ตอนที่ 217 แส้ในมือของข้าจะช่วยสอนเจ้าเอง
เฟิงเซียงหรูยืนขึ้นและโค้งคำนับไปในทิศทางของเสียงโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “เซียงหรูคารวะองค์ชายเจ็ด ทรงพระเจริญเพคะ”
ซวนเทียนฮั่วเดินไปข้างหน้าและช่วยประคองนางให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติของเขาว่า “ลุกขึ้น ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” เขาเห็นว่าเฟิงเซียงหรูเป็นคนขี้อาย ดังนั้นเขาพูดขึ้นมาว่า “เจ้ามาเพื่อสอบถามเรื่องที่พี่รองของเจ้าเข้าไปในพระราชวังหรือ ?”
“เพค่ะ” เฟิงเซียงหรูพยักหน้า ในที่สุดนางก็รวบรวมความกล้าหาญได้มากพอที่จะเงยหน้าขึ้นมาตอบ “พี่รองบอกว่ากำลังจะเข้ามาในพระราชวังเพื่อยอมรับผิด และขออภัยโทษสำหรับความผิดพลาดของนาง ทุกคนในตระกูลกังวลและท่านย่าขอให้เซียงหรูมาหาองค์ชาย เซียงหรูรู้ว่ามันไม่เหมาะสม แต่มันก็เป็นคำสั่งของท่านย่า ดังนั้น…. ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่กล้าปฏิเสธเพคะ”
“ไม่เป็นไร” ซวนเทียนฮั่วโบกมือให้นางนั่ง แล้วก็ไปนั่งยังเก้าอี้หลัก “มันไม่ถือว่าไม่เหมาะสม หมิงเอ๋อและข้าเป็นพี่น้องกัน เจ้าและอาเฮงก็เป็นพี่น้องกัน การมาที่นี่เพื่อสอบถามเป็นสิ่งที่ควรทำ” ซวนเทียนฮั่วไม่ค่อยพูดถึงตัวเองว่าเป็นองค์ชายต่อหน้าคนอื่นเว้นแต่เขาต้องการเตือนพวกเขาถึงจุดยืนของเขา ส่วนใหญ่เขาจะพูดราวกับพูดเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน และเขาก็มีท่าทางเยือกเย็นสงบนิ่งตลอดเวลาที่พูดคุยกับใครก็ตาม
เฟิงเซียงหรูก็สงบลงด้วยน้ำเสียงแบบสบายๆ ของเขา ไม่กระวนกระวายอีกต่อไปแล้ว ความวิตกกังวลของนางเกี่ยวกับเฟิงหยูเฮงก็เพิ่มขึ้น “ฝ่าบาท พี่รองจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เพคะ ? ฮ่องเต้จะทรงพิโรธพี่รองหรือไม่เพคะ ? พระองค์จะลงโทษพี่รองหรือไม่ ? ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิพี่รองได้ อาการบาดเจ็บที่ขาขององค์ชายเก้านั้นรุนแรงมากและมันก็เป็นมานานมากแล้ว นั่นก็เป็นเหตุผลที่ไม่สามารถรักษาได้ ! ฝ่าบาท พระองค์จะสามารถให้อภัยแก่พี่รองได้หรือไม่เพคะ ? ขอร้องฮ่องเต้…. เพื่อไม่ลงโทษพี่รอง! หรืออาจจะแค่งดเบี้ยหวัดก็ได้เพคะ” ยิ่งนางพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งยากที่นางจะเข้าใจสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าฮ่องเต้ทรงพิโรธ เป็นไปได้อย่างไรที่จะต้องงดเบี้ยหวัด
ซวนเทียนฮั่วหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดว่าเขาจะช่วยได้หรือไม่ เขาเพียงแต่บอกนางว่า “เจ้าควรเชื่อใจพี่รองเจ้า”
“อ่า” เฟิงเซียงหรูตกใจเล็กน้อย “เชื่ออะไรเพคะ? พี่รองเป็นคนบอกเองว่านางไม่สามารถรักษาได้เพคะ !”
“ไม่ว่านางจะสามารถรักษาได้หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่านางจะถูกลงโทษหรือไม่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง บ่อยครั้งสิ่งที่เจ้าเห็นและได้ยินไม่ใช่ความจริง บางครั้งก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมา”
เฟิงเซียงหรูรู้สึกสับสน นางไม่เข้าใจสิ่งที่ซวนเทียนฮั่วพูด โดยปกติแล้วนางจะชื่นชมพี่รองของนางเมื่อดูนางสนทนาและหัวเราะกับพวกเขาเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้นางรู้ว่าการสื่อสารเช่นนั้นไม่เพียงแต่ต้องใช้ความกล้าเท่านั้น แต่ยังต้องใช้... ความคิด แน่นอนว่านางคงโง่เกินไปเพราะนางไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด หากเป็นเช่นนี้นางจะรายงานฮูหยินผู้เฒ่าอย่าไร
เมื่อเห็นใบหน้าที่สับสนของนาง ซวนเทียนฮั่วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “เจ้ายังเด็กเกินไป เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะไม่เข้าใจ ต้องโทษที่ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เจ้าเพียงแต่ต้องจำไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันจะดีถ้าเจ้าเชื่อมั่นในพี่รองของเจ้า”
“แต่ฮ่องเต้…”
“เสด็จพ่ออาจไม่มีความสุขเล็กน้อย แต่พระองค์จะไม่ทำให้นางเดือดร้อนแน่นอน”
“เห้อ” เฟิงเซียงหรูถอนหายใจอย่างเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืน หันหน้าเข้าหาซวนเทียนฮั่ว นางกล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่คลี่คลายข้อสงสัยต่าง ๆ ให้เซียงหรู แม้ว่าเซียงหรูจะไม่เข้าใจมากนัก แต่เมื่อหม่อมฉันกลับไปที่คฤหาสน์ในอีก 1-2 ชั่วยาม ข้าจะจำสิ่งที่ฝ่าบาทพูดและรายงานคำพูดนี้ไปยังท่านย่า”
ซวนเทียนฮั่วรู้สึกงงงวย “1-2 ชั่วยาม เจ้าจะไปที่ไหน?”
“เซียงหรูจะรอพี่รองที่หน้าประตูพระราชวังเพคะ”
“...ลืมเรื่องนั้นไปเถิด” ซวนเทียนฮั่วได้แต่ส่ายหัวแล้วลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ ข้าจะไปกับเจ้า”
เมื่อพวกเขาออกจากตำหนักชุน เฟิงเซียงหรูนั่งในรถม้าของซวนเทียนฮั่ว และรถม้าของตระกูลเฟิงตามมาอย่างเงียบ ๆ
ตลอดทางหัวใจของเฟิงเซียงหรูเต้นรัว ซักพักนางก็จะนึกถึงซวนเทียนฮั่วจากนั้นนางก็จะนึกถึงเฟิงหยูเฮง นางหน้าเสีย ซวนเทียนฮั่วหัวเราะเมื่อเขาเห็นมัน
ในเวลานี้ในคฤหาสน์เฟิงสภาพจิตใจของทุกคนไม่คงที่ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อเฟิงหยูเฮงกลับมา นางจะนำหายนะใดกลับมาที่ตระกูลเฟิงพร้อมกับนาง
ในที่สุดบ่าวรับใช้ก็รีบไปที่เรือนซูหยาเพื่อรายงานในตอนเย็น ไม่รอให้นางพูด ฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยเสียงสั่น “เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นคนของพระราชวัง”
บ่าวรับใช้นั้นตกตะลึง “ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ?”
“มันจบแล้ว !” ถ้วยชาในมือของฮูหยินผู้เฒ่าตกพื้น เมื่อน้ำเสียงของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “ข้ารู้อยู่แล้ว ! ฮ่องเต้เกลียดตระกูลเหยามากในเวลานั้น ดังนั้นพระองค์จะเปลี่ยนแปลงท่าทีและปฏิบัติต่ออาเฮงอย่างดีได้อย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างทำเพื่อการรักษาขาขององค์ชายเก้า ! ฮ่องเต้เพียงแต่คิดว่าจะให้อาเฮงรักษาขาขององค์ชายเก้าเพื่อพระองค์จะได้รับความช่วยเหลือมากมาย ตอนนี้ขาขององค์ชายเก้าไม่สามารถรักษาให้หายได้ อาเฮงก็ไร้ค่า และหายนะก็ตามนางมา !”
เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเช่นนี้ ยายจาวก็รีบขึ้นไปปลอบนาง บ่าวรับใช้ที่มารายงานก็สับสนกับคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า นางก็ยืนนิ่งงันและในที่สุดนางก็พูดว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าพูดเรื่องอะไรหรือเจ้าค่ะ ?”
ยาวจาวรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และถามทันที “เจ้าบอกว่ามีคนของพระราชวังมา ใครที่มา ?”
บ่าวรับใช้ตอบ “เป็นแม่นม 2 คนที่มาเจ้าค่ะ นางบอกว่าได้รับเชิญจากนางกำนัลอาวุโสโจวและคำสั่งจากฮองเฮาให้มาที่คฤหาสน์เฟิงเพื่อสอนมารยาทให้คุณหนูสี่เจ้าค่ะ”
“หืม ?” ฮูหยินผู้เฒ่าหยุดคร่ำครวญทันที “เจ้าพูดว่าอะไร ?”
บ่าวรับใช้กล่าวอีกครั้งว่า “มีแม่นมจากพระราชวังมาเพื่อสอนเจ้าค่ะ พวกเขาถูกพามาที่นี่แล้ว พวกเขากล่าวว่าพวกเขาจะคารวะท่านฮูหยินผู้เฒ่าก่อน จากนั้นจะไปสอนคุณหนูสี่เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจำได้ว่าเฟิงเฟินไดเสียมารยาทต่อองค์ชายเก้าเช่นไร และพระองค์บอกว่าเขาจะเชิญแม่นมสอนมารยาทให้เฟินได
เมื่อได้ยินว่าคนที่มาจากพระราชวังมาเพื่อทำสิ่งนี้ หัวใจของฮูหยินผู้เฒ่าก็สงบลงในขณะที่นางพูดกับบ่าวรับใช้อย่างรวดเร็วว่า “รีบไปพาคุณหนูสี่มาที่นี่”
บ่าวรับใช้ยอมรับแล้วออกไป ยายจาวแสดงท่าทางต่อฮูหยินผู้เฒ่าในขณะที่พูดว่า "ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ท่านต้องไม่หวาดกลัวเช่นนี้นะเจ้าค่ะ หากไม่ใช่เพราะคุณหนูรองทำให้องค์ชายเก้าอยู่ข้างนางได้ แม้ว่าฮ่องเต้ต้องการที่จะลงโทษนางมันจะไม่มีอะไรมากกว่าการระบายอารมณ์ พระองค์จะยอมให้คุณหนูรองถูกลงโทษได้อย่างไรเจ้าคะ”
“แต่ขาขององค์ชายเก้าไม่อาจรักษาให้หายได้ พระองค์จะยังคงปฏิบัติต่ออาเฮงอย่างที่เคยเป็นมาหรือไม่ ?” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามยายจาวไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นจริงและเตือนฮูหยินผู้เฒ่า "เมื่อวานนี้ที่เรือนตงเซิง ท่านก็เห็นท่าทีขององค์ชายเก้าที่ปฏิบัติต่อคุณหนูรองแล้ว ท่านพบว่ามันผิดแปลกไปหรือไม่เจ้าคะ ? ”
ฮูหยินผู่เฒ่าคิดอย่างถี่ถ้วนและพบว่ามันเป็นอย่างที่ยายจาวพูด ดังนั้นนางจึงโล่งใจเล็กน้อย
ในเวลานี้บ่าวรับใช้คนหนึ่งรายงานจากภายนอกว่า “แม่นมหลิวและแม่นมหวางได้มาคำนับท่านฮูหยินผู้เฒ่า”
“ได้โปรดเข้ามา”
ตามคำเชิญนี้แม่นมทั้งสองจากพระราชวังเดินเข้ามา พวกนางอายุประมาณ 40 ปี ตัวสูงและดูเข้มงวด พวกนางเดินตัวตรงและดวงตาของพวกนางไม่ได้มองทาง พวกนางเดินไปหาฮูหยินผู้เฒ่าจากนั้นก็หยุด ในเวลาเดียวกันพวกนางก็กล่าวทักทาย “บ่าวรับใช้คารวะท่านฮูหยินผู้เฒ่าเฟิง ฮองเฮารับสั่งให้เรามาที่คฤหาสน์ และสอนมารยาทแก่คุณหนูสี่ เราหวังว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะดูแลพวกเราด้วยเจ้าค่ะ”
“แม่นมกล่าวอะไรเช่นนั้น กรุณาลุกขึ้น ได้โปรดลุกขึ้น” ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการยืนขึ้นและช่วยประคองพวกนางลุกขึ้นด้วยตัวเอง แต่นางกลับลุกขึ้นไม่ไหว แต่มียายจาวช่วยทำหน้าที่แทนนาง “เฟินได เด็กคนนั้นยังเด็กอยู่และไม่เข้าใจอะไรเลย หวังว่าท่านทั้งสองคนจะอดทนได้”
“ท่านฮูหยินผู้เฒ่าโปรดอย่ากังวล พวกข้าไม่กล้าฝ่าฝืนรับสั่งของฮองเฮา” ใบหน้าของพวกนางดูเคร่งขรึม
หลังจากนั้นไม่นานเฟิงเฟินไดก็ถูกพาออกจากวัดไปที่เรือนซูหยา หลังจากคุกเข่าอยู่ทั้งวันทั้งคืน เมื่อนางก็ได้ออกมา ผมของนางก็กระเซอะกระเซิงและใบหน้าของนางดูเหมือนจะเปื้อนเลือด นางเดินโซเซไปมา เมื่อนางเห็นฮูหยินผู้เฒ่า นางไม่ยอมคารวะ ก่อนที่จะพูดว่า "ท่านย่า ลงโทษเฟินไดเช่นนี้ ถ้าเฟินไดตายไปท่านย่าจะอธิบายกับท่านพ่ออย่างไรเมื่อท่านกลับมา”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สนใจคำพูดของเฟิงเฟินได นางหันไปพูดกับแม่นมทั้งสองคน “นี่คือหลานสาวคนที่สี่ของข้าเอง”
ทั้งสองยืนขึ้นและคารวะตามแบบแผนก่อนกล่าวว่า “บ่าวรับใช้คนนี้คารวะคุณหนูสี่ตระกูลเฟิง”
เฟิงเฟินไดขมวดคิ้ว “พวกเจ้าทั้งสองคนเป็นใคร?”
แม่นมหลิวกล่าวว่า “ข้าเป็นแม่นมในพระราชวังที่รับผิดชอบการสอน ฮองเฮารับสั่งให้เรามาสอนมารยาทคุณหนูสี่”
“เรียนรู้มารยาทหรือ? เรียนรู้มารยาทอะไร ?” เฟินไดสับสน “ข้าไม่ได้เข้าไปในพระราชวัง ทำไมผู้คนในพระราชวังถึงมาสอนมารยาทให้ข้า ? ท่านย่า พวกเขามาทำอะไรกันแน่เจ้าค่ะ”
“เจ้า !” ฮูหยินผู้เฒ่าตบเก้าอี้ของนาง “ทั้งสองคนได้รับคำสั่งจากฮองเฮาให้มาที่คฤหาสน์เฟิง เจ้ายังทำตัวเหลวไหลอีกหรือ ?”
“แต่...ทำไม ?” เมื่อนางเอ่ยออกมา นางก็จำได้ทันทีที่ซวนเทียนหมิงพูดเมื่อวานนี้ ใครจะรู้ว่าเฟิงเฟินไดคิดอย่างไร แต่ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นและถามแม่นมหลิวว่า “ใช่ที่องค์ชายเก้าบอกข้าหรือไม่ ?”
แม่นมหลิวพยักหน้า “เจ้าค่ะ”
“ฮ่า ๆ !” เฟินไดหัวเราะในทันใด “องค์ชายเก้าสนใจข้า มิฉะนั้นทำไมพระองค์จะเข้าไปในพระราชวังเพื่อเชิญแม่นมให้มาสอนมารยาทข้าหรือ ? ท่านย่าโปรดอย่ากังวล เฟินไดจะเรียนรู้มารยาทแน่นอน ในอนาคตข้าจะไม่ทำให้องค์ชายเก้าต้องขายหน้าเจ้าค่ะ”
คำพูดของเฟินไดทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ทราบว่าจะทำสีหน้าเช่นไรดี แม่นมทั้งสองก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่แม่นมหวางจะเอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าไม่รู้ว่าเจตนาของคุณหนูสี่เป็นเช่นไรจึงได้พูดเช่นนี้ ข้ารู้เพียงว่าเมื่อพระองค์ไปหาฮองเฮา พระองค์กล่าวว่า 'คุณหนูสี่ตระกูลเฟิงเป็นคนไร้เหตุผล และทำให้เกิดภาพลักษณ์ไม่ดี นางไม่รู้จักมารยาทหรือการให้เกียรติและทำให้องค์ชายคนนี้รู้สึกรำคาญ”
“หืม” ฮูหยินผู้เฒ่าถาม “เจ้าได้ยินหรือไม่? องค์ชายเก้าบอกว่าเจ้าไม่รู้จักให้เกียรติ พระองค์จะสนใจในตัวเจ้าได้อย่างไร ?”
แม่นมหลิวพยักหน้า “คนเพียงผู้เดียวที่พระองค์สนใจก็คือคุณหนูรองตระกูลเฟิง นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ พูดตามตรงก็คือพวกเราต้องการช่วยคุณหนูสี่ปรับปรุงนิสัยที่ไม่ดีของนางเจ้าค่ะ”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ !” เฟินไดตะโกนออกมา “พระองค์จะพูดเช่นนั้นได้อย่างไร? เจ้าต้องกุเรื่องนี้ขึ้นมา ต้องเป็นเฟิงหยูเฮงที่ส่งเจ้ามาลงโทษข้า ต่ำช้า ! ! พวกเจ้าทั้งหมดต่ำช้า !”
เฟินไดคลั่งขึ้นมาและจะผลักแม่นมทั้งสองออกไป แม่นมหลิวถูกผลักไปด้านข้างและแม่นมหวางโกรธ นางล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อนาง ดึงแส้เล็ก ๆ ออกมา นางยกมือขึ้นและก้มไปทางด้านหลังของเฟิงเฟินได
ผู้คนในพระราชวังล้วนแต่มีจุดแข็ง พวกเขามีความสามารถในการทำลายไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยเต้าหู้ในขณะที่มั่นใจว่าเต้าหู้ไม่แตก ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นเพียงเสื้อผ้าที่ปกคลุมผิวหนัง
เฟิงเฟินไดรู้สึกถึงอาการปวดที่หลังของนางและเริ่มร้องออกมา อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้กระตุ้นความเห็นอกเห็นใจจากคนในตระกูลเฟิงแม้แต่น้อย
แม่นมหวางถือแส้ในมือและพูดอย่างเยือกเย็น “แส้นี้ถูกใช้เพื่อตีพระสนมของฮ่องเต้ และลงโทษข้าราชสำนักผู้หญิง สำหรับคุณหนูสี่ของตระกูลเฟิงที่ถูกตี เจ้าควรจะมีความสุข”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “แม่นมพูดถูกต้อง ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถสอนหลานสาวคนที่สี่ผู้นี้ได้อย่างเหมาะสม หากนางสมควรถูกตีก็ตีนางได้เลย หากนางควรถูกลงโทษก็ให้ลงโทษนางได้ ไม่ต้องผ่อนปรนให้นาง”
“บ่าวรับใช้จะเชื่อฟังคำสั่งของท่าน”
ไม่ว่าเฟิงเฟินไดจะไม่เต็มใจสักเพียงใด แต่แม่นมทั้งสองถูกส่งไปที่เรือนของนาง
เมื่อมองพวกเขาจากไป ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวกับยายจาวอย่างรวดเร็วว่า “ท้องฟ้ามืดแล้ว ไปดูที่ประตูพระราชวัง อาเฮงยังไม่กลับมาและเซียงหรูก็ยังไม่กลับมาอีก ข้าเป็นห่วงพวกนางมากจริง ๆ”
ยายจาวไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ออกจากคฤหาสน์ไปอย่างรวดเร็ว นั่งรถม้า นางรีบไปที่ประตูพระราชวัง
เมื่อนางมาถึง นางเห็นเฟิงเซียงหรูก็รออยู่ข้างนอก ที่มาพร้อมกับนางคือองค์ชายเจ็ดซวนเทียนฮั่ว ขณะที่นางกำลังจะเดินไปหา นางเห็นคนออกมาจากประตูพระราชวัง
ตรงกลางมีหญิงชราที่แต่งตัวดีมาพร้อมกับนางกำนัลในพระราชวัง พูดคุยยิ้มแย้มกับนาง นางกำนัลนั้นสุภาพต่อหญิงชราซึ่งทำให้ยายจาวมองอย่างระมัดระวัง มันคงจะดีถ้านางไม่ได้มอง แต่เมื่อนางมอง ยายจาวก็ตกใจมาก “นั่นนางหรือ ?”