ตอนที่ 55 ทะลวงสู่อาณาทะเลยอดลมปราณ
มันเป็นเรื่องจริงที่เจียงวู่เฉิงกำลังจะทะลวงระดับ แต่มันไม่ใช่อย่างที่หยินมินและคนอื่นๆคิด ความก้าวหน้าของเขาไม่ใช่การก้าวเข้าสู่อาณาแก่นทองคำ แต่เป็นระดับอาณาทะเลลมปราณ
ไม่มีใครที่รู้ว่าเจียงวู่เฉิงที่สามารถสังหารผู้ที่อยู่ในขั้นสูงสุดอาณาทะเลลมปราณได้อย่างง่ายดายนั้น ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นอาณาทะเลลมปราณเลย
เขานั้นนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องใต้หลังคา พลังลมปราณทั่วทั้งห้องกำลังไหลมารวมตัวกันภายในร่างกายของเขา
เมื่อมาถึงจุดสูงสุดของขั้นที่9แห่งเส้นทางเซียนเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา การทะลวงขั้นของเขานั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ก่อนหน้าในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับศัตรูทั้งสามคน เขาสังเกตเห็นถึงสัญญาณบางอย่างที่บอกว่าพลังลมปราณของเขากำลังจะก้าวหน้าขึ้น
นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา มันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่เขาไม่กล้าที่จะทำให้เกิดความล่าช้า
คนอื่นก็แค่อาณาทะเลลมปราณทั่วไป แต่สำหรับข้าคืออาณาทะเลยอดลมปราณ
เพราะเจียงวู่เฉิงนั้นฝึกฝนเคล็ดบัญญัติสวรรค์ ที่เป็นเคล็ดการบ่มเพาะที่ท้าทายสวรรค์
การบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้เป็นการบ่มเพาะที่ฝ่าฝืนกฏธรรมชาติอย่างมาก ในทุกย่างก้าวของเขาเป็นการท้าทายธรรมชาติและทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่พิเศษ
เคล็ดบ่มเพาะทั่วไปนั้นมีเพียงแค่7ขั้นของวิถีลมปราณ ในขณะที่เคล็ดบัญญัติสวรรค์นั้นมีถึง9ขั้นในเส้นทางแห่งเซียน
นักรบทั่วไปจะกลายเป็นขั้นอาณาทะเลลมปราณหลังจากที่ทะลวงขั้นวิถีลมปราณ แต่ผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดบัญญัติสวรรค์จะกลายเป็นอาณาทะเลยอดลมปราณ
"ข้าสงสัยจริงๆว่าอะไรคือขั้นอาณาทะเลยอดลมปราณ"เจียงวู่เฉิงรู้สึกตื่นเต้น ภายในตัวเขาก่อเกิดพลังลมปราณที่เข้มขนพุ่งทะลวงเข้าชนสิ่งกีดขวาดและบุกทะลวงทุกอย่าง
พลังลมปราณส่งผลกระทบกับร่างกายของเขาอย่างมากเมื่อพวกมันพยายามที่จะทำลายสิ่งกีดขวาง พลังลมปราณที่เหลือของเขาไหลเข้าสู่กล้ามเนื้อและเส้นเลือดของเขาในทันที
เขาได้มาถึงขั้นอาณาทะเลยอดลมปราณในทันที!
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าขั้นอาณาทะเลยอดลมปราณคืออะไร เมื่อเขาได้ผ่านการทะลวงขั้นมา
"มันคือพลังลมปราณ ข้าเพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นอาณาทะเลลมปราณ แต่พลังของข้ากลับมากกว่านักรบทั่วไปที่อยู่ในขั้นอาณาทะเลลมปราณถึงสิบเท่า"ความประหลาดใจปรากฏขึ้นใบหน้าของเขา
เมื่อเปรียบเทียบกับอาณาทะเลลมปราณของนักรบทั่วไป พลังลมปราณของเขานั้นกว้างใหญ่กว่าอย่างมาก
อาณาทะเลลมปราณแบ่งออกเป็นสามระดับ แบ่งได้เป็นแรกเริ่ม,ลึกซึ้งและสูงสุด ภายในตันเถียนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อก้าวหน้าขึ้นทุกระดับ แต่มันเป็นเรื่องที่แตกต่างสำหรับระดับอาณาทะเลยอดลมปราณ
สำหรับเขาแล้ว แทนที่จะมีระดับแรกเริ่ม,ลึกซึ้งและขั้นสูงสุดของอาณาทะเลลมปราณ และจะมีพลังลมปราณเพิ่มขึ้นมาในแต่ละขั้น
ตอนนี้เจียงวู่เฉิงเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ขั้นแรกของขั้นอาณาทะเลยอดลมปราณ พลังลมปราณของเขาก็มีมากกว่าถึง10เท่าของนักรบในขั้นอาณาทะเลลมปราณทั่วไป
ในขั้นที่สองของอาณาทะเลยอดลมปราณ พลังลมปราณของเขาจะเป็น100เท่าของคนทั่วไป
หากเขาไปถึงขั้นที่สามของอาณาทะเลยอดลมปราณ มันก็สามารถอธิบายได้ว่าพลังของเขาจะไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง
ปริมาณของพลังลมปราณที่อยู่มีอยู่ไม่สมควรที่จะมีอยู่น้อย นักรบนั้นต้องมีรากฐานของพลังลมปราณที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะต่อสู้กับผู้อื่นหรือการใช้วิชาการต่อสู้ของพวกเขา หากพลังลมปราณของพวกเขาหมดเพราะการต่อสู้ที่ยาวนาน พวกเขาก็ทำได้แค่รอที่จะถูกฆ่า
และพลังลมปราณที่ไม่มีที่สิ้นสุดหมายถึงอะไร?
นั่นหมายว่าถ้าเขากำลังต่อสู้กับใครบางคนที่มีความแข็งแกร่งเท่าๆกัน เขาสามารถที่จะใช้พลังลมปราณที่ไม่มีที่้สิ้นสุดของเขาเพื่อยืดเวลาการต่อสู้และรอให้คู่ต่อสู้หมดแรงได้
นี่เป็นข้อได้เปรียบอย่างแท้จริง มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามระดับของอาณาทะเลลมปราณจะเพิ่มเพียงแค่ปริมาณของพลังลมปราณเท่านั้น มันจะไม่เพิ่มความแข็งแกร่งแต่อย่างใด กล่าวคือความแข็งแกร่งของพลังลมปราณจะเท่าเดิมคงที่ตลอดไป สิ่งนี้แตกต่างจากขั้นวิถีลมปราณ ที่การก้าวหน้าในแต่ละขั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังลมปราณให้พวกเขาในแต่ละระดับด้วย
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เจียงวู่เฉิงกังวลใจแต่อย่างใด "มันเป็นเรื่องปกติที่ความแข็งแกร่งของพลังลมปราณจะไม่เพิ่มขึ้น"
ท้ายที่สุดแล้ว พลังลมปราณของเขานั้นก็ใกล้เคียงกับจุดสุดยอดอาณาทะเลลมปราณ เมื่อเขาอยู่จุดสูงสุดของขั้นที่9 หากพลังลมปราณของเขาได้ไปถึงขั้นสูงสุดของอาณาทะเลยอดลมปราณ แล้วใครจะสามารถมีชีวิตรอดหลังจากการต่อสู้กับเขา?
"พลังลมปราณของข้าได้ปะทุขึ้นมา..."เขาหลับตาและกำมือแน่น เขารู้สึกถึงพลังลมปราณที่ระเบิดขึ้นบนมือของเขาอย่างฉับพลัน เขารู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาในทันที รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา
"ตอนนี้ข้าได้มาถึงอาณาทะเลยอดลมปราณ ข้าอาจจะไม่เห็นความแตกต่างในการปะทุของพลังลมปราณ แต่ในอนาคตถ้าข้าเข้าสู่ขั้นที่2และ3 พลังลมปราณของข้าน่าจะปะทุขึ้นในระดับเดียวกับอาณาแก่นทองคำ
เขาเพิ่งมาถึงขั้นแรกของอาณาทะเลยอดลมปราณเท่านั้น แต่พลังลมปราณของเขาก็ปะทุขึ้นมาในระดับเดียวกับอาณาแก่นทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังลมปราณของเขานั้นเหนือกว่านักรบที่อยู่ในอาณาทะเลลมปราณ นี่คือเคล็ดการบ่มเพาะที่สุดยอด
...
ขณะที่เจียงวู่เฉิงกำลังรู้สึกประหลาดใจกับความก้าวหน้าของตัวเอง มีบางเรื่องเกิดขึ้นในห้องลับใต้ดินของสำนักเทียนหวน
เงาที่ถูกห่อด้วยเสื้อคลุมสีดำปรากฏขึ้นทีละจุด
"เสียงกรีดร้องจากด้านบนเริ่มจะลดน้อยลง ดูเหมือนว่าการต่อสู้ภายในนิกายเทียนหวนกำลังจะสิ้นสุดลง"ชายที่สวมหน้ากากสีเงินกล่าวขึ้น
นักรบของวังมังกรทองต่อสู้กันมาเป็นเวลานานกว่าสองชั่วโมง และมีเวลาเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะกวาดล้างสำนักเทียนหวน นักรบที่อยู่ในขั้นอาณาทะเลลมปราณส่วนใหญ่ของนิกายเทียนหวนล้วนถูกสังหารไปหมดแล้ว มีเพียงส่วนน้อยที่หนีรอดไปและยังคงกระจัดกระจายอยู่ทั่วนิกาย
โดยธรรมชาติแล้วการต่อสู้กำลังจะจบลงโดยไม่ช้า
แต่ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
บูม!
ประตูห้องลับถูกเปิดออกและตามมาด้วยเสียงหัวเราะมากมาย
"ฮ่าฮ่า! ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมีห้องลับอยู่ภายในนิกายเทียนหวน"
ทุกคนในห้องลับต่างรู้สึกเย็นวาบเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ
ประตูห้องลับเปิดออก และปรากฏเงาทั้งสี่ร่างก้าวขึ้นมา หากเจียงวู่เฉิงอยู่ที่นี่เขาจะจำได้ในทันทีว่าเงาทั้งสี่นั้นคือใคร
นาทีที่ชายทั้งสี่ก้าวเข้ามาในห้องลับ ชายทั้งเก้าก็จ้องมองพวกเขาด้วยความเย็นชา การจ้องมองมาของชายสวมหน้ากากสีเงินนั้นรุนแรงอย่างมาก สายตาของเขาเปรียบได้ดั่งดาบที่จะทะลุหัวใจของพวกเขา
"โอ้"
เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมอง ชายทั้งสี่ต่างรู้สึกเหมือนว่าหัวใจของพวกเขากำลังจะหยุดเต้น
ชายอ้วนคนนั้นอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในทันใดนั้นชายสวมหน้ากากสีเงินก็หายตัวไปในทันที เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งข้างหลังของชายร่างอ้วน
ดวงตาของชายร้วงอ้วนเบิกกว้าง เขารู้สึกถึงความอุ่นที่คอของเขาและพบว่ามีเลือดอุ่นๆไหลออกมาจากลำคอของเขา
ฟึบ!ผู้บุกรุกทั้งสี่ต่างล้มลงบนพื้น
ทันใดนั้นชายสวมหน้ากากสีเงินก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชาและกังวานไปทั่วห้องลับ
"เนื่องจากพวกเราถูกพบเจอแล้ว เราจึงไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป ตามข้ามาและออกไปฆ่าพวกมัน ข้าอยากจะรู้นัก ว่าจะมีใครกล้ามาหยุดข้า!"
...