ตอนที่แล้วMoney Monster Episode XXXIX [Greed Box]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMoney Monster Episode XLI [บุกฐานซาลามันเดอร์]

Money Monster Episode XL [มอนสเตอร์ฟิวชั่น]


Money Monster Episode XL [มอนสเตอร์ฟิวชั่น]

หลังจากนั้นไม่กี่วันแจ๊สแปอร์ก็หายสนิทจากการลงทุนซื้อยาพิเศษมาจากวอลสตรีท ทั้งกลุ่มได้ตัดสินใจว่าจะเข้าเทศกาลล่ารังซาลามันเดอร์ที่จะจัดขึ้นในอีกสองถึงสามวันข้างหน้า สถานที่ตั้งเป็นโรงงานร้างขนาดใหญ่ที่เมืองข้างๆ ห่างออกจากจุดประชุมปกติเป็นร้อยกิโลเมตร

และในตอนนี้ ทั้งสี่ก็ได้เช้าโกดังสำหรับฝึกฝนอยู่

“ย้าก!” ลูน่าร้องลั่นเธอตวัดปลายคฑายิงลูกบอลเพลิงออกไปหลายสิบลูก พุ่งเข้าใส่เป้าหมายที่อยู่ตรงหน้า

“ลาว่า!” ลาว่า มนุษย์หัวนกกระโดดหลบกระกลางอากาศส่งผลให้ลูกไฟทั้งหมดแล่นผ่านไปอย่างน่าเสียดาย เด็กสาวกัดฟันกรอดสั่งเติมมานาให้เต็มหลอด วิ่งซัดพลังเข้าใส่มันอย่างต่อเนื่อง

ลูกบอลหลากธาตุ ไม่ว่าจะเป็นบอลเพลิงพลังไฟ บอลน้ำ บอลสายลม ต่างถูกพลังของคฑาเสกออกมาเต็มไปหมด เธอเหวี่ยงอาวุธควบคุมให้พุ่งไปตามความคิดของเธอ ยิ่งควบคุมให้มีความอิสระยืดหยุ่นสูงจนทำตามให้เป็นไปตามที่คิดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ความยากก็มากขึ้นตามตัวไปด้วย จึงควบคุมได้ครั้งละสี่ถึงห้าลูกเท่านั้น

ลาว่ามีค่าความเร็วสูงมาก มันขยับเขยื้อนอย่างคล่องแคล่วรวดเร็วไม่ยอมให้เด็กสาวโจมตีเข้าให้โดยง่าย พร้อมสวนกลับด้วยเปลวเพลิงสีแดงร้อนระอุซัดเข้าใส่เธอเข้าอย่างจัง

มือของลูน่ากำแน่นก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่โป้งตั้งค่าเข้าสู่โหมดป้องกัน เธอสะบัดปลายคฑากางบาเรียเวทธาตุน้ำป้องกันเอาไว้ได้สำเร็จ

‘สำเร็จแล้ว’ ลูน่าคิดในใจ การโจมตีของลาว่าถูกเธอป้องกันเอาไว้ได้สำเร็จ เมื่อเปลวเพลิงที่ยิงออกมาหมดลงเธอเก็บม่านบาเรียเข้าไปไว้ที่เดิมก่อนจะร่ายบอลเวทขึ้นมาอีกห้าลูกเพื่อฝึกฝนโจมตีต่อ

คฑาเวทเป็นอาวุธที่มีความสามารในการพลิกแพลงสูงที่สุดก็ว่าได้ แม้พลังทำลายและอัตราความถี่จะไม่เท่าปืน แต่ก็ร้ายกาจมากในการปั่นป่วนและประยุกต์ใช้ เป็นอาวุธที่ใช้วัดสติปัญญาของเจ้านายว่าจะใช้ได้ทรงประสิทธิภาพเท่าใดกัน ลูน่าจึงต้องฝึกฝนใหม่ตั้งแต่เริ่มใช้บอลพลังธาตุและบาเรียที่ใช้สำหรับป้องกัน

อาจเสียเงินเยอะหน่อยเพราะมานาก็ใช่ว่าจะถูก แต่ก็เพื่อเทศกาลล่าที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอต้องลดความเสี่ยงที่จะกลายเป็นตัวถ่วงของคนอื่นให้มากที่สุด และเพื่ออนาคตอันสดใสของตัวเอง

อีกทางหนึ่งก็เดือดมิใช่ย่อย

ณ โกดังข้างๆ ที่ติดกัน ชายหนุ่มสองคนกำลังอยู่ในสภาพพร้อมรบ ต่างคนต่างถืออาวุธของตนเองออกมายืนประจันหน้าเข้าหากัน เมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนไหวแจ๊สเปอร์พลันทำตาสั่นวูบ ยกพลั่วขึ้นตั้งป้องกันในทันที

เคร้ง!ผัววะ!

กำปั้นสวมสนับมือระแทกเข้าที่หน้าอกของแจ๊สเปอร์อย่างหนักหน่วง ส่งร่างของชายหนุ่มผมเทาให้กระเด็นไปกระแทกับถังน้ำอันว่างเปล่าจนล้มลงระเนระนาด ทว่า ภายใต้เสื้อยืดสีดำกลับมีชุดเกราะกันแรงกระแทกอยู่ ความเสียหายจึงไม่มากนัก

แจ๊สเปอร์ปักพลั่วลงพื้นแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มยืนหอบสักพักก่อนจะจ้องหน้าครอสซ์ที่ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอยู่เบื้องหน้าเขา

“ลุกขึ้นมาแจ๊สเปอร์! ฉันจะเทรนนายให้กลายเป็นยอดนักสู้เอง!”

“เหอะๆ” แจ๊สเปอร์หัวเราะแห้ง

“ออกมา คาโม ล้อมครอสซ์ไว้”

“คาโม!” เหล่าตัวตุ่นที่หลบซ่อนตามมุมต่างๆ พากันทยอยวิ่งต้วมเตี้ยมออกมารายล้อมครอสซ์ไว้ให้อยู่ตรงจุดกึ่งกา พวกมันมีจำนวนไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัว แต่ละรายถืออาวุธสำหรับการขุดเหมืองแร่และเครื่องมือทางการเกษตร ไม่ว่าจะพลั่ว จอบ เสียมพร้อมหมวกสีเหลือก ดวงตาอันกลมโตสีดำจดจ้องมาที่ตรงจุดกึ่งกลางด้วยความตั้งมั่น

“โจมตี!”

“คาโม!”

“คาโมคา!” เหล่าตัวตุ่นเมื่อได้รับคำสั่ง พวกมันต่างทะยานขึ้นฟ้า บางตัวพุ่งลงดินเคลื่อนร่างเข้าไปใกล้ครอสซ์ทีละนิด ชายหนุ่มสุดเซ่อหาได้กังวลไม่ สำหรับเขาแล้วตุ่นพวกนี้คือกระสอบทรายเดินได้ตัวเตี้ยเท่านั้นเอง

ลูกเตะและกำปั้นถูกซัดเข้าร่างอย่างแรงจนกระเด็นออกไปเสมือนลูกปืน บางตัวพุ่งขึ้นจากดินมาที่ขากลับถูกเตะสวนกลับไปซะเอง เพียงไม่กี่อึดใจตุ่นทั้งหมดก็สิ้นสภาพจนน่าอนาถ สาเหตุหลักคือพลังที่อ่อนแอเสียเหลือเกินของพวกมัน

แจ๊สเปอร์ไม่ยอมหยุดลง พุ่งเข้าใช้พลั่วฟาดเข้าที่ครอสซ์อย่างแรงเป็นการโจมตีครั้งแรกที่ทำได้สำเร็จ เพราะอีกฝ่ายดันสนใจตัวตุ่นมากเกินไป

“ย้าก!” ครอสซ์ส่งเสียงถีบร่างของแจ๊สเปอร์ให้กระเด็นไปไกลอีกหลายตลบ

“เจ็บอยู่แต่แรงไม่พอหรอกนะ!”

“เอาใหม่!”

“ได้”

แล้วสองหนุ่มก็เริ่มฝึกการต่อสู้กันก่อน

ในที่นี้แม้ครอสซ์จะมีปัญหาเรื่องการใช้การ์ดอยู่พอสมควร แต่แจ๊สเปอร์อาการหนักกว่า เขาฉลาดและสังเกตวิเคราะห์เก่งแต่ไม่มีไหวพริบและใจสู้มากนัก ตรงกันข้ามกับครอสซ์ที่แม้จะโง่และเซ่อเพียงใด แต่ก็เต็มเปี่ยมความกล้าหาญและใจสู้

แจ๊สเปอร์ต้องฝึกฝนตัวเองให้เริ่มรับมือกับกรีดได้แล้วโดยปราสจากความช่วยเหลือของทั้งสามคน โดยมึครอสซ์ผู้เป็นช่วยในการทดลองท่วงท่าและค่ายกลการโจมตีโดยมีพวกตัวตุ่นเป็นหัวใจหลัก

ทุกคนกำลังฝึกฝนอย่างหนัก หัวเรือหลักของกลุ่มเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน

วิธีการเป็นผู้นำที่ดี

                สร้างความน่าเกรงขามให้ลูกน้อง

                คุณสมบัติที่พึงมีของผู้เป็นนาย

สามในบรรดาหนังสือที่กองรวมกันเป็นภูเขาอยู่เบื้องหน้าของไลท์ที่หอสมุดของโลกมนุษย์ มันคือหนังสือจิตวิทยาที่ชาตินี้ไม่เคยคิดว่าต้องมาอ่านจริงจังถึงเพียงนี้ แม้เขาจะสามารถต่อสู้กับกรีดเลเวลสามได้จากพลังของการ์ดแรทบิทกันเนอร์ แต่ก็ไม่เพียงพอ เพราะพลังที่แท้จริงของเขาคือการ์ดแท้งค์เทอเทิลต่างหาก

การ์ดเต่าพยศนั่นจำเป็นต้องทำให้ตัวเองมีความน่าเกรงขาม ความทะเยอทะยานน่าติดตาม แต่นั่นไม่ง่ายเลยเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในทันที มันต้องอาศัยการปลูกฝังตั้งแต่รากฐานของบุคลิก ตัวตน การกระทำที่กลั่นกรองออกมาจากสมองตามธรรมชาติ

แต่ว่า...

หากไม่เริ่มต้นเลยก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้อีกแล้ว

ไลท์อ่านหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าจนกาลเวลาล่วงเลยผ่าน แม้เวลานี้จะตกค่ำมืด อันเป็นเวลาทำมาหากินของเหล่าโบรกเกอร์แต่ทั้งสี่กลับหยุดงานทั้งหมดเพื่อทุ่มเทให้แก่การฝึกฝนของแต่ละคน รอเพียงสัญญาณการรวบรวมที่จูดัสจะส่งผ่านมาจากทางแอพพลิเคชั่น เพราะตอนนี้กำลังรวบรวมสมาชิกที่พอจะร่วมเทศกาลได้อยู่

‘ขั้นต่ำน่าจะประมาณห้าร้อยถึงพันรายชื่อ’

หลายคนได้เข้าสู้ในสงครามชิพเตอร์แล้วและเป็นที่รู้กันว่า ต่อไปจะมีกรีดเลเวลสามไม่ต่ำกว่าสี่ถึงห้าตัว แถมมีเลเวลห้าอีกหนึ่งตัวอีกต่างหาก ย่อมได้รับรู้และประจักษ์ถึงความน่ากลัวดี ไลท์คาดการณ์แล้วว่าจากสมาชิกจูดัสคลับสามถึงสี่พันคนอาจลดเหลือแค่พันคนนิดๆ

แต่เขาก็ไม่ได้อะไรกับจำนวนคนที่จะไปด้วยมาก หนึ่งพันคนก็เยอะแล้วแถมดีเสียอีกจะได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น ถือเป็นการกรองคนที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะต่อสู้ในสถานการณ์ที่กดดันจริง

ไลท์เดินถือตะกร้าในซุปเปอร์มาเก็ตแถวบ้าน ที่มือของเขามีโพยรายการสิ่งของที่ต้องซื้อกลับไปที่บ้าน เขาเดินวนอยู่สักพักก่อนจะสะดุดสายตาเข้าที่หนังสือเล่มหนึ่งที่มุมหนังสือลดราคา มีชื่อว่า[Divine Chivalry] เป็นนิยายที่แลงค์น้องชายมันชอบอ่าน

‘อืม ไม่รู้หรอกว่าลดราคาได้ไง แต่ซื้อไว้ก่อนดีกว่า’ ไลท์คิดก่อนจะเอื้อมมือออกไป ทว่า กลับมีอีกมือหนึ่งแตะเข้าที่หนังสือพร้อมกัน

“อ๊ะ” สองหนุ่มส่งเสียงพร้อมกันก่อนจะเหลียวไปมองหน้าอีกฝ่าย ไลท์ต้องเบิกตากว้างต่อเมื่อจำหน้าชายคนตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเขาก็คือ..

คุโรงาเนะ

“อ่าว! ไลท์นี่เอง บังเอิญจังนะที่ได้เจอกันวันนี้”

“คุณคุโรงาเนะก็ด้วย สบายดีนะครับ” ไลท์ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือกับอีกฝ่ายเป็นการทักทาย

“อื้ม! ไลท์ก็อ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยสินะ ฉันชอบเรื่องนี้มากน้องสาวฉันก็อ่าน เนื้อเรื่องน่าประทับใจมากแต่เสียดายที่มันไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่”

“อา ที่จริงผมไม่ได้อ่านมันหรอกครับ แต่น้องชายผมชอบอ่าน”

“งั้นเหรอ งั้นฉันจะให้ยืมนะ สนใจไหม”

“ไม่ล่ะครับขอบคุณ” ไลท์ยิ้มปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มผมดำกลับทำหน้าเสียดายเล็กน้อย เขายื่นหนังสือนิยายให้คุโรงาเนะเพราะเขาแค่อยากซื้อให้น้องชายเฉยๆ หากอีกฝ่ายต้องการมากกว่าก็สมควรจะได้ไป พอได้หนังสืออีกฝ่ายก็ยิ้มจางๆ พลางขอบคุณเล็กน้อย

“จริงสิ เธอรีบรึเปล่า”

“ไม่ครับ”

“มากินข้าวกันเถอะ! เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”

“ยอดเยี่ยม!” ไลท์โพล่งเสียงออกมาแบบไม่ปิดปัง ของฟรีใครๆ ก็ชอบ โดยเฉพาะเงินในโลกความจริงที่เขาไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่เพราะต้องเอาเวลาช่วงกลางคืนไปทำงานในฐานะชิพเตอร์

ทั้งสองหนุ่มเลือกร้านอาหารครอบครัวแบบง่ายๆ ไมได้หรูหรามากนักแต่รสชาติค่อนข้างดีเลยทีเดียว คุโรงาเนะบอกให้ไลท์สั่งอาหารได้โดยไม่ต้องเกรงใจเขา หนุ่มสุดตืดก็ทำตามที่พูดโดยไม่ลังเล สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะและจัดการจนเรียบคาบ

ถึงไลท์จะทำปฏิกิริยาที่ไม่น่าดูชมสักเท่าไหร่แต่คุโรงาเนะก็ไมได้เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

“เป็นยังไงบ้าง พออยู่ในจูดัสคลับ”

“เจอเรื่องเยอะแยะมากเลยครับ เสี่ยงตายมาสองครั้งแล้วด้วย”

“อื้ม! แต่เธอก็ทำได้ดีนะ โดยเฉพาะผลงานล่าสุด เหมือนจะกำจัดกรีดเลเวลสี่ได้ด้วยนี่ ทำได้ดีมาก”

“!” ทันทีที่ได้ฟังประโยคที่ชายผมดำเอ่ยไลท์ก็ต้องผงะในทันที เหตุการณ์ที่เขาจัดการเซ็ตโต้ได้น่าจะมีเพียงคนที่อยู่ในสงครามชิพเตอร์เท่านั้นที่รู้ หรือไม่ก็สมาชิกของจูดัสคลับ แต่คุโรงาเนะเป็นคนขององค์กรเบรสซัน เหตุใดจึงรู้ได้?

“บอสดีใจจนน้ำตาไหลเลยล่ะครับ พอรู้ว่าคุณใช้แรทบิทกันเนอร์ได้คล่องมากๆ อ้อจริงสิ ดีจังนะที่เหมือนจะบุกรังกรีดด้วยใช่ไหมล่ะครับ”

“ห๊ะ” ไลท์อึ้งกินในทันที จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความตกตะลึง แม้แต่แผนการลับของจูดัสยังรู้ได้อีก

“ที่จริงพวกเรามีสายลับอยู่ในนั้นด้วยล่ะครับ ที่จริงไม่ใช่แค่องค์กรเรา แต่องค์กรอื่นก็แฝงตัวเข้าไปเป็นสายลับบ้างเหมือนกัน เพราะจูดัส เจ้าของจูดัสคลับค่อนข้างน่าจับตาดูแถมเหมือนจะถูกเพ่งเล็งเอาไว้ด้วยล่ะครับ”

“อืม สมควรอยู่” ไลท์เอ่ยพลางยิ้มแห้งๆ

อุดมการณ์การจัดตั้งจูดัสคลับของจูดัสค่อนข้างตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกองค์กรอย่างชัดเจน เพราะพยายามจะลดความเลื่อมล้ำระหว่างโบรกเกอร์ที่มีสังกัดองค์กรกับโบรกเกอร์อิสระ หากทั้งสองไม่ต่างกันมากมายอะไรคงไม่มีใครอยากไปเข้าร่วมองค์กร ที่มีทั้งกฎระเบียบให้ทำตามแถมมีสัญญาผูกขาดอีกด้วย

ถ้าเป็นเช่นนั้นองค์กรจะไม่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกเลย บางทีอาจมีองค์กรหลายแห่งที่คิดจะเข้าแทรกซึมแล้วทำลายจูดัสคลับจากภายในก็ได้

“แล้วทำไมเหรอครับ”

“อืม ผมจะบอกไลท์ก็ได้ ในฐานะคนรู้จักกัน พวกเราว่าจะแอบเข้าไปร่วมด้วย”

“หา?”

“แน่นอน จูดัสเซ็นสัญญาแห่งความมืดว่าห้ามเปิดเผยที่ตั้งรังกรีดให้คนนอกสมาชิกได้รับรู้ แต่พวกเราก็มีวิธีจะตามตัวไปเหมือนกัน ฉัน เมซูล สก็อตจะไปล่าด้วย แต่ไม่ได้จะเข่าไปแย่งหรอกนะ จะเอาพวกเศษขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่หลุดรอดออกมาน่ะ”

“อะ..อา มาบอกผมแล้วไม่กลัวผมจะไปบอกจูดัสเหรอครับ?”

“บอกไปจูดัสก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าเราอยากจะแย่งก็แย่งได้ ไม่สิ พวกเราไม่แย่งแน่ แต่พวกองค์กรใหญ่ต้องไม่สนหัวจูดัสคลับแล้วแย่งไปแน่นอน หมอนั่นเองก็เหมือนจะรู้ความเป็นไปได้นี้แล้วตั้งแต่แรกด้วย”

“ก็จริงแฮะ แต่ว่า..จะว่ายังไงดีล่ะ รู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้สิ” ไลท์เคาะนิ้ว เพราะตั้งแต่ได้พบจูดัส ชายคนนั้นก็ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดออกมาทุกครั้งที่พบหน้ากัน ชนิดที่ว่าไม่สามารถญาติดีด้วยได้เลย

ในระหว่างที่กำลังทานกันต่อ ไลท์ก็นึกบางอย่างขึ้นได้

ไลท์ยกสต๊อกการ์ดของตนเองออกมาก่อนจะหยิบการ์ดสีทองใบหนึ่งขึ้นมายื่นให้ชายหนุ่มผมดำได้ดู ทันทีที่อีกฝ่ายได้เห็นม่านตาก็ขยายกว้างก่อนจะจุปากสองสามที

“นี่มันการ์ดฟิวชั่น”

“ใช่ครับ”

“เธอหามันมาได้ยังไง?”

“Greed Box”

“Greed Box…อย่างงี้นี่เอง เข้าใจแล้ว” คุโรงาเนะพยักหน้าและหยิบการ์ดฟิวชั่นมาสำรวจแล้วพลิกไปมา เขาตรวจดุแล้วพบว่ามันคือของแท้อย่างแน่นอน ชายหนุ่มผิวปากแล้วเอ่ยกับไลท์ว่า

“เธอโชคดีมากเลยนะรู้ไหม ฉันอยากซื้อมันสักสิบห้าล้านเหรียญ เธอจะขายให้ฉันไหม”

“แค่กๆ! สิบห้าล้าน!” ไลท์ถึงกับสำลักน้ำในทันทีที่รู้ตัวเลขที่อีกฝ่ายเสนอมา คุโรงาเนะขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่สิ ยี่สิบห้าล้าน”

“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ การ์ดSRใบเดียวมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ใช่! จริงๆ เพราะมันคือการ์ดฟิวชั่นสีทองต่างหาก รู้อะไรไหม การ์ดฟิวชั่นหายากมากเลยนะ แค่จะมีครอบครองยังต้องใช้เงินกับเวลามาก แต่ฉันว่าเธอคงไม่ได้ใช้เร็วๆ นี้แน่ เพราะหาการ์ดมอนสเตอร์ประเภทฟิวชั่นไม่ได้”

“นั่นแหละที่ผมอยากจะถาม ทำยังไงถึงจะหามอนสเตอร์ประเภทฟิวชั่นได้”

“เธอตอบมาก่อนว่าจะขายไหม” คุโรงาเนะหรี่ตาถามแต่ชายหนุ่มผมทองกลับแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์พลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุดกวนประสาทว่า

“ไม่ครับ ถ้ามันแพงขนาดนั้นเอาไปประมูลที่วอลสตรีทน่าจะได้สักร้อยล้านเลยมั้ง”

“อุ๊บ! ฮะๆๆๆ ยอดเยี่ยมๆ จริงๆ แล้วไม่ถึงร้อยล้านหรอก น่าจะได้สักสี่สิบถึงห้าสิบล้าน”

“ว่าแล้ว..คุณจงใจหลอกผมที่ไม่รู้ราคาตลาดสินะ” ไลท์หรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเคลือบแคลง คุโรงาเนะหัวเราะร่าก่อนที่เขาจะอธิบายว่าจะหามอนสเตอร์ประเภทฟิวชั่นได้อย่างไร

“หาได้สองแบบ 1.Greed Box 2.Egg Card”

“Greed Box เวลาที่เราเปิดมันจะอ่านว่าคนที่เปิดการ์ดมีการ์ดใดบ้าง และมีโอกาสที่จะได้รับการ์ดมอนสเตอร์ประเภทฟิวชั่นที่เข้ากันกับการ์ดที่เรามีอยู่ เช่น เรามีการ์ดAและB Greed Boxจะอ่านการ์ดของเราและสร้างการ์ดCที่ใช้AและBเป็นส่วนผสมของการฟิวชั่นมาให้เรา”

“เข้าใจแล้ว อีกแบบล่ะครับ”

“Egg Card เรียกแบบง่ายๆ คือการ์ดไข่ มันจะดูดซึมพลังของการ์ดเราแล้วเปลี่ยนเป็นการ์ดใบใหม่ที่เข้ากับการ์ดที่เราใช้ประจำ มีโอกาสที่จะกลายเป็นการ์ดมอนสเตอร์ประเภทฟิวชั่นเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะแบบแรกหรือแบบหลังโอกาสออกก็น้อยพอกัน แต่ราคาก็ไม่แพงนะ ไม่มีใครอยากซื้อด้วยซ้ำถ้าไม่ขายเป็นชุดคอมโบ”

“อืม เข้าใจแล้วครับ” ไลท์พยักหน้ารัวๆ เขาจดจำข้อมูลทั้ลหมดในหัวเอาไว้เรียบร้อยแล้วเปิดอินเทอร์เน็ตเครือข่ายของวอลสตรีทเพื่อเช็ดดู พบว่าหากจะหาได้รับมอนสเตอร์ประเภทฟิวชั่นโดยเร็วและง่ายที่สุด นั่นคือการซื้อGreed Boxมาเปิดนั่นเอง

ทว่า...

Greed Box I ที่เป็นขั้นต่ำสุดกลับมีราคาถึงหลักแสนเหรียญ ไลท์รู้สึกห่อเหี่ยวทันทีที่เห็นราคา แม้มันจะให้เงินมาด้วยตอนที่เปิดกล่องออกแต่ก็มีน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องจ่ายไป ขนาดGreed Box II มีราคาขายในตลาดของวอลสตรีทอยู่ที่สี่ถึงห้าแสนเหรียญยังให้เงินอยู่ประมาณห้าหมื่นถึงหนึ่งแสนเหรียญเท่านั้นเอง

“ถ้าเข้ามาอยู่ในองค์กรล่ะก็ ทุกคนจะได้รับGreed Boxเป็นโบนัสพิเศษทุกเดือนนะครับ หึหึ”

“เฮือก!” ไลท์กลืนน้ำลายลงคอ

‘อยู่ในองค์กรนี่ดีจริงๆ แฮะ’

หลังจากนั้นทั้งสองหนุ่มก็พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันจนกระทั่งได้หลงลืมไปแล้วว่า ไลท์มาซื้อของไปทำมื้อเย็นที่บ้าน ป่านนี้แม่คงบ่นหูชาไม่ก็ส่งแลงค์ออกมาซื้อของแล้วแน่นอน คุโรงาเนะเสนอจะขับรถไปส่งแต่ชายหนุ่มปฏิเสธเพราะเขาปั่นจักรยานมา

เมซูลและเจเรมี่ที่บังเอิญผ่านมาเห็นสองหนุ่มโบกมือให้กันก่อนที่ฝ่ายหนึ่งจะปั่นจักรยานกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่งผลให้สาวผมเงินขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เป็นอะไรไปเหรอจ๊ะ เมซูล”

“รู้สึกไม่ดีน่ะค่ะ”

เหมือนว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลยยังไงก็ไม่รู้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด