีศีรษะ แต่ยังเดินได้ เหมือนกับที่เฮเซคียาห์เคยเป็นเมื่อครั้งตายในป่าหนหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเชื่อมโยงกับไลฟ์ควอตซ์ได้ดี
ดีว่าศีรษะของร่างไร้หัวไม่สามารถมองเห็นเขา เป็นทีของเฮเซคียาห์ที่จะจัดการกับร่างกายเหล่านั้นไม่ให้เคลื่อนไหวได้อีกอย่างง่ายดาย
บรอธเปลี่ยนสีจากขาวเป็นกึ่งๆ แดง เป็นระยะๆ กลิ่นเหม็นอบเหมือนเนื้อย่างฟุ้งไปทั่ว
มันอบศีรษะของชาวมัสตินที่เก็บรวบรวมเข้าไป
สมองของชาวมัสตินนั้นถูกเคลือบด้วยสารเคมีบางอย่างที่มีติดตัวโดยธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ สารนี้สามารถถูกแทงทะลุได้ มันโปร่งใสและอ่อนนุ่มดูคล้ายว่านหางจระเข้ และยังเป็นพิษต่อสัตว์ เป็นการปกป้องสมองตามธรรมชาติร่วมกับกะโหลกศีรษะที่แข็งเป็นพิเศษ แต่ความร้อนสูงมากสามารถทำลายสารเคมีเหล่านั้นทีละน้อย และเมื่อไรที่สารเคมีเหล่านั้นถูกทำลายหมดสิ้น สมองที่อยู่ในกะโหลกแข็งก็ถึงคราวถูกทำลายลงบ้าง
“เอาสิ ถ้าพวกแกไม่หยุด พวกแกทั้งหมดก็ต้องตาย” เฮเซคียาห์ชอบที่จะข่มขู่คู่ต่อสู้ไปด้วย มันทำให้เขาจิตใจฮึกเหิม และถ้าคู่ต่อสู้สะทกสะท้านเพราะคำพูด เขาจะยิ่งได้เปรียบ
“จัดการมันซะ” เฮเซเคียวยังได้ยินที่เขาพูดจากระยะไกล และออกคำสั่งได้ แม้ว่ากำลังยุ่งแทบตาย
พริเซล่าใช้พลังธาตุในการต่อสู้เป็นหลักในตอนนี้ พื้นที่รอบๆ ดูคล้ายมันถูกถล่มด้วยอาวุธร้ายแรง
พลังหลักของเธอคือน้ำ ขณะที่เฮเซเคียวใช้ไฟฟ้าหรือสายฟ้า ซึ่งปกติถ้าพื้นเปียก เฮเซเคียวก็คงได้เปรียบ สามารถส่งไฟฟ้าไปช็อตร่างงามของน้องสาวได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ไม่มีน้ำที่อยู่บนพื้น และพริเซล่าไม่ยอมให้เท้าของเธอแตะพื้น พร้อมกับอนุภาคของน้ำในอากาศรอบตัวอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอมากกว่าพี่ชาย
“เดี๋ยวฉันจะไปจัดการแกเฮซ อีกไม่นานนักหรอก” อดีตเจ้าชายประกาศกร้าว และเบี่ยงกายหลบพลังธาตุรวมถึงกระสุนจากปืนรูปแบบต่างๆ ที่นักต่อสู้ชาวมัสตินส่งออกมา ความหลากหลายของรูปแบบการโจมตีทำให้เขาเริ่มเป็นกังวลอยู่บ้าง
ในจังหวะหนึ่งเขาเคลื่อนที่ช้าเกินไป ท้องถึงกับทะลุเป็นรู
“เจ็บไหม?” เสียงหนึ่งดังกระซิบที่ข้างหู
เฮเซคียาห์เบี่ยงกายหลบ แต่ไม่ทัน
เขาจับสังเกตไม่ได้เลยว่าเอ็กซัสปลอมตัวแฝงเข้ามาในฝูงชาวมัสตินที่รายล้อมรอบตัวตั้งแต่เมื่อไร
“นาย...” อดีตเจ้าชายพึมพำ สำลักเลือดที่ไหลย้อนขึ้นมาจากหลอดอาหาร มือยกจะกุมท้อง แต่พบว่าเนื้อบริเวณสีข้างด้านหนึ่งแหว่งไปแล้ว และเขาไม่มีหน้าท้องอีกแล้ว ร่างกายส่วนหนึ่งถูกอัดยับจนแหลกเละเว้นให้ตัวแหว่ง
“อั๊ก!” คีห์พ่นเลือด และยืนไม่อยู่
ร่างกายที่มีแค่เศษลำไส้ หัวใจภายใต้สิ่งห่อหุ้ม กับเศษของอวัยวะภายในอื่นๆ อีกนิดหน่อย ไม่สามารถทำงานต่อไปได้
“ตายซะเถอะ” เอ็กซัสตัดเอาศีรษะของเฮเซคียาห์ไปอย่างรวดเร็ว
เสียงของพริเซล่าหวีดร้องดังลั่น และชายหนุ่มที่เหลือเพียงศีรษะก็รับรู้ได้ว่าเขาถูกยกลอยสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับร่างของเอ็กซัสที่ถูกพริเซล่าส่งลอยขึ้นไปเช่นกัน แล้วทั้งคู่ก็ถูกส่งจมหายไปในหยดน้ำก้อนยักษ์ที่ลอยอยู่ในอากาศ น้ำจำนวนหนึ่งไหลบ่าเข้าไปในโพรงจมูกของเฮเซคียาห์ทำให้เขาแสบในโพรงจมูก แต่ไม่ได้รู้สึกทรมานกับการหายใจไม่ออก
ก็เขาไม่มีปอด การหายใจเอาออกซิเจนไม่ได้จำเป็น
เส้นเลือดตรงส่วนคอจะดึงออกซิเจนเข้าไปเวลาปอดไม่ทำงาน และส่งออกซิเจนไปที่สมอง
“เป็นยังไงล่ะ” เขาพูดในน้ำได้ แต่เสียงอู้อี้ ตามองเอ็กซัสที่ตอนนี้ตาเหลือกตาลาน สำลักน้ำ
เอ็กซัสจริงๆ แล้วคงป้องกันตัวเองด้วยการพยายามใช้พลังธาตุดึงอากาศมาสูดแทนน้ำได้ แต่คู่ต่อสู้เป็นพริเซล่าที่ควบคุมน้ำได้ราวกับเธอเป็นสายน้ำเสียเอง ต่อให้เขาไม่อยากสูดน้ำเข้าไปแทนอากาศ พริเซล่าก็บังคับน้ำให้เลื้อยเข้าไปผ่านโพรงจมูกได้ และดีไม่ดีเธอจะทะลวงสมองของเอ็กซัสด้วยน้ำนั่นแหละ
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของเอ็กซัสก็ค่อยๆ เปลี่ยนรูป กลายเป็นเผ่าพันธุ์อควิสเตียสซึ่งสามารถหายใจในน้ำได้ ร่างกายของเอ็กซัสกลายเป็นสีรุ้งจากเกล็ดทั่วร่าง ลิ้นเป็นแฉกแลบยาวออกมาจนถึงสะโพก ผมเป็นสีน้ำเงินเข้มสวยเหมือนสีของบลูไดมอนส์ ตาเปลี่ยนสีไปเป็นสีเดียวกัน
“ข้ามขีดจำกัดไปได้ อะไรก็หยุดไว้ไม่ได้หรอก” เอ็กซัสหัวเราะ ยื่นมือมา จะหยิบเอาศีรษะของเฮเซคียาห์ไป คงกะจะปลิดชีวิต
บรอธพุ่งเข้ามา กระแทกไปที่อกของเอ็กซัส ทำให้หัวใจหลุดกระเด็นออกไปจากร่าง
แววตาของเอ็กซัสอยู่ๆ ก็หม่นแสงลง และค่อยๆ ไร้แวว ดูไม่ต่างจากเครื่องใช้ที่ถูกตัดการเชื่อมต่อออกจากแหล่งพลังงาน แล้วจากนั้น ร่างที่เห็นก็ค่อยๆ บิดเบี้ยวจนมีรูปร่างน่ากลัวเป็นที่สุด ก่อนจะค่อยๆ ยืดๆ หดๆ และแปรกลับมาเป็นเอ็กซัสดังเดิม
“อย่าฆ่าเขานะ” เฮเซคียาห์ห้ามบรอธที่กำลังเอาตัวเองไปงับหัวใจของเอ็กซัสที่กำลังแหวกว่ายหนีอยู่ในหยดน้ำยักษ์
เขาไม่สามารถทนดูเอ็กซัสตายด้วยฝีมือบรอธต่อหน้าต่อตาได้ เขาเสียดายฝีมืออีกฝ่าย
และเอาเข้าจริง ก็นะ! เขาผูกพันกับเอ็กซัสในระดับที่มากพอที่จะสะดุ้งสะเทือนในหัวใจถ้าอีกฝ่ายถึงแก่ความตาย แต่ถ้ามาถาม เขาก็ไม่ยอมรับหรอกว่ามีความรู้สึกแบบนั้น
มันดูเป็นคนอ่อนแอ
“ใจ-ดี-จัง-นะ” นั่นเป็นข้อความจากบรอธ
“นั่นกำลังประชด หรือว่าอารมณ์ไหน เสียงแกน่ะ บางทีก็เดาอารมณ์ยากอยู่” ชายหนุ่มถามไปงั้นๆ เอาเข้าจริงไม่ได้อยากจะได้คำตอบนักหรอก
“หมายถึงอย่างนั้นจริงๆ”
“อ้อ เหรอ...” เฮเซคียาห์ลากเสียงยาวอย่างแดกดันใส่เสียเอง เพราะรู้สึกชอบกลที่เศวตศาสตรามาชมว่าเขาใจดี
“ไปจากที่นี่กันเถอะ” บรอธขยายตัวของมันใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และช้อนเอาเฮเซคียาห์ใส่ไว้ด้านในของมันที่ตอนนี้มีเพียงร่างกายของเขาที่ไม่สมบูรณ์นักอยู่ด้านใน
“แหยะ กลิ่น...” ชายหนุ่มอยากอาเจียน แต่ก็ไม่ได้อาเจียน เพราะเขาไม่มีกระเพาะอาหารอยู่กับตัว
“วิเคราะห์: ใช้เวลา 10 นาทีเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย”
“ไอ้พวกที่แกได้เก็บหัวเข้าไปก่อนหน้านี้ พวกนั้นตายหมดหรือยัง” อดีตเจ้าชายอยากรู้ชะตากรรมคนอื่น
แล้วเขาก็ได้เห็นภาพ กะโหลกเปล่าๆ
“ฮะ! แกนี่น่าจะได้สมญานามนะ กล่องพิฆาต จอมขมังพลังอบแห้ง เป็นไง” เขาหยอกล้อ แต่ตามองไปที่ร่าง บาดแผลบนตัวกำลังสมานอย่างช้าๆ อวัยวะที่ขาดหายไป หรือเหลือเพียงเศษๆ กำลังถักทอตัวเองขึ้นมาใหม่
“ตั้งให้ดีๆ หน่อย ฉันไม่ใช่เครื่องซักผ้า”
“เฮ้ย... เครื่องซักผ้ามันพิฆาตไม่ได้หรอก” เขาสัพยอกเล่นต่อ
ตอนนี้ตับไตไส้พุงกลับคืนมามีสภาพดีแล้ว
รออีกหน่อย ตามเวลาที่บรอธแจ้งไว้ มือของเขาก็ขยับมาจับศีรษะไปต่อเข้ากับลำคอที่ว่างอยู่
“บรอธ พริสปลอดภัยดีอยู่ใช่ไหม” เขาไม่ได้ยินเสียงจากด้านนอกเลย จึงเอ่ยถามก่อน ฝากล่องตอนนี้แค่แง้มไว้เล็กน้อย
“ต่อสู้อยู่”
“ฉันต้องรีบไปช่วยเธอ ถ้าสู้กันนานเกินไป เธอแย่แน่” เฮเซคียาห์ขยับคอตึงๆ แต่เขาก็รู้สึกดีที่มันได้กลับมาอยู่ในที่ที่ควรอยู่
เขาสั่งบรอธให้ร่อนลง
“ก็อยู่บนพื้นอยู่แล้ว นายเปิดฝากล่องออกไปสิ” บรอธตอบเข้ามาในหัว
เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นดันฝากล่องที่แง้มไว้ แล้วยืดกายขึ้นยืน
สายตาสีแดงคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่เขา
แต่สายตาคู่นั้นไม่ใช่ของพริเซลล่า