บทที่ 26 ร่างกายที่ค่อยๆ เน่าเปื่อย
บทที่ 26 ร่างกายที่ค่อยๆ เน่าเปื่อย
เรื่องที่ลู่ซินกลายร่าง หลิงม่อไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด แต่การที่เขาจับตัวซย่าน่าไป แถมยังพูดจาข่มขู่ นั่นก็แสดงว่าเขายังคงมีสติอยู่
เรื่องนี้ทำให้หลิงม่อสนอกสนใจขึ้นมาทันที อย่าลืมว่าความปรารถนาสูงสุดของเขาก็คือเย่เลี่ยนสามารถฟื้นคืนสติกลับมาได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่หลังจากการวิวัฒนาการครั้งที่แล้วที่เย่เลี่ยนมีเค้าว่าจะเกิดการระลึกรู้ตัวเล็กน้อยแล้ว เย่เลี่ยนก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาอีกเลย
หลิงม่ออดท้อใจไม่ได้ แม้จะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้ภายในวันเดียว แต่เขาก็ยังคงรีบเร่งลงมือออกล่าซอมบี้กลายพันธุ์ทันที หวังว่าการที่เขาคอยกระตุ้นวิวัฒนาการของเย่เลี่ยนอยู่เรื่อยๆ จะทำให้เธอฟื้นคืนความคิดขึ้นมาอย่างแท้จริงได้ในเร็ววัน
แต่ความผิดปกติทางร่างกายของลู่ซินกลับทำให้หลิงม่อคิดว่าบางทีเขาอาจจะได้เบาะแสใหม่ๆ จากตัวลู่ซินก็เป็นได้!
ตราบใดที่มีความเป็นไปได้แม้เพียงเล็กน้อย หลิงม่อจะไม่ยอมเลิกล้ม ยิ่งไปกว่านั้นซย่าน่าถูกลู่ซินจับตัวไป หนำซ้ำเจ้าโง่นี่ยังเอ่ยชื่อพูดจาข่มขู่ตนอีก สำหรับหลิงม่อแล้ว ซอมบี้กลายพันธุ์ตัวเดียวไม่ได้มีอันตรายมากมายนัก ลู่ซินนึกว่าตัวเองเปลี่ยนจากหนูกลายเป็นแมวป่วย แล้วจะแก้แค้นเขาได้ ไร้เดียงสาเกินไปหน่อยแล้ว
“พี่หลิง! ขอร้องละ เราร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด นับว่ามีมิตรภาพต่อกันอยู่บ้าง ขอร้องละ...” หลิวอวี่หาวขอร้องวิงวอนอีกครั้ง ส่วนสีหน้าก็ดูกระสับกระส่ายขึ้นเรื่อยๆ
“พวกเขาอยู่ที่ไหน” หลิงม่อตัดสินใจแล้ว จากนั้นเอ่ยถาม
หลิวอวี่หาวดีอกดีใจขึ้นมาทันที แล้วรีบดึงหลิงม่อวิ่งลงบันไดไป “อยู่ที่หอพักชายครับ! เร็วๆ ครับ ผมกลัวว่าเจ้าลู่ซินมันจะขาดสติขึ้นมากะทันหัน ถึงตอนนั้นซย่าน่าต้องไม่รอดแน่ๆ!”
“ให้ตายเถอะ!” หลิงม่อรู้สึกหนังศีรษะตึงเกร็ง เขารีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ส่วนเย่เลี่ยนเองก็ตามมาติดๆ ภายใต้การควบคุมของเขา
หลิวอวี่หาวรีบร้อนไปช่วยซย่าน่า แม้จะหมดเรี่ยวหมดแรง แต่เขาก็ไม่ได้วิ่งช้าอะไรนัก หลิงม่อกับเย่เลี่ยนที่วิ่งตามอยู่ข้างหลังยิ่งดูผ่อนคลาย ทว่าหวังเฉิงกลับหายใจหอบเสียงดังมาตั้งนานแล้ว หากไม่ใช่เพื่อปกป้องรักษาชีวิตตัวเองล่ะก็ ป่านนี้เขาก็คงล้มฟุบไปแล้ว ส่วนพวกที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าก็ไม่คิดที่จะหยุดรอเขาเลยสักนิด...
ด้วยเหตุนี้เอง ขณะที่หวังเฉิงมองแผ่นหลังของคนทั้งสามที่อยู่ข้างหน้า สายตาของเขาจึงฉายแววชั่วร้ายเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ซ่อนเร้นแววตาที่เปลี่ยนไปนี้อย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางไปหอพักชายมีซอมบี้ปรากฏตัวขึ้นบ้างสามสี่ตัว ซึ่งล้วนถูกซากศพสดใหม่ที่อยู่บนพื้นดึงดูดมา แล้ว หลิงม่อก็บังเอิญค้นพบว่า แม้ว่าซอมบี้ทั่วไปพวกนี้จะไม่โจมตีพวกเดียวกัน แต่เมื่อมีซากซอมบี้ปรากฏขึ้น พวกมันกลับพากันรุมทึ้งกิน...
ซอมบี้สามสี่ตัวนี้ที่ปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าหอพักชายกำลังรุมกินซากซอมบี้บนพื้นกันอย่างเอร็ดอร่อย หากไม่ใช่เพราะศีรษะของซากซอมบี้ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และมองปราดเดียวก็เห็นสองตาที่แดงก่ำแล้วล่ะก็ หลิงม่อก็ไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองเห็นจะเป็นความจริง
เป็นอย่างนี้นี่เอง...แต่แบบนี้ไม่เท่ากับว่าจะยิ่งมีซอมบี้กลายพันธุ์มากขึ้นกว่าเดิมหรอกหรือ?! แม้กระทั่งซอมบี้ทั้งหมดอาจค่อยๆ วิวัฒนาการจนแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้!
แม้ว่าระดับความเร็วในการวิวัฒนาการของพวกมันจะเทียบไม่ได้กับซอมบี้กลายพันธุ์ที่เกิดจากการฆ่ากันเองและอยู่ในสถานที่ปิด แต่ข้อได้เปรียบของการวิวัฒนาการพร้อมกันทั้งหมดอย่างช้าๆ แบบนี้ก็จะค่อยๆ ปรากฏออกมาให้เห็นเอง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!” หลิงม่อแอบสบถอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็ควงมีดสั้นและกระโจนเข้าใส่ซอมบี้สามสี่ตัวนี้ที่พุ่งเข้าหาตนเช่นกัน ด้วยความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้ผนวกกับเทคนิคการโจมตีที่เชี่ยวชาญขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดซอมบี้สามสี่ตัวนี้ก็ถูกหลิงม่อจัดการราบคาบแทบจะในพริบตาเดียว
ซากซอมบี้สามสี่ตัวนี้ก็คงจะดึงดูดพวกเดียวกันมารุมทึ้งกินด้วยเช่นกันกระมัง...แต่ในฐานะที่เขาเป็นผู้รอดชีวิต ไหนเลยจะมีเวลาและกำลังมาจัดการกับซากศพพวกนี้ อย่างไรเสียกระบวนการวิวัฒนาการพร้อมกันทั้งหมดอย่างช้าๆ ของพวกซอมบี้ก็ไม่อาจยับยั้งขัดขวางได้อยู่แล้ว
“คิดไม่ถึงว่าซอมบี้จะกินซอมบี้ด้วยกันเอง!”
หลิงม่อเงยหน้าขึ้นมองดูซากซอมบี้ที่ถูกกัดแทะฉีกกินกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ อีกครั้ง แล้วขมวดคิ้วมุ่นพลางพูด
แต่หลิวอวี่หาวกลับเงยหน้าขึ้นมองหลิงม่อด้วยความงุนงงเล็กน้อยและพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “แน่นอนว่าพวกมันกินพวกเดียวกันเอง พี่หลิงเพิ่งรู้เหรอ”
หลิงม่อปิดปากอย่างเสียไม่ได้ทันที พวกหลิวอวี่หาวมีชีวิตอยู่ท่ามกลางซอมบี้มาตลอด จึงไม่แปลกที่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนหน้านี้หลิงม่ออาศัยอยู่ห่างจากซอมบี้ เวลาหาอาหารก็ใช้วิธีควบคุมหุ่นซอมบี้ แม้จะฆ่าซอมบี้ เขาก็ไม่ได้วิ่งกลับไปดูว่าสภาพซากซอมบี้ตัวนั้นเป็นอย่างไร เขาจึงไม่มีทางรู้เลย
อย่างไรก็ตามนี่เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าเขาคาดเดาได้ถูกต้องจริงๆ จะต้องยกระดับกำลังความสามารถให้เร็วเท่าที่จะเร็วได้ ถึงจะมีชีวิตอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่นับวันจะยิ่งโหดร้ายได้...
หลังจากจัดการกับซอมบี้อีกสามสี่ตัว ในที่สุดพวกหลิงม่อก็เข้าไปในหอพักชาย
ระเบียงทางเดินที่คับแคบในหอพักเป็นเส้นทางไปสู่นรกชัดๆ คราบเลือดสีน้ำตาลเข้มสาดกระเซ็นไปทั่วไม่ว่าจะเป็นบนผนังหรือบนพื้น อีกทั้งประตูห้องบางส่วนก็เปิดแง้มไว้ ยิ่งเพิ่มความน่าสะพรึงกลัวเข้าไปอีก เวลาที่เดินในสถานที่แบบนี้ จะต้องคอยสังเกตอยู่ตลอดเวลาว่าจะมีซอมบี้กระโดดออกมาจากข้างในห้องหรือไม่
ตึกนี้มีทั้งหมดห้าชั้น ประมาณอย่างคร่าวๆ น่าจะมีเป็นร้อยห้อง ว่ากันตามเหตุผลแล้ว การจะตามหาลู่ซินกับซย่าน่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่หลิงม่อไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว เพราะแค่เขากวาดตามองแวบเดียว ก็เห็นร่องรอยที่ลู่ซินทิ้งเอาไว้ทันที
ขณะที่ยื่นมือไปแตะคราบเลือดสดใหม่บนพื้นที่มีอยู่เล็กน้อย หลิงม่อก็พลันถามขึ้นมาว่า “บาดแผลบนตัวลู่ซินปริหรือว่าซย่าน่าได้รับบาดเจ็บกันนะ เมื่อกี้ที่ขั้นบันไดก็มี แล้วฉันก็เห็นที่ถนนด้วย เพียงแต่มีซากซอมบี้อยู่แถวๆ นั้น ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจ แต่บริเวณรอบๆ นี้ไม่เห็นมีอะไรเลย เลือดนี่จะต้องเป็นของหนึ่งในพวกเขาอย่างแน่นอน”
“เลือดลู่ซิน” หลิวอวี่หาวรีบร้อนตอบ “ผมเพิ่งเห็นเขาโชกเลือดไปทั้งตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ใช่ของซย่าน่าก็ดีแล้ว” หลิงม่อพยักหน้าพลางครุ่นคิด จากนั้นก็มองไปตามรอยเลือด
หยดเลือดที่ปรากฏให้เห็นตลอดทางพวกนี้หยดลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยคราบเลือดสีน้ำตาล ซึ่งคนทั่วไปมองเห็นได้ยาก หากไม่ใช่เพราะความสามารถในการสังเกตที่ฉับไวแล้วล่ะก็ หลิงม่อเองก็คงไม่สังเกตเห็นหยดเลือดพวกนี้เหมือนกัน แต่ลู่ซินเองก็คงไม่คิดที่จะปิดซ่อนร่องรอยเช่นกัน หลิงม่อเพิ่งจะพาพวกหลิวอวี่หาวเดินตามรอยเลือดขึ้นไปบนชั้นสาม ก็พลันเห็นลู่ซินที่ระเบียงทางเดิน
เพิ่งจะแยกกันได้ไม่ถึงสองชั่วโมง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อาจมองดูสารรูปของลู่ซินได้ตรงๆ แล้ว!
ก่อนหน้านี้เขาแค่น่ากวนโอ๊ย แต่ตอนนี้ช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี! ผิวหนังตามเนื้อตัวของเขาไม่เพียงจะถูกเกาจนเปื่อยยุ่ย หนำซ้ำยังเริ่มเป็นหนองแล้วด้วย น้ำหนองสีขุ่นผสมกับเลือดไหลลงมาตามขากางเกงของเขาตลอดเวลา พอนึกถึงที่เมื่อกี้ตัวเองเอามือแตะเลือดนี้ หลิงม่อก็อยากจะรีบล้างไม้ล้างมือซะเดี๋ยวนี้เลย
ทว่าแววตาที่ฉายอยู่ในดวงตาที่มีเลือดคั่งคู่นั้นยังคงเหมือนกับเมื่อก่อน ทั้งหยิ่งยโสและน่าสะอิดสะเอียน
“ลู่ซิน! ซย่าน่าล่ะ!”
ทันทีที่เห็นลู่ซิน หลิวอวี่หาวก็เดือดขึ้นมา หากไม่ได้หลิงม่อขวางเอาไว้ล่ะก็ เขาก็คงจะพุ่งเข้าไปต่อยแล้ว
หลิงม่อกลับรู้สึกว่าลักษณะท่าทางของลู่ซินในตอนนี้ไม่ปกติเป็นอย่างมาก เขาดูไม่เหมือนว่าจะกลายเป็นซอมบี้ แต่ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ...เน่าเปื่อยเสียมากกว่า!
ใช่แล้ว เน่าเปื่อย! ดวงตาของเขา การเปลี่ยนแปลงทางพละกำลังของเขา ล้วนเหมือนกับซอมบี้ แต่มีเพียงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่แตกต่างจากซอมบี้โดยสิ้นเชิง หรือว่านี่จะเป็นเพราะสัมผัสกับเชื้อไวรัสของซอมบี้กลายพันธุ์โดยตรง ร่างกายก็เลยไม่อาจทนรับได้
เมื่อเทียบกับซอมบี้ทั่วไปแล้ว เชื้อไวรัสที่มาจากซอมบี้กลายพันธุ์มีความบริสุทธิ์มากกว่าและแน่นอนว่าพิษก็รุนแรงกว่าด้วย!
การเปลี่ยนแปลงของลู่ซินแสดงให้เห็นว่าหลังจากที่คนทั่วไปติดเชื้อไวรัสของซอมบี้ แล้วหากไม่ได้ตายไปในทันที พวกเขาก็จะต้องกลายเป็นซอมบี้ แต่ถ้าติดเชื้อจากซอมบี้กลายพันธุ์โดยตรงและสัมผัสกับเชื้อไวรัสที่มีความบริสุทธิ์สูงในทันที ร่างกายก็ไม่อาจที่จะทนรับได้
..........................................................................................................................................