The Dark King – Chapter 94 การทดลองโลหะผสม [อ่านฟรี 22-04-2019]
The Dark King – Chapter 94 การทดลองโลหะผสม
บาร์ตันเห็นว่าฟู่เทียนไม่ได้ถามถึงเรื่องเงินเลย เขารู้สึกโล่งใจและกล่าว “สามวันมานี้พวกเราออกไปหาจนทั่วแล้วแต่ก็ยังไม่เจอสถานที่ที่ถูกใจ วันนี้เป็นตาของโครนเขากำลังออกไปสำรวจแต่ก็ยังไม่กลับมา”
ฟู่เทียนพยักหน้า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเขาไม่ได้หนีไปพร้อมกับเงินนั่น ความจริงแล้วฟู่เทียนต้องการทดสอบเพื่อนๆของพวกเขาโดยการมอบเหรียญทองให้ เป็นเพราะว่าการที่เขามีเงินจำนวนมาก พวกคนจนส่วนใหญ่มักลังเลที่จะลงมือปล้นหรือฆ่าเพื่อชิงมา อย่างไรก็ตามบาร์ตันและทุกๆคนไม่ได้หนีไปไหนและเลือกที่จะติดตามฟู่เทียนไปตลอดชีวิต
ฟู่เทียนพอใจกับผลที่ออกมาในตอนนี้
“โครนออกไปนานแล้ว เขาคงไม่ได้ไปเจอปัญหาอะไรเข้าใช่ไหม?” แบรี่กำลังกังวลในขณะที่กำลังตรวจดูเวลา
บาร์ตันมองไปยังใบหน้าของเขาที่กำลังเปลี่ยนไปและตอบ “ไม่หรอกน่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาออกจะฉลาด”
โจเซฟพยักหน้า “ในบางทีเขาอาจจะเจอที่ดีๆแล้วก็ได้”
ฟู่เทียนมองไปรอบๆและพูดว่า “พวกนายหาที่อยู่ดีๆกว่านี้ก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหรอก ฉันจะหามาเพิ่มในอนาคต”
“เยี่ยมเลย” บาร์ตันหัวเราะ “อย่างน้อยมันก็ดีกว่าเหมืองที่ฉันเคยไปอยู่มาล่ะ ฉันยังพอได้เห็นดวงอาทิตย์บ้าง นอกเหนือจากนั้นทัศนคติของคนจนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ก็ไม่ได้แย่นัก”
ฟู่เทียนไม่ได้กล่าวอะไรอีกเมื่อเห็นท่าทีของพวกเขา แม้ว่าบาร์ตันและคนอื่นๆจะเป็นเพียงเด็กกำพร้า แต่บ้านกำพร้าก็มอบความรู้พื้นฐานหลายๆอย่างให้กับพวกเขา โดยเฉพาะเรื่องการปกป้องตัวเองจากสังคมภายนอก
แม้ว่าพวกเขาจะมีความพิการทางด้านร่างกาย แต่จิตใจของพวกเขาค่อนข้างเข้มแข็ง ไม่แพ้แม่แต่พวกที่มีร่างกายสมบูรณ์ด้วยซ้ำไป แถมยังมีความระมัดระวังที่เหนือกว่าคนทั่วไปค่อนข้างมาก
ฟู่เทียนและเพื่อนๆใช้เวลาพูดคุยกันภายในกระท่อม ไม่นานหลังจากนั้น โครนกลับมาจากข้างนอกพร้อมกับนำห่อสิ่งของมา 3 ชิ้น เขาพูดขึ้นในขณะที่กำลังก้าวเข้ามา “ฉันซื้อข้าวมานิดหน่อย พวกนายหิวกันหรือยัง?” เขาประหลาดใจเมื่อเห็นฟู่เทียนอยู่ที่นั่นด้วย
บาร์ตันถาม “นายเจอโรงงานร้างหรือสถานที่ที่เหมาะสมบ้างไหม?”
โครนวางของลงและส่ายหัว “ฉันไม่เจอที่ดีๆเลย มีโรงงานสองสามแห่งเปิดให้เช่าแต่มันก็ไม่ได้อยู่ไกลจากผู้คนมากนัก แถมราคายังค่อนข้างสูงอีกด้วย”
บาร์ตันและคนอื่นๆดูผิดหวังเล็กน้อยในขณะที่มองไปยังฟู่เทียน
ฟู่เทียนโบกมือ “ไม่ต้องกระวนกระวายขนาดนั้น พวกนายกินข้าวกันก่อนสิ เดี๋ยวก็น่าจะเจอที่เหมาะๆเข้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่ในพื้นที่ที่เงียบสงบเพื่อให้สามารถซ่อนตัวได้จากสภาพแวดล้อมโดยรอบ” เขาไม่ได้คาดหวังให้เจอสถานที่ที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น อย่างไรก็ตามสลัมแห่งนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นบาร์ตันและทุกๆคนยังใหม่อยู่สำหรับโลกภายนอกแห่งนี้ ดังนั้นเป้าหมายหลักในตอนนี้คงเป็นเรื่องการออกกำลังของพวกเขามากกว่า
แม้ว่าจะได้ยินฟู่เทียนพูดแบบนั้นแล้ว พวกเขาก็ยังคงรู้สึกผิดกับความไร้สามารถของพวกตัวเองอยู่ดี
ฟู่เทียนมาที่นี่เพียงเพื่อพูดคุยกับพวกเขาเท่านั้น เมื่อเห็นว่ากำลังจะสายแล้วเขาจึงจากไปพร้อมรถม้าและมุ่งหน้าสู่ห้องทดลองลับ
ไนติงเกลเห็นฟู่เทียนกลับเข้ามายังห้องทดลองก็ไม่ได้พูดอะไร และทำการทดลองของตัวเองต่อไป
ฟู่เทียนมองไปยังผงทองบนโต๊ะและถามเธออย่างลวกๆ “เธอตั้งใจจะสร้าง ‘ศิลาอาถรรพ์’ งั้นหรอ?”
ไนติงเกลเห็นว่าฟู่เทียนสามารถเข้าใจการทดลองของเธอได้แล้วจึงไม่ได้คิดปิดบังอะไรอีก เธอส่ายหัว “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? มันเป็นเป้าหมายสูงสุดของพวกเราในการสร้าง ‘ศิลาอาถรรพ์’ แม้แต่พวกนักเล่นแร่แปรธาตุระดับ 5 ดาวก็ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ แล้วฉันจะทำได้หรอ? ตอนนี้ฉันก็แค่ทำการทดลองเรื่องความเข้ากันได้ของทองคำ ฉันอยากรู้ว่าเราสามารถผสมทองคำกับวัสดุอื่นๆเพื่อให้ได้โลหะที่มีค่ามากกว่าเดิมได้ไหม?”
“โลหะผสม?” ฟู่เทียนประหลาดใจขึ้นมาชั่วขณะ
ไนนิงเกลรู้สึกตกใจเล็กน้อย “โลหะผสม? เป็นชื่อที่ดีเลย ฉันจะใช้ชื่อการทดลองของฉันว่า การทดลองโลหะผสม หืม นายคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
ฟู่เทียนกระแอม “มันไม่ได้เป็นของฉันอยู่แล้ว เป้าหมายของการทดลองนี้คืออะไร เธอต้องการได้รับตราของนักเล่นแร่แปรธาตุอย่างเป็นทางการใช่ไหม?”
“เอาล่ะ ถ้าหากผลลัพธ์ที่ได้ออกมาตามที่หวังไว้ เช่นนั้นฉันคิดว่าฉันก็ควรได้รับมันนะ” ไนติงเกลพยักหน้าอย่างแรง
ฟู่เทียนรู้ว่าวัสดุที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคเก่าก็คือโลหะผสมอลูมิเนียม แต่ไม่มีส่วมผสมของทองคำในการทำโลหะผสม เป็นเพราะทองคำนั้นหายาก นอกจากนี้ยังมีโลหะผสมอื่นๆที่ถูกสร้างมาใช้แทนทองคำเพราะความหายาก นอกเหนือจากนั้นโลหะผสมอลูมิเนียมยังถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์อุสาหกรรมหนักจำนวนมาก
“อย่างไรก็ตามในการสร้างอลูมิเนียม ขั้นแรกต้องใช้วิธีการ ‘อิเล็กโตรไลซิส’ สำหรับการนั้นจะต้องมีไฟฟ้าใช้เสียก่อน” ฟู่เทียนรู้สึกหงุดหงิดเพราะเห็นขีดจำกัดต่างๆของเครื่องมือที่ใช้
ไนติงเกลมองไปยังฟู่เทียนที่กำลังอยู่ในความเงียบ “การทดลองของนายจะเป็นไปในทิศทางไหนหรอ?”
“ของฉันหรอ?” ฟู่เทียนคิดชั่วขณะและกล่าวตอบ “ฉันจะศึกษาเรื่อง ‘กระแสไฟฟ้า’ น่ะ”
ไนติงเกลรู้สึกประหลาดใจเมื่อมองเข้าไปยังดวงตาของฟู่เทียน “นายจะไม่ฝึกทำการทดลองขั้นพื้นฐานเพื่อเก็บประสบการณ์ก่อนหรอ ก่อนที่จะไปทำอะไรแบบนั้นน่ะ?”
ฟู่เทียนเห็นว่าเธอกำลังพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมตัวเขาเพราะความคาดหวังที่สูงเกินไป ในความเป็นจริงนี่เป็นปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับนักเล่นแร่แปรธาตุ พวกมือใหม่ต้องการมุ่งหน้าสร้าง ‘ศิลาอาถรรพ์’ และคาดหวังกับผลลัพธ์ขั้นสูง อย่างไรก็ตามมันเป็นความคาดหวังที่ดูสูงเกินไป
แต่ถึงอย่างนั้นฟู่เทียนก็ไม่ได้มีความกลัวและความเขลาอยู่เลย ทุกๆอย่างที่เขาต้องการสร้างล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพากระแสไฟฟ้า ดังนั้นการทดลองเรื่อง ‘กระแสไฟฟ้า’ จึงเป็นปัญหาแรกที่เขาต้องจัดการให้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นในยุคสมัยใหม่ของมนุษย์ได้พิสูจน์แล้วว่า การไม่มีกระแสไฟฟ้าทำให้การพัฒนาอยู่ในภาวะอัมพาต การมีกระแสไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติจากยุคโบราณเข้าสู่ยุตอุตสาหกรรม มันเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในการปรับปรุงและพัฒนาทุกๆอย่าง
ฟู่เทียนส่ายหัวและกล่าวยืนยันทำการทดลองที่เขาตั้งใจไว้
เมื่อไนติงเกลเห็นความมุ่งมั่นของฟู่เทียนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก มันไม่ใช่เรื่องที่ดีในการเข้าไปก้าวก่ายกับการทดลองของคนอื่นๆ
ในตอนนั้นเอง เมาส์กำลังออกมาจากห้องพอดีและกำลังเห็นฟู่เทียนพูดคุยกับไนติงเกล “พวกนายกำลังพูดเรื่องอะไรกันหรอ?”
“การทดลองน่ะ” ไนติงเกลตอบกลับอยากลวกๆ
เมาส์ไม่ได้ถามถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเขามองไปยังฟู่เทียน “พร้อมหรือยัง? ฉันจะพานายไปตลาดใต้ดิน นายเตรียมเงินมาพร้อมแล้วใช่ไหมตอนที่แวะกลับบ้านไป”
“น่าจะพอแล้ว” ฟู่เทียนตอบ
เมาส์พยักหน้า “พวกเราน่าจะเจอกันที่ ถนนทางใต้หมายเลข 23 นายรู้จักที่ตรงนั้นไหม? ถ้าไม่ก็คงต้องถามคนอื่นๆดูละกัน!”
“ตกลง” ฟู่เทียนพยักหน้า
ทั้งสองคนเดินออกจากห้องไป
ฟู่เทียนไม่รู้จักสถานที่แห่งนั้นจึงจ้างรถม้าและมุ่งหน้าตรงไปยังถนนทางใต้ เนื่องจากความยาวของระยะทางเขาต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกสองสามเหรียญ
ถนนทางใต้ถือว่าเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากผู้คน ไม่มีร้านค้าเรียงรายตามถนน มีเพียงบ้านที่อยู่อาศัยเท่านั้น มันเป็นถนนที่เยือกเย็นมีลมหนาวพัดผ่าน
ฟู่เทียนคลุมหัวกว่าครึง่หนึ่งด้วยชุดคลุมของเขาในขณะที่ก้าวลงจากรถม้า เขาจ่ายค่าโดยสารและรีบสวมหน้ากากในทันที เขาเดินไปยังด้านหน้าอาคารที่มีหมายเลข 23 ห้อยเอาไว้อยู่ บ้านถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้ให้ความรู้สึกที่ถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม เขาได้กลิ่นของคนจำนวน 3 หรือ 4 ข้างในบ้านหลังนี้
ทันใดนั้นเอง มีกลิ่นๆนึงได้จากหายไป
ฟู่เทียนรู้สึกตกใจ ราวกับว่าเจ้าของของกลิ่นๆนั้นได้จางหายไปราวกับอากาศ
ฟู่เทียนรู้สึกงุนงง แต่เขายังไม่ได้เดินเข้าไปยังอาคารเล็กๆแห่งนั้นโดยตรง เขาเลือกจะรออยู่บริเวณใกล้เคียงกับประตู
เมาส์มาถึงพร้อมกับหน้ากากที่สวมเอาไว้ เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้เจอกับฟู่เทียน “ทำไมนายมาเร็วจัง?”
ฟู่เทียนรู้ดีว่าเมาส์วิ่งมาตลอดทางเป็นเพราะอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจของเขา “ขอโทษด้วยที่นายต้องวิ่งมา..”
เมาส์กวาดมือ “เรื่องเล็กน่าเพื่อน พวกเราเป็นพวกเดียวกัน เอาล่ะ ตามฉันมาข้างใน” ทันใดนั้นเขาก้าวเข้าไปที่ประตูด้านหน้าและเริ่มเคาะประตู
ฟู่เทียนรับรู้ได้ว่าเขาเคาะเป็นจังหวะที่แตกต่างกันทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกเบา ครั้งที่สองช้าและครั้งที่สามรวดเร็ว
หลังจากเคาะประตูเรียบร้อย ประตูถูกเปิดออก มีบุคคลสวมใส่หน้ากากสีขาวและสวมชุดคลุมสีดำมองไปยังพวกเขาด้วยความเฉยเมยและกล่าว “เข้ามาสิ”
เมาส์เดินเข้าไปก่อนและฟู่เทียนเดิมตามมาทีีหลัง
เมื่อทั้งสองคนเข้ามาข้างในแล้ว ร่างๆสูงกล่าว “แสดงรอยสักของพวกนายด้วย”
เมาส์เปิดเสื้อคลุมบริเวณข้อมือทำให้เห็นรอยสักเป็นรูปตะขอสีดำ
ฟู่เทียนเปิดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นรอยสักรูปกากบาทสีดำที่หน้าอก ในตอนนั้นเองเขาถึงได้รู้ว่ารอยสักของเมาส์ก็มีข้อดีอยู่ มันสะดวกในการใช้ตรวจสอบตัวตน คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาได้รับตราอย่างเป็นทางการของนักเล่นแร่แปรธาตุ เขาเพียงแสดงตรานั่นก็เพียงพอสำหรับการยืนยันตัวตน
บุคคลร่างสูงมองไปยังรอยสักของทั้งสองและไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาหันเข้าไปคนทั้งสองข้างในก่อนจะหยิบขวดๆหนึ่งออกมา มันถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำส้ม “ขั้นแรกพวกเราจะช่วยพวกนายลบกลิ่นออกไป ดังนั้นพวกสุนัขจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จะไม่สามารถรู้ถึงการมีตัวตนของพวกนายภายในสถานที่แห่งนี้” จากนั้นเขาดื่มมันเล็กน้อยพ่นไปยังหัวของเมาส์และฟู่เทียน
ทันใดนั้นเอง ประสาทสัมผัสของฟู่เทียนก็ไม่สามารถรับกลิ่นของตัวเองหรือกลิ่นของเมาส์ได้เลย
“เข้าไปข้างใน” บุคคลร่างสูงกล่าวขึ้นมาก่อนจะชี้ไปยังประตูอีกบาน
มีคนสองคนยืนอยู่หน้าประตูและเปิดประตูให้พวกเขาเดินเข้าไปข้างใน