ตอนที่ 76 ผิดปกติและการลอบสังหาร
[การลาดตระเวน 1 เสร็จสิ้น ท่านได้รับค่าประสบการณ์3000หน่วย]
หานเซี่ยวถูกปลุกด้วยข้อความบนหน้าจอ เขามองออกนอกหน้าต่างรถ เห็นว่ามันเป็นเวลาพลบค่ำและท้องฟ้าสีฟ้าเทาก็ค่อยๆสว่างขึ้น
คืนก่อน หานเซี่ยวยุ่งอยู่กับการสร้างเครื่องจักรใหม่และได้นอนแค่สองชั่วโมง เขาหยิบขวดน้ำออกมาและสาดใส่หน้าตัวเอง ความเย็นทำให้ประสาทสัมผัสเขาตื่นตัว จากนั้นเขาก็เดินออกตู้รถบรรทุกและตรงไปยังฐาน
หลิน เหยาทำงานตลอดคืน และเขาก็เหนื่อย ไป่ฉีเจี่ยคือกะต่อไป และเขาก็ตื่นจากการงีบหลับบนโซฟาแล้ว
“ปฏิบัติการเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?”หานเซี่ยวถาม
หลิน เหยาตอบด้วยความเหนื่อยล้า“ชายหัวล้านเผยตำแหน่งของพวกมันให้เราแล้ว และเราก็สามารถจับกุมพวกมันได้ นอกจากนี้ เรายังพบตำแหน่งของฐานหุบเขาอีกาดำจากการสอบสวน อย่างไรก็ตาม นักโทษเราเป็นบุคลากรระดับต่ำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์เขาถึงไฟล์ลับ”
หานเซี่ยวพยักหน้า ผลลัพธ์เป็นสิ่งที่เขาคาดหวัง
“ทีมปฏิบัติการยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติการ?”
“ใช่ เหล่าสายลับยังคงซ่อนอยู่ในป่า รอคอยคำสั่งใหม่”
“พวกเขาควรกลับมา ไม่มีอะไรแม้จะรอในป่า”หานเซี่ยวกล่าว
ฉี ไป่เจี่ยที่กำลังเคี้ยวอาหารเช้าโพล่งขึ้น“เห้ ฉันควรเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่นะ”
“ไม่ใช่ว่าคุณเป็นผู้รับผิดชอบเพราะคุณควรโดนพวกเราทุกคนตำหนิ?”หานเซี่ยวถาม
ฉี ไป่เจี่ยสำลักอาหาร เขาอยากโต้แย้งหานเซี่ยวแต่ก็ถูกเย่ฟ่านกล่าวขัด
“เพื่อนจากแผนก13 พวกเราประสบความสำเร็จแล้ว เราได้รับข่าวกรองที่สำคัญเกี่ยวกับฐานหุบเขาอีกาดำ”
ฉี ไป่เจี่ยงุนงง ในเวลาไม่ถึงวัน สายลับเฮสล่ากลับสามารถทำภารกิจสำเร็จ ประสิทธิภาพนี้ดูน่าประทับใจเกินกว่าจะเชื่อได้ลง!
“พวกคุณได้รับข้อมูลการรักษาความปลอดภัยของฐานมาไหม?”
เย่ฟ่านพยักหน้ายืนยัน“วินน่าได้จับเจ้าหน้าที่ศัตรูไว้ ปฏิบัติการเราลุล่วง และเราก็กำลังนำตัวสายลับเรากลับมา หลังจากนั้น เราจะรวบรวมข่าวกรองและส่งให้กองทัพ”
แม้จะอ้างว่าภารกิจลุล่วง หน้าต่างสถานะของหานเซี่ยวก็ยังระบุว่า[การลาดตระเวน 2]ยังไม่สำเร็จ เขาขมวดคิ้วและถาม“คุณมั่นใจว่าข้อมูลที่เราได้รับถูกต้องและไม่ใช่ของปลอม?คุณช่วยอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติภารกิจให้ผมฟังได้ไหม?”
“แน่นอน”เย่ฟ่านและวินน่าอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับภารกิจ
“ไม่คิดว่าภารกิจนั้นราบรื่นเกินไปกันงั้นหรอ?”หานเซี่ยวพึมพำ
“ภารกิจง่ายจริงๆ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยเป็นพิเศษ บางทีท มันอาจเป็นผลจากความละหลวม นอกจากนี้ ภารกิจเราในครั้งนี้ยังเป็นการลอบโจมตี”
“ผมกลับคิดต่างกับข้อมูลนั่น”
“ในสายงานเรา เราต้องไม่ไว้วางใจมากเกินไป แต่คุณก็ต้องมีหลักฐานมาพิสูจน์คำพูด”เย่ฟ่านโกรธและออกคำสั่ง“ไม่ว่าจะยังไง พรุ่งนี้เช้าเราจะย้ายออกไป”
หลังมองเย่ฟ่านเดินออกไป สีหน้าหานเซี่ยวก็ดำมืด เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าข้อมูลที่เย่ฟ่านรวบรวมมาต้องมีอะไรผิดปกติ
หานเซี่ยวเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่เย่ฟ่านอธิบาย แม้วินน่าและพวกของเธอจะลงมืออุกอาจไปบ้าง พวกเธอก็ไม่ได้ทำผิดพลาดร้ายแรง ดังนั้น ความเป็นไปได้เพียงข้อเดียวคือหุบเขาอีกาดำต้องมีกับดักซ่อนเร้นที่บุคคลภายนอกไม่ตระหนักถึง
หานเซี่ยวโชคไม่ดี เขาไร้ซึ่งหลักฐานและแม้เขาจะเสนอความคิดเห็น มันก็ย่อมไม่มีใครเชื่อเขา
การคาดการณ์เพียงอย่างเดียวไม่พอจะโน้มน้าวใคร
“ดูเหมือนว่าฉันต้องไปดูด้วยตัวเอง”
ในตอนเช้า ตี้ซูซูและวินน่าก็กลับมายังฐาน ทั้งคู่พานักโทษมาด้วย เนื่องจากโรมันคือเจ้าหน้าที่ คุณค่าเขาจึงสูงกว่านักโทษของตี้ซูซู
วินน่ายิ้มราวกับผู้ชนะ ในความคิดเธอ ปฏิบัติการก็เหมือนการต่อสู้ระหว่างสายลับของสองประเทศ มันนับเป็นเรื่องดีที่สายลับจากเฮสล่าเหนือกว่ามังกรดารา
สายลับจากแผนก13รู้สึกหงุดหงิดกับความอวดดีของสายลับจากเฮสล่า หลี่ย่าหลินถึงกับกล่าว“หากเราเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจพวกคุณ เราก็คงเป็นผู้ชนะ”
วินน่ายิ้ม“ยอมรับความจริงว่าพวกคุณแพ้เถอะ”
หานเซี่ยวก้าวออกมาและกล่าว“ข้อมูลที่พวกคุณได้รับอาจเป็นของปลอม”
แม้สายลับจากเฮสล่าจะไม่เชื่อเขา หานเซี่ยวก็ยังรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเอง
สีหน้าของวินน่าตกต่ำและตั้งคำถาม“มีหลักฐานอะไรไหม?”
“สัญชาตญาณ”
ทุกคนประหลาดใจกับคำตอบ
วินน่าหัวเราะ“งั้นฉันเดาว่านายควรหุบปาก คิดว่านายเป็นใครกัน?”
หานเซี่ยวตอบอย่างใจเย็น“งั้นเธอมีหลักฐานอะไรละ?”
วินน่าตบไหล่โรมันเบาๆและกล่าว“เขาคือหลักฐานของฉัน”
หานเซี่ยวนั่งยองและสำรวจโรมัน ดูเหมือนฐานหุบเขาอีกาดำจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอกลวง
โรมันดูเหมือนจะหวาดกลัวจริงๆ และนี่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจให้ข้อมูลปลอม ดังนั้น เหตุผลเดียวคือเบื้องบนของฐานศัตรูต้องไม่เคยคิดเปิดเผยข้อมูลทางทหารจริงๆให้กับเจ้าหน้าที่ระดับล่าง บ ทหารยามรอบนอกเป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้น
ข้อมูลที่เย่ฟ่านได้รับมามีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นหนูวางยา
เพื่อเปิดเผยความจริง หานเซี่ยวต้องบุกเข้าไปในฐานหุบเขาอีกาดำ
แผนเริ่มกำหนดในหัวหานเซี่ยว อย่างไรก็ตาม เขายังต้องรอจนถึงพลบค่ำเพื่อดำเนินการตามแผน
สายลับคนอื่นกำลังยุ่งอยู่กับการซักถามนักโทษและรวบรวมข่าวกรอง พวกเขาจะออกเดินทางเช้าวันพรุ่งนี้ ดังนั้น เขาจึงปฏิบัติแผนตอนกลางคืนได้
...
เมื่อยามค่ำมาถึง และดวงจันทร์สดใสก็เปล่งแสงระยิบระยับ
หานเซี่ยวก็บอกเพื่อนเขาว่าเขาอยากอยู่ในรถบรรทุก
ไม่มีใครตอบ สายลับเฮสล่าไม่อยากยุ่งกับเขา และสายลับจากแผนก13ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะปฏิเสธ มีเพียงจางเหว่ยที่กล่าว“ไปเถอะ ไม่มีใครหยุดนายได้”
หานเซี่ยวพยักหน้า หลังเขาออกค่าย เขาก็ตรงไปยังตู้รถบรรทุกและติดตั้งปืนไรเฟิลซุ่มยิงของแลมเบิร์ต และยังติดอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ หลังกวาดตามอง เขาก็ตระหนักว่าไม่มีใครอยู่รอบค่าย หานเซี่ยวจึงลอบย่องไปในป่า
เขาไม่คิดบอกเพื่อนเขา ฉีไป่เจี่ยย่อมไม่เห็นด้วยกับการกระทำเขาอย่างแน่นอนและนี่จะสร้างปัญหาให้มากขึ้น
หลังเดินป่าอยู่นานเป็นชั่วโมง ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมาย
เขาสวมแว่นตาจับความร้อนและชุดลายพราง และหลังยืนยันว่าไม่มีศัตรู เขาก็เริ่มขุดร่องลึกให้พอดีกับตัวเขาเอง
หลังจากนั้น หานเซี่ยวก็หยิบแมงมุมจักรกลขนาดเล็กออกมา แมงมุมจักรกลมีขนาดเท่าฝ่ามือ เขากดสวิตซ์และแมงมุมจักรกลก็ยืนขึ้นตรงหน้าเขาทันทีราวกับมันกำลังรอคำสั่งจากนายมัน
[เครื่องตรวจจับชีวภาพขนาดเล็ก(แมงมุม) : เครื่องตรวจจับคล้ายแมลงขนาดเล็ก]
นี่คือผลงานล่าสุดของหานเซี่ยว มันเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับสถานการณ์เนื่องด้วยขนาดมัน การพรางตัว และความสามารถการควบคุมระยะไกล มันยังมีเครื่องตรวจจับความร้อนที่เปิดใช้เพื่อหลีกเลี่ยงสัตว์อื่น มันราวกับกล้องเดินได้ หานเซี่ยวไม่ต้องขยับเข้าไปใกล้ป้อมด้วยตัวเอง และดังนั้น มันจึงยากที่เขาจะถูกจับ
หานเซี่ยวหยิบเอาแท็บเล็คออกมาเพื่อควบคุมแมงมุมจากระยะไกล เขาสามารถค้นตำแหน่งของทหารยามหลายคนได้และส่วนใหญ่ก็ซ่อนอยู่ข้างต้นไม้ หานเซี่ยวจับตำแหน่งของทหารยามดังกล่าวไว้เพื่อจะได้หาเส้นทางที่เหมาะสมสุดสำหรับการลอบสังหาร
หานเซี่ยวถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงขึ้นและเล็งผ่านดงหญ้าแน่น ตอนนี้เป้าหมายอยู่ในระยะยิงเขา
ปืนไรเฟิลของแลมเบิร์ตมีกระบอกเก็บเสียงที่ช่วยให้ยิงลำแสงพลังงานขนาดใหญ่ออกมาพร้อมเสียงที่เหมือนกับการเคาะไม้ ในความมืดและดงหญ้านี้ ศัตรูย่อมสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวได้จำกัด อย่างไรก็ตาม ปืนของแลมเบิร์ตกลับยิงไกลได้ถึง800เมตร มันยังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้หานเซี่ยวเลือกอาวุธนี้
หานเซี่ยวหรี่ตามองในลำกล้องและกลั้นหายใจ ระยะห่างไม่สำคัญ และหานเซี่ยวก็รู้สึกได้ถึงอะดรีนาลีนที่พุ่งพล่าน
เป้าหมายคือหัวของศัตรู!
ลมกำลังพัดไปทาง8นาฬิกา!
ความเร็วลม1.3เมตร/วินาที ความไม่แม่นยำ43มิลลิเมตร!
การแก้ไขและดัดแปลงทั้งหมดเสร็จสิ้น
หานเซี่ยวลั่นไก ร่างเขาดูดซับแรงถีบทั้งหมดจากท้ายปืน และมือเขาก็จับปืนไรเฟิลแน่นเพื่อรักษาสมดุล
ผ่านลำกล้องตรวจจับความร้อน หานเซี่ยวสามารถเห็นกระสุนที่ระเบิดหัวเป้าหมายจนหายไป และเลือดก็ไหลทะลัก