ตอนที่แล้วบทที่37: เตือนภัยสู่อันตราย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่39: พ่อลูกเผชิญวิกฤต

บทที่38: หนีตายจากนรก


บทที่38: หนีตายจากนรก

ภาพนรกในความจริงเป็นเช่นไร?

เป็นภพภูมิที่มีพญายมปกครอง เป็นสถานที่ตรวจสอบบาปบุญที่ผู้คนทำเมื่อยามมีชีวิตอยู่ซึ่งถูกเรียกว่าหอกระจกวิญญาณ เป็นที่ที่วิญญาณบาปซึ่งประพฤติผิดในกามกิเลสต้องถูกจับลงทอดในกระทะทองแดง เป็นลานลงทัณฑ์สำหรับพวกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยการฟาดโบยจากแส้เหล็กและผ่าอกควักหัวใจ เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยไฟคอยแผดเผาผู้ที่สังหารบิดามารดา เป็นแท่นรัดมือเท้าด้วยเหล็กร้อนกับคนที่มัวเมาในอบายมุข เป็นห้องขังที่มีฝูงแมลงและสัตว์มีพิษค่อยกัดกินดวงวิญญาณผู้ทำบาปพรากลมหายใจเด็ก เป็นที่อยู่ของยักษ์ซึ่งรอเวลาลงโทษวิญญาณผู้ผิดบาปในการคดโกงด้วยการทุบทำร้ายทารุณกรรมจนกว่าร่างนั้นจะแหลกสลาย เป็นสถานที่ซึ่งบังคับให้วิญญาณชั่วช้าใช้ศาสนาหลอกลวงผู้อื่นจนเดือดร้อนกลืนกินลูกไฟ เป็นสถานที่รวมเอาสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายมาทรมานให้รับผลของการกระทำในยามมีลมหายใจ (อ้างอิงและดัดแปลงจากสิบขุมนรกของจีน)

นั่นคงเป็นอเวจีที่ผู้คนคาดคิดไว้...

แต่สำหรับอู๋หยางในเวลานี้ นรกคือสถานที่ตรงหน้า ในป่าชางหลงที่กำลังมีพายุโหมกระหน่ำ ที่ซึ่งน้ำตกเกล็ดมังกรกลายสีเลือด ที่ที่วิญญาณของคนตายล่องลอยไปมาส่งเสียงโหยหวนด้วยความทุกทรมาน เป็นสถานที่ซึ่งมีปีศาจที่เขาและเพื่อนทุกคนไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอ เสือตนหนึ่งมีสีขาวโพลนมีเท้าหกข้างมีเขี้ยวยาวลากจนเกือบติดพื้น ดวงตาเป็นสีดำสนิท กำลังกัดกินซากเสืออีกตนหนึ่งอยู่ ปีศาจอีกตนรูปร่างดังมนุษย์ ขาสั้นแขนยาวศีรษะโต เปลือยกายล่อนจ้อนจนเผยให้เห็นผิวสีเทาซีดซึ่งมีปากมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอยู่ทั่วตัว

ห่างไปไม่ไกลมีปีศาจอีกตนลักษณะไม่ต่างกัน ทว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นรอบตัวมันกลับเป็นหลุมลึก จนเมื่อมันควักเอาลูกตาของศพที่นอนเกลื่อนแม่น้ำขึ้นมาฝังใส่ อู๋หยางถึงเข้าใจว่ารูพวกนั้นคือเป้าตาของมัน ที่พิจารณาได้เป็นเพียงส่วนน้อย ไม่เท่ากับที่ดวงตาหวาดกลัวกำลังมองดู ในแอ่งน้ำนั่นทั้งชุลมุนสับสน เต็มไปด้วยเลือดและความตาย

และมันคือนรกที่เกิดขึ้นจริงในเวลานี้...

อู๋หยางตัวสั่นร่างเกร็งค้าง ท่าทางของเขาคล้ายพลุไฟที่จุดชนวนแล้ว เพียงแค่รอเวลามันก็จะระเบิดออกมาเอง

ไป่เลี่ยนคาดเดาได้ว่าคนขลาดเช่นเขาจะต้องส่งเสียงร้องโวยวายจึงรีบอุดปากปิดกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกมา พร้อมทั้งกระชากคนร่างยักษ์ให้ห่างจากนรกขุมนั้น ก่อนที่จะทำเสียเรื่องจนทุกคนตกอยู่ในอันตราย ทว่า... ไป่เลี่ยนมิได้คาดการณ์เอาไว้ ว่าคนที่จะหวาดกลัวจนส่งเสียงร้องมีมากกว่าหนึ่งคน

กวนถงแหกปากร้องอย่างสุดเสียงราวกับคนเสียสติ เขาคุมความหวาดกลัวที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจอย่างรวดเร็วไม่ได้ หลิวสงสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องลั่น ขณะที่จิ้นซายืนปัสสาวะราดอยู่ตรงนั้นคล้ายกับไม่รู้ตัว

ไป่เลี่ยนได้ยินเสียงร้องรีบหันกลับไปดู เห็นสภาพเพื่อนทั้งสามแล้วยังไม่ตกใจเท่ากับที่เห็นว่าใกล้กันตรงนั้นมี เดรัจฉานสี่ขาตนหนึ่งหันมาเห็นพวกเขา มันมีรูปร่างเป็นวัว ทว่าส่วนหัวกลับเป็นใบหน้าของมนุษย์ซึ่งมีทั้งหมดห้าศีรษะรวมกันไม่เป็นสัดส่วน ทั้งทีที่เห็น หัวทั้งห้าฉีกยิ้มกว้างยินดีที่ได้เห็นเหยื่อก่อนใคร

“หนีนีนีนีนีนีนีนีนี!!!” ไป่เลี่ยนตะเบ็งลั่นยาวลากจนสุดเสียง

กวนถงตกใจล้มลงไปนั่งที่พื้นก่อนจะคลานหนีอย่างยากลำบาก เฉกเช่นเดียวกับหลิวสงที่หันหลังวิ่งอย่างตื่นกลัว มีเพียงจิ้นซาที่ยังอยู่ไม่รับรู้สิ่งใดอยู่ที่ตนนั้น

ไป่เลี่ยนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตรงไปหาหวังจะเข้าไปช่วยเหลือ สวนกับกวนถงที่คลานหนี อีกไม่ถึงสองช่วงตัวจะเอื้อมถึงจิ้นซา ทว่าหลิวสงที่กำลังวิ่งสวนมากลับสะดุดล้ม ไป่เลี่ยนจำต้องเลือก และด้วยสัญชาตญาณทันทีที่เขาคว้าคอเสื้อของหลิวสงและกระชากเพื่อนให้ลุกขึ้นมาได้ ร่างของจิ้นซาก็ถูกปีศาจห้าหัวร่างวัวตนนั้นกัดกระชากร่างอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนร่างขาดเป็นท่อน

เศษลำไส้ โลหิตและศีรษะของเพื่อนกระเด็นกระจายไปทั่วบริเวณ อู๋หยางที่ยังนั่งทรุดอยู่ด้านหลัง พอเห็นภาพการตายอย่างสยองของจิ้นซาก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นอย่างไม่อาจคุมตัวเองได้ คราวนี้ไม่เพียงแค่ปีศาจห้าหัวร่างวัวตนนั้น กระทั่งอสูรและเดรัจฉานตนอื่นๆ ก็หันมาเห็นพวกเขา

ไป่เลี่ยนดึงหลิวสงที่เข่าอ่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้งอย่างเต็มกำลังแล้วผลักให้วิ่งไปด้านหน้า

คนหน้านิ่งวิ่งแซงทุกคนออกไป ไป่เลี่ยนรีบวิ่งตาม ตั้งใจจะรีบพยุงอู๋หยางให้ลุกขึ้น แต่กวนถงที่คลานมาอยู่เคียงข้างกันคล้ายไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นด้วยอีกคน แต่คราวนี้ไป่เลี่ยนตั้งใจจะไม่ยอมเสียเพื่อนคนไหนไปอีกแล้ว

ทันทีที่ถึงตัวคนทั้งสอง เขาช่วยดึงกวนถงขึ้นก่อนเพราะเห็นว่าตัวเล็กกว่า พอกวนถงทรงตัวขึ้นมาได้ เขาจึงออกแรงดันร่างของอู๋หยาง แต่กลับไม่เป็นผล กวนถงที่ยังไม่ไปไหน ตบใส่หน้าของคนร่างยักษ์อย่างเต็มแรงจนอีกฝ่ายได้สติ

ไป่เลี่ยนไม่รอช้าใช้จังหวะนี้ออกแรงอีกครั้งจนอู๋หยางยอมขยับตัว เสียงร้องคำรามดังขึ้นจากปีศาจเดรัจฉานตนใดสักตัวหนึ่ง ไป่เลี่ยนจึงหันไปใช้เกาทัณฑ์ที่สะพานไว้ง้างกว้างแล้วฟาดใส่อย่างเต็มแรง แต่กลับไม่ได้ผล

ตรงหน้าคือปีศาจตนหนึ่งที่ยืนสองขาราวกับมนุษย์ ทว่ามีผิวหนังเป็นเกล็ดมันวาวราวกับจิ้งเหลนยักษ์ ตัวของมันสูงใหญ่ยิ่งกว่าไป่เลี่ยน กำลังใช้มือข้างหนึ่งคว้าเกาทัณฑ์นั่นแล้วออกแรงบีบจนแหลกคามือ ลิ้นเป็นเมือกตวัดออกจากปากไปมา ก่อนเอื้อมมืออีกข้างหมายจะคว้าคอของไป่เลี่ยน พรานหนุ่มที่ยังเสียหลักทรงตัวรู้แน่ว่าหลบไม่ทันได้แต่หวังพุ่งกระแทกใส่เพื่ออย่างน้อยก็จะได้ช่วยเพื่อนทั้งสอง

“วิ่งงงงงงงงงงงงงง หนี ปายยยยยยยย!!” ไป่เลี่ยนตะโกนลั่น แต่แล้วร่างของเขากลับถูกดึงไปด้านหลังจนพ้นเงื้อมมือของปีศาจจิงเหลน

ไม่คาดคิดว่าเป็นอู๋หยางที่ช่วยเขาไว้ ไป่เลี่ยนรู้สึกยินดี ทว่าเขากลับไม่คาดคิดยิ่งกว่า เมื่ออู๋หยางกลับผลักร่างของกวนถงให้ล้มลงใส่เหล่าปีศาจทั้งหลายที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา

“ม่ายยยยยยยยยยย!!” ไป่เลี่ยนร้องลั่น แต่ไม่อาจขัดขืน เขาถูกอู๋หยางรั้งเสื้อไว้แล้วกระชากให้ตามไป

ในตอนนั้น ภาพใบหน้าที่ตื่นตระหนกของกวนถง ติดตาของไป่เลี่ยนอย่างไม่มีวันลบออก กวนถงไม่ได้มีโอกาสแม้กะทั่งจะส่งเสียงร้องเสียด้วยซ้ำ...

 

.............................................................

 

ฝนตกแรงยาวนานราวกับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไป่หลงเชื่อว่าจะต้องเกิดน้ำป่าไหลหลากมากจากหุบเขาแน่นอน

เขาห่วงคนที่ไม่ได้อพยพเข้าเมือง ยังหลบอยู่ที่กระท่อมตีนเขา จึงกลับมาที่หมูบ้านก่อนเพื่อช่วยทุกคนย้ายออกจากจุดที่อยู่นี้ให้ขึ้นที่สูง แม้ว่าคนที่เขาห่วงยิ่งกว่าใครจะเป็นบิดาที่เข้าไปในป่าชางหลงกับเพื่อน เวลานี้จะเป็นเช่นไรกันบ้าง ไป่หลงได้แต่คิด

ใจอยากจุดพลุเสียเดี๋ยวนั้น แต่เชื่อว่าสภาพอากาศเช่นนี้จุดไปก็คงไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะมองเห็น ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดว่าควรทำเช่นไร ไป่หลงสังเกตเห็นคนผู้หนึ่งในชุดผ้าคลุมมิดชิดแบกบางสิ่ง เดินแยกออกไปหายลับเข้าไปในป่า ไป่หลงแน่ใจว่าไม่รู้จักกับอีกฝ่าย ตั้งใจจะเข้าไปห้าม แต่เพราะหน้าที่ที่ทำอยู่มีแต่คนชราที่ต้องการการช่วยเหลือทั้งนั้น

“ท่านน้าอู๋ เมื่อครู่ข้าเห็นคนผู้หนึ่ง?”

“อ๋อ คนต่างถิ่นน่ะ นางแวะมาหลบฝน ท่าทางจะไปที่หุบเขาเครามังกร แต่ถามอะไรไปก็ไม่ยอมตอบ ข้าคิดว่านางน่าจะสติไม่ดี เพราะเห็นอุ้มศพเด็กมาด้วย”

“ศพเด็ก!” ไป่หลงนึกถึงคำที่นักบวชเลี่ยงหวงบอกเขาผ่านการสื่อจิตกับอีกา

“ช่างนางเถอะ ว่าแต่เวลานี้แล้ว ไม่รู้สามีข้ากับพ่อเจ้าจะเป็นเช่นไรบ้าง เข้าป่าไปตั้งนานแล้ว”

“เช่นนั้น เดี๋ยวข้าไปตามพวกเขาให้”

“แต่ฝนยังตกอยู่แล้วยังเรื่องประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นอีก ข้าไม่อยากให้เจ้าไปคนเดียว”

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ท่านน้าก็รู้ ข้าโตมากับป่าแห่งนี้ อีกอย่างฝนก็ซาลงแล้ว”

“ต่อให้ข้าห้าม เจ้าก็คงไม่ฟังอะไรใช่ไหม?” ภรรยาของอู๋หยางถาม ไป่หลงแค่ยิ้มตอบ

“เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวดีๆ ละ เดี๋ยวทางนี้ไม่ต้องห่วง ไปอีกไม่ไกลก็พ้นทางลาดต่ำแล้ว เจ้ารีบไปรีบมาละ”

ไป่หลงรีบแยกตัวจากมา ตั้งใจว่าจะไปยังหุบเขาเครามังกรก่อน เพราะยังติดใจในคำของนักบวชเลี่ยงหวงที่ว่าให้ช่วยเด็ก แต่ทันทีที่เข้าป่ามาได้พักหนึ่งเขากลับพบกับหลิวสงที่วิ่งหนีมาอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อพบไป่หลง หลิวสงล้มลงอย่างหมดแรง

“ท่านอาสง เกิดอะไรขึ้น!? พ่อข้าล่ะ?!” ไป่หลงถามขึ้นอย่างร้อนใจ อีกฝ่ายเหนื่อยหอบไม่มีแรงตอบ เขาจึงหยิบน้ำให้ดื่มเพื่อเรียกกำลัง

“พะ พ่อ... พ่อเจ้า... พ่อของเจ้า... อยู่ที่... น้ำตกเกล็ดมังกร” สิ้นคำบอก ไป่หลงลุกขึ้นเตรียมวิ่งไปทันที แต่หลิวสงคว้าแขนรั้งเขาไว้

“ยะ อย่า... อย่าไป... เด็ดขาด” คนพูดยังหอบหายใจอย่างยากลำบาก

“ทำไม!”

“นรก! ที่นั่นกลายเป็น... มันกลายเป็นขุมนรกอเวจีไปแล้ว มีแต่พวกปีศาจเต็มไปหมด”

ไป่หลงคิดถึงปีศาจครึ่งแมงมุมที่ตัวเองได้เห็นเมื่อวาน

“แล้วพ่อข้าละ! เขาเป็นเช่นไร?”

“ขะ ข้าไม่รู้ เขาให้ข้าวิ่งหนีออกมา ข้าก็วิ่ง ข้า ข้า ข้านึกว่าเขาจะวิ่งตามมา แต่ข้าไม่เห็น ไม่กล้ากลับไปด้วย”

ไป่หลงรู้แน่ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับพ่อ ปกติหลิวสงแม้จะดูคล้ายคนสันโดษไม่สุงสิงกับใคร แต่ออกป่าทุกครั้งเขาไม่เคยห่างไป่เลี่ยน ทั้งฝีมือทั้งน้ำใจ คนผู้นี้นับว่ามีไม่น้อย แต่ครานี้ถึงขนาดทิ้งบิดาของเขา ไป่หลงรู้แน่ว่าที่นั่นอันตรายจนไม่อาจไม่เอาตัวรอด

“ไปไม่ได้!”

“แต่ข้าต้องไป!”

“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเอาตัวเองไปเสี่ยง ยิ่งถ้าพี่เลี่ยนอยู่เข้ายิ่งต้องไม่ยอม”

“เช่นนั้นท่านอาควรรู้ ว่าตอนนี้พ่อกำลังเสี่ยงชีวิตอยู่ ข้าต้องไปช่วยเขา ไม่ก็ตายพร้อมกันกับเขา”

เพียงคำว่าตายพร้อมกันก็เพียงพอให้หลิวสงละอายใจยอมปล่อยมือที่รั้งเด็กชายไว้

“ขะ ข้าจะไปด้วย”

“ท่านอาไม่ต้องห่วง ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่เนินสูงทิศตะวันออก ท่านไปรวมกลุ่มดูแลทุกคน ข้าจะไปตามพ่อเอง”

“ตะ แต่”

“ท่านไม่ต้องห่วง ถึงจะบอกว่ายอมตายพร้อมกัน แต่ข้ามั่นใจว่าพ่อยังปลอดภัย ท่านอาก็รู้นี่ว่าพ่อเก่งขนาดไหน เดี๋ยวข้าจะไปตามเขากลับมาเอง” ไป่หลงกล่าว หลิวสงนิ่งอยู่นานจนยอมเข้าใจ

“ระวังตัวด้วยนะ”

ไป่หลงรีบวิ่งเข้าไปในป่าเพื่อตรงไปยังที่หมายในทันที

 

......................................

 

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!? ทำไมถึงทำเช่นนั้น!!” ไป่เลี่ยนตวาดลั่นพยายามดิ้นขืน จนอู๋หยางต้องยอมปล่อย ส่วนหนึ่งเพราะทั้งคู่หนีออกมาพ้นจากอันตรายแล้ว

“...” อู๋หยางไม่ตอบคำ ท่าทางร้อนรนได้แต่เดินหนี ไป่เลี่ยนเดินตาม เกิดเรื่องมากมายจนทำให้คุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่

“ข้าถามเจ้า!!!” ไป่เลี่ยนกระชากไหล่แล้วชกใส่อีกฝ่าย

อู๋หยางล้มลงน้ำตานองหน้า

“ข้าแค่อยากช่วยพี่”

“โดยการฆ่าอาถงงั้นเหรอ”

“แต่พวกมันตามกันมาเยอะแบบนั้น ถ้าข้าไม่ทำแล้วจะช่วยพี่ได้ยังไง” อู๋หยางกล่าวเสียงสั่นเครือ พยายามยกเหตุผลมาช่วยดับอารมณ์โกรธของอีกฝ่าย

“ข้าไม่ต้องการเช่นนี้ ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าฆ่าเพื่อน ไม่ต้องการให้เจ้ามือเปื้อนเลือด!”

“ข้ายอมช่วยมือเปื้อนเลือดเพื่อช่วยท่าน”

“แต่นั่นอาถงนะ! นั่นมันเพื่อนของเจ้า! เพื่อนของข้า! เพื่อนของเรา!!”

“ข้าไม่เคยนับมันเป็นเพื่อน!” สิ้นคำของคนร่างยักษ์ ไป่เลี่ยนสุดทนตบเข้าที่หน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง อู๋หยางล้มลงไปที่พื้น

“ถึงพี่จะชกข้าจนข้าตาย ข้าก็ยืนยันคำนั้น มันทำเช่นไรกับข้าพี่ก็รู้ ที่ผ่านมาข้าอดทนยอมได้ เพราะเป็นแค่ข้าที่โดนกระทำ แต่ครั้งนี้ข้าต้องช่วยพี่ ข้าต้องเลือก ถ้าไม่เลือกเช่นนั้น ท่านพี่จะให้ข้าทำเช่นไร!?”

“ข้าพร้อมจะตายเพื่อช่วยพวกเจ้าอยู่แล้ว ทำไมเจ้าไม่เข้าใจ” ไป่เลี่ยนกัดกรามแน่นยังรู้สึกคับเคืองในใจ           “แล้วปล่อยให้อาหลงกำพร้าพ่ออีกคนเหรอ?” เพียงคำถามนี้เท่านั้นที่ทำให้ไป่เลี่ยนต่อคำใดไม่ได้อีก

สองคนมองหน้ากันอย่างอดสู มีความรู้สึกมากมายในความเป็นพี่เป็นน้องที่ทำให้ทั้งสองต่างเจ็บช้ำในน้ำใจ ไม่ทันจะได้คิดกล่าวสิ่งใดอีก เสียงคำรามลั่นจากปีศาจร้ายก็ใกล้เข้ามา

“รีบไป” ไป่เลี่ยนกล่าวขึ้น อู๋หยางออกวิ่งแต่เห็นอีกฝ่ายไม่วิ่งตามมา

“พี่เลี่ยน”

“รีบไป” ไป่เลี่ยนหันไปบอกพร้อมจ้องตา

เท่านั้นอู๋หยางก็ตัดใจออกวิ่งไป ใบหน้านั่นโศกศัลย์ ไม่ว่าเช่นไรเขารู้แล้วว่าทุกอย่างไม่มีวันเหมือนเดิมได้อีก ทั้งป่าแห่งนี้ ทั้งชีวิตของเขา ทั้งความสัมพันธ์ของคนที่นับเป็นพี่น้อง

จะต่างกันเพียงแค่ว่าการลาจากครั้งนี้ จะเป็นการจากเป็น หรือจากตายเท่านั้นเอง...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด