ตอนที่แล้วตอนที่ 39: หมายังจำเจ้าของของมันได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 41: การช่วยเหลือของแฟนคลับ

ตอนที่ 40: คีห์บุกเมืองหลวง


ตอนที่ 40: คีห์บุกเมืองหลวง

 

เขตสถานบันเทิงไม่ใช่สถานที่คุ้นเคย แต่เฮเซคียาห์ในตรอกแคบๆ จำผังเมืองทั้งหมดที่เขาเกิดและเติบโตได้ ตั้งนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะรู้ถึงถนนหนทางซึ่งสามารถพาเขาออกไปจากโซนนี้ และเดินทางตรงไปยังพระราชวัง แต่มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนปลอกกล้วยเมื่อตัวเมืองหลวงต้อนรับการมาถึงของเขา ด้วยการเปลี่ยนพื้นที่ใต้เท้ากินรัศมีสีเหลี่ยมผืนผ้าจากสีดำให้กลายเป็นสีแดงพร้อมกับขึ้นข้อความว่าตรวจพบผู้บุกรุก

 

“คำถาม: ต้องการคำแนะนำเพื่อเดินทางต่อหรือไม่” บรอธเรืองแสงขึ้น แต่ดูจางๆ

 

แสงอาทิตย์จากฟ้าตอนบ่ายทำให้สีสันต่างๆ จากเทคโนโลยีรอบตัวสดใสสู้แสงไม่ได้

 

เฮเซคียาห์ส่ายหน้า เขาก้าวเดินจนพ้นพื้นที่ทางเดินบล็อกแรก ไฟสีแดงดับจากบล็อกแรก และเปลี่ยนมาแสดงบนพื้นที่ซึ่งเขากำลังยืนอยู่ปัจจุบัน นี่เป็นกลไกรักษาความปลอดภัยของเมือง และพวกเจ้าหน้าที่มหาดไทยซึ่งทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยคงมาถึงที่นี่ในไม่ช้า

 

เสียงฝีเท้าดังขึ้นตรงทางออกจากตรอกแคบๆ ที่อีกด้านเป็นทางตันตามคาด ชายชาวมัสตินผิวขาวสว่างสองคนปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าถมึงถึง

 

“คงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะจับฉัน” เฮเซคียาห์ประกาศด้วยน้ำเสียงสบายๆ แล้วเดินทื่อๆ ไปที่ทางออก

 

กระแสไฟฟ้าถูกส่งมาจากหนึ่งในสองคน แต่บรอธพุ่งมาทางด้านหน้าเฮเซคียาห์และมันล่อกระแสไฟฟ้าไปที่ตัวของมันทั้งหมดก่อนจะส่งกระแสไฟฟ้ากลับไปให้เจ้าของและเพื่อน ย่างสดพวกเขาจนไหม้เกรียม เนื้อบางส่วนของสองคนผู้ชั่วร้ายถึงกับสลายกลายเป็นเพียงผงคาร์บอน

 

“อืมหืม นี่แกจะเก่งไปไหนห๊ะ บรอธ” เฮเซคียาห์แซวอาวุธคู่กายของเขา

 

บรอธไม่ตอบโต้ แต่ถามเขาให้ยืนยันถึงสิ่งที่เขาอยากให้มันทำต่อไป ทางเฮเซคียาห์สั่งให้บรอธจัดการกับระบบเตือนภัยของเมือง เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่ถูกรายงานการเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว

 

ตัวของบรอธร่อนลงกับพื้นที่เปล่งแสงสีแดงอ่อนๆ และนิ่งไป สักพักหนึ่งพื้นกลับมาเป็นสีดำ

 

“รายงาน: ทำการบิดเบือนระบบดูแลความปลอดภัยของเมืองเสร็จสิ้น และทำให้การแจ้งเตือนภัยของเมืองทำงานผิดปกติ”

 

“ฉันมีเวลาเท่าไรก่อนเสียงไซเรนเตือนภัยจะดังขึ้น”

 

“ประมาณ 30 นาที กรุณารีบออกจากพื้นที่นี้โดยด่วน” บรอธเตือนเขาให้ตื่นตัว “ระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองตรวจพบการแทรกแซงลอกอริทึมของฉัน ระบบกำลังดำเนินการแก้ไข”

 

เฮเซคียาห์มองว่าบรอธซื้อเวลาให้เขาได้พอสมควร เขาเดินไปยังทางออกของตรอก ด้านนอกตรอกตอนนี้ยังไร้ผู้คน แต่อีกไม่นานคงมีคนแห่กันเข้ามา เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ล้วงหยิบวัตถุทรงกลมที่สามารถเปลี่ยนสภาพเป็นอาวุธสารพัดซึ่งเขาพกติดตัวมาด้วย

 

ชายหนุ่มลดกายลง ป้อนความคิดไปยังแกนกำเนิดอาวุธเพื่อจะได้เหล็กเรียวปลายแหลมคมมาใช้งาน เขาปักเหล็กนั้นเข้าสู่นัยน์ตาของซากชาวมัสตินที่ไหม้เกรียมคนแรก และออกแรงควานทั้งลูกนัยน์ตาและมันสมองออกมา เมื่อโกยสมองออกมาได้เกินกว่าครึ่งแล้วจึงหยุดมือ หันไปทำแบบเดียวกันกับอีกซาก ก่อนจะยืนมองจนเห็นว่าร่างไหม้เกรียมทั้งสองสลายเหลือเพียงกองดินหนึ่งกอง และเศษไลฟ์ควอตซ์ในตัว

 

“น่าอ้วกชะมัด” เฮเซคียาห์หงุดหงิดไม่ชอบใจกับสิ่งที่ทำลงไปเอง

 

“ที่น่าอ้วกอาจเป็นตัวนายมากกว่า นายเป็นคนบัดซบ ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น” บรอธด่าเขา

 

“ต้องกันไว้ก่อน พวกเขาคงไปตามคนมาหลังฟื้นคืนชีพ มันจำเป็นต้องทำ”

 

“พวกมัสตินน่าจะโชคดีถ้านายกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ นายเหี้ยมโหดไร้ปรานี บางทีคงเกิดกลียุคถ้านายได้เป็นราชา แทนที่จะกลายสภาพมาเป็นในสิ่งที่ฉันขอนิยามว่ามนุษย์ แม้ว่าจะมีความแตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไปบ้างก็เถอะ”

 

“ไร้สาระน่า! ถ้าฉันเชื่อมต่อกับไลฟ์ควอตซ์ต้นกำเนิด มันไม่ปล่อยให้ฉันฆ่าคนอื่นซี้ซั้วโดยไม่ได้รับผลกรรมแน่”

 

“แต่เอ็กซัสบอกว่านายเคยฉีกเขาเป็นชิ้นๆ”

 

“นั่นแค่ฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่ฆ่าทิ้ง” เขาอธิบายให้บรอธฟัง ตรรกะของชาวมัสตินไม่เหมือนกับมนุษย์ บรอธคงสับสนอยู่บ้างเพราะมันถูกสร้างมาให้รับใช้มนุษย์ “ฉันยังเล็กอยู่ด้วยตอนที่ทำแบบนั้น ถึงฆ่าคนตายไปจริงๆ ก็อาจจะถูกพิจารณาว่าทำไปเพราะว่าประมาท อาจได้รับเว้นโทษ”

 

“น่ากลัวชะมัดเลย พวกมัสติน!” บรอธตามเขามาต้อยๆ ร้านรวงรอบข้างที่เป็นตึกสีขาวตัดกับถนนสีดำปิดอยู่ บนถนนไม่มีวี่แววของผู้คน

 

พื้นที่ในโซนนี้บรรยากาศจะผิดไปในตอนกลางคืน ทุกตึกจะเปลี่ยนสีเป็นสารพัดสี เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และลานต่อสู้ที่เข้าไปลองตายในรูปแบบต่างๆ เพื่อเอาเงินพนันหรือรางวัลจะเปิดรอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้ชีวิตสนุกๆ แบบระห่ำ ส่วนในเรื่องทางเพศ ชาวมัสตินค่อนข้างเปิดกว้าง พวกเขาไม่มีวัฒนธรรมรักนวลสงวนตัวเหมือนกับมนุษย์บางกลุ่ม ถ้าชอบพอกันก็จับคู่กันทำกิจกรรมทางเพศได้เลย เพียงแต่ถ้าคิดจะจับคู่กันจริงจังต้องให้ฝ่ายหญิงเท่านั้นเป็นฝ่ายเลือก

 

“คำเตือน: ตรวจพบการแทรกแซงระบบฯ จากไลฟ์ควอตซ์ต้นกำเนิด อีก 10 นาที ระบบฯ จะตรวจจับตำแหน่งของนายได้เหมือนเดิม และดูเหมือนมีชาวมัสตินหลายคนเทเลพอร์ตมายังสถานีเทเลพอร์ตใกล้ๆ”

 

“นายเจาะระบบของไลฟ์ควอตซ์ต้นกำเนิดได้หรือเปล่า? ไม่ได้ใช่ไหม” เฮเซคียาห์ตั้งคำถาม แทนที่จะรีบแสดงท่าทีร้อนใจ

 

เขาสังเกตได้เองเมื่อไม่นานมานี้ว่าบางครั้งบรอธไม่ได้ทำสิ่งที่มันคิดเองได้ แต่ถ้าเขาคิดได้เองแล้วสั่งให้มันทำ มันก็อาจทำให้ หรือาจปฏิเสธคำสั่งก็ได้ ซึ่งทางเลือกที่จะปฏิเสธคำสั่งของเขาเกิดจากเหตุผลสองประการ หนึ่งน่าจะเป็นเพราะเขาร้องขอสิ่งที่ขัดกับวัตถุประสงค์การดำรงอยู่ของมัน และสองการปฏิเสธเกิดขึ้นอย่างสุ่ม ซึ่งการปฏิเสธทั้งสองแบบเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้เหมือนตั้งโปรแกรม เฮเซคียาห์วิเคราะห์เอาเอง ผู้สร้างเศวตศาสตราขึ้นมาต้องการสร้างข้อจำกัดแก่เขาในการใช้งานมัน

 

“คำตอบ: ไม่ได้ เนื่องจากไลฟ์ควอตซ์จัดเป็นสิ่งมีชีวิต”

 

“ถูกต้อง แต่ในเมื่อไลฟ์ควอตซ์มีบางอย่างคล้ายๆ เศวตศาสตรา เศวตศาสตราล่ะ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตหรือเปล่า”

 

“...”

 

“นายตอบคำถามนั้นได้ไหม?”

 

“คำถามของนายเป็นคำถามบ้าๆ”

 

“ใช่ แต่ฉันไม่เคยถาม คำตอบอาจไม่บ้าก็ได้ ตัวฉันเคยจัดเศวตศาสตราเป็นสิ่งไม่มีชีวิต แต่แกทำให้ฉันคิดว่าฉันอาจคิดผิด” เฮเซคียาห์จู่ๆ คิดนอกกรอบ และอยากได้คำอธิบายในสิ่งที่สงสัยเพื่อให้หายจากความข้องใจโดยเร็วที่สุด

 

“คำตอบ: เศวตศาสตราสามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตเทียมได้ถ้าหากผู้ใช้งานเป็นคนพิเศษ แต่ถือว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแท้ หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นเพียงระบบอัจฉริยะที่เรียนรู้และพัฒนาตัวเองจนมีจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิต”

 

“สิ่งมีชีวิตเทียม? คนพิเศษ?” เฮเซคียาห์ไม่คิดถึงคำตอบเช่นนี้มาก่อน และกำลังไม่เข้าใจสิ่งที่มันบอก

 

“เศวตศาสตราเกิดจากการแบ่งเซลล์ที่เกิดจากเซลล์ประสาทสมองของผู้ใช้งานซึ่งพัฒนาตัวเองร่วมกับความลึกลับของจักรวาล หากเจ้าของฯ มีความหมกมุ่นกับบางอย่างที่สูงกว่าค่าปกติ และติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้เศวตศาสตราจำนวนมาก ข้อมูลที่ถูกแบ่งปันกับเศวตศาสตราช่วงปฐมบท จะเป็นผลให้เศวตศาสตราพัฒนาตนเองจนกระทั่งกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเทียม ซึ่งจะเคลื่อนที่ตามหลอดเลือดเพื่อไปแทรกซึมเติบโตเป็นรูปร่างในกระเพาะอาหารต่อไป และต่อมาจะกำเนิดเป็นเศวตศาสตราที่มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และมีความรู้สึก”

 

“เดี๋ยวก่อนนะ อะไรคือความลึกลับของจักรวาล” เฮเซคียาห์ต้องการข้อมูลเชิงลึก เขาคิดว่าตัวเองเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับการอุบัติของเศวตศาสตราบนโลก

 

“พระเจ้ามั้ง?”

 

“ห๊ะ! อยู่ๆ อย่าตอบแบบงี่เง่าสิโว้ย อย่าไปเลียนแบบเมเดียน” เฮเซคียาห์หยุดเดิน หันมาจ้องบรอธอย่างเอาเรื่อง ถ้าหาอะไรมาฟาดมันได้ อาจฟาดมันให้กระเด็นไปไกลระบายความหงุดหงิดที่ผุดขึ้นในใจ

 

“ฉันแค่พูดไปตามความรู้ที่อยู่ในตัวฉัน” บรอธทำให้ชายหนุ่มตระหนักว่าเขากลับมาเจอทางตันเรื่องการกำเนิดของมันอีกครั้ง

 

“ก่อนหน้านี้นายไม่เห็นเคยเล่าอะไรแบบนี้มาก่อน อย่างเรื่องที่ว่าเกิดมาจากเซลล์ประสาทสมอง” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นลูบจับบนคาง ตอนนี้บริเวณใต้คางของเขาให้ความรู้สึกแข็ง อีกไม่กี่วัน คงถึงเวลาต้องโกนหนวด

 

“นายอยู่กับมนุษย์ที่เซนต์กิลเจน ฉันแสกนเด็กๆ ที่อนาคตจะเป็นผู้ใช้เศวตศาสตราดูเลยรู้ความลับนี้เข้า”

 

“ถ้าฉันไม่ถาม นายคงไม่เล่าก่อนสินะ” เฮเซคียาห์ถามอย่างเยาะๆ

 

เขาเริ่มตั้งข้อสงสัย บรอธอาจล่วงรู้ ว่าพระเจ้าที่มันว่า คือเผ่าพันธุ์ไหน ใคร หรืออะไร

 

...แต่มันกำลังโกหกอยู่

 

“ถ้าฉันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ นายจะยอมบอกฉันไหมว่าใครสร้างพวกนายขึ้นมา” เฮเซคียาห์หยั่งเชิง “ถ้าเขาหรือพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาก็ต้องเป็นมิตรกับมนุษย์ นี่ถึงขนาดทำให้นายเอ่ยปากยกย่องว่าเป็นพระเจ้า พวกมนุษย์ที่เชื่อเรื่องลี้ลับพรรค์นั้นล้วนแต่มองว่าพระเจ้าเป็นตัวแทนของพลังอันแข็งแกร่งที่ปกป้องมนุษย์ผู้ศรัทธา”

 

“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่า ใครที่นายว่าคืออะไร ไม่มีข้อมูล และยังไม่ค้นพบข้อมูล”

 

เฮเซคียาห์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่เขาขุดลึกหาข้อมูลจากบรอธต่อไปไม่ได้ เขาเดินออกจากโซนสถานบันเทิงไป เพื่อเข้าสู่พื้นที่ร้านอาหารที่ปลูกสร้างเป็นตึกสูงทรงโค้งเว้าเหมือนต้นมะพร้าวแถวชายหาดเกาะกลุ่มกันโดยมีถนนคดเคี้ยวหลายเส้นตัดผ่าน ตัวตึกทั้งหลายล้วนเป็นสีเขียวเข้มจนเกือบดำ ความสูงของแต่ละตึกลักลั่นกันไป ระหว่าง 20-35 ชั้น พาหนะแบบซ้อนและแบบมีห้องโดยสารจอดลอยอยู่ในอากาศข้างนอกแต่ละชั้น

 

“ฉันขึ้นไปแบบปกติไม่ได้ ฉันเดินบนลมไม่ได้” เฮเซคียาห์บ่น

 

“ยังใจเย็นได้อีกนะ ไซเรนเตือนภัยจะดังขึ้นในโซนนี้ภายใน 9...8…7…”

 

เฮเซคียาห์เดินไปยังชั้นล่างของตึกหลังหนึ่ง และเดินผ่านประตูเข้าไปเสียเฉยๆ ทันใดนั้นเสียงไซเรนดังขึ้นในจังหวะที่พนักงานต้อนรับของร้านอาหารซึ่งเป็นชาวมัสตินสังเกตเห็นเขา เธออ้าปากค้าง และทันใดนั้นก็เผ่นวิ่งหนีเข้าไปอีกห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องครัว

 

“ฉันว่าฉันเคยมาร้านนี้เมื่อนานมาแล้ว” เฮเซคียาห์คุ้นๆ

 

ตอนนี้ทุกคนในร้านลุกขึ้น และพร้อมเพรียงกันถอยกรูดออกห่างจากเขาให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ ราวกับเขาถืออาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ

 

ก็นั่นแหละนะ... บรอธอยู่ในระยะที่เขาจะเอื้อมมือคว้ามันมาได้

 

 

ชาวมัสตินไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ หรือทนรับการฝึกฝนด้านการต่อสู้ได้ทุกคน

 

ขณะที่ตำแหน่งสำคัญๆ ในปิรามิตของการดำรงชีวิตในฐานะพลเมืองชาวมัสตินภายใต้สมุหเสนาบดีทั้งสี่ ตกในกำมือของคนที่ต่อสู้เป็นและกล้าหาญพอที่จะตายได้ตลอดเวลา ชาวมัสตินจำนวนไม่น้อยประกอบอาชีพอื่นๆ ที่ไม่เรียกร้องให้พวกเขาต่อสู้ภายใต้ต้นสังกัด พวกเขาไม่มีประสบการณ์เฉียดตายและไม่ต้องการลองตายดูสักครั้ง

 

“นาย!” เฮเซคียาห์ชี้มือไปทางผู้ชายคนหนึ่ง แล้วกวักมือเรียก

 

อีกฝ่ายยืนนิ่ง เลิกคิ้วข้างหนึ่ง แล้วส่ายหน้าปฏิเสธการเข้ามาใกล้

 

“ไลฟ์ควอตซ์บอกอะไรเกี่ยวกับฉันบ้าง ฉันอยากรู้การสื่อสารภายในระหว่างพวกมัสติน” เฮเซคียาห์มองบรอธทางหางตา ตอนนี้มันกำลังวุ่นกับการปิดม่านทั้งหมดในร้านลง เสียงวุ่นวายจากภายนอกทำให้เฮเซคียาห์คาดเดาได้ว่าพนักงานสังกัดมหาดไทยคงมาถึงด้านนอกแล้ว

 

การเข้ามาในเมืองของเฮเซคียาห์ คงสร้างความวุ่นวายเหมือนตอนที่กลุ่มก่อการร้ายชาวครอกโกร็อกเข้าก่อการร้ายในเมืองเมื่อหลายสิบปีก่อน ในครั้งนั้นชาวครอกโกร็อกบางคนต้องการประท้วงกฎหมายฉบับใหม่ของชาวมัสตินที่บังคับใช้บนโลก ซึ่งไม่อนุญาตให้พวกเขาจับมนุษย์ทาสไปกินตามใจชอบหากต้นสังกัดของมนุษย์คนนั้นไม่อนุญาตเสียก่อน คลับของชาวครอกโกร็อกที่โซนหกทั้งหมดถูกสั่งปิดเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์อย่างผิดกฎหมาย

 

“เฮ้! ถ้านายไม่ให้ความร่วมมือ ฉันจะฉีกแขนนายออกมาสักข้าง” เฮเซคียาห์ข่มขู่

 

ชายชาวมัสตินผู้ตกเป็นเป้าหมายสั่นหน้า หน้าซีด ตัวสั่นเทา

 

“นายรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” เฮเซคียาห์ตะคอกใส่

 

“ฝะ ฝ่าบาท...” อีกฝ่ายเรียกเขาด้วยสรรพนามที่จริงๆ ไม่ถูกต้อง เพราะเขาไม่มีฐานันดรศักดิ์แล้ว

 

“บอกมา! ไม่งั้นฉันทำจริงๆ แน่” เฮเซคียาห์ต้องการข้อมูลที่มีเฉพาะชาวมัสตินเท่านั้นที่รับรู้ เพราะการมีข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้เขาเข้าใจภาพรวมได้ว่าชาวมัสตินนอกตัวอาคารกำลังทำอะไรอยู่

 

“ไลฟ์ควอตซ์สั่งไม่ให้ทูลอะไรต่อพระองค์ทั้งนั้น พวกเราทั้งหมดที่นี่ ไม่สามารถทูลอะไรต่อฝ่าบาทได้”

 

“เหรอ?” เฮเซคียาห์ยิ้มเยือกเย็น แต่สืบเท้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

 

หางตาของเขาเห็นบรอธปิดประตูเหล็กกั้นระหว่างชั้น พร้อมกันนั้น ลิฟต์ที่เคลื่อนรับส่งผู้คนระหว่างชั้นไม่ทำงานแล้ว และประตูที่ใช้เป็นระบบนิรภัยของตัวลิฟต์ถูกเปิดใช้งาน ปิดตายซ้อนประตูลิฟต์ ปิดทางเชื่อมต่อร้านอาหารนี้กับร้านอาหารอื่นๆ ในชั้นบน

 

“อย่า อย่าเข้ามา!” ชาวมัสตินที่เป็นเป้าหมายตะโกน คนที่เหลือแตกฮือกันไปกระจุกอยู่ที่กำแพงด้านหนึ่งของห้อง

 

เฮเซคียาห์คิดว่ามันน่าตลก พวกมัสติน เผ่าพันธุ์แสนสูงส่งและหยิ่งทระนงในจักรวาลกำลังจมอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวต่อหน้าสิ่งที่เป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ มัสตินก็ไม่เชิงอย่างเขา และขณะเดียวกัน เขายิ่งสงสัยมากขึ้นว่าไลฟ์ควอตซ์ระบุตัวตนของเขากับพลเมืองชาวมัสตินด้วยคำบรรยายแบบไหน ทุกคนจึงแสดงอาการหวาดกลัวชนิดทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นชาวมัสตินแบบที่เขาไม่คิดไม่ฝัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด