ตอนที่ 79 น่าสงสัย
ยามเช้า ที่ฐานลับ...
สายลับทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บอุปกรณ์เพราะมันถึงเวลาต้องอพยพแล้ว
“พี่ชายเซี่ยว พี่ชายเซี่ยว!คุณอยู่ไหน?”หลินเหยาทุบประตูตู้รถบรรทุก เขาดูหงุดหงิด เขาพยายามหาตัวหานเซี่ยวมา15นาทีแล้ว แต่ความพยายามเขาก็ไร้ประโยชน์ สายลับคนอื่นจากแผนก13ก็กำลังหมดความอดทน
“เขาไม่อยู่ในรถบรรทุก แล้วเขาจะไปไหนได้?”หลี่ย่าหลินสับสน
ทุกคนมองหน้ากันและไม่มีเบาะแสอะไร
คืนก่อน หานเซี่ยวบอกว่าเขาอยากอยู่บนรถบรรทุก แต่ตอนนี้ เขากลับไม่อยู่ แล้วเมื่อคืนเขาไปไหนกันแน่?
“ทีมของคุณคิดทำยังไง?”ฉี ไป่เจี่ยกล่าวกับทีมจางเหว่ย
“เราจะกลับไปรอเขา”จางเหว่นถาม
“ต้องทำยังงั้นจริงๆ?”ตี้ซูซูประหลาดใจ
“เพราะกุญแจรถบรรทุกอยู่กับเขา!”จางเหว่ยกัดฟันแน่น และเส้นเลือดก็ปูดบนหน้าผากเขา
ทุกคนพูดไม่ออก ไม่มั่นใจว่าพวกเขาโชคดีหรือโชคร้ายที่มีสมาชิกทีมเช่นนั้น
ฉีไป่เจี่ยไม่พอใจอย่างมาก เขาเกลียดการเปลี่ยนแปลงใดๆในช่วงเวลาภารกิจ เมื่อเขาคิดว่าหานเซี่ยวสามารถเข้าใจภาพรวมได้ เขากลับเป็นตัวสร้างปัญหาเอง
ฉันต้องตาบอด!สมาชิกทีมคนใดที่ไม่ทำตามคำสั่งถือเป็นพวกเหลวไหล!
หากเกิดเรื่องยุ่งเหยิง ฉีไป่เจี่ยต้องเป็นคนรับผิดชอบ!
หานเซี่ยว ไอบัดซบ!
…
สายลับเฮสล่าที่ประจำการอยู่อีกฝั่งพบความผิดปกติของแผนก13 และเริ่มพูดคุยกันอย่างลับๆ
“สายลับของแผนก13บางคนตั้งใจอยู่ด้านหลัง”
“ฉันคิดว่าเราตกลงจะเคลื่อนไหวพร้อมกันซะอีก?”เย่ฟ่านขมวดคิ้ว เขาตรงไปหาฉีไป่เจี่ยเพื่อสอบถามเรื่องนี้ หลังจากนั้น เขาก็กลับมาและอธิบายเหตุผลให้สายลับเฮสล่า
“สายลับที่หายไปเป็นใคร?”
“มันคือสายลับที่สวมหน้ากาก ชื่อเขาคือหานเซี่ยว”
“เป็นเขา”สีหน้าของวินน่าเปลี่ยนไปและกล่าว“คืนก่อน เมื่อเราได้รับข้อมูล หานเซี่ยวก็ปฏิเสธโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนและจากนั้นเขาก็หายไปทั้งคืนโดยไม่ทิ้งข้อความอะไรไว้ นี่ดูน่าสงสัย หรือเขาจะเป็น..สายลับ?”
สายลับเฮสล่าทุกคนตกใจ
“ระวังคำพูดของเธอด้วย”เย่ฟ่านขมวดคิ้ว เขาไม่ได้เชื่อคำพูดดังกล่าว แต่การกระทำของหานเซี่ยวก็น่าสงสัยจริงๆ“เราจะรายงานไปยังศูนย์บัญชาการตามจริงเมื่อเรากลับค่ายทหาร”
…
หลังสายลับคนอื่นจากไป จางเหว่ยและทั้งสามก็ย้อนกลับไปยังฐาน
หลิน เหยาอดถามไม่ได้“หานเซี่ยวไปไหนและเขาคิดทำอะไรกันแน่?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?เขาไม่ได้พูดอะไรกับฉันเลย”หลี่ย่าหลินกลอกตา
จางเหว่ยส่ายหัวอย่างหงุดหงิด เจ้าหมอนั่นไม่มีความเคารพต่อเขาที่เป็นหัวหน้าเลย!
…
หลายชั่วโมงต่อมา สายลับคนอื่นก็มาถึงชายแดน
วินน่าและเย่ฟ่านตรงไปรายงานต่อพันเอกคาร์ลทันที
“สายลับแผนก13หายไปตลอดคืน?”พันเอกคาร์ลเดินไปมาและขมวดคิ้ว
“นี่คือเรื่องจริง?”เขาถาม
วินน่าพยักหน้า“เขาหายไปเมื่อคืนโดยไม่บอกใคร และมันก็เกิดขึ้นหลังเราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับฐานหุบเขาอีกาดำ”
“แม้จะน่าสงสัย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นสายลับ”เย่ฟ่านกล่าวเสริม
พันเอกคาร์ลพยักหน้าช้าๆ“ฉันจะไปและขอคำอธิบายกับมังกรดาราทีหลัง ตอนนี้ นำข้อมูลมาให้ฉัน”
“เชลยที่เรานำมาถูกทดสอบด้วยเครื่องจับเท็จ ซึ่งหมายความว่าทุกอย่างที่เขาพูดเป็นจริง นอกจากนี้ เย่ฟ่านยังได้แฮ็คเครือข่ายพวกเขาเพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนี้ เราสามารถรับประกันข้อมูลได้!”วินน่ากล่าว
ดวงตาของพันเอกหรี่ลงขณะกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว“งั้นก็ทำการโจมตีทันที!”
เย่ฟ่านลังเล“สายลับแผนก13ที่อยู่ในฐานลับจะเป็นอันตรายหากกองทัพทำการโจมตีตอนนี้”
“เพื่อบรรลุเป้าหมาย มันต้องมีการเสียสละ ในเมื่อพวกเขาไม่ได้มาจากประเทศเรา เราก็ไม่ต้องสนใจนัก”พันเอกคาร์ลไม่ให้ทางเลือก
ในเวลาเดียวกัน หลังใช้เส้นทางอ้อม ในที่สุดหานเซี่ยวก็นำเชลยทั้งสองไปยังที่เขาซ่อนกล่องเครื่องมือ โดยการผ่านเครื่องตรวจจับและป้อมยามทั้งหมด การเดินทางลำบากมาก เขาเหนื่อยจนเกือบอยากอาเจียนเป็นเลือด เชลยทั้งสองไม่ได้สวมชุดลายพราง ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเดินข้ามเขตปลอดภัย
โชคดี พวกเขาเป็นช่างเทคนิคที่รับผิดชอบการบำรุงเครื่องตรวจจับและทุ่นระเบิด ดังนั้น พวกเขาจึงเดินมาทุ่งระเบิดและเครื่องตรวจจับมาได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม เหล่าเชลยพยายามล่อลวงเขาไปยังเขตปลอดภัยสูงเพื่อเปิดเผยตัวเขา แต่เขาก็ตระหนักก่อน พร้อมลงโทษทั้งคู่อย่างรุนแรง
ดวงอาทิตย์ลอยสูงเหนือท้องฟ้า หานเซี่ยวคำนวณเวลาและถอนหายใจ“มันเกินกำหนดเวลาแล้ว ฉันเดาว่าสายลับคนอื่นคงออกไปแล้ว”
เขาขุดกล่องเครื่องมือขึ้นมาและนำวิทยุออกมาเพื่อติดต่อจางเหว่ย
“สวัสดี สวัสดี แม่น้ำแยงซี แม่น้ำแยงซี นี่คือแม่น้ำเหลือง โปรดตอบกลับด้วย”
“เหลืองบ้านแกสิ!”เสียงตะโกนของจางเหว่ยสามารถได้ยินผ่านหูฟัง“นายอยู่ไหน?นายหายไปทั้งคืน และสายลับทุกคนก็กลับไปแล้ว เราทำได้แค่รอนายอยู่ในฐาน!”
“ถูกต้อง นายเป็นคนสร้างเรื่องนี้ นายต้องทำอุปกรณ์ใหม่ให้ฉันเป็นการชดเชย!”หลี่ย่าหลินกล่าวแทรกผ่านวิทยุ เขาสามารถบอกได้ว่าเธอคงกำลังทำหน้ามุ่ยอยู่
หานเซี่ยวส่ายหัวและเริ่มกล่าวอย่างจริงจัง“ฉันแทรกซึมมาในฐานหุบเขาอีกาดำและพบข้อมูลลับสุดยอด!”
“ฉันจะติดต่อเจ้าหน้าที่ฉีให้นาย”จางเหว่ยกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
...
ฉีไป่เจี่ยได้รับข้อความจากวิทยุที่ค่ายทหารชายแดน
“จางเหว่ย คุณโทรหาผมทำไม?หานเซี่ยวกลับมาแล้ว?”เขาถาม
“เขาอยากพูดกับคุณ”
“เขาควรให้คำอธิบายที่ดีกับการกระทำเขา”ฉีไป่เจี่ยไม่พอใจ
หลังหานเซี่ยวเชื่อมต่อกับช่องวิทยุเขา เขาก็กล่าวทันที“ผมเพิ่งได้รับข้อมูลว่าฐานหุบเขาอีกาดำแบ่งเป็นสองส่วน : ส่วนนอกและส่วนใน ส่วนนอกคือที่ที่บุคลากรระดับต่ำทำงาน ส่วนในคือที่ที่สมาชิกหลักประจำการ ส่วนในซ่อนลึกอยู่ในหุบเขา และบุคลากรระดับต่ำด้านนอกก็ยังไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของมัน ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนในจัดเป็นความลับต่อบุคลากรระดับต่ำทุกคน และเส้นทางเชื่อมต่อทั้งสองส่วนก็มัดถูกปิดกั้น...”
เชลยทั้งสองได้บอกเขาว่าฐานแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนในซ่อนลึกในหุบเขา คอยเก็บอุปกรณ์สำคัญทั้งหมด มันคือแกนกลางที่แท้จริงของฐาน เบื้องบนในฐานไม่ได้บอกบุคลากรระดับต่ำถึงฐานใน ดังนั้น มันจึงเป็นความลับสูงสุดขององค์กรต้นกำเนิด ในชีวิตก่อนเขา ผู้เล่น’จริง’เองก็ยังไม่รู้ถึงฐานใน
ฐานในมีเส้นทางอพยพมากมาย สมาชิกหลักสามารถเข้าออกได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย พวกเขาฉลาดมากเพราะถนนมีหลายสาย ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะใช้เส้นทางไหนก่อนการอพยพ เพราะมันจะถูกตัดสินโดยผู้นำของฐาน
ฉีไป่เจี่ยเข้าใจถึงความสำคัญของข้อมูลทันที หากเฮสล่าไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของฐานในและส่งกองทัพไปโจมตีฐานนอก พวกเขาก็จะล่าถอยเมื่อกวาดล้างฐานนอก ประกาศว่ามันคือความสำเร็จ ในกรณีนั้น กองกำลังหลักของศัตรูก็จะไม่ได้รับอันตรายและฐานในก็ยังปลอดภัย ศัตรูสามารถลอบกลับมาได้ในอนาคตหลังมั่นใจว่าพวกเฮสล่าถอนกำลังไปหมดแล้ว
ฉีไป่เจี่ยตะลึง เขาทำใจเชื่อไม่ลงว่าหานเซี่ยวแค่คนเดียวจะล้วงข้อมูลลับมาได้มากขนาดนี้!
“แค่ก แค่ก แม้มันจะเป็นเรื่องดี ฉันก็ยังต้องย้ำว่าการขัดคำสั่งของนายถือเป็นความผิด”
“เก็บเรื่องนั้นไว้ก่อน ผมต้องรายงานเรื่องนี้ต่อศูนย์บัญชาการทันที!”
ฉีไป่เจี่ยถูกหยุดโดยรองผู้บัญชาการเมื่อเขาขอพบพันเอกคาร์ล เขารออย่างกระวนกระวายอยู่5นาทีก่อนได้รับอนุญาติ และตระหนักว่าเย่ฟ่านกับวินน่าก็อยู่ในนั้นเช่นกัน
พันเอกคาร์ลมองฉีไป่เจี่ยและถาม“คุณมีเรื่องอะไร?”
“หนึ่งในสมาชิกทีมผมเพิ่งพบข้อมูลสำคัญบางอย่างที่ต้องรายงานให้คุณทราบ”
“หานเซี่ยว?”
“ครับ”
ฉีไป่เจี่ยพยักหน้า แต่ก็ไม่ตระหนักว่าทั้งสามเริ่มมีสีหน้าแปลกๆ
ดวงตาของพันเอกคาร์ลทอประกาย“พูด”
หานเซี่ยวย้ำสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้าและสุดท้าย เขาก็กล่าวเสริม“หากเราโจมตี เราจะทำลายได้แค่ปลอกกระสุนเปล่า ผมหวังว่าเราจะสามารถหยุดปฏิบัติการได้จนกว่าพวกเราจะได้เวลาอพยพ เส้นทางหลบหนี และโครงสร้างของฐานใน ด้วยการทำเช่นนั้น เราจึงสามารถฆ่ากองกำลังหลักของศัตรูและป้องกันการสูญเสียได้”
พันเอกคาร์ลไม่แสดงอารมณ์อะไรหลังได้ยินทุกอย่าง
“คุณไปได้ข้อมูลนี้มาจากไหน?”เขาถามขึ้น
“ผมแทรกซึมมาด้วยใบหน้าปลอม และสามารถจับบุคลากรสองคนจากฐานในได้...”
ทันใดนั้น พันเอกคาร์ลก็ตะโกน“โกหก!”
สำหรับพันเอกคาร์ล มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแทรกซึมเข้าไปด้านใน แม้จะอ้างว่าด้วยใบหน้าปลอมก็ตาม มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย10นาทีเพื่อสร้างหน้ากากใบหน้าเทียมขึ้น ในช่วงเวลานั้น หานเซี่ยวต้องเผชิญกับอันตรายต่างๆ ในวลาเดียวกัน เขาก็ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าเขาต้องพบศัตรูคนใด ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างหน้ากากล่วงหน้า
หานเซี่ยวตกใจ เขาตระหนักว่าคนเหล่านี้ไม่รู้ถึงความสามารถของเครื่องจำลองใบหน้าเขา
คุณสมบัติของเครื่องจำลองใบหน้าคือไพ่ตายเขา เขาย่อมไม่คิดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว แต่ทว่า หากไม่เปิดเผยมัน เขาก็ไม่อาจอธิบายถึงเหตุผลได้
“ผมมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น”หานเซี่ยวให้คำตอบคลุมเครือ
“เว้นแต่คุณจะพิสูจน์ได้ เราก็ไม่มีทางเชื่อคุณ”
พันเอกคาร์ลยังคงนิ่งเฉย แต่เขากลับไม่เชื่อคำพูดหานเซี่ยวยิ่งขึ้น
คนๆนี้...น่าสงสัยจริงๆ!
ปล.หาเรื่องแล้วเมิง