ตอนที่แล้วตอนที่ 213 เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 215 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอร่อยเสมอ

ตอนที่ 214 สถานการณ์พลิกผัน


ตอนที่ 214 สถานการณ์พลิกผัน

ฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่และกำลังรอให้ใครบางคนพูดกับนาง แต่ตอนนี้นางไม่อยู่ในอารมณ์นั้น ใจของนางเต็มไปด้วยภาพของเฟิงหยูเฮงที่ส่ายหน้าต่อนางกำนัลอาวุโสโจว และน้ำเสียงของนางที่บอกว่าพรุ่งนี้นางจะเข้าไปในพระราชวังเพื่อขอรับการอภัยโทษจากฮ่องเต้ ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะคิดเช่นไร นางก็รู้สึกว่าเฟิงหยูเฮงไม่ผิด ไม่ใช่ว่าหมอไม่ได้รักษาจนสุดความสามารถ แต่ขาขององค์ชายเก้าได้รับบาดเจ็บมานานแล้วจะรักษาให้หายได้อย่างไรในครั้งเดียว

“อาเฮง” นางเรียกชื่อเฟิงหยูเฮง แต่นางไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนเฟิงหยูเฮงอย่างไรดี

เฟิงหยูเฮงยิ้มและมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่เอ่ยถึงเรื่องของซวนเทียนหมิงอีกต่อไป นางพูดถึงเรื่องครอบครัวแทน “เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาข้าไม่ได้ไปรักษาหลังของท่านย่า ยาที่ให้ฉิงซวงไปส่งให้ ท่านย่าได้รับหรือไม่เจ้าคะ ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ามีสีหน้าที่ขมขื่นและพูดว่า “ข้าได้รับแล้ว และข้ากำลังใช้มัน หลังข้าดีขึ้นมากแล้ว ดูสิ ข้าสามารถออกมาข้างนอกได้แล้ว” นางกังวลที่จะถามเรื่องขององค์ชายเก้า ไม่รอให้เฟิงหยูเฮงพูด นางรีบสอบถามว่า “อาเฮง ขาขององค์ชายเก้า…ไม่สามารถรักษาได้จริงหรือ ?”

คำถามของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ทุกคนรู้สึกกังวล แม้แต่วังซวนและหวงซวนก็ยังกังวลเช่นกัน

เฟิงหยูเฮงมองไปที่ทุกคน และส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “มันปล่อยให้อาการเรื้อรังนานเกินไป เป็นการยากที่จะรักษาเจ้าค่ะ”

“ไม่มีความหวังเลยหรือ?”

“หลานไร้ความสามารถ”

“เจ้ามันไร้ความสามารถ !” เฟิงเฟินไดเริ่มตะโกนเสียงดัง ขณะที่นางชี้ไปที่เฟิงหยูเฮงแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถก็อย่าอวดอ้าง การรักษาขาของพระองค์เป็นสิ่งที่เจ้าทำไม่ได้”

เดิมทีเฟิงหยูเฮงไม่ได้มีเจตนาที่จะโต้เถียงกับใคร แต่เฟิงเฟินไดกลับตำหนินางไม่หยุดปาก สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกรำคาญอย่างแท้จริง ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะมองเฟิงเฟินไดด้วยสายตาเย็นชา “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ตำหนักหยูและเชิญนางกำนัลอาวุโสโจวมา ? ข้าว่าน้องสี่ชอบวุ่นวายกับเรื่องของข้า เมื่อแม่นมผู้สอนมารยาทมาถึงคฤหาสน์เฟิงในวันพรุ่งนี้ ข้าจะบอกนางให้สอนน้องสี่ให้รู้จักมารยาท”

ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเฟิงเฟินไดมากที่สุด และสั่งบ่าวรับใช้เสียงดัง “พานางไปนั่งคุกเข่าสำนึกผิดในวัด วันนี้งดอาหารนาง !”

เมื่อได้รับคำสั่งจากฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวรับใช้สองคนก็เดินไปข้างหน้าแล้วลากเฟิงเฟินไดออกไปทันที

เฟิงเฟินไดตะโกนว่า “ปล่อยข้า ! ปล่อยข้า ! ท่านย่า เฟินไดไม่ต้องการคุกเข่าในวัด ! ท่านย่า !”

น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจเสียงตะโกนของนาง ฮูหยินผู้เฒ่านั้นรีบบอกกับเฟิงหยูเฮงว่า “เฟินไดไปที่ตำหนักหยูเอง ย่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”

เฟิงหยูเฮงปลอบโยนนาง “ท่านย่าไม่ต้องกังวล อาเฮงเข้าใจดีเจ้าค่ะ”

“เป็นเรื่องที่ดีถ้าเจ้าเข้าใจ” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจเล็กน้อย นางยังต้องการสอบถามเพิ่มเรื่องการรักษาขาขององค์ชายเก้า แต่นางเห็นว่าเฟิงหยูเฮงไม่มีความตั้งใจที่จะพูดอะไรเพิ่มเติม ดังนั้นนางจึงได้แต่ยอมแพ้เท่านั้น “เจ้าไม่ได้พักมาหลายวันแล้วเจ้าคงเหนื่อยมาก กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะกลับเรือนแล้ว”

“เจ้าค่ะ” นางพยักหน้าแล้วแจ้งวังซวน “ไปส่งท่านย่า”

“ไม่เป็นไร” ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ “ไปพักผ่อนเถอะ”

หลังจากพูดจบ นางก็สั่งบ่าวรับใช้ เดินกลับไปที่เรือนศจี

เฟิงเฉินหยูเดินตามหลังพวกเขา นางก้มหน้าลง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางไม่รู้ก็คือเฟิงหยูเฮงแอบยิ้มเยาะอยู่ข้างหลังพวกเขา

หลังจากผ่านประตูพระจันทร์เข้าสู่เรือนศจี เฟิงเฉินหยูคำนับฮูหยินผู้เฒ่าและเดินกลับเรือนของนางเอง

ยี่หลินเห็นว่าเฟิงเฉินหยูเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ นางได้แต่ถามเฟิงเฉินหยูว่า "คุณหนูใหญ่ คิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ? "

เฟิงเฉินหยูขมวดคิ้วและไตร่ตรองสักพัก ก่อนที่จะบอกยี่หลิน “ไปบอกท่านลุงสาม และให้เขาเตรียมยายเฒ่าที่มากประสบการณ์ เมื่อเฟิงหยูเฮงรักษาข้าแล้ว ข้าจะให้นางตรวจข้า”

“คุณหนูไม่เชื่อมั่นทักษะทางการแพทย์ของคุณหนูรองหรือเจ้าคะ ?” ยี่หลินเข้าใจเหตุผล “แต่ถ้ามียายเฒ่าเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้จะไม่แพร่หลายออกไปหรือเจ้าค่ะ”

“มันจะไม่เกิดขึ้น” เฟิงเฉินหยูคิด “ท่านลุงมีวิธีการเก็บความลับ เจ้าแค่ทำตามนี้”

เฟิงเฉินหยูเริ่มมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถทางการแพทย์ของเฟิงหยูเฮงเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่าเฟิงหยูเฮงสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ทุกอย่าง วันนี้นางพบว่ามีบางครั้งที่เฟิงหยูเฮงไม่อาจรักษาได้ หากเป็นเช่นนั้น นางแน่ใจได้หรือว่าเฟิงหยูเฮงจะสามารถรักษานางได้สำเร็จ ?

ในขณะที่เฟิงเฉินหยูกำลังกังวล ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังกังวลในระหว่างที่นางกลับไปที่เรือนซูหยา ตลอดการเดินทางกลับใบหน้าของนางไม่มีร่องรอยแห่งความสุข ยายจาวไม่สามารถช่วยได้ นางก็พลอยกังวลไปด้วยและถามว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า เป็นอะไรหรือเจ้าคะ ? คุณหนูรองได้ชี้แจงแล้ว ท่านกังวลอะไรอีกหรือเจ้าคะ ?”

“เฮ้อ” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจยาว “ข้าไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น เจ้าเห็นท่าทีของนางกำนัลอาวุโสโจวก่อนที่ท่านจะกลับไปหรือไม่ ? ขาขององค์ชายเก้าไม่สามารถรักษาได้ นางต้องไม่มีความสุขแน่นอน”

“แต่ขาของพระองค์ได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลานานแล้วนะเจ้าค่ะ มีเหตุผลที่ไม่สามารถรักษาได้ !”

“เราบอกเช่นนั้น แต่ครอบครัวของฮ่องเต้จะไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าวิเคราะห์เรื่องนี้เอง กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยว่าทำไมฮ่องเต้จึงปฏิบัติต่ออาเฮงอย่างดี ? ฝ่าบาทยังหายโกรธตระกูลเหยาอีกหลังจากนั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าเข้าใจแล้ว ข้ากลัวว่าเป็นเพราะฝ่าบาทหวังว่าอาเฮงสามารถรักษาขาขององค์ชายเก้าได้  ฮ่องเต้เชื่อมั่นในความสามารถทางการแพทย์ของอาเฮงมาก เมื่อนั้นฝ่าบาทจึงสนับสนุนนาง แต่ตอนนี้…เห้อ !” นางถอนหายใจอีกครั้ง “ข้ากลัวว่าวันที่เงียบสงบของอาเฮงจะสิ้นสุดลงแล้ว”

ยายจาวตกตะลึง “นั่นเป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ?” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าการวิเคราะห์ของนางมีเหตุผลมาก “ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานองค์ชายเก้ามาตลอด แม้ว่าข่าวลือก่อนหน้านี้จะบอกว่าองค์ชายเก้าไม่สามารถมีบุตรได้ แต่เมื่อเดือนที่แล้วดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะยังไม่สิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง ถ้าอาเฮงรักษาขาของพระองค์ได้ อาจเป็นไปได้ว่าตำแหน่งของรัชทายาทจะเป็นของพระองค์ ตอนนี้ขาของพระองค์ยังไม่หายเป็นปกติ บางทีฝ่าบาทจะทรงเย็นชากับอาเฮง”

ยายจาวรู้สึกเหงื่อออกเมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า หากสิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่ฮูหยินผู้เฒ่าคิด อาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกครั้งในคฤหาสน์เฟิง

“ท่านฮูหยินผู้เฒ่า” นางถามด้วยเสียงสั่น “เราควรเตรียมตัวล่วงหน้าหรือไม่เจ้าคะ ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง เราสามารถพูดคุยกันได้เมื่ออาเฮงกลับมาจากพระราชวังในวันพรุ่งนี้”

………

มีวัดขนาดใหญ่มากในคฤหาสน์เฟิงที่สร้างขึ้นหลังเรือนจินหยู เฉินซื่อสร้างขึ้นใหม่ในขณะที่นางยังมีชีวิตอยู่

ในความเป็นจริงหลังจากสร้างวัดแล้ว นางไม่เคยไปอีกเลย นางเพิ่งเห็นมันในคฤหาสน์ของตระกูลอื่น และคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคฤหาสน์ควรมี

แต่เมื่อพูดถึง มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเพียงคนเดียวในคฤหาสน์ที่ไปสวดมนต์ภาวนาบ่อย ๆ เรือนที่นางอยู่นั้นก็มีห้องพระด้วย นางไม่ต้องการไปที่วัดที่เฉินซื่อสร้าง แม้ว่าเฉินซื่อจะตายไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เฉินซื่อเสียชีวิต วัดนั้นไม่มีคนเข้าไปเลย หลังจากนั้นไม่มีบ่าวรับใช้เข้าไปทำความสะอาด และเช่นเดียวกับที่วัดในคฤหาสน์ของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ วัดเต็มไปด้วยฝุ่น

ฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษเฟิงเฟินไดด้วยการนั่งคุกเข่าในวัด ดังนั้นบ่าวรับใช้จึงไม่สามารถส่งนางไปที่ห้องพระเล็ก ๆ ที่เรือนซูหยา เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนพวกเขาทำได้เพียงส่งนางไปที่เรือนจินหยู เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่เรือนจินหยู เฟิงเฟินไดก็ตะโกนด้วยความบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะพูดอะไรนางก็ไม่อยากไป

แต่บ่าวรับใช้ที่จับนางไว้แข็งแรงมาก ดังนั้นเด็กหญิงอายุ 10 ขวบจะหนีจากผู้ใหญ่เหล่านี้ได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงถูกลากตัวไปในทิศทางนั้น

เมื่อพวกเขามาถึงที่เรือนจินหยูก็มีคนยืนอยู่ที่นั่นด้วย มือทั้งสองประสานกันด้านหลัง หันหน้าไปทางเรือน เขาดูโดดเดี่ยวมาก

คิ้วของเฟิงเฟินไดกระตุกและจำได้ทันทีว่าคนนั้นเป็นใคร “ลูกพี่ลูกน้อง ! ลูกพี่ลูกน้องเฉินชิง !”

คนที่อยู่ทางเข้านั้นไม่มีใครนอกจากเฉินชิง เมื่อได้ยินว่ามีคนมา เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าเฟิงเฟินไดถูกลากมา ครู่หนึ่งเขาก็ตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูสี่ เหตุใดบ่าวรับใช้เหล่านี้จึงปฏิบัติต่อคุณหนูเช่นนี้ ?”

บ่าวรับใช้สองคนปฏิบัติต่อเฉินชิงอย่างสุภาพ แต่ไม่ได้นอบน้อมจนมากเกินไป พวกเขาตอบคำถามของเขา “บ่าวรับใช้คนนี้ทำตามคำสั่งของท่านฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ พาคุณหนูสี่มาที่วัดเจ้าค่ะ”

"ลูกพี่ลูกน้อง ! เป็นเฟิงหยูเฮงที่ทำร้ายข้า ! “เฟิงเฟินไดเห็นว่าบ่าวรับใช้สองคนนี้ไม่หยุดแม้ว่าพวกเขาจะตอบคำถามของเฉินชิงก็ตาม ตอนนี้นางกำลังจะถูกลากเข้าไปในเรือน นางตะโกนอย่างรวดเร็ว”เฟิงหยูเฮงไม่เพียงแต่ทำร้ายข้าเท่านั้น แต่ยังทำร้ายพี่ใหญ่ด้วย! เมื่อเร็ว ๆ นี้พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ดีมีสุขในคฤหาสน์ ! เจ้าต้องช่วยพี่ใหญ่ให้ได้ ! ”

นางตะโกนดังมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากบ่าวรับใช้สองคนลากนางไปที่เรือน นางหายตัวไปในห้องโถงหลังจากนั้นไม่กี่ก้าว

เขาได้เห็นแล้วว่าเฟิงเฉินหยูมีชีวิตแบบไหน แม้แต่คุณหนูสี่ยังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เขาก็เริ่มพิจารณาว่าเฟิงเฉินหยูลูกพี่ลูกน้องของเขาทรมานแค่ไหน? การถูกลดระดับจากบุตรสาวของฮูหยินใหญ่มาเป็นบุตรสาวของอนุ นี่เป็นความขมขื่นที่ใครก็ไม่อาจทนได้ และนางจะทนได้หรือไม่ ?

เฉินชิงครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน จากนั้นจึงตัดสินใจที่จะไปที่เรือนซูหยาด้วยตัวเอง ตอนนี้ป้าและลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่มีชีวิตอีกต่อไป เฟิงเฉินหยูก็ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ในฐานะลูกพี่ลูกน้องของนาง ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ เฟิงเฉินหยูจะไม่ถูกรังแกจนตายหรือ ?

เมื่อคิดเช่นนี้เฉินชิงไม่ลังเลอีกต่อไปแล้วเดินไปตามเรือนซูหยา

เมื่อเขามาถึง ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่ในห้องโถงและมองดูน้ำแกงรังนกด้วยความกังวลในหัว แต่เดิมรังนกเป็นอาหารว่างที่นางชอบมาก แต่นางก็ไม่รู้สึกว่ามันอร่อยแม้แต่น้อย เพราะนางรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงานว่าคุณชายตระกูลเฉินมา ฮูหยินผู้เฒ่ามัวแต่ใจลอย และมันก็เป็นยายจาวที่เตือนนางว่า "คุณชายเฉินมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ"

ฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้นที่เข้าใจ อย่างไรก็ตามนางขมวดคิ้วและถามว่า “เขามาทำอะไรที่นี่ ? เขาควรจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสิ”

ยายจาวกล่าวว่า “เขาอยู่ข้างนอก มันจะเป็นการดีกว่าถ้าจะเรียกเข้ามาถาม”

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “ให้เขาเข้ามา”

เฉินชิงเพียงต้อนรับเข้าห้องเท่านั้น

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยแสดงความรู้สึกที่ดีต่อผู้คนในตระกูลเฉิน แม้ว่าเฉินชิงและเฟิงจินหยวนจะสนิทกัน แต่แซ่ของเขาก็ยังคงเป็น ‘เฉิน’ ซึ่งทำให้นางต้อนรับเขาอย่างเย็นชา

เฉินชิงเป็นคนสุภาพมาก ในขณะที่เขาคำนับท่านฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อแสดงความเคารพก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและพูดว่า "เฉินชิงไม่ได้มาคารวะท่านหลายวันแล้ว ท่านได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยขอรับ"

ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือของนาง “ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องมาคารวะทุกวัน การคารวะเป็นสิ่งที่ลูกหลานของตระกูลเฟิงต้องทำ มันไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเฉินของเจ้า”

เฉินชิงรู้สึกอับอาย ความบาดหมางระหว่างตระกูลเฉินและตระกูลเฟิงเป็นสิ่งที่เขาได้ยินมาบ้าง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ไว้หน้าเขาเลย นางเกลียดตระกูลเฉินจริงหรือ ?

“ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดคุณชายเฉินจึงมาหาในเวลานี้ ?” เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องการที่จะพูด ยายจาวจึงเป็นคนถาม

เฉินชิงรวมรวมความกล้าหาญของเขาและสูดหายใจลึก ๆ ดูเหมือนว่าเขาได้ตัดสินใจครั้งใหญ่มาก เขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดเสียงดังว่า "เฉินชิงมาวันนี้เพื่อพูดเกี่ยวกับการแต่งงาน และขอแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิง, เฟิงเฉินหยู ! ท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดอนุญาตด้วยขอรับ ! ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด