ตอนที่ 74 แยกกันปฏิบัติการ
รถจอดอยู่ด้านนอก หลังทุกคนขนย้ายอุปกรณ์ไปยังฐานลับ พวกเขาก็เริ่มบรรยายภารกิจกัน
“เรามีสองปฏิบัติการ อย่างแรก ปลอมเป็นคนเร่ร่อนและลอบเข้าไปในเมืองป่าอีกาดำเพื่อรวบรวมข้อมูล สอง ค้นหาทหารยามจากองค์กรต้นกำเนิดและบังคับให้พวกมันคายข้อมูลออกมา”
“เราจะจัดการกับทหารยาม พวกคุณสามารถไปยังเมืองป่าอีกาดำได้เลย”วินน่ากล่าวทันที
ตี้ซูซูขมวดคิ้ว มีความเป็นไปได้มากว่าอาจมีสายลับซ่อนในเมือง หากพวกเขาพยายามแทรกซึมเข้าไป พวกเขาอาจถูกเปิดโปงและตกอยู่ในอันตราย หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาย่อมไม่ได้อะไร การค้นหาทหารยามจะปลอดภัยกว่าและง่ายกว่า
เฮสล่ากลับอดใจโยนงานอันตรายทั้งหมดให้แผนก13ไม่ได้ ทัศนคตินี้ทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ต้องยอมรับมันอยู่ดี หากมันเป็นเฮสล่าก็ต้องเป็นแผนก13 เช่นนั้น มันจึงไม่มีใครคัดค้าน
“เพื่อแทรกซึมเข้าเมือง ก่อนอื่นเราต้องปลอมตัวเป็นคนเร่ร่อนและจากนั้นก็หาโอกาสรวบรวมข้อมูล เราต้องไม่ทำให้ศัตรูตื่นตัว”ฉี ไป่เจี่ยกล่าว
หลังหารือกัน มันก็ตัดสินใจว่าต้องมีคนอยู่ฐานเป็นกองหนุน ซึ่ง4คนจะอยู่แนวหลัง : ฉี ไป่เจี่ย หม่าฉิงหยาง หลินเหยาและหานเซี่ยว
เฮสล่าเองก็ทิ้งคนไว้เพื่อปกป้องฐาน หานเซี่ยวรู้จักแค่เย่ฟ่านจากกลุ่มนั้น
และเมื่อถึงตอนบ่าย สายลับเฮสล่าก็ตัดสินใจหยุดพักก่อน พวกเขารอจนถึงรุ่งสาง(เช้ามืด) เมื่อความตื่นตัวของศัตรูต่ำสุด พวกเขานำอุปกรณ์ถ่ายภาพอินฟราเรดติดตัวไปด้วย ดังนั้นความมืดจึงทำให้พวกเขาได้เปรียบ นอกจากนี้ พวกเขายังอยากให้แผนก13เป็นหนูเพื่อกำจัดอันตรายก่อน
เมื่อแผนภารกิจลงตัว เหล่าสายลับแผนก13ก็ได้รวมตัวกันโดยให้ตี้ซูซูเป็นผู้นำ พวกเขาปลอมตัวด้วยชุดของคนเร่ร่อนและดูเหนื่อยล้ากับการเดินทาง พวกเขาก้มหลังให้ค่อม ดูราวกับไร้เรี่ยวแรงแบกเป้สะพายหลังขนาดใหญ่บนหลังและดูเหมือนคนเร่ร่อนจริงๆ จากนั้นพวกเขาก็เดินไปยังเมืองป่าอีกาดำด้วยเท้า
ฐานลับนั้นมีหน้าจอคอมพิวเตอร์จำนวนมากที่เชื่อมต่อกับกล้องและหูฟังของเหล่าสายลับ หานเซี่ยว หลินเหยาและฉี ไป่เจี่ยหมุนกล้องเพื่อติดตามสถานการณ์
ในไม่ช้ากลุ่มของตี้ซูซูก็มาถึงเมืองแออัด ซึ่งฉายบนหน้าจอ มีสิ่งก่อสร้างหลายประเภท และแม้จะเป็นตัวบ้านที่เรียบง่ายและซอมซ่อ มันก็ยังมีคนอยู่มาก ทำให้มันดูเหมือนตลาด แม้เมืองจะเล็ก มันก็ยังมีทุกอย่างแม้กระทั่งโรงแรมสำหรับแขก
“ไปหาที่พักกันก่อนเถอะ”
ตี้ซูซูและกลุ่มถูกชาวบ้านตั้งคำถาม แต่เธอก็ตอบอย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาเป็นแค่’คนเร่ร่อนที่อพยพ’และ’อยากพักที่นี่สักพักก่อนเดินทางต่อ’ หลังจากนั้น พวกเขาก็เข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองได้สำเร็จ
ทันทีที่พวกเขาเข้าห้อง พวกเขาก็รีบกวาดตากล้องและแมลงอย่างมืออาชีพ พวกเขาเริ่มพูดคุยถึงก้าวต่อไปหลังมั่นใจว่าห้องปลอดภัย
“เราควรทำยังไงกันต่อ?”หลี่ย่าหลินม้วนริมฝีปากและมองตี้ซูซูอย่างเย็นชา
ตี้ซูซูไม่มีอารมณ์จะล้อเล่นกับหลี่ย่าหลิน คิ้วของเธอถักกันเป็นปมขณะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คนในเมืองยังสงสัยในตัวตนเรา ฉันคิดว่าเราควรอยู่เฉยๆ”
และทันใดนั้น เสียงของหานเซี่ยวก็ดังขึ้นในหูฟัง“พวกคุณควรลงมือวันนี้”
“ขอเหตุผลที่ดีกว่านี้”ตี้ซูซูโต้กลับ
“ตอนนี้พวกคุณเป็นคนต่างถิ่น ดังนั้นพวกคุณควรรีบลงมือ มันเป็นเรื่องปกติที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับที่พักใหม่ มันจะดูแปลกหากพวกคุณจงใจปกปิดตัวเอง ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกคุณมีแรงจูงใจอื่น”
ทุกคนมองหน้ากัน“นั่นดูสมเหตุสมผล”
“..ทำตามที่หานเซี่ยวแนะนำเถอะ”
เมืองมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงสถานบันเทิง คาสิโน ร้านขายยา ร้านอาหารและแม้กระทั่งสถานที่ผ่อนคลาย ตกดึก ทั้งกลุ่มแยกย้ายกันไปและแสร้างทำเป็นใช้เงิน สำรวจหาข้อมูล และรวบรวมข้อมูล อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับไม่พบอะไร ชาวบ้านส่วนใหญ่คือคนเร่ร่อนปกติ และพวกเขาก็ไม่มีอะไรให้สืบสาว
“ศัตรูเราต้องซ่อนอยู่ลึก เราอาจไม่ได้อะไรเลยผ่านวิธีนี้”สีหน้าของฉี ไป่เจี่ยดำมืด
“จริงๆแล้ว ผมมีวิธีอยู่”หานเซี่ยวยิ้ม เขารู้ว่ามีสายลับประจำการในเมืองนี้ หลังผู้เล่น’จริง’ได้รับชื่อเสียงเพียงพอจากภารกิจ พวกเขาสามารถเลือกเข้าร่วมองค์กรต้นกำเนิดได้ผ่านNPCคนนี้ ด้วยการจับNPCคนนี้ พวกเขาจะสามารถดึงข้อมูลจำนวนมากได้
หานเซี่ยวรู้พิกัดที่แน่ชัดของฐานหุบเขาอีกาดำ แต่เขาไม่มั่นใจเรื่องความแข็งแกร่งทางทหารและการป้องกันของฐาน หลังผ่านมาสิบปี เขาจำได้แค่ข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับสถานที่ นอกจากนี้ พวกเขายังอยู่ในจุดที่แตกต่างกัน ดังนั้นมันย่อมเปลี่ยนแปลงไปบ้าง นั่นทำให้เขาต้องหาทางรวบรวมข้อมูลจากNPC
“พวกคุณควรไปทางใต้ของเมือง หรือก็คือแถวคาสิโน มันควรเป็นเพื่อนหัวล้านที่รู้เกี่ยวกับข้อมูลของฐาน”หานเวี่ยวอธิบายสายลับจากองค์กรต้นกำเนิดที่ประจำการในเมือง เหล่าผู้เล่น’จริง’ที่เกิดในเมืองป่าอีกาดำสามาถรเข้าร่วมองค์กรต้นกำเนิดได้ผ่านNPCคนนี้เท่านั้น
ทุกคนตกใจ ตี้ซูซูถึงกับขมวดคิ้ว“นายไปได้ข้อมูลนี้จากไหน?”
“ผมมีวิธีของผม”
“แล้วหากข้อมูลผิดพลาดละ?”ตี้ซูซูยืนกราน
“ฟังเขา”ฉี ไป่เจี่ยพูดเพื่อหานเซี่ยว ก่อนภารกิจ เบื้องบนได้สั่งให้เขาเชื่อใจหานเซี่ยว นี่แสดงให้เห็นว่าเบื้องบนตีค่ากับหานเซี่ยวไว้สูงมาก
ตี้ซูซูต้องระงับความสงสัยเธอและทำตามคำสั่ง เธอให้สายลับบางคนไปยังคาสิโนขนาดเล็กและมองหาคนอย่างเงียบๆ และพวกเขาก็พบชายหัวล้าน ผู้เป็นนายธนาคารของคาสิโน
“เราควรทำยังไงต่อ?หากเราลงมือ เราอาจทำให้ศัตรูตื่นตัว เขาอาจมีพวกอยู่รอบๆ”ตี้ซูซูถาม
หานเซี่ยวพูดไม่ออก“เราพบเป้าหมายเราแล้ว แต่มืออาชีพอย่างคุณกลับไม่รู้ว่าควรทำยังไง?”
ตี้ซูซูรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า ความโกรธสุมแน่นเต็มหน้าอกเธอ แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็ตระหนักว่าเธอถามคำถามโง่ๆออกไปจริงๆ เธอรวบรวมสมาชิกเธอเพื่อแอบล้อมชายคนนั้น
หานเซี่ยวดูเวลา เขาลุกขึ้นและปล่อยให้หลิน เหยาเข้ารับหน้าที่แทน เขาไม่รู้สึกว่าเขาต้องคอยแนะนำอะไร หากพวกเขาไม่อาจจับตัวชายหัวล้านได้ สายลับเหล่านี้ก็สมควรตาย
ในเวลาเดียวกัน วินน่าและทีมเธอก็ออกไปปฏิบัติภารกิจหลังเธอมอบหานเซี่ยวอย่างอาฆาต
หานเซี่ยวไม่คิดพักอยู่ในฐานลับ เขาเดินไปยังตู้ของยักษ์ดำและเริ่มประเมินสถานการณ์ ปฏิบัติการทั้งสองเป็นแบบทีม พวกเขาจะทำสำเร็จโดยไม่สะดุดอะไร ฉันควรกังวลถึงภารกิจส่วนตัวฉัน ฉันจะต้องหาเครื่องมือเพื่อลอบฆ่าทหารยามในป่า
หานเซี่ยวหยิบอะไหล่ออกมาและเริ่มทำงานเขา
ท่านต้องการผสานพรสวรรค์หรือไม่?
(การตรวจจับเชิงพื้นที่ขั้นพื้นฐาน+วิศวกรรมชีวภาพขั้นพื้นฐาน+วิศวกรรมเครื่องกลขั้นพื้นฐาน)
การผสานนี้จะใช้ค่าประสบการณ์15000หน่วย
การผสานสำเร็จ!
ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านได้ประดิษฐ์[เครื่องตรวจจับชีวภาพขนาดเล็ก(แมงมุม)]
-
…
ทีมของวินน่าวิ่งผ่านต้นไม้ราวกับสัตว์ป่าที่คอยล่าเหยื่อ พวกเขาสวมชุดลายพรางและแว่นตามองกลางคืน
ทหารยามประจำการอยู่ด้านนอกฐาน หนึ่งในสมาชิกคือผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะรอย เขาสามารถคาดเดาจำนวนคนที่เดินไปมาตลอดหนึ่งวันได้
เขาชื่อมากานู คนอินเดียแดงร่างสูง เขามีร่างกายราวกับภูเขาขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนพิถีพิถัน เขาลูบพื้นดินด้วยปลายนิ้ว ถูมัน ดมมันและไตร่ตรองสักพัก“มีชายคนหนึ่ง น้ำหนักประมาณ180ปอนด์ เขาเดินผ่านมาตรงนี้จากทิศตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อประมาณ7ชั่วโมงก่อน”
วินน่าไม่สงสัยการคาดการณ์ของมากานู เธอและทีมเธอเดินอย่างระมัดระวังในทิศทางนั้น ทันใดนั้น พวกเขาก็หยุด กแว่นตากลางคืนตรวจพบสิ่งมีชีวิตบนต้นไม้ไกลออกไปสามร้อยเมตร
“ทำการค้นหาโดยรอบ!”
วินน่าใจเย็นและยังไม่ลงมือ เธอสั่งทีมเธอให้ค้นหาทหารยามหรืออุปกรณ์เฝ้าระวังอื่นๆโดยรอบ หลังจากนั้นประมาณ20นาที พวกเขาก็ยืนยันได้ว่าปลอดภัย
เย่ฟ่านออกคำสั่งผ่านวิทยุ“เอาตัวเขาลงมา!”
วินน่าเรียกพลังของเธออกมาและทันใดนั้น คลื่นพลังงานสีแดงก็ปรากฏใต้เท้าเธอ เธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบภายในรัศมีร้อยเมตรจากศัตรู เธอมักอยู่ในจุดบอดของศัตรูโดยใช้ต้นไม้เป็นที่กำบัง เธอกระโดดไปบนต้นไม้ราวกับแมวก่อนเรียกพลังงานสีแดงออกมา พลังงานช่วยให้เธอเกาะติดบนกิ่งไม้ และเธอก็กระโดดเกาะต้นไม้อีกต้นอย่างรวดเร็ว
ทหารยามรู้สึกได้ถึงลมกระโชกอย่างฉับพลันเหนือหัวเขา เขาแหงนหน้าขึ้นมองและเห็นเงาดำกำลังพุ่งใส่เขาด้วยความเร็วสูง