บทที่ 25 คุณไม่เข้าใจ สามีฉันต้องการสุนัข ไม่ใช่คน
บทที่ 25 คุณไม่เข้าใจ สามีฉันต้องการสุนัข ไม่ใช่คน
นี่มันเหมือนกับฟ้าผ่าในวันฟ้าแจ่มใส
ฉางฉิงถึงกับเหวอ ดอกมงดอกไม้ไม่เอาแล้ว เธอออกตามหาร็อบเบนทั่วทุกแห่ง เจ้าของโรงเรือนก็ช่วยเธอหาด้วยอีกแรง
แต่หาอยู่ตั้งนานสองนาน แม้แต่ขนสุนัขก็ไม่เห็นเลยสักเส้น
ทั้งเหงื่อร้อนเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากของฉางฉิงเพียบ สีหน้าเธอก็ดูซีดเผือดด้วย ดูเหมือนว่าท้องฟ้าได้พังครืนลงแล้ว ก็แค่นั้นเอง
สมัยก่อนเธอเคยทำวีรกรรมเอาไว้ไม่น้อย ตอนมัธยมต้นสอบได้ศูนย์คะแนน เผลอทำไปป์บุหรี่ที่เยี่ยนเหล่ยซื้อมาแสนกว่าหยวนตกแตก ขับรถของฉางซินไปชนกับกำแพงลานบ้าน...
แต่พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นญาติพี่น้องของเธอ ดุด่าว่ากล่าวลงโทษแล้วก็แล้วกันไป แต่ซ่งฉู่อี๋นั้นไม่เหมือนกัน ตระกูลเยี่ยนของพวกเธอขอความช่วยเหลือจากตระกูลซ่ง เป็นสามีที่เธอยังไม่สนิทคุ้นเคย...สำหรับในใจเขาแล้ว เกรงว่าแม้แต่ขนสักเส้นเดียวของเจ้าร็อบเบน เธอเองยังเทียบไม่ได้เลย
จบกันๆ เธอต้องเป็นผู้หญิงคนแรกในโลกที่หย่ากับสามีและถูกไล่ตะเพิดออกจากบ้านเพราะเรื่องสุนัขแน่นอน
ส่วนเจ้าร็อบเบนที่แสนน่ารัก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกพ่อค้าขายสุนัขใจร้ายจับไปเชือดแล้วขายให้กับร้านอาหาร เดี๋ยวนี้เพื่อเงินแล้ว แม้แต่สุนัขที่ฝังอยู่ในดิน พวกพ่อค้าขายสุนัขก็ขุดขึ้นมาและเอาไปขายได้
“โถ หนูคนสวย อย่าร้องไห้เลยนะ” เจ้าของพูดปลอบ “เอารูปถ่ายของเจ้าสุนัขไปถ่ายสำเนาแล้วก็ติดประกาศให้ทั่วๆ ลองดูสิว่าจะหาเจอมั้ย”
“คุณไม่เข้าใจ นี่มันไม่ใช่สุนัขของฉันค่ะ” ฉางฉิงพูดด้วยความกระสับกระส่าย “เป็นสุนัขของสามีฉันต่างหาก”
“ทำสุนัขหาย แล้วสามีคุณจะจับคุณกินอย่างงั้นเหรอ” เจ้าของโรงเรือนพูด
ฉางฉิงตัวสั่นเทา “คุณไม่เข้าใจ สามีฉันต้องการสุนัข ไม่ใช่คน”
เจ้าของโรงเรือน “...”
ฉางฉิงร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก แย่แล้วๆ ตอนบ่ายสองโมงครึ่งเธอต้องไปร่วมงานอีเวนต์เสียด้วย ถ้าไม่ไป ต้องจ่ายเงินค่าปรับก้อนโต
เธอยอมรับชะตากรรมแล้ว ตอนนี้ได้แต่โทรหาซ่งฉู่อี๋เท่านั้น
เวลาบ่ายโมงกว่า ซ่งฉู่อี๋เพิ่งตรวจคนไข้เสร็จและกำลังนั่งทานมื้อเที่ยงในโรงอาหาร ขณะที่เขาครุ่นคิดเรื่องเคสคนไข้พิเศษที่ตรวจไปเมื่อช่วงเช้า ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
หลังจากโทรติดแล้ว เสียงอ่อนปวกเปียกของฉางฉิงก็ลอยมาตามสาย “ซ่งฉู่อี๋ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ คุณต้องใจเย็นๆ นะคะ ตอนสิบเอ็ดโมงฉันพาเจ้าร็อบเบนออกมาหาซื้อบอนไซ ตอนแรกฉันก็ไม่อยากพามันมาด้วยหรอกนะคะ แต่ตอนที่จะออกมา ร็อบเบนเกาะติดฉันแจตลอดเลย พอฉันปิดประตู มันก็ส่งเสียงเห่าดังหนวกหู ฉัน...ฉันใจแข็งไม่พอก็เลยพามันออกมาด้วย ใครจะไปรู้เล่าว่าตอนที่ซื้อบอนไซอยู่ จู่ๆ มันก็หายตัวไป ฉันผูกมันเอาไว้ด้านข้างแล้ว...”
ซ่งฉู่อี๋ลุกพรวดขึ้นมา สีหน้าเย็นยะเยียบ “ใครใช้ให้คุณพามันออกมา ตอนนี้คุณอยู่ไหน”
ฉางฉิงบอกตำแหน่งที่อยู่ ซ่งฉู่อี๋แทบอยากจะถลกหนังเธอออกเสียจริงๆ “คุณรอผมอยู่ตรงนั้นนะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“คุณหมอซ่ง คุณจะไปไหนเหรอ” คุณหมอเหยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างถาม
“สุนัขผมหายไป”
ซ่งฉู่อี๋ไม่แม้แต่จะทานข้าว เขาเดินไปที่ลานจอดรถพลางโทรหาคุณหมอซินเพื่อขอแลกเวร วันนี้คุณหมอซินต้องเข้าเวรตอนกลางคืน แน่นอนว่าเขายินดีที่จะแลกเวรกับซ่งฉู่อี๋
ระหว่างทางที่ขับรถไป ซ่งฉู่อี๋โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เยี่ยนฉางฉิงคนนี้ช่างเก่งจริงๆ เพิ่งย้ายมาได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ก่อเรื่องใหญ่ซะแล้ว
เขารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่แต่งงานกับเธอคนนี้
วันนี้ทำสุนัขหาย พรุ่งนี้จะลืมปิดประตูห้องแล้วเดินออกจากบ้านไปตัวปลิวหรือเปล่านะ
เมื่อมาถึงโรงเรือนปลูกดอกไม้ ซ่งฉู่อี๋เดินสาวเท้ายาวพลางหายใจแรง พอเจอตัวฉางฉิง หน้าตาเขาก็แผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมา แต่ขณะที่กำลังจะพูดสั่งสอน ฉางฉิงก็น้ำตาคลอและเอ่ยเสียงสะอื้นขึ้นมาก่อน “คุณ...อยากจะด่า...ก็ด่าได้เลยค่ะ...จะตีฉันก็ได้...ฉันไม่ได้...ตั้งใจ...ขอเพียง...หาตัว...ร็อบเบนเจอ จะให้ฉัน...เป็นวัวเป็นม้าให้คุณก็ยังได้ค่ะ...”
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น ในดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาใสแวววาวเป็นประกาย ทั้งจมูกและพวงแก้มแดงก่ำจากการร้องไห้ เธอดูสวยหยาดเยิ้มมาก ราวกับหยาดฝนร่วงพราวลงบนดอกโบตั๋น ช่างสวยหวานเหลือเกิน
แล้วจู่ๆ คำพูดที่ซ่งฉู่อี๋อยากจะต่อว่าด่าทอเธอก็กลืนหายลงคอไป เขาด่าไม่ออกจริงๆ
ฉางฉิงสูดน้ำมูก แล้วหันหลังไปเช็ดตาที่ร้องไห้จนบวมแดง
เมื่อเห็นแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็รู้สึกปวดใจทั้งนั้น
แม้แต่เจ้าของโรงเรือนปลูกดอกไม้ก็ยังอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “คุณผู้ชาย คุณอย่าตำหนิภรรยาคุณเลยนะ เธอร้อนใจเป็นกังวลมาก พอสุนัขหายไป เธอก็วิ่งตามหาไปทั่ว อีกทั้งยังกลัวว่าคุณจะไม่ต้องการเธอเพราะเรื่องที่ทำสุนัขหาย เธอตกใจจนร้องไห้ไม่หยุดเลย...”
เจ้าของโรงเรือนแสดงสีหน้าประมาณว่าถ้าเขาต่อว่าภรรยาเพราะเรื่องสุนัข เขาก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายที่แท้จริง
........................................