บทที่ 26 โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน (2)
บทที่ 26 โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน (2)
“พอเถอะยัยหนู อย่าก่อเรื่อง” น้ำเสียงทุ้มลึกของผู้วิเศษดังขึ้น เรียกเด็กสาวเอาไว้ สายตาของเขากวาดผ่านอินจู๋ แววตาเรียบเฉย ไม่สุขไม่ทุกข์ หยุดค้างอยู่สักพัก เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงบุคลิกสง่างามของอินจู๋ก็อดประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ โดยเฉพาะนัยน์ตาแจ่มใสคู่นั้นของอินจู๋ ทิ้งความรู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งให้แก่เขา
เด็กสาวถลึงตาโพลงใส่อินจู๋ “อย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีกนะ ไม่งั้นจะเล่นให้งามหน้า”
“แม่ชมว่าข้าหน้าตางามแต่เด็ก ไม่จำเป็นต้องงามไปมากกว่านี้” อินจู๋พูดไปเองโดยธรรมชาติ สำหรับตัวเขาเองแล้ว นี่ก็แค่เรื่องจริง แต่พอเข้าหูคนอื่นกลับกลายเป็นการเยาะเย้ย ทันใดนั้น เหล่าทหารรับจ้างรอบด้านส่วนใหญ่ต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คนที่กล้าล่วงเกินหน่วยทหารรับจ้างระดับเอสมีไม่มาก ในสายตาของเหล่าทหารรับจ้างทั้งหลาย แค่มีอินจู๋ที่อยู่ระดับแดงกับบุคลิกสูงส่งสง่างามของเขา ก็มั่นใจว่าต้องเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์แน่นอน
เด็กสาวหันหลังไปถลึงตาใส่อินจู๋อีกครั้ง ราวกับจะจดจำรูปร่างหน้าตาของเขาไว้ในหัวตัวเองให้ขึ้นใจ ก่อนพ่นลมทางจมูกแรงๆ อย่างแค้นเคืองแล้วสาวเท้าเดินจากไป
หนามเหล็กลงทะเบียนเป็นระดับดีด้วยความราบรื่นอย่างยิ่ง บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการปะทะคารมระหว่างอินจู๋กับเด็กสาวเมื่อครู่นี้ เกิร์นจึงได้เป็นหัวหน้าหน่วยทหารรับจ้างขั้นกลางสมดังปรารถนาในที่สุด เพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากอินจู๋ เขาไม่เพียงแต่ให้เหรียญทองยี่สิบเหรียญกับอินจู๋อย่างที่รับปากไว้ตอนแรก แต่ยังไปส่งเขาถึงหน้าประตูโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานเองด้วย
“อินจู๋ พวกเราต้องกลับกันแล้ว ค่าใช้จ่ายในมิลานสูงเหลือเกิน พวกเราหยุดพักที่นี่ไม่ได้ เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวต้องระวังให้ดี ไว้คราวหลังตอนมีภารกิจมามิลานอีก ข้าจะมาหาเจ้าให้ได้เลย แล้วก็...เจ้าไร้เดียงสา ใจดีเกินไป ต่อไปนี้ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรต้องป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด” เกิร์นกำชับอินจู๋เหมือนเป็นผู้อาวุโส ความรู้สึกบริสุทธิ์ไร้เดียงสาในตัวของอินจู๋เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้พบเจอมาเนิ่นนานแล้ว
ขอบตาของอินจู๋แดงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ลุงครับ พวกลุงก็รักษาตัวให้ดีตลอดทางนะ ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะลุงคอยช่วยเหลือ ข้าก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี”
เกิร์นหัวเราะลั่น “วันหลังยังมีโอกาสพบหน้ากันอีก ข้าไปล่ะ เจ้าก็รีบไปลงสมัครโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานเถอะ เอ้อ จริงสิ ตามที่ข้าเห็น คุณหนูอันยาคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน แม้แต่แม่ทัพอัศวินมังกรยังต้องเกรงใจเธอ ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไร จำไว้ว่าให้ไปขอความช่วยเหลือจากเธอ ข้าว่านางรู้สึกดีกับเจ้ามากนะ คงจะไม่ปฏิเสธแน่นอน”
เมื่อมองตามแผ่นหลังของเกิร์นตลอดจนหายลับไป อินจู๋จึงค่อยหันหลังมองไปยังจุดหมายในการเดินทางครั้งนี้ของตัวเอง
โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานอยู่ติดกับประตูทิศตะวันออกของเมืองมิลาน ต้องมาถึงที่นี่จริงๆ เท่านั้นจึงจะเข้าใจว่าทำไมโรงเรียนอันดับสูงสุดจากประเทศมนุษย์ทั้งหมดในทวีปถึงสร้างไว้แถวชานเมืองไม่ใช่ในเมืองมิลาน เพราะว่าพื้นที่ของมันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน กำแพงรั้วสูงตระหง่านของโรงเรียนเชื่อมเป็นแนวเดียวกับกำแพงเมืองของเมืองมิลาน แทบจะมองเห็นขอบเขต
ระหว่างเดินทางมายังเมืองมิลานเย่อินจู๋เคยฟังอันยาเล่าว่า โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานเรียกอีกชื่อว่าราชวิทยาลัยมิลาน มีฐานะสูงส่งที่สุดในจักรวรรดิมิลาน ในฐานะโรงเรียนอันดับหนึ่งของทวีป ที่นี่บ่มเพาะบุคลากรผู้มีความสามารถไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เยาวชนทุกคนต่างรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถเข้าศึกษาในโรงเรียนมิลานได้ จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมิลานคือผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์ของโรงเรียนแห่งนี้ นอกจากราชวงศ์มิลาน ใครก็ตามที่อยากเข้าเรียนในโรงเรียนมีเพียงแค่วิธีเดียว นั่นก็คือผ่านการสอบเข้าเรียน มีคนเคยกล่าวไว้ว่า โรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานคือค่ายชุมนุมยอดฝีมือที่เป็นรองแค่ฟาร์เลนในทวีปลองกินุส ประตูทิศตะวันออกของเมืองมิลานก็เป็นเพียงประตูเดียวในเมืองที่ไม่จำเป็นต้องจัดวางกองกำลังป้องกัน แค่นักเรียนในโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานก็เป็นกำลังป้องกันอันแข็งแกร่งที่สุด
ประตูใหญ่สูงตระหง่านของโรงเรียนสูงสิบสองเมตร กว้างเกือบห้าเมตร บนแผ่นป้ายลงทองสลักสัญลักษณ์ของจักรวรรดิมิลานเอาไว้ แม้จะแค่ยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูใหญ่ ก็สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายเก่าแก่ที่โชยมาปะทะใบหน้าได้อย่างชัดเจน
เมื่อเดินเข้าประตูใหญ่ก็จะเจอถนนใหญ่ที่กว้างพอให้อัศวินหลายสิบคนเดินพร้อมกันได้ทอดยาวเข้าไปด้านใน ร่มไม้จากต้นไม้ยักษ์สองฝั่งถนนบดบังท้องฟ้าและแสงอาทิตย์ ใช้กิ่งใบเขียวชอุ่มของพวกมันพิสูจน์การดำรงอยู่อันยาวนานของโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน
พืชพรรณจำนวนมากทำให้บรรยากาศในโรงเรียนเย็นสบายอย่างยิ่ง เย่อินจู๋รู้สึกแค่ว่าตัวเองประหนึ่งได้กลับไปทะเลโพรงมรกตอีกครั้ง ก่อนสูดลมหายใจลึก ตั้งแต่จากบ้านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความสุขสบายจากสิ่งแวดล้อม
มีนักเรียนผ่านไปผ่านมาเยอะแยะ อินจู๋พบว่านักเรียนเหล่านี้ล้วนสวมชุดนักเรียนสีแดงสลับขาว เพียงแต่ตราประทับบนหน้าอกข้างซ้ายแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไปเข้าเรียนในทิศทางที่แตกต่างกัน หลังจากสังเกตในช่วงเวลาสั้นๆ อินจู๋ก็พบว่าทุกคนที่ประทับตรารูปดาวเวทมนตร์หกแฉกน่าจะเป็นนักเวท ส่วนคนที่ประทับตรารูปดาบยาวและโล่คือนักรบ มือธนูจะเป็นรูปคันธนูยาวสวยงามประณีตเป็นต้น ด้านข้างรูปเหล่านี้จะมีลายเส้นสีขาวแดงเล็กๆ จำนวนไม่เท่ากัน ไม่รู้ว่าแทนความหมายอะไร
เดิมทีอินจู๋ตั้งใจว่าหลังจากเข้าโรงเรียนมาจะหาคนถามว่าไปลงทะเบียนที่ไหน แต่พอเข้ามาในโรงเรียนเข้าก็พบว่าไม่จำเป็นแล้ว ริมถนนมีเครื่องหมายบ่งบอกอย่างชัดเจน ชี้ทางให้มุ่งหน้าไปยังจุดรับสมัคร เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองมาทันการรับสมัครนักเรียนโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานวันสุดท้ายพอดี ถ้าเป็นไปตามที่ฉินซางจัดการให้เข้ามาเป็นอาจารย์พิเศษย่อมไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้เขาไม่มีจดหมายแนะนำ ถึงอยากเป็นนักเรียนก็ยังไม่ง่ายดายขนาดนั้น
เมื่อเดินไปตามเครื่องหมายบอกทาง ไม่นานอินจู๋ก็หาจุดรับสมัครเจอ หน้าห้องอันวิจิตรงดงามที่เรียงรายกันเป็นแถวแลดูเงียบสงัด ทุกห้องกว้างอย่างน้อยหลายร้อยตารางเมตร หน้าประตูห้องเขียนจำแนกตามสาขาวิชาต่างๆ สาขาวิชาทั่วไปแบ่งออกเป็นประเภทเวทมนตร์และศิลปะการต่อสู้ ในนั้นยังแบ่งเป็นประเภทย่อยอีกเยอะแยะมากมาย อินจู๋มาอยู่ตรงหน้าประตูห้องสุดท้ายจึงเจอคำว่านักเทวคีต
ภายในจุดรับสมัครนักเทวคีตขนาดหลายร้อยตารางเมตรมีคนอยู่แค่คนเดียว และกำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ดูจากผมยาวที่สยายปรกของเธอสามารถมองออกได้ว่าเป็นผู้หญิง
“สวัสดีครับ” อินจู๋หยั่งเชิงเอ่ยเรียก
“หืม?” ผู้หญิงที่นอนฟุบอยู่เงยหน้าขึ้นอย่างสะลึมสะลือเล็กน้อย ใบหน้าสวยละมุนละไมปรากฏอยู่ตรงหน้าอินจู๋ มองดูแล้วเธอน่าจะอายุราวๆ สักยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปี ผมยาวสีครามสยายปรกลงบนบ่า ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเพราะเมื่อครู่เอาแต่นอน เพราะว่านั่งอยู่จึงมองเห็นรูปร่างของเธอไม่ชัดเจน แต่ต้องเป็นผู้หญิงสวยอย่างแน่นอน เนื่องจากถูกอินจู๋ปลุกตื่นจากสภาพหลับฝัน บุคลิกจึงดูค่อนข้างจะเอื่อยเฉื่อยแต่สง่างาม
“สวัสดีครับ ข้ามาลงชื่อสมัคร”
“อ้อ มาสมัครนี่เอง กรอกเอกสารเลย ค่าสมัครสิบเหรียญทอง ถ้าสอบเข้าไม่ผ่าน ไม่คืนค่าสมัคร” ระหว่างที่พูด เธอก็หยิบใบสมัครแผ่นหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้าอินจู๋อย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจึงหยิบปากกาขนนกโยนไปบนใบสมัคร
“ขอบคุณครับอาจารย์” อินจู๋ขานรับออกมา ในใบสมัครมีเพียงห้าหัวข้อง่ายๆ ที่ต้องกรอก ชื่อและนามสกุล เพศ อายุ ระดับการฝึกฝน ภูมิลำเนา
“เอ๊ะ!” ขณะที่อินจู๋กำลังเตรียมจะเริ่มกรอก จู่ๆ อาจารย์หญิงคนนั้นก็ร้องอุทานเสียงแหลม ทั้งร่างลุกพรวดขึ้นมากะทันหัน ตาสีนิลคู่นั้นของเธอเบิกกว้างพลางมองอินจู๋อย่างตะลึงงัน
เธอทำเอาอินจู๋สะดุ้งตกใจ ถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัวจนเกือบสะดุดเก้าอี้ข้างๆ “อาจารย์เป็นอะไรไปครับ?”
“เจ้า...เจ้าแน่ใจเหรอว่าไม่ได้เข้าห้องรับสมัครผิด?” อาจารย์หญิงพึมพำถาม
อินจู่หันหลังไปมองป้ายชื่อนักเทวคีตที่ตั้งอยู่แวบหนึ่ง ก่อนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่ผิดครับ! ที่คือจุดรับสมัครนักเทวคีต”
อาจารย์หญิงอุทานด้วยความตกใจอย่างเกินจริงเล็กน้อย “พระเจ้า! หรือนี่คือหงส์ในหมู่กาในตำนาน ในที่สุดเอกเทวคีตของเราก็มีนักเรียนชายสักที ไม่ง่ายเลยนะ! เร็วเข้า รีบกรอกเอกสารจ่ายค่าสมัคร การสอบเข้าเอกเทวคีตน่าจะเริ่มแล้ว ตอนนี้ยังทันอยู่”
……………………………………….