ตอนที่แล้วบทที่ 22 เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่ชอบให้แบ่งแยกชัดเจนเกินไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 คุ้มแล้วที่แต่งงานกับซ่งฉู่อี๋

บทที่ 23 คุณยังน่าเกลียดได้กว่านี้อีกมั้ย


บทที่ 23 คุณยังน่าเกลียดได้กว่านี้อีกมั้ย

 

ซ่งฉู่อี๋ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกทะแม่งๆ แล้วคิ้วก็กระตุกทันที “เยี่ยนฉางฉิง คุณยังน่าเกลียดได้กว่านี้อีกมั้ย”

 

“แค่พูดล้อเล่นเอง” ฉางฉิงยิ้มกว้างแบบอายๆ ก็ได้ เธอยอมรับว่าตัวเองนิสัยไม่ดี

 

ต้องโทษหร่วนยั่งที่เมื่อก่อนชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นในหอพัก พวกหวงน้องชายเอย หวงน้องสาวเอย...

 

ซ่งฉู่อี๋เม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร

 

บรรยากาศดูอึมครึม ฉางฉิงคิดว่าควรจะหาเรื่องคุยสักหน่อย เธอใช้หัวคิดแล้วก็คิด ขณะนั้นเองรถก็จอดหยุดอยู่ที่สี่แยก ซ่งฉู่อี๋หันมามองเธอ สมองเธอถึงกับเบลอชั่วขณะ แล้วเธอก็พูดโพล่งออกมาว่า “แม่เลี้ยงคุณท้องกี่เดือนแล้วเหรอคะ”

 

สีหน้าของซ่งฉู่อี๋ดำทะมึน เธอไม่เห็นหรือยังไงนะว่าตอนที่ทานอาหาร ตัวเขามีท่าทีเย็นชากับคนที่เป็นแม่เลี้ยงตลอดเลย

 

ฉางฉิงเองก็อยากตบปากตัวเองสักฉาด เธอพูดเสียงอ่อนยวบว่า “ขอโทษค่ะ แทงโดนใจดำคุณเข้า ถ้าคุณไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูดหรอกค่ะ”

 

“การที่คนนิสัยอย่างคุณอยู่ที่สถานีโทรทัศน์มาได้จนถึงตอนนี้โดยที่ยังไม่ถูกบีบให้ออก ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์จริงๆ” ซ่งฉู่อี๋กดหว่างคิ้วพลางเหน็บแนม

 

ฉางฉิงไม่ยอม “ฉันเป็นแบบนี้แค่เฉพาะเวลาที่อยู่กับคุณเท่านั้นแหละค่ะ ใครใช้ให้คุณชอบตีหน้าขรึม ดูน่ากลัวแบบนั้นด้วยล่ะ”

 

ซ่งฉู่อี๋ขี้เกียจที่จะสนใจเธอแล้ว เมื่อขับมาถึงหน้าบ้านตระกูลเยี่ยนและลงจากรถ เขาก็พูดเตือนว่า “เยี่ยนฉางฉิง ผมไม่สนนะว่าเมื่อก่อนคุณเป็นยังไง แต่หลังจากแต่งงานแล้ว คุณต้องระวังกิริยาของตัวเองให้มากหน่อย ผมไม่อยากเห็นข่าวฉาวเละเทะมั่วซั่วของคุณ”

 

ฉางฉิงฉุนกึก ก่อนหน้านี้เขาช่วยเธอต่อหน้าซ่งฉูหล่าง เธอยังนึกว่าเขาเชื่อในตัวเธอ คิดไม่ถึง... “ได้ค่ะ คุณสบายใจได้เลย ถึงแม้วันดีคืนดีฉันจะถูกลักพาตัวไป ฉันก็ขอยอมหักข้อมือตัวเองทิ้งดีกว่า ยังไงฉันก็ต้องรักษาชื่อเสียงของตระกูลซ่งพวกคุณเอาไว้”

 

เธอเหวี่ยงปิดประตูและเดินจากไป ซ่งฉู่อี๋กดหว่างคิ้ว เขาแอบเสียใจนิดๆ ที่จริงแล้วเขาไม่ควรหาบุคคลสาธารณะอย่างเธอมาเป็นภรรยาหรือเปล่านะ

 

พอฉางฉิงกลับถึงบ้าน เยี่ยนเหล่ยก็ดึงตัวเธอมาไต่ถามถึงเรื่องที่ไปบ้านตระกูลซ่งจริงๆ ด้วย หลังจากที่เห็นซองอั่งเปาและเครื่องประดับแล้ว เยี่ยนเหล่ยก็พยักหน้าอย่างพออกพอใจ “ตอนแรกพ่อยังกังวลอยู่เลยเรื่องที่ตระกูลเยี่ยนเราเป็นฝ่ายขอร้องพวกเขา แถมลูกยังรีบร้อนจดทะเบียนสมรสอีก กลัวว่าหลังจากแต่งงานไปแล้ว พวกเขาตระกูลซ่งจะไม่ดีกับลูก ดูถูกลูก แต่ตอนนี้พ่อเบาใจแล้วละ”

 

เมื่อเห็นสีหน้าเป็นปลื้มของเยี่ยนเหล่ย ทันใดนั้นฉางฉิงก็รู้สึกว่าซ่งฉู่อี๋เข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้อาวุโสเป็นอย่างดี สำหรับเธอแล้ว เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เธอเองก็ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากมายนัก

 

_ _ _ _ _ _ _ _

 

วันรุ่งขึ้น ฉางฉิงขอลางานช่วงครึ่งเช้าเพื่อย้ายบ้าน

 

ช่วงเก้าโมงกว่า ซ่งฉู่อี๋มาช่วยเธอขนย้ายข้าวของสัมภาระ เขาอาศัยอยู่ที่เพนท์เฮาส์กวานหู ย่านที่อยู่อาศัยสุดหรูบริเวณใกล้ๆ โรงพยาบาลป๋อฮั่น เวลาที่เข้าห้องก็จะต้องรูดการ์ดและกดรหัสผ่าน ซึ่งห้องพักของเขาอยู่ที่ชั้นสิบห้า

 

ตอนที่เปิดประตูห้อง ซ่งฉู่อี๋ก็พูดขึ้นมาว่า “จำรหัสผ่านที่ผมกดไว้ด้วยนะ”

 

เขากดปุ่ม ‘ติ๊ดๆ’ สี่ห้าปุ่ม ความรู้สึกแปลกใจเอ่อท้นขึ้นในใจของฉางฉิง “ทำไมถึงเป็นตัวเลขวันเกิดของฉันล่ะ”

 

สายตาของซ่งฉู่อี๋ฉายประกายเมินเฉยเล็กน้อย “พ่อคุณบอกว่าคุณความจำไม่ดี ผมกลัวว่าคุณจะจำไม่ได้ เมื่อวานผมก็เลยเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่”

 

ฉางฉิง “...”

 

“แล้วก็...” ซ่งฉู่อี๋พูดยังไม่ทันจบ จู่ๆ ก็มีบางสิ่งบางอย่างในห้องพุ่งชนประตูเปิดออก สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ริทรีฟเวอร์สีเบจตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่ซ่งฉู่อี๋ หางที่มีขนปุกปุยส่ายไปมาอย่างกระตือรือร้น แต่พอเห็นฉางฉิง ดวงตาดำขลับของมันก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วหันไปกระโจนเข้าใส่ฉางฉิงแทน

 

ตอนแรกฉางฉิงรู้สึกตกใจ แต่เมื่อมันกระโจนเข้ามาที่ข้างเอวและออกแรงถูไถเธอไปมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะกอดหอมและลูบตัวมัน “สุนัขน่ารักจังเลย คุณเลี้ยงไว้เหรอคะ”

 

ซ่งฉู่อี๋งงงัน แล้วอธิบายว่า “ผมกำลังจะบอกคุณอยู่พอดีว่าที่จริงผมเลี้ยงสุนัขไว้หนึ่งตัว เมื่อสองปีก่อนคนไข้คนหนึ่งของผมที่เสียชีวิตไปให้ผมช่วยดูแลมัน หวังว่าคุณจะไม่ถือสาเรื่องที่เลี้ยงสุนัขในบ้าน”

 

“ไม่ถือสาเลยค่ะ ที่จริงฉันอยากเลี้ยงสุนัขมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่พ่อฉันไม่ยอม” ฉางฉิงรู้สึกว่าน้องหมาตัวนี้น่ารักมาก “ว่าแต่คนไข้คนนั้นไม่มีญาติพี่น้องเหรอคะ ทำไมถึงให้คุณช่วยดูแลให้”

 

“เขาเป็นชายชราที่อยู่ตัวคนเดียว ลูกชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน มีเพียงสุนัขตัวนี้ที่อยู่เป็นเพื่อน เขาอาการหนักมาก มีเพียงวิธีเดียวคือต้องผ่าตัด แต่เปอร์เซนต์ที่จะผ่าตัดสำเร็จนั้นต่ำมาก” ซ่งฉู่อี๋พูดพลางเปลี่ยนรองเท้า “เขาบอกว่าถ้าการผ่าตัดล้มเหลว หวังว่าผมจะช่วยเลี้ยงสุนัขตัวนี้แทนเขาด้วย ซึ่งภายหลัง...ผลการผ่าตัดล้มเหลว นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมผ่าตัดไม่สำเร็จ”

 

................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด